Perfect Superstar – ตอนที่ 164 ปะทะ
ตอนที่ 164 ปะทะ
อินเทอร์เน็ตในประเทศเริ่มเติบโตในช่วงปลายปี 1990 และเจริญรุ่งเรืองหลังจากเข้าสู่ศตวรรษใหม่ กลายเป็นอุตสาหกรรมระดับล้านล้านและถือว่าได้เป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจ
การถือกำเนิดของยุคอินเทอร์เน็ต ในขณะเดียวกันก็ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของโลกอย่างลึกซึ้งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมดั้งเดิมเป็นจำนวนมาก มีอุตสาหกรรมจำนวนไม่น้อยที่เสื่อมโทรมลงหรือกระทั่งหายเข้ากลีบเมฆไปเลย
อุตสาหกรรมแผ่นเสียงก็คือหนึ่งในนั้น
เมื่อเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาถือกำเนิดขึ้น และถูกรวมเข้ากับสมาร์ทโฟนในภายหลัง อุตสาหกรรมแผ่นเสียงแบบดั้งเดิมจึงเดินเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ บริษัทแผ่นเสียงหลายแห่งทยอยกันเปลี่ยนแปลงเดินหน้าอย่างยิ่งใหญ่เพื่อความบันเทิงและสื่อรูปแบบใหม่
นักร้องดังยุค 80-90 สามารถทำเงินเป็นกอบเป็นกำจากการขายเสียงแผ่นเสียงเป็นเทน้ำเทท่า ทุกวันนี้เหล่าศิลปินไอดอลรุ่นใหม่ที่ออกอัลบั้มล้วนขาดทุนทั้งสิ้น เพื่อเพิ่มความนิยมและยกระดับตัวเอง พวกเขาจึงต้องผ่านผลิตภัณฑ์ต่อพ่วง เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา ออกรายการโชว์และอื่นๆ เพื่อเรียกต้นทุนกลับมา
เพราะฉะนั้นการจำหน่ายบนอินเทอร์เน็ตจึงกลายเป็นหนึ่งในช่องทางการบริหารจัดการที่สำคัญของบริษัทเอเจนซี่จัดหานักแสดง อย่างเช่นเว็บไซต์เพลงใหญ่ๆ ของเฟยซวิ่นมิวสิค อี้หว่างมิวสิค ถือว่าเป็นสนามรบสำคัญสำหรับศิลปินนักร้อง
นอกจากนี้ยอดขายของเว็บไซต์เพลงในประเทศทั้งสี่แห่ง ยังถูกนำเข้าไปคำนวณเป็นยอดขายอัลบั้ม ส่งผลให้เกิดยุคใหม่ของโกลเดนดิสก์อวอร์ดส์ แพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์ ไดมอนส์ดิสก์อวอร์ดส์ และอิมพีเรียลคราวน์ดิสก์อวอร์ดส์!
ยอดขายออนไลน์บวกยอดขายจริงเกินหนึ่งแสนหยวน และผ่านการรับรองจากสมาคมนักดนตรีจีน ก็จะได้รับรางวัลระดับโกลเดนดิสก์อวอร์ดส์ได้สำเร็จ!
ยอดขายเกินห้าแสนก็คือแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์ ยอดขายถึงหนึ่งล้านก็คือไดมอนส์ดิสก์อวอร์ดส์
สำหรับเกียรติอันสูงสุดของอิมพีเรียลคราวน์ดิสก์อวอร์ดส์ จะต้องมียอดขายถึงห้าล้าน!
เว็บไซต์เพลงที่ได้รับการรับรองโดยสมาคมนักดนตรีจีน ได้แก่ เฟยซวิ่นมิวสิค อี้หว่างมิวสิค ป็อปเรดิโอและวอยซ์ออฟไชน่า ร้านขายซีดีที่ได้รับการรับรองจำกัดอยู่ที่ร้านหนังสือซินหัวเท่านั้น ส่วนการขายบนเว็บไซตอี้เป่าไม่ได้จัดอยู่ในนี้
เหตุผลง่ายมาก ประสิทธิภาพการขายบนเว็บไซต์อี้เป่าสามารถปลอมแปลงได้ง่ายเกินไป และมีต้นทุนในการปลอมแปลงที่ต่ำมาก เป็นไปไม่ได้ที่สมาคมนักดนตรีจีนจะขอให้ยักษ์ใหญ่อย่างเว็บไซต์อี้เปาให้ความร่วมมือกับตัวเองดังนั้นจึงล้มเลิกไป
ด้านเว็บไซต์เพลงใหญ่ทั้งสี่และร้านหนังสือซินหัว ถึงแม้จะสามารถจ่ายเงินเพื่อเพิ่มยอดขายได้ แต่ต้นทุนก็สูงมาก
เพราะฉะนั้นอำนาจการรับรองของสมาคมนักดนตรีจีนจึงสูงที่สุดในประเทศจีน
ทุกวันจันทร์ สมาคมนักดนตรีจีนจะประกาศยอดขายสูงสุดห้าสิบอันดับแรกในประเทศจีนบนเว็บไซต์ทางการรวมทั้งรายการแผ่นเสียงที่ผ่านการรับรองระดับโกล ระดับแพลตตินั่ม ระดับไดมอนส์และระดับอิมพีเรียลอีกด้วย
สำหรับนักร้องส่วนใหญ่ สามารถได้รับรางวัลระดับโกลเดนดิสก์ได้สำเร็จก็เพียงพอแล้ว
และเกณฑ์การตัดสินนักร้องระดับแถวหน้า ระดับแพลตตินั่มคือสิ่งที่ขาดไม่ได้
ส่วนดาราดังตัวท็อปที่แท้จริง เป้าหมายของพวกเขาคือระดับไดมอนส์ดิสก์มาตลอด!
สำหรับระดับอิมพีเรียลดิสก์ ตอนนี้ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่ยากจะได้มา ความจริงแค่ระดับไดมอนส์ดิสก์ ก็ยังต้องใช้เวลาสะสมนานมากถึงจะบรรลุถึง ไม่เหมือนเมื่อก่อนแป๊บเดียวก็ขายได้หลักล้านหรือระดับหลายล้าน
เสรีภาพของอินเทอร์เน็ตและจิตวิญญาณแห่งการแบ่งปัน ก่อให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์โทรทัศน์ ดนตรีและวรรณกรรมที่ไม่อาจขจัดออกไปได้
เหตุผลที่อัลบั้มชุดแรกของลู่เฉิน ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ไม่ได้เป็นที่สนใจมากนัก นอกจากคู่แข่งที่แข็งแกร่งแล้ว เหตุผลหลักที่สำคัญก็คือเพลงในอัลบั้มโดยทั่วไปแล้วสามารถค้นหาได้ในอินเทอร์เน็ต และชาวเน็ตจำนวนมากก็เคยฟังมาแล้ว ความปรารถนาของการบริโภคจึงลดลงไปเป็นธรรมดา
วันที่ 8 เดือนกันยายนเวลาเย็นหนึ่งทุ่ม อัลบั้มชุดแรกนี้ได้ออกจำหน่ายบนเว็บไซต์เพลงเฟยซวิ่นแล้ว
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีอัลบั้ม ‘Pantera’ ของชุยเจิ้งจื้อ!
หลายคนให้ความสนใจกับยอดขายของอัลบั้มสองชุดนี้ และยังให้ความสนใจกับการดวลกันของนักร้องนักแต่งเพลงทั้งสี่คน
อัลบั้มชุดแรกของโจวเป้ย ‘Blooming Flowers’ ได้วางจำหน่ายในวันที่ 4 ก่อนหน้านี้ ตอนนี้มียอดขายอยู่ที่เจ็ดหมื่นชุดขึ้นไป
อัลบั้มชุดแรกของหลิงเสี่ยวเซียว ‘True love invincible’ ออกจำหน่ายวันที่ 5 มียอดขายอยู่ที่ห้าหมื่นชุดขึ้นไปความแตกต่างระหว่างทั้งสองคนจึงมีไม่มาก
จนถึงตอนนี้ ผลงานของทั้งสองคนถือว่าผ่านเกณฑ์ ไม่มีความน่าตื่นเต้นเกินไป และไม่ทำให้คนต้องผิดหวังเกินไป
อย่างน้อยรางวัลระดับโกลเดนดิสก์ก็ถึงมือแน่นอน แต่กำลังในช่วงท้ายของทั้งสองอัลบั้มนี้ยังไม่ชัดเจนพอ
การขายอัลบั้มออนไลน์ล้วนมีกฎเกณฑ์ตายตัวอยู่เสมอ นั่นก็คือปริมาณการขายภายในเจ็ดวันจะต้องมียอดขายสี่สิบถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมด โดยเฉพาะช่วงสามวันแรกถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ และถูกเรียกว่าเป็นกฎเจ็ดสิบสองชั่วโมง
อัลบั้มหนึ่งชุดจะขายดีแค่ไหน จะพอขายได้ จะผ่านเกณฑ์หรือขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยทั่วไปภายในเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงก็สามารถรู้ได้แล้ว
อัลบั้ม ‘Blooming Flowers’ ของโจวเป้ยกับอัลบั้ม True love invincible’ ของหลิงเสี่ยวเซียว ถือว่าอยู่ในระดับที่ผ่านเกณฑ์เท่านั้น แต่ยังห่างจากระดับขายดีอีกมาก การแสดงออกของทั้งสองคนทำให้ผู้ชมบางส่วนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เดิมทีคิดว่าจะได้ดูการแข่งขันที่ดุเดือดสักตา แต่ผลที่ได้กลับเงียบสงบเป็นอย่างมาก สายตาของทุกคนจึงย้ายไปที่อัลบั้มใหม่ชุดแรกของลู่เฉินกับชุยเจิ้งจื้อ เพื่อดูว่าระหว่างทั้งสองคนจะสามารถปะทะกันจนเกิดประกายไฟได้หรือไม่
คนส่วนใหญ่เชื่อว่า ชุยเจิ้งจื้อจะสามารถชนะได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร
อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง แค่การโฆษณาโจมตีอย่างเดียว อัลบั้ม ‘Pantera’ ของชุยเจิ้งจื้อ ก็ทิ้งช่วงห่างจากลู่เฉินไปเยอะมาก เพลงหลักของอัลบั้ม ‘Pantera’ ยังคงติดชาร์ตหน้าแรกของเว็บไซต์เพลงเฟยซวิ่นเหมือนเดิม แบบนี้ถึงจะเรียกว่าสง่างามดั่งสายรุ้งอย่างแท้จริง
เมื่อเทียบกันแล้วของลู่เฉินดูจะจืดชืดเกินไป อัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ แม้ว่าจะทุ่มเงินลงไปแล้วยอดจำหน่ายอัลบั้มของเขาก็ไม่ได้ดีมาก แค่ได้คำชมในทางที่ดีก็เพียงพอแล้ว
ต่อให้เขาจะใช้คำว่า ‘มาสู้กัน’ ในบล็อกเพื่อตอบกลับคำท้าของชุยเจิ้งจื้อก็ตาม มีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่าลู่เฉินอยากจะฉวยโอกาสของคนหลังมาสร้างกระแสเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเข้าข่ายพฤติกรรมขอติดรถไปด้วย แต่ไม่ได้ต้องการสู้กับชุยเจิ้งจื้อจริงๆ จังๆ
หลักฐานพิสูจน์ที่ง่ายที่สุดคือ แม้แต่เฟยซวิ่นมิวสิครวมทั้งสื่อออนไลน์ใหญ่หลักๆ หลายแห่งภายในประเทศ ก็ยังไม่มีการโฆษณาอัลบั้มของลู่เฉินเลยสักนิด แต่การโฆษณาอัลบั้ม ‘Pantera’ กลับเห็นได้ทุกที่
คำฮอตฮิต ‘มาสู้กัน’ บนบล็อกล่างฉาวกลับถูกสร้างเป็นกระแสขึ้นมา แต่มันจะมีผลสักเท่าไรกัน
ในบล็อก ฟอรัมและกระทู้ที่เกี่ยวข้อง มีคนจำนวนน้อยมากที่มองในมุมเดียวกัน
รวมทั้งตัวของชุยเจิ้งจื้อ
ตอนที่อัลบั้มชุดแรก ‘Pantera’ ออกวางจำหน่าย เขากำลังอยู่ที่โรงแรมดังระดับห้าดาวในฮู่ไห่พอดี
ช่วงที่โปรโมทอัลบั้ม ชุยเจิ้งจื้อต้องไปออกรายการสิบกว่าที่ติดต่อกันโดยการจัดการของบริษัท แค่วันนี้วันเดียวเขาก็ต้องวิ่งทำกิจกรรมที่ห้างสรรพสินค้าสองแห่งและร้านโชว์รูมรถครบวงจรในฮู่ไห่
กลับมาถึงโรงแรมก็ค่ำแล้ว เขายังไม่ได้ทานข้าวเลย ร่างกายก็เหนื่อยล้าเต็มที แต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง
ศิลปินไอดอลหนุ่มคนนี้กำลังจ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จ้องดูรายการอัลบั้มของตัวเองกับลู่เฉินในหน้าแรกของเว็บไซต์เพลงเฟยซวิ่น จ้องมองตัวเลขที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังอัลบั้ม…ยอดจำหน่ายดาวน์โหลดเพลง
ตอนแรกยอดจำหน่ายของอัลบั้ม ‘Pantera’ ยังคงนำหน้าได้อย่างมั่นคง แซงหน้าอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ไปมากโข!
รอยยิ้มได้ใจเผยออกมาบนใบหน้าของชุยเจิ้งจื้อ
“เสี่ยวจื้อ นายไม่ต้องดูหรอก ลู่เฉินคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายเลยด้วยซ้ำ!”
คนที่พูดคือผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา
แต่ที่น่าสนใจก็คือ เช่นเดียวกับลู่เฉิน เพราะผู้จัดการส่วนตัวของชุยเจิ้งจื้อก็เป็นพี่สาวของเขา…ชุยซิ่วอิน
เดิมทีชุยซิ่วอินก็เป็นศิลปินคนหนึ่ง ภายใต้การสนับสนุนของพ่อแม่เธอได้เดบิวต์สองสามปีแต่ก็ไม่ค่อยดัง รับเล่นบทบาทตัวเล็กๆ ถ่ายละครโทรทัศน์สองสามเรื่อง แต่อาชีพทางด้านนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น
ตอนหลังเธอจึงเปลี่ยนมาทำงานเบื้องหลัง ช่วยเหลือน้องชายอย่างจริงจัง
รูปร่างหน้าตาของชุยซิ่วอินนั้นธรรมดามาก ถึงแม้จะแต่งหน้าแต่งตัวสวยเต็มที่แล้วก็ดูดีแค่หกเจ็ดส่วน ยีนเด่นของพ่อแม่เธอล้วนไปรวมอยู่ที่ตัวของชุยเจิ้งจื้อผู้เป็นน้องชาย และคนหลังพอได้เดบิวต์ก็กลายเป็นดวงดาวจรัสแสง ดึงดูดสายตาผู้คน
แต่ชุยซิ่วอินก็ไม่เคยอิจฉาน้องชาย ตรงกันข้ามเธอกลับรักชุยเจิ้งจื้อเป็นอย่างมาก คอยดูแลคนหลังอย่างดีไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
ในเฉิงเถียนเอนเตอร์เทนเม้นท์ เธอมีชื่อเสียงด้วยนิสัยที่แข็งแกร่งกัดไม่ปล่อย จึงมีหลายคนไม่กล้าหาเรื่องเธอ
สำหรับการแข่งขันของน้องชายกับลู่เฉิน ชุยซิ่วอินไม่กังวลเลยสักนิด
“ของเขาเป็นผลงานที่ล้าหลัง สามารถขายได้หนึ่งในสิบของนายก็ถือว่าเขาโชคดีแล้ว!”
ชุยซิ่วอินกล้าพูดแบบนี้ ก็เพราะเธอมีความมั่นใจมาก
เนื่องจากในอัลบั้ม ‘Pantera’ ของชุยเจิ้งจื้อ นอกจากสองสามเพลงที่เขาเขียนด้วยตัวเองแล้ว เพลงที่เหลือส่วนใหญ่ถูกแต่งโดยลีจุงกีนักแต่งเพลงชื่อดังชาวเกาหลี
อัลบั้มชุดนี้ลีจุงกีเป็นคนตรวจสอบด้วยตัวเอง จึงมีมาตรฐานอันดับหนึ่ง และสไตล์เพลงป็อปเกาหลีต้นตำรับ ก็คือเพลงเร็วเพลงฮิตที่คนหนุ่มสาวชอบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทำนองดนตรีหรือจังหวะเพลงล้วนไร้ที่ติ
ชุยซิ่วอินเชื่อว่าอัลบั้มชุดนี้ จะทำให้อาชีพการงานของชุยเจิ้งจื้อจะได้ก้าวขึ้นบันไดขั้นใหญ่กว่าเดิมแน่นอนกลายเป็นไอดอลชื่อดังในวงการบันเทิงของประเทศ จากนั้นก็จะก้าวเข้าสู่วงการโทรทัศน์ภาพยนตร์ในขั้นต่อไป
เส้นทางดวงดาวที่กว้างใหญ่ ได้ปูทางข้างหน้าให้เขาแล้ว!
ส่วนลู่เฉินน่ะเหรอ เหอะๆ ก็เป็นได้แค่ก้อนหินเล็กๆ ริมทาง เตะทีเดียวก็กระเด็นแล้ว
มาปะทะกับเจิ้งจื้อโอปป้าของฉัน ถือว่าเขาซวย!
ชุยซิ่วอินไม่ได้แต่งประโยคนี้ขึ้นมาเอง แต่เป็นพวกแฟนคลับของชุยเจิ้งจื้อที่พูดกันในกระทู้
และชุยซิ่วอินก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ชุยเจิ้งจื้อจะภาคภูมิใจ และเห็นด้วยกับความคิดของชุยซิ่วอิน แต่เขาก็ยังต้องพูดว่า “ความสามารถของลู่เฉินก็ยังมีอยู่ เพลงดวงดาวที่สุกสกาวบนฟากฟ้าราตรีเพลงนั้นของเขาก็ไม่เลว แต่เพลงอื่นๆ กลับธรรมดามาก ล้าสมัยเกินไป”
ชุยเจิ้งจื้อเติบโตที่ประเทศเกาหลี และยังได้รับการอบรมเป็นศิลปินฝึกหัดในประเทศเกาหลีอีกด้วย สิ่งที่ได้เห็นได้ยินบ่อยๆ ล้วนเป็นสไตล์ยอดนิยมของประเทศเกาหลีใต้ เขาจึงอาศัย ‘คลื่นเกาหลี’ กลับมาเพื่อขยายการตลาดในประเทศ และเขาก็ไม่ชอบเพลงบัลลาดพื้นบ้านของลู่เฉิน
“แต่ถ้าทิ้งช่วงห่างเขาเกินไปล่ะก็…”
ใบหน้าของชุยเจิ้งจื้อเผยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาออกมา “อย่างนั้นผมชนะก็ไม่สนุกสิครับ พี่ว่าผมพูดถูกไหม”
“ใช่แล้ว!”
ชุยซิ่วอินลูบศีรษะของน้องชาย แล้วยิ้มกล่าวว่า “ไม่ต้องดูแล้ว มาทานข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวท้องจะหิวแย่!”
อาหารเย็นในโรงแรงเพิ่งเอาเข้ามาส่งในห้อง เธอกลัวว่าเย็นแล้วจะไม่อร่อย
ชุยเจิ้งจื้อพยักหน้าปิดคอมพิวเตอร์
สำหรับอัลบั้มชุดแรกของตัวเองนี้ เขามีความมั่นใจสุดๆ
แต่พอนึกถึงลู่เฉินตอบกลับตัวเองในบล็อกแล้ว ชุยเจิ้งจื้อก็รู้สึกหัวร้อนขึ้นมานิดหน่อยจริงๆ
ฉันจะทำให้นายรู้ว่า อะไรที่เรียกว่านักร้องสายความสามารถที่แท้จริง!
กระทั่งเขาคิดเนื้อหาของการโพสต์ในบล็อกของตัวเองในวันพรุ่งนี้เรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยก็ต้องใช้ความจริงตอกกลับไปเสียหน่อย
แบบนั้นเป็นการให้ความสำคัญลู่เฉินเกินไปหรือเปล่า
ชุยเจิ้งจื้อกลั้นหัวเราะไม่อยู่ แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “พี่ครับ พี่สั่งของอะไรอร่อยมาให้ผมกินเหรอ”
“ผมอยากกินเนื้อ!”
…………………………………………………………………………
ไอคอนเหรียญทอง
คอมเม้นต์