แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 66 หนานกงเวิ่นเทียน
บรรยากาศบ้านสกุลหนานกงตึงเครียดเป็นอย่างมาก
“หนานกงเวิ่นเทียน เจ้ายังมีหน้ากลับมาอีกเรอะ เอาชีวิตลูกชายข้าคืนมา” หนานกงชางผิง พ่อของหนานกงหางเทียนแทบอยากจะเข้าไปตบเด็กคนนี้ให้ตาย ลูกชายของเขากลายเป็นพิการ เด็กนี่ยังมีหน้ากลับมาอีก เมื่อนึกถึงคำพูดของลูกชาย หึหึ ค่อยดูละกัน คุณสมบัติร่างกายที่เป็นเตาหลอมคิดหรือว่าคนในสกุลจะปล่อยเขาไป
“ทำไมจะไม่กล้า หนานกงหางเทียนวางแผนลอบทำร้ายข้า แล้วยังใส่ร้ายข้า ไม่ให้ข้าได้มีโอกาสแก้ตัว ยิ่งไปกว่านั้นมันก็เป็นเพียงคนที่ไร้ความสามารถที่ได้ผูกพันธสัญญากับไก่ฟ้าเท่านั้น” หนานกงเวิ่นเทียนพูดขึ้นอย่างไม่ยี่หระ ตำแหน่งภายในสกุลก็มีแบ่งชนชั้นกันอยู่ อย่างหนานกงเวิ่นเทียนที่ทำพันธสัญญากับหงส์แน่นอนว่าจะต้องอยู่ในอันดับแรก หนานกงหางเทียนที่ทำพันธสัญญากับไก่ฟ้าก็อยู่ได้แค่อันดับรองลงมาเท่านั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำพันธสัญญากับหงส์ได้สำเร็จ มีเพียงแต่บ้านสกุลหนานกงเท่านั้นที่จะสามารถผูกพันธสัญญาได้
“ไอเด็กนี่ เจ้าว่าอะไรนะ” หนานกงชางผิงมีสีหน้าโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง
“พอได้แล้ว เวิ่นเทียน อาการบาดเจ็บของหางเทียนเจ้าเป็นคนทำจริงๆสินะ แล้วช่วงที่ผ่านมาเจ้าหายไปไหน” ผู้นำสกุลหนานกง หนานกงชางฉยงถามขึ้น
“เรียนท่านลุง ข้าถูกหนานกงหางเทียนลอบทำร้าย โดนพิษแรดน้ำเงินเข้าไปทำให้สูญเสียพลังเซียนไม่สามารถขยับได้ คู่พันธสัญญาของข้าเฟิ่งอิงเสวี่ย จึงได้ฝืนฉีกมิติออกมาเพื่อพาข้าหนีไป จากนั้นข้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านปรมาจารย์เสวียนหั่ว สำนักเมฆาคล้อย” หนานกงเวิ่นเทียนไม่ได้กล่าวถึงหลิวหลี เพราะไม่อยากให้พวกเขาสงสัยในความพิเศษของหลิวหลี
“เจ้าบอกว่าตอนนั้นเจ้าโดนพิษของแรดน้ำเงิน ข้าจำได้เพียงว่าเจ้าผูกพันธสัญญากับหงส์ได้สำเร็จ หงส์ที่เจ้าทำพันธสัญญาด้วยคือ….” หนานกงชางฉยงซึ่งเป็นผู้นำสกุลถามขึ้น เขารู้แค่ว่าหลานชายคนนี้ทำพันธสัญญากับหงส์ แต่เป็นหงส์ประเภทไหนไม่มีใครรู้
“อิงเสวี่ย ออกมา” หนานกงเวิ่นเทียนเรียกอิงเสวี่ยให้ปรากฏตัวขึ้น
“เป็นหงส์เหมันต์ในตำนาน” หนานกงชางฉยงลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น
“อิงเสวี่ย คารวะทุกท่าน ไม่ทราบว่าท่านผู้นำสกุลจะจัดการอย่างไรกับคนที่มาลอบทำร้ายคู่พันธสัญญาของข้า” เฟิ่งอิงเสวี่ยถามขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมา
“เหอะ ทำลายจุดตันเถียนของลูกชายข้าแล้วยังมีหน้าจะริมาจับโจรอีกหรือ” หนานกงชางผิงมองดูหงส์เหมันต์ในตำนานด้วยความอิจฉา หงส์ที่เขาทำพันธสัญญาด้วยเป็นเพียงแค่หงส์ธรรมดาเท่านั้น
“เจ้ารู้ไหมว่าเงื่อนไขในการทำพันธสัญญากับหงส์เหมันต์สำบากขนาดไหน ข้ารอมา 8,000 ปีจึงได้เจอกับคนที่เหมาะสม ลูกชายเจ้าคิดจะทำร้ายเขา คิดว่าเผ่าหงส์เราเป็นพวกอ่อนหัด บังเอิญที่ข้ายังเป็นคนพอมีสิทธิ์มีเสียงอยู่ในเผ่าหงส์ เจ้าให้พวกเด็กเผ่าหงส์ในบ้านสกุลหนานกงมาสิมา แล้วดูว่าพวกเขาเรียกข้าว่าอะไร” เฟิ่งอิงเสวี่ยพูดอย่างฉุนเฉียว
“ได้โปรดใจเย็น” ถึงคนอื่นจะไม่รู้ แต่หนานกงชางฉยงรู้ดี หงส์เหมันต์มีสถานะอะไรในเผ่าหงส์
“เหอะ คนที่มีคุณสมบัติร่างกายเป็นเตาหลอมจะพูดถึงความเหมาะสมอะไรอีก เป็นชีวิตที่ต้องถูกคนนำมาใช้บำรุงร่างกาย” หนานกงชางผิงอยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียว จึงพูดอะไรออกมาไม่คิด
“บังอาจ” เสียงสองเสียงลอยเข้ามาพร้อมกัน จากนั้นจึงมีพลังเซียนสองสาย หนึ่งจากเฟิ่งอิงเสวี่ย อีกสายจากหนานกงชางอวี้ที่เพิ่งโดนปล่อยจากการกักบริเวณเมื่อรู้ว่าลูกชายตัวเองกลับมา
หนานกงชางอวี้หัวเสีย ช่วงที่ผ่านมานี้ลูกชายของเขาต้องเจอกับความลำบากไม่น้อย แล้วยังมาโดนคนพูดแบบนี้ใส่ ถึงแม้คนที่พูดจะเป็นพี่ชายของเขาก็ไม่ได้
“ท่านพ่อ” หนานกงเวิ่นเทียนมองดูบิดาที่ใบหน้าชราลงไปอย่างน่าประหลาด ระยะเวลาที่ผ่านมาท่านพ่อท่านแม่คงจะได้รับความลำบากไม่น้อย
“หึ ท่านลุง ข้าจะขอใช้อนุญาตใช้หินทดสอบคุณสมบัติร่างกายของสกุล” ถึงแม้หนานกงเวิ่นเทียนจะรู้สึกโมโห แต่ปล่อยให้คำพูดเขาตบหน้าตัวเองน่าจะดีกว่า
“ทำไม คุณสมบัติร่างกายไม่เปลี่ยนแปลง ทำไมกัน เจ้าออกไปครั้งนี้คุณสมบัติร่างกายพัฒนาขึ้นอย่างนั้นหรือ?” หนานกงชางฉยงกระเซ้า
“ใช่ขอรับ ข้าออกไปคราวนี้บังเอิญได้วิญญาณเทพเหมันต์ ตอนนี้เป็นร่างวิญญาณเหมันต์ 100 ส่วนแล้ว”
เมื่อได้ยินคำว่าวิญญาณเทพเหมันต์ พวกบ้านสกุลหนานกงก็อึ้งนิ่งไป วิญญาณเทพ แถมเป็นวิญญาณเทพเหมันต์ที่หาได้ยากอีก
“จริงหรือ” หนานกงชางฉยงรู้สึกตื่นเต้นน้อยๆ
“ท่านลุงลองตรวจสอบดูก็จะรู้เอง” หนานกงเวิ่นเทียนมั่นใจเป็นอย่างมาก ที่สำคัญก็คือเขาค่อนข้างจะเชื่อมั่นในกระดิ่งที่หลิวหลีให้มา
“ได้” หนานกงชางฉยงหยิบหินทดสอบคุณสมบัติร่างกายออกมา หนานกงเวิ่นเทียนวางมือลงไปอย่างไม่ลังเล คุณสมบัติร่างกายที่ได้เต็มทำให้หนานกงชางฉยงกับหนานกงชางอวี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“เพราะวิญญาณเทพเหมันต์ ก็เลยทำให้พลังบำเพ็ญเพียรของหนานกงเวิ่นเทียนเข้าสู่ช่วงปราณก่อนกำเนิดงั้นหรอ” หนานกงชางฉยงพูดด้วยความตื่นเต้น หลังจากนี้ คุณสมบัติร่างกายของหลานชายคนนี้ก็จะเลิศล้ำ อนาคตมิอาจคาดเดา
“น่าจะใช่ขอรับ ข้าดูดซึมวิญญาณเทพเหมันต์แล้วก็ไปที่ขั้วโลกเหนือ”
“ได้สิได้ เวิ่นเทียน เจ้ากลับไปกับท่านพ่อเจ้าก่อนแล้วกัน”
“ขอรับ ท่านลุงใหญ่” หนานกงเวิ่นเทียนจึงเดินออกไปพร้อมบิดาของเขา
“น้องรอง เจ้าก็รู้ พรสวรรค์กับคู่พันธสัญญานั้นมีความหมายอย่างไรต่อบ้านสกุลหนานกง ลูกชายของเจ้าเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จริงหรือ ข้ารู้คุณสมบัติร่างกายของเวิ่นเทียนมาตลอด ป้ายหยกที่ไว้ใช้อำพรางคุณสมบัติร่างกายชิ้นนั้นข้าเป็นคนขอคนอื่นให้ยกให้น้องสามเอง ข้าก็เคยมีความคิดจะให้เวิ่นเทียนไปเป็นเตาหลอมของคนอื่น แต่พลังบำเพ็ญเพียรของเวิ่นเทียนเป็นความภาคภูมิใจของสกุลหนานกง ข้าไม่อนุญาตให้ใครมาทำลายทั้งสิ้น น้องรองเจ้าเข้าใจไหม สำหรับหางเทียน ข้าจะหาคนมาปรุงยาเพื่อฟื้นฟูจุดตันเถียนให้ น้องรอง เจ้าก็ทำตามที่เห็นสมควรแล้วกัน” พอหนานกงชางฉยงพูดจบก็จากไป ทิ้งหนานกงชางผิงที่หมดสภาพเอาไว้อย่างนั้น น่าตลกจริง ๆ เขายังคิดว่าพี่ใหญ่จะไม่รู้ สมแล้วที่เป็นพี่ใหญ่ หางเทียนจบแล้ว แต่เขายังมีเฟิ่งเทียนอยู่
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าทำให้พวกท่านต้องเป็นห่วงแล้ว ข้าเป็นลูกอกตัญญู” เมื่อเห็นบิดา มารดา หนานกงเวิ่นเทียนก็คุกเข่าลง
“เวิ่นเทียนกลับมาก็ดีแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นร่างวิญญาณเหมันต์ ลุงของเจ้าคงจะไม่มาสร้างความลำบากอะไรให้กับเจ้าอีก ลูกพ่อ ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว” หนานกงชางอวี้พูดขึ้นพลางเข้าไปพยุงหนานกงเวิ่นเทียนให้ลุกขึ้น
“ลูกรัก บอกแม่มา ในช่วงที่ออกไปอยู่ข้างนอก เจ้าลำบากไม่น้อยเลยใช่ไหม” ฮัวเชียนอวี่ลูบไล้หน้าลูกชายด้วยความรัก อย่างเจ็บปวดใจ
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้ลำบากอะไร แต่ว่าข้ากลับทำให้พวกท่านต้องลำบาก”
“ลูกชาย ทำลายจุดตันเถียนของหนานกงหางเทียนไปก็ดีแล้ว สมแล้วที่อยากจะมาทำร้ายลูกชายของข้า” พอพูดถึงเรื่องนี้ ฮัวเชียนอวี่ก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมา
“พอเถอะขอรับ ท่านแม่ ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องพวกเขาแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพยายามปลอบแม่ของตน
“ได้สิ ลูกแม่ ช่วงที่ผ่านมาเจ้าไปอยู่ที่ไหน ได้ยินมาว่าเจ้าได้รับการช่วยเหลือจากท่านปรมาจารย์เสวียนหั่ว สำนักเมฆาคล้อย เป็นเรื่องจริงหรือไม่” ฮัวเชียนอวี่ถามขึ้น
“ใช่แล้วก็ไม่ใช่ ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านฟังข้าก่อน”
“ตอนที่ข้าโดนเดียรัจฉานนั่นวางพิษแรดน้ำเงิน อิงเสวี่ยฝืนฉีกมิติออกเพื่อพาข้าหนีไป ข้าก็ได้รับผลกระทบ ร่างกายของข้ากลับไปอายุ 6 ขวบ แล้วก็ถูกลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์เสวียนหั่ว สำนักเมฆาคล้อย หลิวหลีเก็บกลับไป พลังบำเพ็ญเพียรไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย”
“อะไรนะ ลูกชาย ตอนนี้เจ้าหายดีแล้วหรือยัง” ฮัวเชียนอวี่หมุนตัวลูกชายดูอย่างร้อนรน ถึงขนาดพลังบำเพ็ญเพียรก็ไม่เหลือเลยเหรอ
“ไม่เป็นไรแล้วท่านแม่ ต่อมาก็ได้หลิวหลีที่ดูแลข้ามาโดยตลอด ท่านปรมาจารย์เสวียนหั่วก็รู้ถึงเรื่องข้า ข้ากับเขาทำข้อตกลงกันได้ ก็เพราะท่านปรมาจารย์เสวียนหั่วเห็นแก่คุณสมบัติของร่างกายข้า”
“ทำไม ตาแก่นั่นอยากจะมาสู่ขอเจ้างั้นหรอ” หนานกงชางอวี้เริ่มโมโหขึ้นมา
“ไม่ใช่ ฟังข้าพูดก่อน ท่านพ่อ ข้าคือร่างเหมันต์จันทรา แต่ลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์เสวียนหั่ว หลิวหลีเป็นร่างเพลิงสุริยา ท่านพ่อท่านแม่ยังจำคำทำนายในตอนนั้นได้หรือไม่”
“บังเอิญจริงๆ คำทำนายนั้นข้าต้องจำได้อยู่แล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอ เด็กที่ชื่อว่าหลิวหลีคนนั้นอายุกี่ร้อยปีแล้ว พอจะได้เรื่องอยู่ไหม” ฮัวเชียนอวี่ถามด้วยความร้อนใจ
“ท่านแม่ หลิวหลีเพิ่งจะอายุ 20 ต้น ๆ ตอนที่เก็บข้าได้เพียงจะอายุสิบกว่าๆ ยังเป็นเด็กสาวอยู่เลย ตอนที่ข้าจากไปเพื่อไปขั้วโลกเหนือ พลังบำเพ็ญของนางอยู่ในจุดสูงสุดของช่วงบำเพ็ญศีล ตอนนี้คิดว่าน่าจะอยู่ในช่วงอมตะแล้ว” เมื่อหนานกงเวิ่นเทียนนึกถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ชอบแต่งตัวเป็นผู้ชาย ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มพาดผ่าน แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของพ่อกับแม่ของเขา
“พรสวรรค์ของนางช่างน่าตกใจจริงๆ” หนานกงชางอวี้ชื่นชม
“ขอรับ ตอนที่นางเก็บข้าได้ พลังบำเพ็ญเพียรของนางเพิ่งจะอยู่ในช่วงพื้นฐาน ตอนนั้นโลกภูตสวรรค์ของสำนักเมฆาคล้อยถูกเปิดออก ข้ากับหลิวหลีก็เข้าไปด้วยกัน ตอนอยู่ที่นั่นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากหลิวหลี ข้าก็เลยได้วิญญาณเทพเหมันต์มาจัดการกับสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ร่างกายก็เลยได้รับการฟื้นฟูกลับมา”
“เจ้าบอกว่าเป็นเพราะนังหนูจึงทำให้เจ้าได้วิญญาณเทพเหมันต์มาหรือ”
“ใช่ขอรับ เพราะว่าตอนที่ข้ากำลังลึกซึ้งในวิถีธาตุเหมันต์นั้น ข้ายังไม่บรรลุ แต่นางลึกซึ้งจนบรรลุในวิถีธาตุอัคคี จนล่อวิญญาณเทพเหมันต์ออกมาได้ จากนั้นก็สร้างกำแพงอัคคี บังคับให้วิญญาณเทพเหมันต์อับจนจนต้องเลือกข้า” พอพูดขึ้น ก็จำเป็นต้องยอมรับว่าเกียรติความเป็นลูกผู้ชายของเขาได้รับผลกระทบเข้าอย่างจัง
“หากมีโอกาสแม่ก็อยากจะเจอนังหนูคนนี้” ฮัวเชียนอวี่กล่าว
“ได้เจอแน่นอนท่านแม่ ข้าคิดว่านางน่าจะกลับมาเข้าร่วมการประลองในสกุล”
“นางเป็นคนสกุลไหน” ฮัวเชียนอวี่สงสัยเล็กน้อย ไม่เคยได้ยินว่าบ้านสกุลอื่นๆ จะมีลูกศิษย์ที่อยู่ด้านนอก
“นางเป็นลูกสาวของหลงซินเยว่แห่งสกุลหลง ทำพันธสัญญากับเทพแห่งสงครามเผ่ามังกร เอ๋าเลี่ย การประลองระหว่างสกุลในปีนี้สกุลที่ได้ที่หนึ่งจะต้องเป็นของบ้านสกุลหลงแน่” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว เพียงแค่นิ้วเดียวของเอ๋าเลี่ยก็สามารถจัดการกับพวกเขาได้หมดทุกคน คงไม่ต้องคิดแล้วว่าที่หนึ่งจะเป็นใครไปได้
………………………………
คอมเม้นต์