เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – Chapter 146 – เด็กในตํานาน
เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย Chapter 146 – เด็กในตํานาน…
มันราบรื่นอย่างมากจนน่าประหลาดใจขณะที่กําจัดพิษกู้ให้ฉินหยู่เอ๋อร์,
ลั่วเทียนไม่แน่ใจว่าเขาได้รับแรงกระตุ้นจากร่างกายที่ร้อนแรงของฉินหยู่เอ๋อร์หรือไม่ก็เป็นความคิดที่ชั่วร้าย ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม มันทําให้เขามีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งและทํางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ! กระบวนการเหล่านี้มันเร็วมากเกินกว่าลั่วเทียนจะรู้สึกได้
“จบแล้ว!”
ฉินหยู่เอ๋อร์ค่อยๆเปิดตาของนางพร้อมกับความอายเล็กน้อยบนใบหน้าของนาง นางมองไปที่ลั่วเทียนที่อยู่ห่างจากนางเพียงครึ่งเมตรก่อนที่จะโผเข้ากอดเขาตรงๆ
มันคือกอดที่เข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว!
ภูเขาสองก้อนของนางแนบเข้ากับตัวของลั่วเทียน มีเพียงคําเดียวที่จะอธิบายความสุขกายของเขาได้ว่า-เวรี่กู๊ด~!
ด้วยภูเขาทั้งสองที่แนบเข้ากับอกของเขาและกลิ่นหอมน้อยๆ ที่มาจากร่างของฉินหยู่เอ๋อร์ ลั่วเทียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาเหมือนกับตกลงมาใจข้าวต้ม มือของเขาแข็งค้างโดยไม่ต้องมั่นใจว่าจะโอบกอดนางหรือไม่
ลั่วเทียนไม่คิดว่าฉินหยู่เอ๋อร์จะทําเช่นนี้
“ต้องทําแบบนี้”
ฉินหยู่เอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงรุ้งงิ้งก่อนที่จะเอื้อมเอามือของลั่วเทียนไปโอบส่วนล่างของนาง
แขนของเขาก็โอบไปที่เอวเล็กๆของนาง ตั๋วเทียนรู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มราวกับว่านางไม่มีกระดูก ในขณะนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกับถูกไฟฟ้าช็อต งูตัวใหญ่ที่อยู่ตรงเป้าเขาก็ผงาดขึ้นมาทันที ลั่วเทียนรู้สึกได้ถึงภูเขาไฟที่กําลังจะปะทุออกมา!
ความสุขทางเพศ…
ลั่วเทียนได้ประสบกับความสุขทางเพศ.
ความรู้สึกเหล่านี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
จิตใจของลั่วเทียนตอนนี้เต็มไปด้วยความคิดในทางที่ผิด วิดีโอทั้งหมดจากเกาะเล็กๆเริ่มแว่บวาบเข้ามาในหัวของเขา มีทั้งจากท่าปกติและท่ายากต่างๆ!
ฉินหยู่เอ๋อร์โอบรอบคอของลั่วเทียนอย่างแน่นหนา หัวของนางซบอยู่บนไหล่ของลั่วเทียน นางรู้สึกขึ้นมาว่านางไม่ได้คิดกับลั่วเทียนเป็นน้องชายอีกแล้ว ทันใดนั้นความคิดที่บ้าบอก็ได้แว่บเข้าก่อนที่นางจะกัดไปที่ไหล่ของลั่วเทียน
ตอนนี้นางร้องไห้ออกมาโดยไม่พูดอะไร
ถังจิ่วที่ยืนอยู่ข้างๆ ขณะที่มองไปที่การแสดงออกของนาง เขาไม่เคยเห็นฉินอยู่เอ๋อร์ร้องไห้มาก่อนและนี่เป็นครั้งแรก
ความคิดของลั่วเทียนเต็มไปด้วยความชั่วร้ายมากมายและมันก็หายไปทั้งหมด ตอนนี้เขาตบเบาๆไปที่หลังของฉินหยู่เอ๋อร์ ขณะที่เขาพยายามปลอบโยนนาง “ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว อย่างร้องอีกเลย ไม่อย่างนั้นเจ้าจะดูไม่สวยนะ”
“ข้ากลัวจริงๆ!”
“ข้าไม่เคยรู้สึกกลัวเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต.”
“ขอบคุณ ขอบคุณเจ้ามากๆ ฮือ…” ฉินหยู่เอ๋อร์พูดขณะที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ตอนนี้นางเหมือนกับเด็กหญิงตัวน้อยๆที่กําลังเบิดความเศร้าของนางออกมาทั้งหมด ใครก็ตามที่มาเห็นฉากนี้ของนาง พวกเขาจะรู้สึกเสียใจร่วมด้วย
“พลังของเขาช่างแข็งแกร่งจริงๆ เราจะรอดและหลบหนีได้จริงรึ?”
“เราจะรอดออกไปอย่างมีชีวิต.”ลั่วเทียนตอบ
“จริง?”
“อื้ม!..”
ทั้งสองกระซิบกระซาบกันเบาๆและลั่วเทียนทําราวกับกําลังปลอบเด็กน้อย
ฉินหยู่เอ๋อร์เป็นหญิงสาวเต็มวัย แต่ในบางครั้งนางก็มักแสดงในด้านเด็กๆให้เห็น เหมือนอย่างที่ทําตอนนี้
หลังจากนั้นไม่นาน
พวกเขาทั้งสองก็แยกออกจากกัน ฉินหยู่เอ๋อร์วิ่งออกไปด้านนอกและเริ่มขว้างมันออกไป
ลั่วเทียนยิ้มเบาๆ ก่อนที่จะกลายมาเป็นจริงจังอีกครั้ง เขาเดินไปหาถังจิ่วและพูดว่า “ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าชื่ออะไร.”
ถังจิ่วก็จริงจังเช่นกันก่อนที่จะตอบ “ถังจิ่ว องค์ชายเก้าแห่งราชวงศ์ถัง”
“ราชวงศ์?”
ลั่วเทียนตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะแนะนําตัวเองเช่นกัน “ลั่วเทียนเด็กไร้ชื่อที่มาจากเมืองภูเขาหยก คารวะองค์ชายเก้า”
ไม่น่าแปลกที่ความชื่นชอบของเขาจะเพิ่มขึ้นมาถึง 1,000 แต้ม เพราะเขาช่วยองค์ชายแห่งจักรวรรดิ
ถังจิ่วเดินไปข้างหน้าทันทีและพูดว่า “ผู้มีพระคุณ เจ้าอย่าพูดอะไรที่เหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตขิงข้า ไม่ว่าสถานะของข้าจะสูงแค่ไหน ข้าก็ไม่กล้สรับการคารวะจากเจ้า ข้าแก่ว่าเจ้า 2-3 ปี หากไม่รังเกียจเจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายได้”
ถังจิ่วเป็นคนดื่นดึงและเขาจะไม่เปลี่ยนใจหลังจากที่เขาตัดสินใจแล้ว
ลั่วเทียนได้ช่วยชีวิตของเขา ดังนั้นเขาจึงวางฐานะลั่วเทียนเป็นผู้มีพระคุณและผู้มีพระคุณต้องมาก่อนสิ่งใด
ลั่วเทียนก็ไม่ต้องการทําตัวเหมือนคนแปลกหน้า เขาพูดว่า “พี่ชาย หยินซางเป็นผู้เชี่ยวชาญปราณวิญญาณ ขั้น 9 วิธีเดียวที่เราจะหนีออกไปจากที่นี่ได้คือฆ่าเขา เนื่องจากสถานที่ใต้ดินแห่งนี้มียามอมตะมากมายรวมตัวกันอยู่ หากพวกมันหลุดรอดออกไปบนพื้นดิน มันจะต้องทําให้จักรวรรดิถังไม่ปลอดภัยแน่นอน”
ถังจิ่วพยักหน้าและพูด “ถูกต้อง แต่มันยากที่จะฆ่าเขาได้ด้วยระดับการบ่มเพาะของพวกเราในตอนนี้ การที่จะสู้มันได้ก็คือ ขณะที่มันกําลังสับสนวุ่นวาย ข้าจะฝ่าออกไปยังเมืองดาบสวรรค์ จากนั้นก็ขอให้พระบิดาส่งผู้เชี่ยวชาญปราณราชามาที่นี่เพื่อจัดการเรื่องทั้งหมด”
ปราณวิญญาณระดับ 9 มันยุ่งยากมากเกินกว่าจะจัดการได้
ในเวลาที่หยินซางใช้กลิ่นอายแห่งความตายของเขาเพื่อกลืนถังจิ่วที่โถงในราชวังทมิฬ เขาไม่มีกําลังต่อสู้และถูกควบคุมได้ไม่อาจต้านทานได้
“ส่งสารไปยังเมืองดาบสวรรค์?”
คิ้วของลั่วเทียนขมวดเข้ามาน้อยๆ
ไปเม่ยขัดจังหวะโดยไม่ต้องรอคําตอบจากลั่วเทียน “ข้าเกรงว่าจะไม่มีเวลาแล้ว เหลือเวลาอีก 6 วันเท่านั้นก่อนที่เผ่าหลักของโลกจะถูกบูชายัน ในเวลานั้นหยินซางจะให้ทหารอมตะทั้งหมดของเขาออกจากที่นี่อย่างแน่นอน เมืองดาบสวรรค์แห่งนี้อยู่ห่างไปกว่าล้านกิโลเมตร ด้วยฝีมือของเจ้า เจ้าไม่อาจใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งเดือน หลังจากที่กลับมาที่นี่ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว มันก็มีแนวโน้วว่าเผ่าหลักของโลกได้ตายไปหมดแล้ว”
ถังจิ่วขมวดคิ้วและพูดอย่างท้อแท้ “อย่างนั้นเราจะทําอะไรได้?”
“เราควรทําอย่างไร?”
“ฮี่ฮี่…ใช้วิธีตรงๆ ทุบเขาให้เละ”
“จากนั้นเราก็กําจัดยามอมตะของเขาให้หมดและทุกอย่างจะได้รับการแก้ไข.” ลั่วเทียนพูดอย่างตื่นเต้น
หลังจากที่เขาเสร็จสิ้นไปเม่ย ถังจิ่วและฉินหยู่เอ๋อร์ที่เพิ่งเข้ามาในบ้านหลังจากที่ออกไปอ้วกข้างนอก ก็จ้องมองไปที่ลั่วเทียนพร้อมกับอ้าปากค้าง
พวกเขายังคงมองอย่างเบิกตากว้างและอ้าปากค้างโดยไม่พูดอะไร เหมือนกว่าได้เห็นสิ่งประหลาดเป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นไม่นาน.
ไป่เม่ยก็เป็นคนแรกที่พูดว่า “การมีชีวิตอยู่นี่มันผิดจริงๆ”
ถังจิ่วได้สติกลับมาและถามด้วยความสงสัย “มันจะได้ผลจริงๆรึ?”
ฉินหยู่เอ๋อร์มีรอยยิ้มและพูดออกมากว่า “น้องชายสุดหล่อ เจ้ามั่นใจว่ามันเป็นความคิดที่ดี?”
ทันใดหลังจากนั้น
ดวงตาของฉินหยู่เอ๋อร์ก็เปลี่ยนไป ขณะเริ่มพูดจาติดอ่าง “การบ่มเพาะเจ้า”
ลั่วเทียนยิ้มน้อยๆก่อนจะพูด “เจ้าทั้งสองควรจะพักผ่อนให้ดีและฟื้นฟูร่างกายของเจ้า หากเจ้าทะลวงขั้นได้ก็ทํา หากไม่เจ้าก็ควรจะฟื้นตัวให้ดีที่สุด ตาเฒ่านี้จะอธิบายให้พวกเจ้ารู้ถึงจุดอ่อนของหยินซางและยามอมตะกับเจ้า”
“เวลาส่วนใหญ่เหลือเพียง 6 วัน.”
“6 วันต่อมา เมื่อหยินซางเริ่มบูชาสวรรค์ เราจะเอาหัวของเขาเป็นเครื่องบูชา!”
ลั่วเทียนตื่นเต้นจริงๆ เมื่อพูดประโยคเหล่านี้
ถังจิ่วที่เต็มไปด้วยความสับสนจากคําพูดของลั่วเทียนแต่ก็ยังถามว่า “แล้วเจ้าหล่ะ?”
ลั่วเทียนไปที่ประตูและมองดูทะเลซากศพก่อนที่จะมองกลับมาด้วยรอยยิ้ม. “ข้าจะเลื่อนขั้นก่อน ข้ากลับมาแล้วค่อยบอกเจ้า”
“หืม?”
ถังจิ่วตกตะลึงกับคําตอบ.
เขามองดูลั่วเทียนหายไป ทั้งสามต่างก็เต็มไปด้วยความสับสน.
ฉินหยู่เอ๋อร์ถามอย่างสับสน “ก่อนหน้านี้เขาอยู่ปราณเชี่ยวชาญขั้น 9 และตอนนี้เขาก็อยู่ในขอบเขตปราณสุดยอดเชียวชาญ ขั้น 5 น้องชายเคยเห็นคนที่เพิ่มระดับของเขาเร็วแบบนี้ไหม?”
ถังจิ่วมีการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงและเขาก็ถามว่า “ห้ะ?! เขาทะลวงด่านมากมายได้ไงภายในสองวัน แม้ว่าจะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเผ่ามนุษย์เรา มู่หรงหวั่งเจีย เขาก็ไม่อาจทําได้เร็วขนาดนี้”
ไปเม่ยลูบเคราของเขาพร้อมกับกล่าวทั้งรอยยิ้มว่า “เขาเป็นสัตว์ประหลาด มีหลายสิ่งมากมายที่เจ้าไม่อาจจะเชื่อ ตอนนี้ข้าไม่มีสงสัยเลย ว่าเขาจะฆ่าหยินซางใน 6 วันต่อไปนี้ได้ เด็กคนนี้เหมือนกับคนในตํานาน”
ทั้งสามมองหน้ากันและกัน
สายตาของพวกเขาก็หันไปยังทิศทางที่ลั่วเทียนหายไปในขณะที่ความมั่นใจของพวกเขามีมากขึ้น
พวกเขาเชื่อในตัวลั่วเทียน
แต่ลั่วเทียนไม่ได้มีความมั่นใจมากนัก
เขาไม่มีค่าประสบการณ์มากพอและไม่มีเวลามากนัก หากต้องการฆ่าหยินซางที่อยู่ในขอบเขตปราณวิญญาณขั้น 9 นั้นมันยากเย็นอย่างมาก!
แต่…
เขาไม่มีทางเลือก!
คอมเม้นต์