Physicians Odyssey – บทที่ 13คำสาบผีสมรส
บทที่ 13คำสาบผีสมรส
ไคหยานมักจะมีนิสัยเข้านอนตอนสามทุ่มเป็นประจำ ซึ่งจะใช้เวลาราวๆครึ่งชั่วโมง ด้วยวิธีนี้ เธอสามารถรักษาสุขภาพจิตของเธออให้คงที่ได้ แต่ทว่ามันก็หลุดชะงักลงในวันนี้ เธอนั่งลงบนเก้าอี้หวายพลางขยี้ตาที่เมื่อยล้า เธอเห็นพ่อของเธอ , ไค ซงพู เดินเหงื่อท่วมมาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่สองใบ
ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นของเธอ ผมของหล่อนห้อยลงมาราวกับน้ำตก , เธอมีใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามซึ่งแต้มด้วยจมูกที่ตั้งตรง เธอสวยราวกับหลุดออกมาจากรูปภาพ
“พ่อ , ทำไมไม่บอกชั้นก่อนล่ะว่าจะกลับมาที่บ้านน่ะ” ไคหยานยืดเอวก่อนที่จะลุกขึ้นมาช่วยซงพู
ไคซงพูปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากก่อนที่จะเข้ามาในบ้านพลางกระซิบกับไคหยาน “เราจะรวยกันแล้ว ! วันนี้พ่อได้ของเจ๋งๆมาด้วยล่ะ”
ไคหยานรู้ว่าหากขอองนั่นมีราคาสูงเกินไป มันคงเป็นที่รู้จักไม่มากนัก เธอเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับไคซงพู สายตาของเธอเป็นประกายด้วยความตกใจ
“พ่อ ! นั่นมันภาพวาดของราชวงค์ซ่งนี่ !”
ไคซงพูยกนิ้วโป้ง เขารู้สึกเป็นปลื้มสายตาของไคหยานซึ่งได้สืบทอดความสามารถของเขามา ความสามารถของเธอนั้นถือได้ว่าเข้าขั้นปรมาจารย์เลยทีเดียว
ไคซงพูซึ่งสีหน้าดูมีความสุขพูดต่อ “พ่อได้ติดต่อคนซื้อไว้แล้ว เขาจะมารับสินค้าในอีกสองวัน หลังจากการซื้อขายนี่เสร็จสิ้น พ่อจะให้ลูกไปพักผ่อนยาวๆเลย ลูกอยากไปเที่ยวรอบโลกดูไหมล่ะ พ่ออนุญาตนะ”
สมัยราชวงค์ซ่งนั้นนับเป็นยุคทองของภาพวาดในประเทศจีนเลยทีเดียว สมัยนั้นได้มีการสร้างสถาบันจิตรกรรมฮั่นหลินและสถาบันการประดิษฐ์อักษรด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยที่ซ่งฮุ่ยจง แม้แต่ตัวเขาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญการวาดภาพเช่นกัน
ไคหยานสำรวจรูปภาพอย่างระมัดระวังก่อนที่เธอจะเอามันไปเก็บในไว้ตู้เซฟที่อยู่หลังชั้นวางหนังสือ
ไคซงพูถอนหายใจพลางมองไปยังไคหยาน “เธอยังไปบ้านข้างๆเพื่อรักษาอาการป่วยอยู่หรือเปล่า ?”
ไคหยายชะงักไปชั่วครู่เมื่อพ่อของเขาถามเรื่องนี้ เธอตอบกลับ “ทักษะการรักษาของซูเถานั้นเข้าขั้นอัจฉริยะเลยหล่ะ !”
สายตาของไคซงพูเป็นเป็นแววตาเย็นชา “พ่อคิดว่าเขายังเด็กเกินไปและอ่อนประสบการณ์ พวกลูกน่าจะรักษาระยะห่างกันให้ดีกว่านี้ ท้ายที่สุดแล้วชายหญิงก็ควรจะแยกห่างจากกัน”
ไคหยานรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “พ่อ พวกเราอยู่ในสังคมสมัยใหม่แล้วนะ ในหัวพ่อนี่ยังคิดถึงแต่เรื่องระบบสังคมเก่าๆอยู่อีกเหรอ ? นี่ชั้นแค่จะมีเพื่อนโดยไม่ต้องเกี่ยงเรื่องเพศบ้างเลยไม่ได้หรือไง ?”
ไคซงพูอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนเขาจะพูด “ลูกพ่อ , มันเป็นความผิดของพ่อเองที่ปล่อยให้ลูกป่วย หากพ่อไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เข้าตาจนแล้วละก็ พ่อคงไม่ใช้ลูกหรอก ถ้าลูกคบหากับผู้ชาย ชีวิตของลูกจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน”
ใบหน้าของไคหยานเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผาก เธอเถียง “พ่อ , ชั้นเข้าใจในความหวังดีของพ่อนะ แต่ชั้นก็มีชีวิตเป็นของตนเอง ชั้นไม่สามารถอยู่ในโลกที่มืดมิดได้ตลอดหรอก”
อย่างไรก็ตาม ไคซงพูดจะโกรธพลางคว้าข้อมือขอองไคหยาน “ลูกต้องฟังพ่อ , พ่อกลัวที่จะเสียลูกไป”
ไคหยานสะบัดมือทิ้ง เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ชั้นไม่อยากจะมีชีวิตแบบนี้ ถึงต้องตายชั้นก็ยอม!”
พอไคหยานออกไป , แววตาของไคซงพูเต็มไปด้วยความสับสน , เมื่อสิบปีก่อน เขามีหนี้สินและเนื่องจากเขาไม่มีทางเลือก เขาได้ลงนามในข้อตกลงซึ่งเขาได้เสียใจมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ; การปล่อยให้ลูกสาวของเขานั้นหมั้นกับชายที่ป่วยหนัก
มันเริ่มมาจากความเชื่อที่ล้างโชคร้ายด้วยโชคดี , อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นได้ตายอย่างกะทันหัน และเนื่องจากการต้องการขจัดโชคร้ายของครอบครัวนั้น ไคหยานถูกบังคับให้เข้าพิธีแต่งงานผีกับชายคนนั้น
(**note : การแต่งงานผีคือการแต่งงานที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต ซึ่งจะทำพิธีให้กับคู่สมรสที่ตายก่อนจะได้แต่งงาน มีจุดประสงค์เพื่อให้คนที่ตายไปนั้นไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เป็นพิธีกรรมโบราณของจีน)
เมื่อภาระหนี้สินของไคซงพูดีขึ้น เขาต้องการที่จะล้มเลิกงานแต่ง แต่เขาไม่เคยนึกเลยว่าไคหยานจะถูกสาปและล้มป่วยลงหากทำอย่างนั้น ซึ่งทุกๆเดือนจะมีช่วงเวลาที่ร่างกายของเธอนั้นอ่อนแอลง ตามบันทึกของลัทธิเต๋า คู่สมรสของไคหยานนั้นได้กลายเป็นผีร้าย ดังนั้น ไคหยานจึงได้ถูกสาบในตอนที่เธอต้องการจะล้มเลิกงานแต่ง
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ไคหยานโสดมาหลายปีแล้ว
ไคซงพูได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับร้านขายของเก่านี่มาหลายปีแล้ว ดังนั้น เขาจึงเป็นพวกเชื่อโชคลาง ไคหยานเป็นคนที่สวย และผู้ชายมากหน้าหลายตาต้องการที่จะจีบเธอ แต่พวกเขาทั้งหมดก็ถูกเขาไล่ตะเพิดไปหมด เขากลัวว่าผีลูกเขยเขาจะสาปไคหยานให้อาการแย่ลง
เขาเป็นคนฉลาด เมื่อเขาเห็นว่าไคหยานกับซูเถาพูดคุยกันด้วยสีหน้าท่าทางยิ้มแย้มในตอนที่เขาผ่านตำหนัก ซูเถามีเงินไม่มากนัก ตั้งแต่ที่ซูกวงเฉิงไม่คิดเงินค่ารักษาเวลาที่เขารักษาคนอื่น
เขานั่งพักลงบนเก้าอี้ซักครู่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและรู้สึกว่าขาของเขานั้นชา พอได้ลองตรวจขาดู เขาก็พบว่าหนองตรงบริเวณกระดูกหน้าแข็งนั้นใหญ่ขึ้น หลังจากพิจารณาคร่าวๆ เขาจึงตัดสินใจที่จะไปที่ตำหนักเพื่อซื้อยามารักษาและเข้าไปเตือนคนที่คิดจะจีบลูกสาวเขาที่อยู่บ้านถัดไป
ซูเถายืนอยู่ที่เคาเตอร์จ่ายยา เขาหาวโดยที่มีน้ำตาไหลออกมาพลางมองไปยังไคซงพูซึ่งเดินเขยกมาที่ร้านยาของเขา
“ลุงไค , ไม่เจอกันนานเลย มีธุระอะไรเหรอ เวลาแบบนี้ ?” เขาเริ่มทักทาย
‘ทำไมซูเถาทำท่าเหมือนสนิทกับชั้นทั้งๆที่เราไม่ค่อยจะได้เจอหน้ากันเลยนักนะ’
เขาขมวดคิ้วพลางโบกมือ “เอาเถียนซี , เซอร์เซี่ยม(พืชตระกูลยืนต้น ลักษณะเป็นดอกไม้มีหนาม) , คุณนายตื่นสาย เอาอย่างละร้อยกรัม”
ซูเถานิ่ง เขามองไปยังไคซงพูแล้วส่ายหัว
ไคซงพูรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที เขาตบมือลงไปยังเคาเตอร์จ่ายยา “แกไม่ได้ยินที่ชั้นพูดหรือไง ?”
ซูเถาถอนหายใจ “ลุงไค , มันดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ที่คุณมาซื้อยาที่ร้านโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์”
ไคซงพูดตอบอย่างเดือดดาล “ชั้นรู้ตัวชั้นดี แค่ทำตามที่ชั้นบอก จัดมายามาให้ชั้น เลิกไร้สาระได้แล้ว”
อย่างไรก็ตาม ซูเถายังคงนิ่งก่อนที่จะพูด “เถียนซีนั้นใช้สำหรับรักษารักษารอยกัดจากพวกแมลงมีพิษ เซอร์เซี่ยมใช้รักษาพิษงู ส่วนคุณนายตื่นสายใช้รักษาเวลาโดนตะขาบกัด สมุนไพรที่คุณจะใช้นั้นมันไม่ถูกต้อง”
ไคซงพูเลิ่กคิ้ว “ไอ้หนู เลิกเล่นเป็นหมอได้แล้ว ชั้นมาที่นี่เพื่ออุดหนุนกิจการของแก แต่ถ้าแกไม่ขาย ชั้นก็ไปที่ร้านอื่น”
ไคซงพูรู้สึกว่าบางทีซูเถาอาจจะกำลังจีบไคหยานอยู่ เขาจึงไม่ชอบขี้หน้าซูเถาอย่างมาก ไคหยานเป็นสมบัติของเขาที่สำคัญกว่าวัตถุโบราณชิ้นไหนๆทั้งนั้น เขาจะใจเย็นละสุภาพกับคนที่คิดจะแย่งชิงสมบัติของเขาได้ยังไง ?
พอเห็นไคซงพูเดินออกไป ซูเถาถอนหายใจ ถ้าไม่ใช่เพื่อไคหยานแล้ว เขาไม่คิดแม้แต่จะพูดกับไคซงพูเลยด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนหยาบคายขนาดไหน
แต่หากมองไปที่ผิวของเขาแล้ว ไคซงพูกำลังป่วยหนัก แต่ก็อย่างที่เขาว่ากันไว้ คนเป็นหมอจะไม่ไปเคาะประตูหาคนไข้จนกว่าคนไข้จะต้องการ ซูเถาทำได้แค่รอให้อาการป่วยของไคซงพูกำเริบขึ้นและมาขอร้องเขาเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะดูยุ่งยาก แต่มันก็ยังรักษาได้
ความปั่นป่วนที่พวกหงเชงกรุ๊ปได้ก่อขึ้นมันมีผลมากทีเดียว ถึงแม้ธุรกิจตำหนักจะดีขึ้น มันก็ยังไม่เพียงพอ
พอกลางวัน ผู้เฒ่าสูได้ขยับโต๊ะและเก้าอี้กับเพื่อนๆของเขาเพื่อที่จะเล่นหมากล้อม ซูเถารู้ว่าผู้เฒ่าสูนั้นพยายามที่จะช่วยเขาให้ที่นี่เป็นที่รู้จักมากขึ้น เขาจึงเล่นด้วยแล้วต้มน้ำร้อนเอาไว้สองหม้อและช่วยเติมน้ำให้พวกเขา
พอผู้เฒ่าสูเห็นซูเถามองดูอยู่นาน เขายิ้ม “พ่อหนุ่มซู เล่นหมากล้อมเป็นมั้ย ?”
ซูเถาส่ายหัว “ผมรู้กฎแค่นิดหน่อย แต่เล่นไม่เก่งหรอก แต่ผมขอเตือนนะปู่สู คุณกำลังจะแพ้ในอีกห้าตาเดินนี่แหละ”
ผู้เฒ่าสูขมวดคิ้ว เขาจ้องไปที่กระดานหมากล้อมอยู่เป็นเวลานาน “อย่าพูดเหลวไหลน่า โอกาสที่ชั้นจะชนะนั้นมีสูงนะ ชั้นคุมเกมนี้ไว้ได้แล้ว”
ซูเถาส่ายหัว ก่อนที่เขาจะกลับไปที่เคาเตอร์ยาเพื่อเตรียมสมุนไพร หลังจากนั้นไม่นานนัก ผู้เฒ่าสูก็โวยวายออกมา “ชั้นโดนแกหลอกงั้นเหรอเนี่ย หนอย เจ้าแก่นี่”
ผู้เฒ่าเฉิน คนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาระเบิดหัวเราะออกมา “เจ้าหนุ่มซูเตือนนายแล้ว แต่นายไม่เอะใจกับคำพูดเขาเลย ฮ่าฮ่าฮ่า ชั้นคิดว่าเจ้าหนุ่มซูน่าจะเก่งกว่านายซะอีกนะ”
ผู้เฒ่าสูอารมณ์เสีย เขายืนขึ้นและลากซูเถามา “เจ้า , มาเล่นกับตาแก่นี่”
ซูเถายิ้มเล็กน้อย “ผู้เฒ่าสู ไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังยุ่งอยู่น่ะ ?”
ซูเถารู้ว่าผู้เฒ่าเฉินนั้นเล่นหมากล้อมมานาน เขามีฝีมือร้ายกาจซึ่งในสังคมคนเล่นหมากล้อมเองเขาก็นับว่าเป็นผู้มีฝีมือระดับต้นๆเลยทีเดียว เป็นเวลานานแล้วที่ซูเถาไม่ได้เล่นหมากล้อม เขาแทบจะไม่ได้ซ้อมมือเลย ดังนั้น เขาจึงใช้เวลาพักใหญ่ทีเดียวในการเดินหมากแต่ละครั้ง
เมื่อผู้เฒ่าเฉินเห็นการเดินหมากของซูเถา เขาส่ายหัว เขาไม่กล้าประมาทซูเถาเนื่องจากซูเถาสามารถมองทะลุหมากตาที่แล้วได้อย่างแม่นยำ ดังนั้น เขาจึงเดินหมากอย่างระมัดระวัง ในโลกของหมากล้อมนั้น คนแก่ไม่ใช่ผู้ชนะเสมอไปคนหนุ่มเองก็มีพลังใจที่เต็มเปี่ยมซึ่งนั่นถือเป็นจุดได้เปรียบของพวกเขา
หลังผ่านไปไม่กี่ตา ผู้เฒ่าเฉฺนทำคิ้วย่น การเดินหมากของซูเถานั้นดูธรรมดา ผู้เฒ่าเฉินได้ออกโรงเตือน “เจ้าหนุ่มซู ขืนยังเป็นแบบนี้ เจ้าแพ้แน่นอน!”
ซูเถายิ้มก่อนจะตอบโต้ “อย่าเพิ่งมั่นใจไป !”
หลังผ่านไปสิบตา หน้าผากของผู้เฒ่าเฉินก็เต็มไปด้วยเหงื่อก่อนที่เขาจะจ้องไปที่กระดานเป็นเวลานาน เขาสังเกตเห็นว่าหมากของเขานั้นถูกล้อมไว้หมดแล้ว และถ้าเขายังดื้อดึงจะเล่นต่อ เขาจะต้องติดกับศัตรูและแพ้อย่างหมดรูปแน่นอน ดังนั้น เขาจึงได้ยกมือก่อนที่จะยิ้มเล็กน้อย “ชั้นขอยอมแพ้!”
ผู้เฒ่าสูเห็นรูปแบบการเดินหมากของซูเถา แต่ทว่าการเดินหมากของเขานั้นมันแปลกเอามากๆ รูปแบบหมากนี้ไม่เคยมีในบันทึกมาก่อน เขาเดินอย่างระมัดระวัง เตรียมกับดักไว้เล่นงานผู้เฒ่าเฉินและปล่อยให้เขาแพ้ภัยตัวเอง
ผู้เฒ่าเฉินนั้นชนะมาตลอดและเขารู้สึกว่าเขาไม่สวมควรแพ้ การที่เขาประมาทคู่ต่อสู้ ทำให้ถูกซูเถาเล่นงาน เขารู้สึกเจ็บใจ ดังนั้นเขาจึงได้คว้าตัวซูเถามาก่อนจะยิ้ม “มาเล่นอีกตา ครั้งนี้ชั้นชนะแน่นอน!”
ซูเถายิ้ม เขาวางแผนให้ผู้เฒ่าเฉินแพ้แบบหมดรูปมากกว่านี้ ผู้เฒ่าเฉินจะได้เลิกตามตื้อเขาซักที
หลังจากเคลียร์กระดานใหม่แล้ว ไคหยานวิ่งหอบมาก่อนที่จะพูดกับซูเถา “ซูเถา รีบมาดูพ่อของชั้นที ตอนนี้เขาชักน้ำลายฟูมปากเลย!”
คอมเม้นต์