ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD – ตอนที่ 235 แผนที่ร้านอาหารต่างโลก
ณ ท้องพระโรงของวังหลวง จีเฉิงเสวี่ยในชุดสีทองของจักรพรรดิกำลังเดินไปเดินมา เอามือไพล่หลัง หน้าอกผึ่งผาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
ชายหนุ่มเดินช้าลงเป็นบางทีจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปในระยะไกล คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน ยากที่จะบอกว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ทันใดนั้นเสียงแหลมของขันทีหนุ่มก็ดังขึ้นจากด้านนอกท้องพระโรง
“องค์จักรพรรดิ ท่านแม่ทัพเซียวเหมิงขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”
เสียงสูงดังสะท้อนท้องพระโรง ใบหน้าของจักรพรรดิหนุ่มเปลี่ยนเป็นยินดีขึ้นมาเล็กน้อย เขารีบเอ่ยตอบ “ให้เข้ามาได้”
เซียวเหมิงอยู่ในชุดเกราะเต็มยศ เขาก้าวเข้าท้องพระโรงหลวงมาด้วยสีหน้าจนปัญญาและรอยยิ้มขื่น
เมื่อเห็นว่าจีเฉิงเสวี่ยกำลังก้าวยาวๆ ตรงมาหา เซียวเหมิงก็รีบปรับสีหน้าขมขื่นก่อนหน้านี้ทันที จากนั้นก็โค้งคำนับต่ำเพื่อแสดงความเคารพองค์จักรพรรดิ แม้จีเฉิงเสวี่ยจะเด็กกว่าเขาหลายปี แต่เซียวเหมิงก็ต้องการปฏิบัติตามประเพณีของราชสำนัก เนื่องจากจีเฉิงเสวี่ยมีศักดิ์เป็นผู้ครองแผ่นดินเหนือบัลลังก์
“แม่ทัพเซียว เรื่องร้านนั่น… เรียบร้อยดีหรือไม่” จักรพรรดิหนุ่มถามด้วยความกระวนกระวาย
นี่เป็นเรื่องที่เขาต้องให้ความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดภายในนครหลวง ทั้งยังมีบรรดาขั้นเทพแห่งสงครามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ขออย่าให้คนเหล่านี้โกรธแค้นจากการพลาดสมบัติ แล้วเอาความไม่พอใจนั้นมาลงกับนครหลวงเลย ถ้าเป็นเช่นนั้นเห็นทีจะจบสิ้นกันแล้ว
“องค์จักรพรรดิวางใจได้พะย่ะค่ะ เถ้าแก่ปู้ควบคุมสถานการณ์ที่ร้านเอาไว้ได้ ความสามารถอันไม่ธรรมดาของเขากอปรกับไพ่ตายของร้านนั้นเกินความคาดคิดของข้าไปมากโข” เซียวเหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกพลางอธิบายให้จีเฉิงเสวี่ยฟัง
เมื่อนึกถึงไพ่ตายที่ปู้ฟางซ่อนเอาไว้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านอยู่ภายใน หุ่นเชิดโลหะที่ก่อนหน้านี้ต่อกรกับเขาได้อย่างสูสี บัดนี้สามารถจัดการขั้นเทพแห่งสงครามระดับแปดได้ด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว… ช่างน่ากลัวเกินบรรยายอะไรเช่นนี้
สำหรับเจ้าสุนัขตัวนั้น… ที่นอนอ้วนขึ้นอืดอยู่หน้าร้านทั้งวันทั้งคืนอย่างขี้เกียจสันหลังยาว นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเหมิงได้เห็นมันออกโรงจริงจังก ความสามารถของมันนั้นร้ายกาจน่ากลัวเป็นอันมาก จนแทบจะไร้เทียมทานเลยก็ว่าได้
ก่อนหน้านี้เขาสงสัยมานานว่าสุนัขตัวนี้ใช่อสูรเวทในตำนานจริงหรือไม่ วันนี้เขาได้ข้อยืนยันความคิดนั้นแล้ว สุนัขตัวนี้เป็นอสูรเวทในตำนานเหมือนที่คิดไว้จริงๆ เสียด้วย!
ดวงตาของจีเฉิงเสวี่ยเป็นประกายขึ้นมา เขาต้องติดอยู่ในวังหลวงเลยไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นในตรอกเล็กๆ แห่งนั้น ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้โอกาสรับรู้ข่าวคราวของโลกภายนอกผ่านเซียวเหมิงเสียที
เซียวเหมิงหัวเราะด้วยน้ำเสียงขมขื่น จากนั้นก็เริ่มเล่าทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้นภายในตรอกแห่งนั้นให้จีเฉิงเสวี่ยฟัง
ณ ท้องพระโรง จีเฉิงเสวี่ยฟังสิ่งที่เซียวเหมิงเล่าด้วยดวงตาเบิกโตเป็นไข่ห่าน ปากอ้ากว้างหุบไม่ลง ทั้งยังต้องสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความทึ่งเป็นครั้งคราว
…
บรรดาผู้ฝึกตนผู้แข็งแกร่งพากันจากนครหลวงไปคนแล้วคนเล่า จนนครหลวงที่เคยเนืองแน่นไปด้วยขั้นเทพแห่งสงครามกลับคืนสู่สภาวะปกติสุขอีกครั้ง
อูอวิ๋นไป๋และอาจารย์อาอู่ถูกจ่านคงนำตัวกลับไป แต่ก่อนจะลาจาก หญิงสาวก็ไม่ลืมทวงสัญญาจากอาหนี
อาหนี อวี่เฟิงและบุตรสาวตั้งใจจะบอกลาปูฟ่างก่อนกลับ ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจอยู่ในนครหลวงต่ออีกสองสามวัน
เจ้ามู่เฉิงนั้นบาดเจ็บสาหัสด้วยฝีมือของจ่านคง และหลบหนีออกจากนครหลวงไปนานแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาไปกบดานอยู่ที่ไหน การไม่ได้เข้าร่วมการเผชิญหน้าในตรอกเล็กนั้นถือว่ายังเป็นโชคของเขาอยู่บ้าง เนื่องจากหากตัวเขาโผล่ไปที่นั่น ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือไม่ก็กลายเป็นเพียงกองเลือดนองอยู่บนพื้นอย่างแน่นอน
หลังจากที่บรรลุขั้นปราณเรียบร้อย หนี่หยันก็ลากตาแก่ขี้เมาออกจากร้านของปู้ฟาง สีหน้ารังเกียจที่นางแสดงต่อพวกเขาสองคนทำให้แม้แต่ปู้ฟางเองยังต้องงง
การต่อสู้ในตรอกของนครหลวงจบลงอย่างเงียบเชียบ การปะทะกันของกลุ่มผู้ทรงพลังนำมาซึ่งผลลัพธ์อันน่ากลัว ไม่มีใครรู้ว่ามีผู้ฝึกตนเสียชีวิตที่หน้าประตูร้านไปเท่าไร แม้แต่พื้นหน้าร้านเองยังเต็มไปด้วยกองอิฐหินดินปูนที่กระจุยกระจายจนไม่เหลือเค้าเดิม ช่างเป็นภาพที่น่าหวาดหวั่นอะไรเช่นนี้
กลุ่มสิบสามกองโจรรอดชีวิตจากเหตุการณ์เสี่ยงตายมาได้ หากพวกเขาหนีไม่ทัน ป่านนี้คงกลายเป็นกองเลือดอยู่บนพื้นหน้าร้านด้วยพลังน่ากลัวของสุนัขสีดำไปแล้ว
บรรดาสิบสามกองโจรต่างอกสั่นขวัญแขวนเป็นอันมาก จนต้องรีบหอบผ้าหอบผ่อนออกจากเมืองในคืนนั้นแล้วกลับเมืองโม่จั่วบ้านเกิดทันที
‘ในนครหลวงนั้นน่ากลัวเกินไป การที่พวกเราตั้งมั่นอยู่ที่ต่างจังหวัดนั้นถูกต้องแล้ว…’ นี่คงเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่ในใจตอนนั้น
ยามรัตติกาลมาเยือน ลมแผ่วเบาโชยผ่านทำให้บรรยากาศเย็นยะเยือกขึ้นเล็กน้อย
ดวงจันทร์เสี้ยวสองดวงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน ส่องแสงนวลสวยล้ำค่า
ดวงดาวระยิบระยับพรางพราวรายล้อมหมู่เดือนเอาไว้ ดูเหมือนมหาสมุทรสีหมึกกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ขอบฟ้าซึ่งไร้ที่สิ้นสุดนั้นช่างเต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์ใจเหนือจินตนาการ
ที่ร้านเล็กๆ ของฟ่างฟ่างในนครหลวง
ปูฟางกำลังส่ายหน้าไหวๆ เพื่อไล่ความมึนงงให้ออกไปจากศีรษะ ก่อนจะปิดม่านเพื่อหยุดทำการหนึ่งวัน
เขาเดินตรงขึ้นห้องไปทันทีแทนที่จะเข้าไปในครัวเหมือนทุกครั้ง หลังจากอาบน้ำอุ่นและล้างกลิ่นสุราออกจากร่างกายแล้ว ชายหนุ่มก็เดินทำตาหยีออกจากห้องน้ำพร้อมควันร้อนหนา
ปู้ฟางพันชุดคลุมรอบกาย หน้าอกเปลือยเปล่าพลางเดินออกจากห้องน้ำมา ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกแล้วสะบัดผมเปียกโชกส่งหยดน้ำให้กระเซ็นไปทุกทิศทาง
เขารู้สึกสร่างเมาขึ้นมากหลังจากที่ได้อาบน้ำ จากนั้นก็พาตัวเองมานั่งอยู่ข้างหน้าต่างด้วยใบหน้าที่ชาเล็กน้อย ลมเย็นโชยผ่านทำให้ผมที่เปียกชื้นระมาโดนใบหน้า
ความเย็นสบายยามค่ำคืนทำให้ดวงตาพร่าเลือนของปู้ฟางกลับมาได้สติอีกครั้ง เสียงของระบบดังขึ้นในศีรษะ
“นายท่าน ระบบได้ออกรางวัลเรียบร้อยแล้ว โปรดตรวจสอบดู”
ภารกิจฉุกเฉินของระบบมักแปลกและมาตอนที่ไม่คาดคิดเสมอ อย่างเช่นการใช้ผลตื่นรู้ทางห้าสายในการทำอาหารครั้งนี้ นี่เป็นภารกิจที่ท้าทายความสามารถด้านการทำอาหารในขณะนี้ของปู้ฟางเป็นอย่างมาก การทำภารกิจนี้สำเร็จทำให้ทักษะของเขาดีขึ้นลิบลับ ภารกิจฉุกเฉินแต่ละครั้งมีประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองของชายหนุ่มในฐานะพ่อครัวไม่น้อย
นั่นเพราะจุดประสงค์ของระบบนี้ถูกสร้างมาเพื่อช่วยให้ตัวเขาได้เป็นพ่อครัวเทพในโลกแห่งจินตนาการ เป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่การทำอาหารทั้งปวง
การไปยืนอยู่ที่จุดสูงสุดได้ ปู้ฟางจะต้องผ่านการฝึกฝีมือมากมาย ระบบมอบโอกาสให้เขาได้พัฒนาทักษะด้านต่างๆ ด้วยภารกิจที่แตกต่างกันไป ยิ่งเขาพัฒนาระดับขั้นขึ้นไปเท่าไร ภารกิจฉุกเฉินก็ยิ่งยากมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ปู้ฟางยิ้มรับ ยังคงรักษาความนิ่งของจิตใจเอาไว้ดังเดิม
นายท่าน: ปู้ฟาง
เพศ: ชาย
อายุ: 21 ปี
ระดับพลังปราณเที่ยงแท้: ระดับหก (สามารถก่อตัวพลังปราณเที่ยงแท้ให้เป็นรูปร่างได้ ในฐานะชายที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นพ่อครัวเทพในโลกแห่งจินตนาการนี้ หนทางเบื้องหน้าของนายท่านจะเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามมากมายนับไม่ถ้วน ตั้งใจฝึกฝนเข้าละ พ่อหนุ่ม!)
พรสวรรค์การทำอาหาร: สองดาว
ทักษะ: ทักษะการใช้มีดฝนดาวตกระดับสอง (60/100) และทักษะการแกะสลักกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ระดับสอง (0/100)
อุปกรณ์: มีดทำครัวกระดูกมังกรทอง (ชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพ)
คะแนนรวมการเป็นพ่อครัวเทพ: พ่อครัวระดับต้น (ทักษะการทำอาหารเริ่มฉายแววให้เห็น นอกจากนี้พรสวรรค์ยังถือกำเนิดขึ้นแล้ว กำลังไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของทักษะการใช้มีดและการแกะสลัก เส้นทางแห่งการเป็นพ่อครัวเทพได้เปิดกว้างสำหรับนายท่านแล้ว)
ระดับของระบบ: หกดาว (อัตราการแปลงหน่วยอยู่ที่ร้อยละ 90 นายท่านสามารถออกเก็บเกี่ยววัตถุดิบได้ด้วยตนเอง นายท่านสามารถมีพ่อครัวแม่ครัวฝึกหัดได้)
รางวัลจากระบบ: สูตรการทำหวานเย็นแท่งตับมังกรและเสี้ยวหนึ่งของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพ (2/3)
(คำเตือนจากระบบ: แผนที่ร้านอาหารต่างโลกใช้งานได้แล้ว นายท่านต้องไปเยี่ยมเยียนสถานที่ในแผนที่นี้ทุกสัปดาห์ เพื่อศึกษาการทำอาหารท้องถิ่นรสเลิศของต่างโลก และทำภารกิจที่ระบบมอบหมายให้สำเร็จ โปรดทำความรู้จักขนบประเพณีท้องถิ่นต่างๆ สำรวจความหลากหลายของอาหารเลิศรส เก็บเกี่ยวประสบการณ์ของอาหารชั้นเลิศอย่างเต็มที่ ประตูแห่งการเป็นพ่อครัวเทพผู้อยู่ในจุดสูงสุดได้เปิดกว้างสำหรับนายท่านแล้ว)
ทันทีที่ปู้ฟางกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง คิ้วของเขาก็ขมวดมุ่น หลังจากที่บรรลุปราณขั้นจักรพรรดิยุทธการ เขาก็มีทักษะหลากหลายขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน ระบบก็ต้องการสิ่งต่างๆ จากเขามากขึ้นเช่นกัน
“แผนที่ร้านอาหารต่างโลกรึ มันอะไรกัน” ชายหนุ่มถามเสียงงุนงง
“แผนที่ร้านอาหารต่างโลกเป็นแผนที่ที่ระบบสร้างขึ้นสำหรับนายท่านโดยเฉพาะ เพื่อให้นายท่านมีความรู้เกี่ยวกับอาหารรสเลิศที่มีอยู่มากมายในมิตินี้ นอกจากนี้ในแผนที่ยังระบุขนบประเพณีท้องถิ่น และอธิบายวัฒนธรรมการกินอาหารชั้นเลิศของแต่ละท้องที่ไว้อีกด้วย” ระบบเอ่ยตอบเสียงขรึม
ปู้ฟางงงเป็นไก่ตาแตก แผนที่ร้านอาหารต่างโลก ฟังจากที่ระบบเล่าเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเดินทางไปทั่วทวีปมังกรซ่อนเร้นเช่นนั้นรึ
“ในตอนนี้ด้วยระดับพลังปราณของนายท่าน ทำให้นายท่านสามารถเดินทางได้เพียงภายในจักรวรรดิเท่านั้น หากต้องการไปยังดินแดนทางใต้ที่มีขนาดใหญ่กว่า นายท่านจะต้องบรรลุขั้นปราณอีกครั้งหนึ่งก่อน” ระบบขยายความ
ปู้ฟางพยักหน้า พลังปราณของเขาเพิ่งจะอยู่ที่ระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการเท่านั้น หากต้องเจอผู้ฝึกตนอย่างขั้นเทพแห่งสงคราม เห็นทีต้องตายในชั่วหนึ่งลมหายใจแน่นอน
“เอาละระบบ แล้วที่บอกว่าข้าสามารถมีพ่อครัวแม่ครัวฝึกหัดได้มันหมายความว่าอย่างไรกัน” ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางถามอย่างงุนงง
“หลังจากที่ได้แผนที่ร้านอาหารต่างโลกมา นายท่านจะต้องออกจากนครหลวงเป็นเวลาสั้นๆ ร้านต้องการคนที่จะมาดำเนินกิจการระหว่างที่นายท่านไม่อยู่ ด้วยเหตุนี้นายท่านจึงต้องรับพ่อครัวแม่ครัวฝึกหัดมาทำงาน นายท่านต้องสอนวิธีการทำอาหารจานเด็ดของร้านให้พวกเขาภายในระยะเวลาที่กำหนด”
ปู้ฟางเบ้ปาก บ้าอะไรกันนี่ “ในเวลาที่กำหนดรึ”
“และต้องให้ระบบประเมินพรสวรรค์ในการทำอาหารของพ่อครัวแม่ครัวด้วย” ระบบตอบเสียงเรียบ
ปู้ฟางรู้สึกว่าชีวิตยากขึ้นมาทันที รับพ่อครัวแม่ครัวฝึกหัด… มีแต่ระบบเท่านั้นที่จะสรรหาเรื่องเช่นนี้มาให้เขาทำได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังจัดว่ามีประโยชน์อยู่เหมือนกัน หากเขาต้องออกเดินทางไปจากนครหลวง ร้านก็ไม่จำเป็นต้องปิดทำการ การปิดทำการทำให้เขาไม่มีรายได้ และจะทำให้การพัฒนาขั้นปราณของเขาหยุดชะงักลง ด้วยเหตุนี้การมีคนมาเปิดร้านขายต่อจึงจัดว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาพอตัวเลยทีเดียว
แต่การเลือกว่าจะให้ใครมาเป็นพ่อครัวแม่ครัวฝึกหัดนี่ละที่ยาก
“ภารกิจฉุกเฉิน: นายท่านต้องหาพ่อครัวแม่ครัวฝึกหัดให้ได้สองคน และสอนวิธีการทำอาหารจานเด็ดของร้าน อันประกอบไปด้วย ข้าวผัดไข่ ซี่โครงเปรี้ยวหวาน และเนื้อตุ๋นตำรับจีน รางวัลจากระบบ: สมุดสูตรอาหาร”
ปู้ฟางทำหน้าหน้าตาย ว่าแล้วเชียว… ระบบออกภารกิจฉุกเฉินให้เขาอีกแล้ว ชาตินี้เขาจะได้หายใจหายคอเต็มปอดบ้างหรือไม่นะ
………….
*****
เพื่อเป็นการตอบแทนนักอ่านที่สนับสนุนเราเสมอมา
เราขอมอบโค้ดเหรียญทองให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่นักอ่านผู้โชคดีที่เข้ามาอ่านนิยายในตอนนี้
*โค้ดมีจำนวนจำกัด และต้องเติมภายในวันที่ 31 มกราคม 2565
คุณนักอ่านสามารถเติมเหรียญได้ในเมนู *กรอกรหัสโปรโมชัน* ในแอปแอนดรอยด์ หรือ ในหน้ากระเป๋าเงินในเว็บไซต์ (https://fictionlog.co/i/payment) ทั้งนี้ โค้ดเหรียญทองต้องพิมพ์เป็นตัวใหญ่ ไม่มีสัญลักษณ์อื่นนอกจาก – _ และไม่มีเว้นวรรคทั้งหน้าและหลังโค้ด
สวัสดีปีใหม่ ?
—
คอมเม้นต์