เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – Chapter 130 – บางคนจากเมืองดาบสวรรค์

อ่านนิยายจีนเรื่อง Leveling Up and Becoming Undefeatable เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย ตอนที่ 130 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

และก็มาถึง 10 วัน!

ได้เวลาที่ลั่วเทียนจะกลับไปหาเผ่าหลักของโลก.

เขากระโดดไปมาพร้อมกับสัตว์ปีศาจหลายสิบตัว.

นอกเหนือจากขั้นที่ 5 แล้วยังมีสัตว์ปีศาจระดับ 4 อีกด้วยทุกตัวมารวมกันและเกิดเป็นกองสัตว์อันเดตอย่างไม่มีสิ้นสุด.

แต่…

ตอนที่เขาลงมาเขารู้สึกตกใจอย่างมาก กับเหตุการณ์ที่เกิดต่อสายตาของเขา.

มีศพ,แขนขา,เลือดและหัวกระจายอยู่ทุกที่ ผู้ชาย ผู้หญิง เด็กและคนแก่ ไม่มีใครรอดชีวิตเลย นี่มันไม่ต่างจากการล้างเผ่าพันธุ์อย่างสมบูรณ์!

นอกจากนี้ก่อนที่พวกเขาจะตายมันดูโหดร้ายอย่างมาก ทุกคนตายจากการทรมารณ์ หัวแบะออกและหน้าอกถูกแทงด้วยหอกหลายครั้ง แม้กระทั่งทารกแรกเกิดก็ยังตาย แม้กระทั่งคนแก่ที่นอนติดเตียงก็ตาย! การแสดงออกของลั่วเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก.

ในพริบตา…

ความโกรธในหัวใจของเขาพุ่งไปถึงสวรรค์ขณะที่เขาตะโกน“หยินซาง! บิดาจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป!”

โกรธเกรี๊ยวราวกับไฟของนรก!

ความโกรธที่ไม่มีสิ้นสุด!

ลั่วเทียนกำลังเดือดดาลด้วยความโกรธเกรี๊ยว เขาได้เห็นสิ่งที่โหดร้ายในชีวิตของเขา แต่ก็ไม่ถึงกับโหดร้ายอย่างนี้ คนพวกนี้มันยังเป็นคนได้อีกรึ?

ก่อนหน้านี้…

ก่อนที่ลั่วเทียนจะไป ยายเฒ่าได้บอกว่าหยินซางและคนของเขาก็มาเร็วกว่าที่คาดไว้และตระกูลของนางจึงถูกทำลายทั้งหมด ถ้าเกิดลั่วเทียนไม่ได้ไปที่เมืองภูเขาศพทมิฬเพียงคนเดียว เพราะว่าเขาไม่ได้เห็นศัตรูของหยินซางเพียงคนเดียว.

เขาควรรีบไปจากสถานที่แห่งนี้และไม่ต้องกังวลกับอะไร.

หยินซางมีศพนับหมื่นับพันและเมืองภูเขาศพทมิฬได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา เขาไม่ควรไปที่นั่น ไม่ควรไปที่นั่นเลย.

เสียงของยายเฒ่าดูเหมือจะพูดอยู่ข้างหูของเขาในตอนนี้.

ลั่วเทียนยืนอยู่กับที่พร้อมกับดัดมือไปมา

ทันใดนั้น…

“เจ้าเป็นใคร?”

กลุ่มคนหกคนที่เป็นยามวิ่งเข้ามาล้มรอบลั่วเทียน.

“ยังมีบางคนจากเผ่าหลักของโลกมีชีวิตอยู่อีก? พวกเขาไม่ตายไปเมื่อวานนี้หมดรึ?”

“เด็กนี่ดูเหมือนอยู่ด้านนอก”

“เขาไม่ใช่คนที่อยู่ในคำทำนายของแม่มดเฒ่านั่นรึ?”

“5555…ขยะแบบนี้อะไรหรอที่อยู่ในคำทำนาย? มีเพียงคนแบบแกเท่านั้นแหละที่จะเชื่อในคำทำนาย คำทำนายเป็นบางอย่างที่ถูกแต่งขึ้นเมื่อสามปีก่อน.”

ทั้งหกคนเริ่มคุยกันเอง.

พวกเขาไม่ได้เห็นลั่วเทียนในสายตา.

พวกเขาไม่เห็นร่องรอยแห่งความโกรธของลั่วเทียนในตอนนี้.

ลั่วเทียนลุกขึ้นยืนและถามอย่างเย็นชาว่า“เมืองภูเขาศพทมิฬไปทางไหน”

หัวหน้ายามหัวเราะและพูดล้อเลียนอย่างเย็นชาว่า “เด็กน้อย เจ้ายังไม่บอกอีกว่าเจ้าเป็นใคร!”

เสียงของเขายังทันจางหายไป…

ทันใดนั้นลั่วเทียนก็หายไปในพริบตาและนิ้วทั้งห้าของเขาก็เจาะเข้าไปในกระโหลก จากนั้นเขาก็ดึงแมลงออกมาและบดขยี้ ร่างกายของลั่วเทียนแผ่จิตสังหารออกมาอย่างแรงกล้าและพูดว่า “ข้ากำลังถามว่า เมืองภูเขาศพทมิฬไปทางไหน?”

การแสดงออกของชายทั้งห้าเปลี่ยนไป.

พวกเขาชี้หอกของพวกเขาไปที่ลั่วเทียนและคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาว่า“ฆ่าเขา!”

ยามทั้งห้าโจมตีพร้อมกันด้วยหอกของพวกเขาและมีเงารางๆสีดำที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย.

ลั่วเทียนยิ้มเย็นขณะที่เขาตะโกน“เจ้าเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองมาเกินไปแล้ว!”

หลังจากนั้นทันที…

ร่างกายของลั่วเทียนก็วูบไหวไปมาและปรากฏเสียงทุบหนักๆออกมาสี่ครั้ง!

“ปัง~, ปัง~, ปัง~, ปัง~!”

แต่ละหมัดทำให้หัวของยามระเบิดราวกับแตงโมก่อนที่ร่างของเขาจะร่วงลงกับพื้น ยามที่เหลืออยู่ถูกลั่วเทียนลากเข้ามาพร้อมกับจ้องมองไปที่ใบหน้าของเขาอย่างเย็นซึ่งห่างออกไปไม่กี่เซนฯเท่านั้น “เมืองภูเขาศพทมิฬอยู่ไหน?”

ยามที่อ่อนแรงและแรงที่หดหายสั่นตัวด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่อาจควบคุมได้ ตาของลั่วเทียนดูคล้ายกับกริมริปเปอร์ซึ่งมาเก็บเกี่ยวิญญาณอย่างน่าขนลุก ยามพูดอย่างไม่รู้ตัวและชี้ไปทางนั้นว่า “ทางนั้น ทางนั้น ทางนั้น ไปด้านล่าง.”

มือของลั่วเทียนก็ปล่อยลงพร้อมกับร่างของยามที่ล่วงลงพื้น.

จากนั้นเขาก็เดินไปได้สองก้าวก่อนที่จะขมวดคิ้ว.

จิตสังหารของเขายังแผ่ออกมาอย่างหนาแน่นจากเส้นทางกริมริปเปอร์ ทันใดนั้นลั่วเทียนก็กระโดดขึ้นไปก่อนที่จะตกลงมาพร้อมกับเหยียบหัวของยามที่เหลืออยู่.

ฆ่าทันที เป็นการฆ่าที่ตายไปพร้อมกับจิตสังหาร!

ลั่วเทียนเหลือบมองไปที่หุบเหวมืดก่อนที่จะตะโกนด้วยพลังทั้งหมด“หยินซาง บิดามารับชีวิตเจ้าแล้ว!”

————-

เมืองภูเขาศพทมิฬ, วังราชาทมิฬ.

หยินซางนั่งอยู่บนบัลลังค์ราชาทมิฬพร้อมกับการแสดงออกที่สนุกสนานและน่าสนใจ “เจ้าได้นำสิ่งที่ข้าต้องการมาแล้วหรือยัง?”

วังหลัก.

มีคนสามคนที่สวมชุดคลุมดำและบนชุดคลุมก็มีสัญลักษณ์กระโหลกสีเลือด

หัวหน้าชุดคลุมดำดึงแหวนมิติออกมาสามวงและพูดว่า“ซากศพที่อยู่ในระดับปราณเชียวชาญหกพันศพ ปราณสุดยอดเชี่ยวชาญหนึ่งพันศพ ปราณสุดยอดเชียวชาญที่อยู่ในจุดสุดยอดสองร้อยศพและห้าสิบศพของปราณจิตวิญญาณ สิ่งที่ราชาทมิฬต้องการแน่นอนว่าองค์กรปีศาจเลือดต้องทำให้สำเร็จ.”

บุคคลนั้นพูดต่อ“ราชาทมิฬ สิ่งที่เราต้องการ?”

หยินซางยิ้มอย่าวพอใจพร้อมกับโบกมือให้เขา ยามสองคนก็นำเหยือกที่สูงประมาณครึ่งตัวคน ก่อนที่จะวางไว้ด้านหน้าของชุกคลุมดำ.

หยินซางพูดอย่างเย็นชา“ภายในมีแมงกู่ระดับ 3 อยู่หมื่นตัวและมีความสำเร็จสูงในการกลั่นศพกู่ ตัวควบคุมจะต้องถูกฉีดเข้าไปในร่างของเป้าหมายเท่านั้นถึงจะได้ควบคุมได้ง่าย.”

นัยต์ตาของทั้งสามแต่เดิมที่สงบก็ไม่ได้สงบอีกต่อไป.

ด้วยแมลงกู่หมื่นตัว หากใช้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะหมายถึงการควบคุมผู้เชี่ยวชาญหมื่นคน.

ในใจของพวกเขา หยินซางนับว่าเป็นพวกปัญญาอ่อนโดยสมบูรณ์ วัสดุที่มีค่าดังกล่าวควรเอาไปใช้กับผู้เชียวชาญระดับสูงเพื่อควบคุม การเอาพวกมันไปใส่ในร่างขยะอย่างปราณเชียวชาญมันมีแต่จะเกิดความเสียหายใหญ่เท่านั้น.

ถ้าพวกเขาสามารถหาหลุมศพศักดิ์สิทธิ์โบราณได้…

ภายในหลุมศพโบราณ ศพที่อยู่ภายในนั้นอาจจะอยู่ในระดับเทพโบราณได้ ถ้าพวกเขาเอาแมลงกู่ไปใส่และควบคุมผู้เชียวชาญคนนั้นที่อยู่ในขั้นเทพโบราณ ผู้คนทั้งทวีปนั้นจะต้านทานพวกเขาได้อีกงั้นรึ?

ยิ่งไปกว่านั้น…

องค์กรปีศาจเลือดได้ทำการหาหลุมฝังศพโบราณที่มีความเป็นไปได้แล้ว และมีความเป็นไปได้ว่าที่ฝังศพนั้นจะเป็นหลุมศพของเทพโบราณ!

พวกเขามาทำธรุกิจกับหยินซางนี้เพราะว่าพวกเขาต้องการความสามารถในการควบคุมผู้เชียวชาญระดับเทพโบราณนี้!

ขนาดลั่วเทียนยังแทบเป็นบ้าขณะที่คิดจะควบคุมสัตว์ปีศาจ ใครรู้ว่าองค์กรปีศาจเลือดยังบ้าไปกับเขาอีกที่อยากจะควบคุมเทพโบราณ นี่เป็นแค่ผิวเผินเท่านั้น!

หัวหน้าอาวุโสชุดคลุมดำถามด้วยความอยากรู้“มันการกำจัดแมลงกู่หรือไม่?”

หยินซางที่ขมวดคิ้วก่อนที่จะยิ้มเย็น“เกิดอะไรขึ้น? มีคนเพือนของเจ้าที่ถูกแมลงกู่ควบคุม?”

เมื่อเห็นหยินซางยิ้มเย็น อาวุโสในชุดคลุมดำก็รู้สึกไม่สบายใจและตอบว่า“ไม่มีหรอก ข้าแค่อยากจะถาม.”

จากนั้นหยินซางก็พูด “เมื่อมีใครก็ตามถูกแมลงกู่สิงแล้ว พวกเขาจะถูกควบคุมโดยเจ้าไปตลอดจนชีวิตที่เหลือของเขา เรื่องเหล่านีัเป็นเรื่องดี ทำไมต้องหาวิธีเอาออกด้วย? ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีงั้นรึอาวุโสเลือดพิราบ?”

อาวุโสในชุดคลุมดำแสดงรอยยิ้มแข็งๆและเกร็งก่อนจะพูด “พูดได้ดี!”

ทันใดนั้น…

แมลงกู่ตัวใหญ่ที่อยู่บนหัวของหยินซางก็สั่นเบาๆและความรู้สึกของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเขากลายเป็นแข็งกร้าวเมื่อเขาตะโกน“เลือดพิราบ เจ้าพาคนอื่นมาด้วย?!”

มีการตรวจจับที่หาได้ยากเย็นแพร่กระจายอยู่ในวังราชาทมิฬ.

ทั้งหมดถูกควบคุมโดยแมลงกู่ที่อยู่บนหัวของหยินซางและความผันผวนที่ผิดปกติใดๆจะถูกตรวจพบโดยมัน.

สายตาของอาวุโสชุดคลุมดำก็กลายเป็นจริงจังและศิษย์ของเขาก็หดตัว จากนั้นเขาก็หัวเราะเย็นๆ “ผู้คนของข้าอยู่ที่นี่หมดแล้ว ทำไมข้าต้องการปิดบังเรื่องพวกนี้?”

จากนั้นหยินซางก็ถาม“มันไม่ใช่คนของเจ้าจริงๆรึ?”

เลือดพิราบตอบ “แน่นอนว่ามันไม่ใช่คนของข้า.”

“เลือดหนอน, เลือดเย็น, หาบุคคลนั้น.”

ทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังอาวุโสชุดคลุมดำก็หายไปทันที

หยินซางหัวเราะและกล่าวว่า “เพราะว่านี่คือดินแดนของข้า มันไม่มีความจำเป็นที่อาวุโสเลือดพิราบต้องเคลื่อนไหว.”

หลังจากเสียงหายไป…

ก็เกิดการระเบิดพลังของเปลวเพลิงกลิ่นอายแห่งความตายออกมาจากร่างกายของหยินซางพุ่งไปยังมุมหนึ่งของพระราชวังแห่งความมืดทันที.

ในขณะนั้น…

มีรูปร่างที่เคลื่อนไหวตกลงมาที่มุมหนึ่ง.

เลือดพิราบตกใจกับเรื่องนี้แต่แล้วก็หัวเราะอย่างเย็นชา“บางคนจากเมืองดาบสวรรค์!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด