ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 44 : หมัดอัสนีบาต!
น้ำภายในน้ำเต้าเป็นน้ำธรรมชาติจากน้ำพุดวงดาวปฐพี น้ำทุกหยดคือสสารวิญญาณเหลวอันบริสุทธิ์ และเป็นที่ต้องการอย่างกว้างขวางไม่ว่าจะอยู่แห่งใด ทว่าเซี่ยงเส้าหยุนดื่มมันราวกับขอทานกระหายน้ำโดยตรงที่บ่อก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นสิ่งสิ้นเปลืองนัก! การสร้างวิญญาณใดก็ตาม หากทำซ้ำ ๆ จะได้รับผลลัพธ์ลดลง ซึ่งเป็นความรู้ทั่วไป
กล่าวได้เพียงเซี่ยงเส้าหยุนมิได้ดื่มเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเสียทีเดียว ตรงกันข้ามเขาหวังจะกักเก็บพลังภายในร่าง เพื่อดูว่ามันจะช่วยในการสร้างทะเลจักรวาลดวงดาวได้อย่างรวดเร็วหรือไม่
เซี่ยงเส้าหยุนสร้างพลังจากน้ำพุดวงดาวปฐพีในรูปลูกบอล และจากนั้นพลังก็พุ่งไปสู่ดวงดาวทั้งเก้า ร่างกายส่องสว่างขึ้น ขั้นตอนแรกซึ่งกำลังจะกระจัดกระจาย สดใสขึ้นทันที นอกจากนี้ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของมันเริ่มก่อตัวเป็นของแข็ง มันมอบความรู้สึกลี้ลับ
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เก้าดวงดาวของเซี่ยงเส้าหยุนได้รับการขัดเกลาอย่างสมบูรณ์โดยน้ำพุดวงดาวปฐพี ทำให้สามารถสร้างของเหลวจากชิ้นส่วนของดวงดาว แม้เซี่ยงเส้าหยุนจะยังไม่ได้รับความสามารถในการตรวจสอบภายในร่างกายตนเอง เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่เชื่อมโยงไปกับหยดของเหลวนี้ ทำให้สามารถเข้าใจรูปร่างและขนาดของมันได้
“นะ…นี่มันเล็กกว่านิ้วก้อยด้วยซ้ำ! ใช่ทะเลจักรวาลดวงดาวจริงรึ? หรือเราทำล้มเหลว?” เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มกังวล จากข้อความโบราณที่เคยอ่าน รูปแบบของทะเลจักรวาลดวงดาวจะคล้ายกับมหาสมุทรซึ่งอยู่ภายในร่างกาย ทำให้ผู้นั้นสามารถกับเก็บสิ่งต่าง ๆ ตามต้องการได้ ทว่าในตอนนี้ ของเหลวที่สร้างจากดวงดาวนั้นมีขนาดเพียงหยดน้ำ! มันช่างแตกต่างกับสิ่งที่เขาเคยอ่านมาก่อนหน้า!
“ดูเหมือนเราจะล้มเหลวเสียแล้ว เราคงจะฝืนเกินไป ด้วยความแข็งแกร่งยังไม่เพียงพอ” เซี่ยงเส้าหยุนถอนหายใจอย่างเศร้าโศก ตัดสินใจที่จะไม่ยึดติดกับสิ่งนี้ เขายังคงอยู่ในท่าทำสมาธิอีกราวสี่ชั่วโมง ก่อนจะตื่นขึ้นอีกครั้ง
“แม้ว่าเราจะบรรลุระดับดวงดาวแล้ว เราควรจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายอีกครั้ง ร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นนั้น เราจะสามารถกักเก็บพลังงานดวงดาวภายในได้มากขึ้น นอกจากนี้ จะต้องฝึกฝนวิทยายุทธ์ที่ทรงพลังขึ้น ซึ่งจะทำให้เรามีศักยภาพในการต่อสู้เพิ่ม! ในตอนนี้ นอกเหนือจากวิชาดาวหมาป่าสีทอง เทคนิคที่สำคัญมีเพียงวิชาดัชนีทลายดวงดาวเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ก็มีเพียงวิทยายุทธ์ระดับหนึ่งที่เคยร่ำเรียนมาก่อนหน้า ซึ่งล้าหลังไปเสียแล้ว” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบากับตนเอง
หลังจากตัดสินใจว่าจะทำสิ่งใดต่อไป เขาเริ่มนึกถึงวิชาต่อสู้ต่าง ๆ ที่เคยประสบและมุ่งมั่นกับความทรงจำอีกครั้ง ทั้งหมดนี้เป็นวิชาที่ตระกูลของเขาเก็บซ่อนไว้อย่างดี ในแต่ละวิชานั้นไม่อาจประเมินค่าได้เมื่อเทียบกับวิชาของตำหนักยุทธ์
หลังจากผ่านไปช่วงสั้น ๆ เขานึกถึงวิชาพิเศษที่มีนามว่า หมัดอัสนีบาต
หมัดอัสนีบาต แปรเปลี่ยนพลังงานเป็นสายฟ้า โจมตีราวกับฟ้าผ่า โหดร้ายและทารุณ ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
สิ่งที่พิเศษของวิชานี้คือ มันสามารถพัฒนาได้ วิชาที่พัฒนาได้เป็นไปได้รึนี่?
วิชาที่สามารถพัฒนาได้นั้น มีขั้นตอนที่หลากหลาย ขั้นที่อ่อนแอที่สุดนั้นมีพลังเทียบเท่าวิชาระดับสาม และขั้นที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นเทียบเท่ากับวิชาระดับเจ็ดหรืออาจสูงกว่า ยิ่งมีขั้นสูงเพียงใด พลังในการต่อสู้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
สิ่งนี้เป็นความพิเศษของหมัดอัสนีบาต
หมัดอัสนีบาตแบ่งเป็นขั้นตามนี้:
ขั้นที่หนึ่ง จะแปรเปลี่ยนพลังของผู้ใช้เป็นสายฟ้าเพื่อใช้ลงทัณฑ์ มีลักษณะเป็นเส้นคล้ายไม้ไผ่
ขั้นที่สอง จะมีสายฟ้าบริสุทธิ์ผ่าที่หมัดของผู้ใช้ ยืมพลังจากธรรมชาติมาเสริมให้แก่หมัดทั้งสอง สิ่งนี้จะช่วยให้สามารถโจมตีด้วยพลังของสายฟ้าได้ตลอดเวลา มอบพลังในการต่อสู้ให้แก่ผู้ใช้มากขึ้น
ขั้นที่สาม เสริมพลังให้แก่ร่างกายผู้ใช้ด้วยพลังสายฟ้า ให้ผู้ใช้ยืมพลังแห่งสวรรค์เพื่อจู่โจมศัตรูตามที่ใจต้องการ
ด้วยความแข็งแกร่งของเซี่ยงเส้าหยุนในตอนนี้ เขามีคุณสมบัติมากพอที่จะฝึกฝนหมัดอัสนีบาตขั้นแรกได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในการฝึกฝนจนเสร็จสมบูรณ์นั้นยากลำบาก เซี่ยงเส้าหยุนจะต้องบรรลุอย่างน้อยคือระดับแปรสภาพ เนื่องจากเขามีเพียงวิชาที่อ่อนแอกว่า และสามารถฝึกฝนมันในตอนนี้ได้ เขาเริ่มฝึกฝนวิชาหมัดอัสนีบาตให้ถึงแก่น เปิดใช้พรสวรรค์จินตภาพ เขาสามารถมองเห็นกระบวนท่าในการฝึกฝนหมัดอัสนีบาตร และเข้าใจกุญแจสำคัญของวิชาได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มฝึกฝนวิชาหมัด หากต้องการฝึกฝนวิชาหมัดอัสนีบาตให้สมบูรณ์ หมัดจะต้องแข็งแกร่งพอสมควร มิเช่นนั้น ในอนาคตอันใกล้ เขาจะได้รับผลกระทบที่พยายามควบคุมสายฟ้าจากสวรรค์และโลก
ปึ้ก! ปึ้ก!
ตามสิ่งที่เขาเรียนรู้จากจินตภาพของหมัดอัสนีบาต เซี่ยงเส้าหยุนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเลียนแบบสิ่งที่ทำได้ และปล่อยหมัดต่อหมัดไปที่ต้นไม้ใกล้เคียง พลังแฝงภายในร่างกายถูกแตะลงเล็กน้อยเช่นกัน ทำให้ร่างกายนั้นมีพลังราวกับอาวุธระดับสองเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ การต่อยเปลือกไม้ซ้ำไปซ้ำมา ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้เซี่ยงเส้าหยุนแม้แต่น้อย ไม่เพียงเท่านั้นช่วงเวลาที่เริ่มรวมพลังดวงดาวเข้ากับการการโจมตีของเขา และพบว่าหมัดของตนสามารถเจาะรูเข้าไปในเปลือกไม้ได้ ทำให้สามารถทำลายต้นไม้ได้อย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนต้นไม้จะไม่แข็งพอ เราคงต้องไปฝึกกับก้อนหิน หากต้องการทำให้ดีขึ้นและรวดเร็วกว่านี้!” เซี่ยงเส้าหยุนพึมพำกับตนเอง ก่อนจะค้นหาหินที่เหมาะสม ความแข็งของต้นไม้นั้น ไม่สามารถเทียบได้กับก้อนหิน ทุกหมัดที่กระทบกับก้อนหินนั้นสร้างความเจ็บปวดให้แก่มือของเขา ยิ่งกว่านั้นเขาเลือกที่จะไม่ใช้พลังดวงดาว ทำให้เกิดจุดเลือดไปทั่วทั้งกำปั้น
หากเป็นผู้อื่นในระดับยุทธ์เดียวกัน กระดูกมือของพวกเขาคงจะแหลกเป็นผุยผงไปนานแล้ว วิธีที่เซี่ยงเส้าหยุนใช้เพิ่มความแข็งแกร่งนั้น ไม่อาจกล่าวคำใดได้มากไปกว่าความเจ็บปวดอันบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นระดับที่น่ากลัว
“มีเพียงหมัดที่แข็งแกร่งจึงจะสามารถเปลี่ยนพลังเป็นสายฟ้าได้” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเองตลอดเวลา
หลังจากวันแห่งการฝึกฝน หมัดทั้งสองของเซี่ยงเส้าหยุนเต็มไปด้วยรอยช้ำ เมื่อการฝึกเสร็จสิ้น เขาใช้ยาทาบริเวณบาดแผลทันที และกินเห็ดโลหิตเพื่อเติมพลัง หลังจากนั้นจึงนั่งสมาธิ
ด้วยมิอาจทำสิ่งใดได้ เสี่ยวไป่ช่วยเฝ้ายามในบริเวณให้แก่เซี่ยงเส้าหยุน เพื่อล่าสัตว์อสูรตัวเล็กไว้เป็นอาหารของทั้งสอง เซี่ยงเส้าหยุนนั้นเชื่อมั่นต่อเสี่ยวไป่มาก ด้วยไม่ควรดูถูกเสี่ยวไป่ด้วยขนาดตัวที่เล็ก อย่างน้อย มันก็เป็นถึงสัตว์ปีศาจชั้นกลาง ตราบใดที่พวกเขาไม่พบกับปีศาจชั้นสูง พวกเขาจะไม่เป็นอันตรายแน่นอน
และด้วยเหตุนี้ เซี่ยงเส้าหยุนมาอยู่ที่เทือกเขาร้อยอสูรเป็นเวลาถึงครึ่งเดือนแล้ว เขาฝึกฝนวิทยายุทธ์ตลอดระหว่างวัน และทำสมาธิเพื่อพักผ่อนและฟื้นฟู ตลอดทั้งคืน ในบางครั้ง ก็จะออกไปล่าสัตว์อสูรสองถึงสามตัวเพื่อรวบรวมความเข้าใจ และเสริมประสบการณ์ในการต่อสู้ให้มากขึ้น
ระดับการฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง ก้าวทะยานจากช่วงกลางสู่ช่วงท้ายของระดับดวงดาวขั้นที่หนึ่ง เรื่องนี้ส่งผลให้ร่างเก้าดวงดาวได้รับผลประโยชน์จากวิชาราชันพิชิตสวรรค์ ร่วมด้วยกับสิ่งอื่นจึงเท่าทวีเพิ่มขึ้น ไม่เช่นนั้นคิดก้าวหน้ารวดเร็วเพียงนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับฝันกลางวัน
หากคนธรรมดาต้องการบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต พวกเขาจำเป็นจะต้องใช้หยาดเหงื่อและเลือดถึงเก้าในสิบ และอีกหนึ่งสำหรับโชค ในทางกลับกัน อัจฉริยะนั้นจะใช้หยาดเหงื่อและเลือดเจ็ดในสิบ และโชคถึงสามในสิบ
ดังนั้น หากอัจฉริยะใช้ความพยายามเต็มสิบ เป็นเรื่องง่ายจะทำสำเร็จแม้จะไม่ประสงค์ก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเซี่ยงเส้าหยุนอยู่ในกลุ่มอัจฉริยะ ปรารถนาจะเพิ่มพูนความแข็งแกร่งอย่างสุดความสามารถ
เพื่อจะยกระดับความแข็งแกร่งให้มากขึ้น เซี่ยงเส้าหยุนทำลายหมัดของตนหลายครั้งในครึ่งเดือนที่ผ่านมา และด้วยความรู้ในการปรุงยา และน้ำจากน้ำพุดวงดาวปฐพี บาดแผลจึงถูกเยียวยาอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
วันนี้ ในขณะที่ฝึกซ้อมกับก้อนหินตามปกติ เขาสามารถสร้างท่วงท่าเพื่อปล่อยพลังปราณสีม่วงขณะที่ฝึก คลื่นพลังพุ่งออกจากหมัดราวกับสายฟ้า เป็นภาพที่น่าจับตามองนัก
ตู้ม!
ช่วงเวลาที่กลุ่มก้อนพลังปราณสีม่วงกระทบกับก้อนหิน ทำให้หินแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พลังดิบดับกล่าวคงยากจะป้องกัน แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธระดับดวงดาวขั้นสามก็ตาม
นี่เป็นสัญญาณว่าเซี่ยงเส้าหยุนนั้นประสบความสำเร็จเล็กน้อย ในการฝึกหมัดอัสนีบาต แม้เขาจะสามารถปล่อยหมัดที่ทรงพลังได้ เขายังคงอ่อนแอลงหลังจากทำเช่นนี้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการพยายามใช้วิทยายุทธ์ระดับสูงอย่างจริงจัง ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขากำลังผลักดันมันออกไป แม้กระทั่งสำหรับเขา หากไร้ซึ่งรากฐานอันมั่นคงแล้ว เขาคงไม่อาจฝึกฝนทักษะนี้ได้เลย
“เพียงสองหมัด ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ เราสามารถใช้ได้หมัดอัสนีบาตได้มากกว่าสองครา ทว่าหนึ่งหมัดอาจจะเพียงพอในการจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสี่” เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิดกับตนเองขณะนอนอยู่บนพื้น ในขณะที่เตรียมเก็บสัมภาระ และมุ่งหน้ากลับสู่ตำหนักยุทธ์ ทันใดนั้นเขาได้รู้สึกถึงกลุ่มคนที่เข้ามาใกล้
คอมเม้นต์