This Star is a bit Salty – บทที่ 15 อาหารที่สวยงามใช่ว่าจะขายง่าย

อ่านนิยายจีนเรื่อง This Star is a bit Salty ตอนที่ 15 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ดูเหมือนว่าผักทั้งหลายจะมีรสชาติที่ดีขึ้นแล้ว

เช้านี้ก็เช่นเคย หลี่หานนำตะกร้าใบใหญ่สองใบไปที่ตลาด

จะขึ้นราคาผักดีไหมนะ?

หลี่หานคิดเรื่องนี้ระหว่างทาง

ผักล็อตนี้เป็นผักที่มีรสชาติดีกว่าปกติ หลี่หานเลยคิดว่าจะขายพวกมันในราคาที่แพงขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม หลี่หานตัดสินใจว่าจะยังไม่ขึ้นราคาในตอนนี้

เพราะเขาคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา

หลังจากที่เจอที่ตั้งแผงครั้งก่อนแล้ว หลี่หานก็จอดมอเตอร์ไซต์และตั้งแผงลอยอย่างชำนาญ

คุณลุงคนที่ขายผักอยู่ข้าง ๆ เขายิ้มและพูดขึ้น “เจ้าหนุ่ม มาขายผักอีกแล้วเหรอฦ”

หลี่หานยิ้มแล้วตอบกลับไป “ใช่ครับ พอดีว่าเหลือจากที่บ้านน่ะครับ วันนี้ผมขายมากกว่าเดิมด้วย วันนี้ขายเป็นยังไงบ้างครับ?”

คุณลุงพูด “ฉันพึ่งเปิดได้ซักพักเอง เจ้าหนุ่มนายมาจากไหนเหรอ? อายุยี่สิบงั้นเหรอ? ทำไมถึงมาขายผักกันล่ะ?อายุพึ่งเท่านี้เอง”

หลี่หานนั้นมาตั้งแผงลอยที่นี่หลายครั้ง ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าหลายคนที่มาตั้งแผงลอยก็เริ่มจะคุ้นหน้าคุ้นตาหลี่หานกันแล้ว

แต่ทว่า การที่มีเด็กหนุ่มมาตั้งแผงลอยขายผักนี่มันค่อนข้างแปลกอยู่บ้าง

เหตุผลที่คุณลุงถามขึ้นมาเช่นนี้ก็เพราะว่ามันค้างคาใจของเขามานานแล้ว

หลังจากหลี่หานตั้งแผงลอยเสร็จแล้วก็ตอบ “ผมมาจากหมู่บ้านหยวนซีเมืองชวงหลงครับลุง ปีนี้ผมอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว ผมอยู่บ้านว่าง ๆ เลยออกมาช่วยที่บ้านขายผักน่ะครับ”

หลังจากที่ได้ยินอย่างงั้นคุณลุงก็พยักหน้า “หายากจริง ๆ นะเนี่ยที่เด็กวัยรุ่น อย่างเธอจะมาช่วยที่บ้านขายผักตอนปิดเทอมหน้าร้อนแบบนี้”

เห็นได้ชัดหลังจากที่คุณลุงได้ยินแล้วก็คิดว่าหลี่หานเป็นแค่นักศึกษาที่กำลังปิดเทอมอยู่

นักศึกษาที่ออกมาช่วยครอบครัวขายผักนั้นเป็นเรื่องที่หายากมาก

แต่ถึงอย่างนั้น นักศึกษาจะมาตั้งแผงลอยขายผักก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าดูเท่าไหร่ซัก

หลี่หานยิ้มแล้วพูดขึ้น “ผมเรียนจบแล้วครับลุง”

คุณลุงพยักหน้าแล้วพูด “แล้วเธอจะไปทำงานที่ไหนงั้นเหรอในอนาคต?”

หลี่หานพูด “ผมจะอยู่บ้านนี่แหละ ไม่ออกไปทำงานที่ไหนหรอกครับ”

“ไม่ไปทำงานงั้นเหรอ?” คุณลุงตกใจเล็กน้อยและพูดขึ้น “เธอยังหนุ่มยังแน่น ถ้าไม่ออกไปทำงาน เธอจะทำอะไรอยู่ที่บ้านล่ะ? เธอไม่เหมาะกับการทำฟาร์มหรอกนะ”

หลี่หานยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณลุงลองดูที่แผงของผมสิ ผิวพวกมันดูเป็นยังไงบ้างครับ?”

ผิวมันก็เหมือน ๆ กันไม่ใช่หรือไง? คุณลุงรู้สึกงงเล็กน้อยแต่ก็ยังจ้องมองดูต่อ

“ห๊ะ?” คุณลุงพูด “ไอ้หนุ่มนี่อย่าบอกนะว่า…มันดูงดงามมาก มะเขือเทศอันนี้มันแดงสดมาก”

นั่นก็คือมะเขือเทศที่อยู่ที่แผงลอยของเขา

เขาพบว่ามะเขือเทศของหลี่หานนั้นดีกว่าของเขามาก

หลี่หานหัวเราะและพูดขึ้น “นี่คุณลุง ผมจะปลูกผักที่เป็นแบบนี้แล้วขายในอนาคต คุณลุงคิดว่าไง?”

คุณลุงตกใจและพูดขึ้น “ไอ้หนุ่ม เอ็งรู้วิธีปลูกผักจริง ๆ เหรอเนี่ย? ไม่สิทำไมเองถึงอยากปลูกผักขายทั้ง ๆ ที่เอ็งอายุแค่นี้กัน?”

หลี่หานยิ้มและตอบกลับ “ผมแค่คิดว่ามันดี”

ดีงั้นเหรอ?

คุณลุงไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้แน่นอน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร. เขาและหลี่หานไม่ได้อยู่ใกล้กันมากและมัรค่อนข้างยากที่จะพูดมากเกินไป

ในระหว่างที่ทั้งสองคุยกันนั้นผู้คนก็เข้ามาเดินที่ตลาดเยอะขึ้น

หลี่หานได้ต้อนรับลูกค้าคนแรกของวัน

แต่ดูเหมือนจะเป็นการเข้าใจผิด

หลังจากที่ลูกค้าคนนั้นเข้ามาดูผักของเขาที่แผงลอยใกล้ ๆ เขากลับไม่ซื้อมันแถมเดินไปซื้อที่ร้านอื่นอีกด้วย

เขา…ออกไปโดยที่ไม่ถามราคาด้วยซ้ำงั้นเหรอ?

หลี่หานตกใจเล็กน้อยและเขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

นั้นเป็นเพราะผักของเขา ถ้าหากมองดูดี ๆ มันดูสะอาดและดีมาก

จนลูกค้าหลายคนคิดว่าได้ใช้สารเคมีอะไรหรือเปล่า?

ไม่อย่างงั้นทำไมผิวมันถึงสวยขนาดนี้?

ถึงแม้จะสวยแค่ไหนแต่ก็ไม่กล้ากิน

นี่คือเรื่องจริง ปัจจุบันผู้คนจำนวนมากไปจับจ่ายซื้อผักและพวกเขามักจะเลือกผักที่ดูไม่ดี

เพราะผักเหล่านั้นเป็นผักที่ปลอดสารพิษและผู้คนรู้สึกโอเคที่จะกินมัน

หลี่หานแค่วิตกกังวลไปเองเหรอ ผักของเขาก็ดูเขียวเหมือนกับเจ้าอื่น ๆ มันดูไม่เหมือนตรงไหนกัน?

แถมคุณค่าทางโภชนาการก็ยังมีมากกว่าผักของเจ้าอื่นอีก

นี่ผักที่รดน้ำด้วยน้ำวิเศษเลยนะ ผักปกติจะมาเทียบได้ยังไง?

แต่ผู้คนปกติดันไม่สบายใจซะงั้น

ที่คิดไว้ว่าจะขึ้นราคาก่อนหน้า

ดูเหมือนตอนนี้จะต้องลดราคาลงแทนซะแล้ว

แน่นอนว่าการลดราคาไม่ใช่วิธีที่ดีแน่นอน บางทียิ่งลดราคาลงคนก็จะยิ่งกังวล

คงต้องรอดูลูกค้าคนต่อ ๆ ไปก่อน?

ไม่นานหลังจากนั้น ลูกค้าอีกคนก็เดินตรงเข้ามา

นี่คือผู้ซื้อรายเก่าและหลี่หานก็มีความประทับใจบางอย่างกับเขา

ครั้งสุดท้ายที่อีกฝ่ายมาซื้อของ หลี่หานก็ได้พูดคุยกับเขาเล็กน้อยเลยได้รู้ว่าเขาเป็นครูสอนภาษาจีนแซ่เติ้ง ซึ่งสอนภาษาจีนชั้นประถมที่โรงเรียนมัธยมในเมือง

“คุณเติ้งมาซื้อของอีกแล้วนะครับ” หลี่หานดูกระตือรือร้นมาก

คุณครูเติ้งหรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่าเติ้งชุยมีอายุ 35 ปีสอนหนังสือมามากกว่า 10 ปีเธอช่างเป็นคนที่มีประสบการณ์มากในด้านการสอน

เธอมาซื้อผักที่นี่ค่อนข้างบ่อย

ตอนที่เธอมาที่นี่เพื่อหาซื้ออาหาร เธอตกใจมากที่เห็นหลี่หานตั้งแผงขายผักอยู่

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เด็กหนุ่มหล่อ ๆ แบบนี้มาขายผักอยู่ที่นี่กันนะ?

ต้องการประสบการณ์การใช้ชีวิตงั้นเหรอ? หรือว่าเป็นคนที่ฐานะไม่ค่อยดีกัน?

เติ้งชุยรู้สึกตกใจสงสัยและแปลกใจ เธอจึงเดินไปที่แผงลอยของหลี่หานและซื้อผักของเขา

หลังจากนั้นก็ได้รู้ว่าเขาเป็นนักศึกษาที่พึ่งจบและการที่เขามาขายผักก็เพราะว่าเขาอยากใช้ชีวิตแบบนี้

เติ้งชุยนั้นไม่ได้ถามว่าเขาจบจากที่ไหนเนื่องจากทั้งสองยังไม่ได้รู้จักกันดีนัก

แต่ถึงอย่างนั้นเติ้งชุยก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมหลี่หานถึงอยากมาขายผักที่นี่

เด็กหนุ่มที่พึ่งจบการศึกษา ทำไมถึงอยากจะมาใช้ชีวิตแบบนี้กัน?

หรืออาจจะแค่มาขายแค่วันสองวันกัน?

เติ้งชุยเข้าใจเพียงแค่น้อยนิด

แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนี้เธอก็เห็นหลี่หานตั้งแผงขายอีกแล้ว

หลังจากที่ได้ยินหลี่หานทักทาย เติ้งชุยก็ยิ้มและตอบกลับ “มาตั้งแผงขายผักอีกแล้วเหรอ?”

หลี่หานยิ้มและตอบ“ใช่แล้วครับ วันนี้ไปเก็บผักฃที่ผมพึ่งปลูกมาน่ะ มันสวยมากเลย ผมเลยจะเอามาขาย”

“เก็บจากฟาร์ม?” เติ้งชุยถามด้วยคำงงงงวย “เธอปลูกผักพวกนี้เองงั้นเหรอ?”

หลี่หานตอบ “ผมช่วยกันปลูกกับครอบครัวน่ะครับ วันนี้คุณครูเติ้งอยากได้ผักอะไรไหม?”

เติ้งชุยพยักหน้าแล้วพูด “ขอดูก่อนนะ”

การเลือกซื้อผักนั้นยากเสมอเพราะเธอไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี

“ห๊ะ? เธอบอกว่าผักของเธอสวยมาก แต่ฉันนึกไม่ถึงเลยว่ามันจะสวยขนาดนี้มันดูดีมาก ครั้งก่อนก็สวยแบบนี้ไหมนะ?ฉันไม่ได้สังเกตเลย” เติ้งชุยพูด

ครั้งล่าสุดนั้นผักไม่ค่อยสวยนัก แต่หลี่หานก็ไม่ได้พูดมันออกไป

“ครั้งล่าสุดก็ไม่ได้ต่างกันมากครับ คุณครูเติ้งอาจจะไม่ได้สังเกต” หลี่หานพูด

เติ้งชุยพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ว่าทำไมผักนี่ถึงสวยขนาดนี้นะ? เธอไม่ได้ใช้สารเคมีอะไรใช่ไหม?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด