เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – Chapter 89 – เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?

อ่านนิยายจีนเรื่อง Leveling Up and Becoming Undefeatable เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย ตอนที่ 89 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

Chapter 89 – เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?

ฟางเล่ยที่คำรามอย่างโกรธเกี้ยวและบริเวณรอบๆก็เงียบลง.

เกือบทุกคนที่จ้องมองไปที่เขาขณะที่รู้สึกถึงกลิ่นอายของสัตว์ป่าที่ดุร้ายจิตใจของพวกเขาสะท้านน้อยๆ.

ในเวลาเดียวกัน…

สัตว์ร้ายที่อยู่หลังศรีษะของฟางเล่ยก็เป็นประกายสีแดงทำให้มีพลังแห่งความดุร้ายอย่างมาก.

เหนือกว่า!

เขาเหมือนกับพระเจ้าปีศาจที่ออกมาจากนรก!

ซูซางเฟ่ยรู้สึกถึงกลิ่นอายของฟางเล่ยและประหลาดใจน้อยๆ แต่แล้วเขาก็ยิ้ม“หัวของเจ้ามีแต่อึหรือไง? มาซิ มาหาบิดานี่! ลั่วเทียน ไสหัวออกมา.”

กลิ่นอายของฟางเล่ยค่อนข้างน่ากลัว.

แต่ก็ไม่มีความกลัวใดๆจากซูซางเฟ่ย เนื่องจากเขาอยู่ในระดับปราณเชี่ยวชาญขั้น 9

เขาเพียงเหลือบมองไปที่ฟางเล่ยก่อนที่จะไม่สนใจอย่างสมบูรณ์.

“ย่าเจ้า บิดานี่…” ฟางเล่ยกำลังโกรธและก่นด่าออกมา เมื่อนั้นลั่วเทียนก็เดินออกมา.

ลั่วเทียนมองไปที่ฟางเล่ยและยิ้มครึ่งนึงก่อนที่จะพูด “หยุดแสดงได้แล้ว.”

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บุคคลิกของฟางเล่ยคือการวิ่งออกไปก่อน ตราบเท่าที่มีใครดูถูกลั่วเทียน อารมณ์ของเขาก็เหมือนกับการระเบิดของปืนใหญ่

ฟางเล่ยเกาหัวและยิ้มอย่างโง่ๆก่อนที่จะเดินกลับไปครึ่งก้าว.

ลั่วเทียนยิ้มอย่างกันเองขณะที่มองไปที่ซูเซียงเฟ่ยที่หน้าค่อนข้างซีดและพูดว่า“เจ้าเรียกข้าออกมาเพื่อท้าทายข้าตรงๆ?”

ซุซางเห่ยยิ้มเย็น “เจ้ากลัว?”

ขณะนั่งอยู่บนสัตว์ขนาดใหญ่ที่อยู่สูงเหนือพื้นตาของเขายังคงปิดขณะเยาะเย้ยลั่วเทียน.

นอกจากนี้…

เมื่อลั่วเทียนเดินไปข้างหน้าสัตว์ร้ายภายใต้ของซูซางเห่ยก็คำรามเสียงต่ำ ดวงตาทั้งคู่จ้องมองไปที่ลั่วเทียนด้วยความเกลียดชังและพ่นลมหายใจจนเกืยบจะโดนใบหน้าลั่วเทียน

ชุนชุนบุ๊ยปากน้อยๆด้วยท่าทีไม่พอใจ “ชุนชุนไม่ชอบเขาจริงๆ.”

“พี่ใหญ่ ท่านต้องส่งมันให้มังกรน้อย.”

โดยไม่ต้องรอให้ลั่วเทียนเห็นด้วย…

ชุนชุนก็พลันกระซิบ“มังกรน้อย ทุบไอ้ตัวด้านล่างให้ข้าหน่อย.”

เมื่อเธอพูดจบ…

ป้ายมิติก็ถูกโยนขึ้นไปบนอากาศ.

“บูมมม~!”

มังกรที่มีรัศมีแห่งความตายก็ปรากฏออกมาบนท้องฟ้าและมังกรผีที่ทำจากกระดูกทั้งตัวก็เริ่มคำราม.

ร่างกายทั้งตัวของมันเป็นสีดำประกายเงางามขณะที่มีแสงสีขาวอยู่ที่เบ้าตาของมันได้ปล่อนกลิ่นอายแห่งความตายอย่างรุนแรง.

เท้ามังกรข้างหนึ่งขยับและแผ่นดินก็สั่นไหว.

“ปัง~!”

สัตว์ร้ายที่ซูซางเฟ่ยและเฉินซ่งก็เริ่มหมอบไปอยู่ที่พื้น ทั้งร่างกายของมันก็สั่นขณะที่หัวติดกับพื้นและม่กล้าที่จะลืมตาของพวกมัน.

พวกมันยอมจำนนอย่างสมบูรณ์และไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดียว!

เหล่าผู้คนก็กลัวจนแทบสิ้นสติ!

ลั่วเทียนกระโดดขึ้นไปบนหลังของมังกรผีและตอนนี้มันเป็นทีที่เขาจะอยู่สูงกว่า แนวโน้มได้มาอยู่ฝั่งเขาและตะโกนออกมา “เจ้ากล้าเรียกข้าออกมาเพื่อท้าทาย?ซูซางเฟ่ย เจ้ามีคุณสมบัติอะไร? เจ้าเป็นเพียงลูกชายคนโตของผู้นำตระกูลซู และชื่อเรียกที่สูงที่สุดคือนายน้อยของตระกูลซู บิดาคนนี้คือผู้นำตระกูลลั่ว เจ้ามีสถานะอะไรบาง เจ้าคิดว่ามีสถานะท้าทายข้า ไม่ต้องพูดถึงว่ามาให้บิดาเล่นงาน! ไอ้ลูกบัดซบที่เกิดจากสุนัข เจ้ายังต้องการไล่ล่าบิดาคนนี้!”

จากนั้นลั่วเทียนก็ชี้ไปที่ซูเหยาซงและก่นด่า“ผู้นำซู เจ้าต้องไปมีอะไรกับสุนัขที่ดี มันถึงจะได้มีระเบียบบ้าง.”

ซูซางเฟยไม่อาจระงับความโกรธได้อีกต่อไป ร่างกายของเขาสั่นและขากรรไกรของเขาก็ขบแน่นจนได้ยินเสียงแตก สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือเหยียบลั่วเทียนให้ตายด้วยฝ่าเท้า.

ซูเหยาซงมีใบหน้าที่น่าเกลียดอย่างมาก.

เขาต้องการให้ลั่วเทียนตายมานานแล้ว แต่เขาเป็นคนมีประสบการณ์มากกว่าซูซางเฟ่ยกว่า 10 ปี ดังนั้นเขาจึงคงบคุมอารมณ์ของเขาได้.

ซูเหยาซงยิ้มเย็นและพูด: “ผู้นำลั่ว เจ้าไม่ต้องต่อปากต่อคำมาก วันนี้เขาไม่ได้มาแข่งกันพูด เราควรจะขึ้นไปบนเวทีและเปรียบเทียบจุดแข็งของพวกเรา.”

หลังจากนั้นซูเหยาซงก็ท่าทาง เชิญ ไปทางเวที.

ซูซางเห่ยเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง: “แค่รอไม่นาน ข้าจะฉีกปากเจ้าบนเวที”

ถ้าทั้งตระกูลซูวิ่งเข้ามาร่วมสงครามน้ำลาย พวกเขาอาจจะไม่ชนะลั่วเทียน.

ซูเหยาซงไม่ได้พูดให้รำคาญนักและเดินขึ้นไปตรงเวที.

ไม่ว่าลิ้นของเจ้าจะแหลมคมเพียงใด มันก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่าจุดแข็งอยู่ตรงไหน ดังนั้นเจ้าสามารถครอบงำคนอื่นด้วยคำพูด? พูดต่อไปให้เหมือนมีผีมาเจาะปาก ข้าจะตีปากของเจ้า!

ทุกคนในตระกูลซูเริ่มขึงขังและตะโกน“ทุกคนในตระกูลลั่วเป็นขยะ ขึ้นไปบนเวทีและสู้! ลองดูว่าพวกเจ้าจะหยิ่งได้อย่างไร!”

กลุ่มผู้คนที่อยู่รอบๆก็เริ่มหมดความอดทนและเริ่มตะโกน.

“เร็วๆ ข้าไม่ยากรอนานจนดอกไม้โรยรา.”

“พวกเจ้าจะต่อสู้หรือไม่? แม่ของข้าได้เรียกข้าให้ไปกินข้าว”

“เร็วๆเข้า หยุดโยกโย้สักที.”

ผู้คนเริ่มวุ่นวายและในจตุรัสก็เริ่มระอุขึ้นมา เมื่อฝูงชนไม่ได้สังเกตเห็นใครในตระกูลลั่ว พวกเขาก็เริ่มกรีดร้องอีกครั้ง.

“ตระกูลลั่วอาจจะมีลิ้นที่แหลมคม แต่เมื่อมันมาถึงการต่อสู้จริงพวกมันก็หนีออกไปและไม่มีใครกล้าที่จะออกมาต่อสู้.”

“ตระกูลซู ซูซางเฟ่ยและพวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากนิกายเมฆคราม แม้ว่าตระกูลลั่วจะมีความกล้าหาญเพิ่มเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับการต่อสู้.”

“ครั้งเมื่อลั่วจินซานตายดูเหมือนว่าตระกูลลั่วจะกลวง.”

“ตระกูลลั่วขาดคนมีพรสวรรค์ในเวลาสั้นๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจส่งสาวกชั้นยอดได้ การบ่มเพาะของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่หลังจากออกมาจากเทือกเขาวิญญาณเพียงหนึ่งเดือน?”

เหล่าสาวกตระกูลลั่วไม่อาจระงับการสนทนาได้อีกต่อไป พวกเขามีลักษณะที่เป็นอันตายและกลิ่นอายของเจตนาฆ่าขณะที่พวกเขารอคำสั่งของลั่วเทียน.

ลั่วเทียนกวาดสายตาอย่างเย็นชาขณะที่ยืนอยู่บนมังกรผีจากนั้นเขาก็ยิ้มเบาๆและพูดว่า “เหล่าพี่น้อง ตระกูลซูต้องการตายเร็วสักหน่อย พวกเราทำเพียงได้แต่ตอบสนองให้พวกเขาได้เท่านั้น”

หลังจากนั้น…

ลั่วเทียนก็กระโดดลงมาโบกแขน“ขึ้นบนเวที!”

“บูม~, บูม~, บูม~…”

ผู้คนในจตุรัสเริ้มลั่นกลองขณะพวกที่อยู่กลางเวททีเริ่มห้ำหั่น.

ตระกูลซูขึ้นมาก่อนทุกคนต่างจ้องมองไปที่ตระกูลลั่วด้วยท่าทีรังเกียจ มันเกือบจะเหมือนกับตระกูลลั่วได้ยืมเงินมามากมายและไม่อาจจะใช้หนี้ออกไปได้.

ลั่วเทียนนั่งบนเก้าอี้ ด้านซ้ายของเขาคือชุนชุนและด้านขวาของเขาคือหลี่ซูเอ๋อร์ อีกสองที่นั่งสุดท้ายสำหรับอาวุโสตระกูลลั่ว.

ฟางเล่ยและส่วนที่เหลือของตระกูลลั่วยืนอยู่ข้างหลังเหมือนกับทหารเหล็ก ตาของเขาส่องสว่างและไม่สนใจตระกูลซูอย่างสิ้นเชิง.

การแข่งขันระหว่าง 4 ตระกูลใหญ่ว่าใครจะได้ครอบครองเมืองภูเขาหยก.

แต่ตอนนี้มีเพียงสองตระกูลที่มา.

ตระกูลโจวไม่ปรากฏและตระกูลซ่ง…

มีคนจำนวนมากที่เหลืออยู่ของตระกูลซ่งและไม่อาจเข้าร่วมได้ แต่ในฝูงชนสายตาของซ่งหยวนหนานเต็มไปด้วยความน่ากลัวขณะที่เขาจ้องมองซูซางเฟย เขากำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อและเลือดสดๆก็ไหลออกมา.

ลั่วเทียนยืนอยู่บนเก้าอี้และมองไปรอบๆก่อนจะถามว่า“เมื่อไหร่จิ้งจอกเฒ่าโจวไทเหรินจะมา?มันไม่ใช่ว่ามันยังไม่ตื่นหรอกใช่มั๊ย?”

ซูเหยาซงยิ้มเบาๆและพูด“ข้าลืมบอกเรื่องนี้กับเจ้า แต่ตระกูลโจวได้ถอนตัวออกจากแข่งขันของตระกูลแล้ว”

“ไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้ายังไม่เห็นสุนัขซ่งหยวนหนาน ดังนั้นข้าก็คิดว่าเขาไม่เข้าร่วมด้วย.”

“งั่นก็ดี มันจะเป็นตระกูลลั่วและตระกูลซูในการตัดสินว่าใครจะดีกว่ากัน.”

ตระกูลโจวถอนตัวออกจากแข่งขัน?

ลั่วเทียนยิ้มให้กับตระกูลโจวที่ถอนตัวภายใต้การคาดหวังของเขา นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะเขาสามารถมุ่งความสนใจไปกับตระกูลซูได้เพียงอย่างเดียว.

“หยุดการต่อล้อต่อเถียงกับเขาและเริ่มการต่อสู้.”

“ทำไมต้องสองต้องคุยด้วยในเมื่อเขากำลังจะตาย?”ซูซางเฟ่ยพูดอย่างไม่เต็มใจ.

ลั่วเทียนยิ้มเย็นและตะโกน“ผู้นำซู ช่วยควบคุมได้ลูกสุนัขนี่ให้ดี เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เมื่อไหร่กันที่เขาสามารถพูดได้?”

ซูซางเฟ่ยกำลังโกรธ! ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะเขาต้องการที่จะฆ่าลั่วเทียนบนเวที เขาจะทำให้ลั่วเทียนตายไปแล้ว.

ซูเหยาซงใบหน้าบิดเบี้ยวและลุกขึ้นยืนพูดว่า“ลั่วเทียน เลิกพูดจาหมาๆและเริ่มการต่อสู้!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด