ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – ตอนที่ 131 เรื่องเล่าสร้างแรงบันดาลใจที่สั่นสะเทือนโลกแปดพิภพ
การที่ประสบกับอุปสรรคจากน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอและซือคงจิงอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ทำให้บรรดาศิษย์เขาไร้พรมแดนมีใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
แพ้ชนะนั้นล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน หลังจากเสียเปรียบด้วยน้ำมือเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว กลับยังต้องพึ่งพาคนอื่นให้ช่วยเหลือฟื้นฟูสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำของตนอีก จึงยิ่งทำให้กลุ่มคนของจี้ฮั่นหรูรับไม่ได้
ต่อให้อยากจะหาโอกาสกลับคืนมาอีกครั้ง ต่างก็มีความรู้สึกว่าเป็นไปได้ยากแล้วอยู่บ้าง
ถึงแม้จ้าวฮ่าวจะไม่ได้พูดจา หรือกระทำการให้ผู้อื่นชอบแต่อย่างใด ทว่าในที่สุดบัดนี้ศิษย์เขาไร้พรมแดนก็ได้รับชัยชนะไปอีกขั้น ทำให้ความคับแค้นภายใจของทุกๆ คนพลันผ่อนคลายในทันที
“เขาบอกว่ามีสองวิธี ใครจะไปรู้ว่าเป็นการสร้างเรื่องตบตา เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับเขากว่างเฉิงของเขาหรือไม่ หรือแท้จริงแล้วมีเพียงแค่วิธีนี้วิธีเดียว”
มีศิษย์เขาไร้พรมแดนกล่าวด้วยความเกลียดชัง
“ต่อให้ไม่ใช่ ต่อให้มีวิธีอื่นจริงๆ ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว” ใบหน้าคนที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งเผยรอยยิ้มออกมา “วิธีที่ศิษย์สำนักเราเสนอขึ้น ทำให้สายแร่ฟื้นฟูได้เกินแปดส่วนจนใกล้เก้าส่วน ไม่ด้อยไปกว่าวิธีของเขาเลย ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เหตุใดพวกเราจะต้องขอความช่วยเหลือคนนอกอีกคนหนึ่งด้วย”
ศิษย์เขาไร้พรมแดนรอบๆ ทยอยผงกศีรษะตามกัน “ไม่ผิดหรอก เป็นเช่นนี้แหละ คราวนี้เยี่ยนจ้าวเกอตัดสินใจผิดเสียแล้ว”
สีหน้าจี้ฮั่นหรูเคร่งขรึมจริงจัง ไม่ได้ดีใจมากแต่อย่างใด ถึงอย่างไรเขาก็พ่ายแพ้ต่อเยี่ยนจ้าวเกออย่างแท้จริง และตอนนี้ต้องให้ศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักใหม่คนหนึ่งมาช่วยกู้หน้าให้กับสำนัก
ถึงกระนั้นเขาในฐานะหนึ่งในผู้นำรุ่นเยาว์แห่งเขาไร้พรมแดนคนหนึ่ง หากอยากจะล้างตา มีเพียงหนทางเดียวคือภายหลังต้องเอาชนะเยี่ยนจ้าวเกอด้วยมือตนเอง
ทว่าการที่สายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำสามารถฟื้นฟูได้ อีกทั้งยังไม่ต้องอาศัยแรงช่วยเหลือจากคนนอก ในฐานะศิษย์เขาไร้พรมแดน จี้ฮั่นหรูก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง
แต่ไหนแต่ไรฟู่เอินซูก็ไม่ยับยั้งอารมณ์ความรู้สึกของตนอยู่แล้ว บัดนี้นางคิ้วขมวดเป็นปมแน่น
จ้าวหมิง จิ่งอวิ๋นจือ และคนอื่นๆ ต่างก็มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความกังวลอยู่บ้าง
ครั้งนี้กลับโดยไร้ความดีความชอบ ทั้งยังถูกอีกฝ่ายเอาชนะอีก สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอที่ช่วงนี้ทุกอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการพ่ายแพ้ที่ใหญ่หลวงนักครั้งหนึ่ง
การแลกเปลี่ยนของเขากว่างเฉิงกับเขาไร้พรมแดนหลังจากนี้ ก็จะไม่มีความได้เปรียบอีกต่อไป ถึงขั้นเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่เล็กน้อยอีกด้วย
ส่วนฝั่งของเขาไร้พรมแดนก็มีความเห็นไม่ต่างกัน แม้ฝ่ายตนมีไมตรีต่อเขากว่างเฉิง ก็จะไม่รักษาน้ำใจช่วยเหลือเขากว่างเฉิงแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรสิ่งที่พวกเขาจะพิจารณาเป็นอันดับแรกตลอดไป ก็คือผลประโยชน์เขาไร้พรมแดนของตน
ท้ายที่สุดถึงแม้จะมีความสัมพันธ์ที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันก็ตาม ถึงอย่างนั้นตั้งแต่แรกจนถึงท้ายที่สุด ผู้ที่จะต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับการคุกคามของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็คือเขากว่างเฉิง เพราะพื้นที่ว่างในการพลิกหนีของเขาไร้พรมแดนนั้นมากกว่า
ซานสือเวิงก็เป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจระดับสูงของฝ่ายที่มีไมตรีต่อกว่างเฉิงภายในเขาไร้พรมแดน ทว่าสำหรับปัญหาสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำแห่งเขานิมิตเมฆ ต้องหวังให้ศิษย์สำนักตนแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างแน่นอน
ส่วนผู้อาวุโสจั่วที่เดิมก็ขับไล่เขากว่างเฉิงอยู่แล้วยิ่งดีอกดีใจ เขามองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง บัดนี้สิ่งที่เขากังวลกลับเป็นปัญหาพลังความสามารถของชายหนุ่ม ที่เอาชนะจี้ฮั่นหรูไปได้แทน ส่วนสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำ สถานการณ์ส่วนใหญ่ก็มีบทสรุปที่แน่นอนแล้ว
ขณะนี้จิตใจของผู้อาวุโสจั่วถึงขั้นย่ำแย่อยู่บ้าง เนื่องจากการกระทำครั้งนี้ของจ้าวฮ่าว สามารถเฟื่องฟูสายแร่ขึ้นมาได้ในชั่วพริบตาเดียว
นึกถึงลมปากที่แย่อย่างยิ่งของจ้าวฮ่าว ตั้งแต่แรกจนสุดท้ายไม่ยกคุณงามความดีให้แก่ผู้ใดเป็นแน่ ผู้อาวุโสจั่วจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
แต่ถึงอย่างนั้น ครั้งนี้ตนเองก็สามารถแบ่งเอาความดีความชอบได้อยู่บ้าง ผู้อาวุโสจั่วจึงเริ่มครุ่นคิดอย่างละเอียดว่าควรจะดำเนินการอย่างไรในสำนัก
เยี่ยนจ้าวเกอมองสถานการณ์มากมายที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ พลางกะพริบตาปริบๆ
เขาระมัดระวังสายตาของจ้าวฮ่าวที่จดจ้องตนมาโดยตลอด
เมื่อเห็นสายตาเยี่ยนจ้าวเกอทอดมองมา จ้าวฮ่าวจึงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ดูวิธีเจาะสำรวจของเจ้าแล้ว ข้าปรับเปลี่ยนแผนการดั้งเดิมของข้า ด้วยเหตุนี้จึงมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เป็นเจ้าเองที่สร้างผลลัพธ์ในตอนนี้ออกมา”
ผู้อาวุโสจั่วประสานมือคำนับไปทางฟู่เอินซู “ทำให้ท่านต้องลำบากถ่อเดินทางมาเสียเปล่า แต่ถึงอย่างไรสำนักเราก็ยังถือว่าเป็นพระคุณยิ่ง แม้ว่าจะไม่ใช้วิธีที่ศิษย์สำนักของท่านเสนอ แต่ในกระบวนการทั้งหมด เขาก็สร้างความดีความชอบเช่นกัน”
พอฟังคำกล่าวของผู้อาวุโสจั่วที่แสร้งทำเป็นใจกว้างแล้ว สีหน้าของฟู่เอินซูก็ทวีความอัปลักษณ์มากขึ้น เพียงแต่นางกลับไม่ได้พาลใส่อารมณ์กับเยี่ยนจ้าวเกอแต่อย่างใด เพียงจ้องแววตาของผู้อาวุโสจั่วเขม็ง แสดงความไม่เป็นมิตรมากขึ้นเรื่อยๆ
ดูจากท่าทางของนางแล้ว หากไม่ใช่เพราะผู้มีอำนาจแห่งเขาไร้พรมแดนทั้งสามคนอยู่ที่นี่ เกรงว่านางคงจะรื้อสายแร่วิญญาณลึกล้ำแห่งนี้ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
สายตาของจ้าวฮ่าวมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ ‘วันนี้ เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นหนึ่งเท่านั้น!’
‘เจ้ากับเขากว่างเฉิงเบื้องหลังเจ้า สุดท้ายแล้วล้วนต้องพินาศในมือข้า ไม่ใช่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ตำหนักอัสนีสวรรค์ ไม่ใช่เขาไร้พรมแดนที่จัดการเจ้า แต่เป็นข้า!’
แม้ว่าคำพูดเหล่านี้จะไม่ได้กล่าวออกมา ถึงกระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกของจ้าวฮ่าวได้จากสายตานั้น
“มีทางหนีทีไล่อะไร ก็ใช้เสียตอนนี้เลยเถิด เก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้การเสียเปล่า”
ทันใดนั้นเอง เยี่ยนจ้าวเกอก็พลันได้ยินเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงหาตนเอง
มุมปากของชายหนุ่มกระตุกเล็กน้อย “จะมีทางหนีทีไล่อะไรได้อีกเล่า ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้ข้าถูกตบหน้าจนดัง ‘เพียะ เพียะ’ เสียหน้าตลอดทางตั้งแต่เขานิมิตเมฆจนกลับเขากว่างเฉิงแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย ‘อีกทั้งศิษย์น้องจ้าวแห่งเขาไร้พรมแดนนี่ ก็กลายเป็นวีรบุรุษของสำนักตัวเองไปแล้ว เจ้าคิดดูสิ คนนอกมาถึงอาณาเขตของตนแล้ว วางมาดเย่อหยิ่ง ชี้นิ้วสั่งการส่งเดช คนอื่นๆ ในสำนักกลับไม่รู้จะทำเช่นไรกับเรื่องนี้ ทำได้แค่เพียงมองคนนอกโอ้อวดแสนยานุภาพ ราวกับข่มเพลิงเอาไว้ในใจแต่กลับไม่มีกำลังพอจะช่วยเหลืออะไรได้
ทันใดนั้น ศิษย์รุ่นเยาว์คนหนึ่งก็ลอยออกมาปรากฏบนโลก นำเอาคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่งมลายหายไป ทำให้ทั้งสำนักของตนลืมตาอ้าปากได้ ไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาใหญ่ที่สำนักต้องเผชิญมาโดยตลอดได้เท่านั้น ทั้งยังหักหน้าคนนอกที่ก่อนหน้าภูมิอกภูมิใจเสียจนไม่เหลือชิ้นดี ให้ขายหน้าเสียจนต้องแทรกพสุธา ทำได้แค่เพียงไสหัวกลับไปอย่างเศร้าซึม
ส่วนศิษย์รุ่นเยาว์ท่านนี้ที่พลิกสถานการณ์กลับมา ต่อแต่นี้ไปก็จะเดินไปยังเส้นทางจุดสูงสุดในชีวิตของตน ทางสำนักให้ความสำคัญในการดูแล ทรัพยากรที่ดีที่สุดมีแนวโน้มจะมั่นคง ได้ตำราลับวิชาวรยุทธ์ที่ดีที่สุดอบรบสั่งสอน
อืม เป็นไปได้ว่าอาจจะยังมีศิษย์พี่หญิง ศิษย์น้องหญิงทั้งหลาย ชอบพอด้วยเหตุนี้อย่างไม่หยุดหย่อน”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มจาง “เป็นอย่างไร เรื่องเล่าปลุกเร้าเป็นอย่างยิ่งใช่หรือไม่ สะเทือนใจไปทั่วแปดพิภพเลยจริงๆ”
เฟิงอวิ๋นเซิงเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม พลางกวาดสายตามองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง “ฟังแล้วดูแปลกๆ พิกล ท่านคิดถึงเรื่องสับสนอลหม่านเหล่านี้ได้อย่างไร”
นางมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วค่อยหันไปมองดูซือคงจิง “หากยึดตามที่ท่านพูดเช่นนี้ ยังเติมเสริมสิ่งนี้อีกใช่หรือไม่ แต่ไหนแต่ไรกับหญิงสาวที่มากับศัตรูผู้นั้น ไม่แอบมีใจให้ก็สงสัยใคร่รู้ หรือไม่ก็ไม่พอใจกับชัยชนะ แต่ต่อจากนี้ไปถึงอย่างไรใจดวงนี้ก็เกี่ยวพันกับคนคนนี้แล้ว”
ชายหนุ่มยิ้มพลางมองไปทางนาง “หืม เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“ถือโอกาสทำตามแนวคิดอันแปลกประหลาดพิลึกของท่านดูน่ะสิ” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง “ท่านไตร่ตรองความคิดที่แปลกประหลาดเหล่านี้ออกมาได้ เช่นนั้นก็คิดเองเถอะว่าจะแก้ไขปัญหาเบื้องหน้านี้อย่างไร ท่านคิดจะทำเช่นที่กล่าวมาจริงๆ แล้วถูกผู้อื่นหักหน้าจนแทบจะต้องแทรกแผ่นดินหนี สุดท้ายก็ต้องไสหัวกลับอย่างเศร้าสร้อยเซื่องซึมอย่างนั้นรึ”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน “มีคำกล่าวหนึ่งกล่าวว่า การระเบิดปะทุคือศิลปะ คือสัจธรรม คือความศรัทธา”
คำพูดประโยคนี้เสียงเบานัก จนเฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินไม่ชัดนัก “อะไรนะ”
พูดยังไม่ทันจบดี สายแร่บริเวณนั้นเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมา!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตแก่นแร่ซึ่งให้ความรู้สึกชนิดที่พลิกแม่น้ำคว่ำทะเล ราวกับจะระเบิดกระจุยไปจนเสียสิ้นทั้งหมด!
ผู้อาวุโสเสวียนสือตื่นตกใจ หยุดวิชาตัดชีพจรไหลทวนของจ้าวฮ่าวลงกลางคัน ปราบปรามการเปลี่ยนแปลงของสายแร่อย่างเต็มกำลัง
ขณะนี้ สายแร่ศิลาอสูรทั้งหมดก็เหมือนกับถังดินปืนขนาดมหึมาถังหนึ่งที่ถูกจุดไฟ!
……………
Related
คอมเม้นต์