แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 102 หมั้นหมายกันเถอะ
ณ สกุลหลง หลิวหลีนั่งอยู่ในห้องโถง ด้านข้างคือเอ๋าเลี่ย และคนที่นั่งตรงกลางคือหลงเหวินเซวียน
“นังหนู พลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วมาก” หลงเหวินเซวียนรู้สึกตกตะลึงกับความเร็วในการบำเพ็ญของหลิวหลี ตอนแรกที่เจอนังหนูพลังบำเพ็ญเพียรของนางเพิ่งจะอยู่ในช่วงอมตะ ตอนนี้กลายเป็นผู้บำเพ็ญช่วงแยกจิตแล้ว ทิ้งระยะห่างจากลุงทั้งสามคนของนางไปไกล หลานของเขาหลงเทียนอี้เพิ่งจะอยู่ในช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะกลาง เขาก็ค่อนข้างพอใจอยู่ แต่พอหลานสาวเขาปรากฏตัวก็กลายเป็นธรรมดาไปเลย ดูสิ หลานสาวของเขาเป็นผู้บำเพ็ญช่วงแยกจิตระยะกลางแล้ว แต่อายุเพิ่ง 25 ปีเท่านั้น
“โชคค่อนข้างดี ต้องขอบคุณท่านตาที่ให้ข้าเข้าไปในแดนลี้ลับ” หลิวหลีพูดขึ้นพลางส่ายหัว
“นังหนูเจ้าเป็นคนช่วงชิงมันมาได้เอง อีกอย่างเดิมทีควรจะเป็นข้าที่ขอบคุณเจ้าด้วยซ้ำ” หลงเหวินเซวียนกล่าว ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวหลี ปีนี้บ้านสกุลหลงคงไม่รู้จะต้องอับอายขายหน้าไปถึงที่ไหน
“จริงสิ ท่านตา นี่คือเลือดบริสุทธิ์ของเทพเจ้ามังกรในตำนาน ที่บ้านสกุลหลงมีสระมังกรโลหิตเหมือนเผ่ามังกรไหม สามารถหยดเข้าไปได้นะเจ้าคะ” หลิวหลีพูดขึ้นพลางหยิบขวดขนาดเล็กออกมา
“นังหนู เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรนะ นี่คืออะไรนะ” หลงเหวินเซวียนรู้ว่าหลิวหลีเข้าไปในสุสานบรรพบุรุษน่าจะได้ของติดไม้ติดมือมา แต่ไม่รู้ว่านางจะใจกว้างขนาดนี้
“เลือดบริสุทธิ์ของเทพเจ้ามังกรบรรพกาลเจ้าค่ะ” หลิวหลีทวนอีกรอบอย่างให้ความร่วมมือ
“นังหนู เจ้าจะให้สกุลหลงจริงๆหรือ” หลงเหวินเซวียนถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง
“เจ้าค่ะ”
“นังหนู ตาขอบใจเจ้ามากนะ” หลงเหวินเซวียนกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ นังหนูทำอะไรเพื่อสกุลหลงมามาก เมื่อเทียบกันแล้วพวกเขาทุ่มเทให้นางเพียงน้อยนิดเท่านั้น
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านตา จริงสิ ท่านตา ข้าอยากจะหมั้นหมายกับเสี่ยวเทียน” เหมือนหลิวหลีฉุกคิดอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยขึ้นด้วยความเขินอาย
“นังหนู เจ้าพูดว่าอะไรนะ เหตุใดตาได้ยินไม่ค่อยชัดเลย” หลงเหวินเซวียนยังไม่ทันหายตื่นเต้นที่ได้รับเลือดบริสุทธิ์ของเทพเจ้ามังกรมา ก็ถูกหลิวหลีทิ้งระเบิดใส่ ระเบิดจนไม่รู้ทิศรู้ทาง
“ท่านตา ข้าอยากจะหมั้นหมายกับเสี่ยวเทียน” หลิวหลีพูดซ้ำอีกรอบ
“เสี่ยวเทียนคือใคร” คนที่ชื่อมีคำว่าเทียนอยู่ด้วยมีถมเถจะตายไป จะให้เดาอย่างไร แต่ว่าชื่อคนที่มีคำว่าเทียน เหมือนเขาจะเคยได้ยินมาชื่อหนึ่ง
“หนานกงเวิ่นเทียน”
“หนานกงเวิ่นเทียน หนานกงเวิ่นเทียนที่ทำพันธสัญญากับหงส์เหมันต์บรรพกาลน่ะนะ นังหนู เจ้าหนุ่มคนนี้หมั้นหมายกับเจ้าได้หรือ” หลงเหวินเซวียนไม่ลืมว่านังหนูมีคุณสมบัติร่างกายที่แปลกประหลาด แต่ช้าก่อน คุณสมบัติร่างกายหรือ เขาจำได้ว่าตอนนั้นลูกคนที่สามของเขาเหมือนเคยพูดชื่อคลับคล้ายคลับคลาว่าหนานกงเวิ่นเทียนนี่แหละ
“เจ้าเด็กนั้นมีคุณสมบัติร่างกายเข้ากับเจ้าหรือ” ไม่เช่นนั้นนังหนูจะหมั้นหมายกับเขาได้อย่างไร
“เจ้าค่ะ”
หลงเหวินเซวียนไม่มีอะไรจะพูด มีคนที่มีคุณสมบัติเข้ากับหลิวหลีอยู่จริง หรือนี่ ก็ถือว่าคู่ควรกับนังหนูในทุกด้านอยู่
“เรื่องนี้รอวันไหนข้านัดหารือกับหนานกงชางฉยงดูแล้วกัน”
“อะไรนะ เจ้าบอกว่าเจ้าจะหมั้นหมายกับหลิวหลีเด็กสกุลหลงคนนั้นหรือ” หนานกงชางฉยงตะโกนออกมาอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ จะโหดร้ายเกินไปไหม หลานชาย อาวุธในร่างคนเช่นนั้นจะแต่งเข้ามาสกุลหนานกงจริงหรือ
“เวิ่นเทียน เจ้าบอกความในใจของเจ้ากับนางแล้วหรือ” หนานกงชางอวี้กล่าว
“ใช่แล้ว พวกเราทั้งสองต่างบอกความในใจกันแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพูดขึ้น อีกทั้งตอนนี้พลังบำเพ็ญช่วงแยกจิตระยะกลางของเขาเป็นที่โดดเด่นมากในหมู่ลูกหลานสกุลหนานกง แม้แต่ทั่วทั้งโลกอสูรเทพก็ถือว่าโดดเด่นมากเช่นเดียวกัน
“แบบนี้ก็ดี ข้าจะได้บอกว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกสะใภ้สกุลหนานกง” หนานกงชางฉยงพยายามเก็บอาการดีใจไว้ หลิวหลีมีความโดดเด่นขนาดนี้ แล้วยังถูกตาต้องใจหลานชายสกุลเขาอีก
“เวิ่นเทียน เมื่อไรจะพานังหนูคนนั้นมาให้พ่อแม่ดูตัวบ้างเหล่า การประลองระหว่างสกุลครั้งนั้น ข้ากับพ่อเจ้าไม่ได้ไป แค่ได้ยินมาว่านังหนูคนนั้นมีความโดดเด่นอย่างไรบ้าง อยากจะเจอเจ้าตัวนัก” ฮัวเชียนอวี่กล่าว ในที่สุดลูกชายก็จะมีคู่ครองแล้ว อีกทั้งยังเป็นคู่ครองที่มีความสามารถด้วย
“อีกไม่กี่วันหลิวหลีน่าจะมาที่บ้าน มามอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับบ้านสกุลหนานกง” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว
“อะไรนะ มามอบของขวัญให้สกุลหนานกง เวิ่นเทียน สรุปว่าเจ้าเป็นคนไปสู่ขอหรือว่านางเป็นคนมาสู่ขอเจ้ากันแน่” คำถามนี้เขาจะต้องถามให้แน่ชัด
“ท่านลุง ท่านลืมไปแล้วหรือ ตอนอยู่นอกแดนลี้ลับหลิวหลีเคยบอกว่าจะมาเยี่ยมเยียนทั้งห้าสกุล” หนานกงเวิ่นเทียนหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย เขาเคยถามแล้วแน่นอนว่าต้องเป็นเขาสู่ขอสิ
“เอ่อ” เขาจะบอกได้ไหมนะว่า เขาพูดไม่ออกแล้ว
“ท่านลุง ข้าขอตัวก่อน ข้าอยากจะกลับไปพูดคุยกับท่านพ่อท่านแม่” หนานกงเวิ่นเทียนคิดว่าจะกลับไปคุยรายละเอียดกับบิดามารดา
“ไปเถอะ”
รอจนบ้านหนานกงเวิ่นเทียนทั้งสามคนออกไป หนานกงชางฉยงก็หัวเราะออกมา ฮ่า ๆ ผู้ถูกเลือกของสกุลหลงจะมาเป็นสะใภ้ของบ้านสกุลหนานกงแล้ว ช่างน่าสะใจเหลือเกิน
“อาสาม อาสะใภ้ เวิ่นเทียน” หนานกงหางเทียนคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอครอบครัวหนานกงเวิ่นเทียนทั้งสามคนด้วย บัดนี้สภาพของเขาไม่ดีเท่าไรนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นหนานกงเวิ่นเทียนที่เขาไม่อาจเทียบได้จึงยิ่งรู้สึกไม่ดีขึ้นไปอีก
“หางเทียนหรือ พวกเรายังมีธุระต่อ ขอตัวก่อนแล้วกัน” หนานกงชางอวี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง จากนั้นก็พาลูกและภรรยาเดินออกไป
“เวิ่นเทียน เจ้ายังโกรธแค้นเขาอยู่ไหม” หนานกงชางอวี้ถามขึ้น
“ไม่โกรธแค้นแล้วล่ะ ดูจากตอนนี้เหมือนข้าจะต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาข้าคงไม่ได้เจอกับหลิวหลีและคงไม่ได้พบโอกาสที่หายากได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นตอนนี้ข้าไม่โกรธแค้นเขาแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“ลูกชาย เจ้าคิดได้ก็ดีแล้ว” หนานกงชางอวี้รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
“ลูกชาย เจ้าบอกว่าเจ้าบรรลุช่วงแยกจิตระยะกลาง เพราะดูดซับเลือดบริสุทธิ์ของหงส์อย่างนั้นหรือ” หนานกงชางอวี้พูดด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
“ขอรับ หลิวหลีมาที่บ้านสกุลหนานกงก็เพื่อจะมามอบหยดเลือดบริสุทธิ์ของหงส์ให้กับบ้านสกุลหนานกง หลิวหลีได้รับการยอมรับจากอสูรเทพทั้งห้าในสุสานบรรพบุรุษจึงได้รับเลือดบริสุทธิ์จากอสูรเทพมา หลิวหลีตัดสินใจนำเลือดหนึ่งหยดมอบให้ทั้งห้าสกุลและอีกหนึ่งหยดให้กับเผ่าอสูรเทพทั้งห้าเผ่า”
“ถ้าอย่างนั้น นางก็ได้มาไม่น้อยเลยสินะ” หนานกงชางอวี้กล่าว
“ไม่ขอรับ ได้มาเพียงสามหยด” หนานกงเวิ่นเทียนพูดพลางส่ายหัว ของที่มีค่ามากมายมหาศาลขนาดนี้จะมีจำนวนมากมายได้อย่างไร
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เลว เวิ่นเทียน เจ้าได้แต่งงานกับนางถือว่าเป็นวาสนาของเจ้า” หนานกงชางอวี้กล่าว
“ก็นั่นสิท่านพ่อ” หนานกงเวิ่นเทียนก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเช่นกัน
“เจ้าบอกว่าใครมาเยี่ยมหานะ” หนานกงชางฉยงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ ทำไมเขาได้ยินไม่ค่อยชัดนะ
“เรียนนายท่าน ผู้นำสกุลหลง คุณชายสามบ้านสกุลหลง และหลิวหลีมาพบขอรับ”
“เร็ว เร็ว เร็ว รีบเชิญพวกเขาเข้ามา แล้วไปเชิญคุณชายสามมาด้วย” หนานกงชางฉยงพูดด้วยความตื่นตระหนก มาเร็วขนาดนี้เลยหรือ
“พี่เหวินเซวียน ไม่เจอกันนานเลยนะ” หนานกงชางฉยงพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส
“พี่ชางฉยง” หลงเหวินเซวียนเห็นรอยยิ้มที่สดใสของหนานกงชางฉยงก็รู้สึกอยากจะหมุนตัวเดินกลับไปเสีย นี่ยังไม่ทันเกี่ยวดองกันเลยยังขนาดนี้ แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของลูกชายคนที่สามก็สามารถสงบลงมาได้
“ขอคารวะผู้นำสกุลหนานกง” หลงจิ่งหลินกับหลงหลิวหลีทำความเคารพด้วยความนอบน้อม
“ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ” หนานกงชางฉยงพูดจบ หนานกงชางอวี้ก็ตามมาสมทบ
“คารวะหัวหน้าบ้านสกุลหลง” หนานกงชังอวี้ได้ยินว่าพี่ใหญ่เรียกพบก็รีบมา ก็เลยได้เห็นว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคต ลูกสะใภ้ดูไม่ถือตัวเลยสักนิด เพียงแค่เห็นหลิวหลีไม่ได้แต่งหน้าทาแป้ง หน้าตาน่ารักสดใส สายตามีความนอบน้อม เป็นเด็กที่มีความอ่อนโยน ครั้งแรกที่หนานกงชังอวี้เห็นว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตคนนี้อย่างหลงหลิวหลีก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
ใบหน้าของหลงเหวินเซวียนแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแต่ในใจกลับไม่ได้เป็นสุขนัก เรื่องวันเดือนปีเกิดยังไม่ทันได้พูดเลย ก็ทำเหมือนกับมาพบญาติที่แต่งงานกันไปแล้ว นี่หมายความว่าอะไร
“พี่ชางฉยง ที่ข้ามาในครั้งนี้ก็มีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรก หลานสาวของข้าหลิวหลีมีของอยากจะมอบให้บ้านสกุลหนานกง เจ้าก็รู้ว่าหลานสาวของข้าได้เข้าไปในสุสานบรรพบุรุษมา และได้รับการยอมรับจากอสูรเทพในตำนานจึงได้เลือดบริสุทธิ์ติดกลับมาด้วย อันนี้ให้บ้านสกุลหนานกง” หลงเหวินเซวียนพูดจบ หลิวหลีก็หยิบขวดขนาดเล็กออกมา
หนานกงชางฉยงที่กำลังลิงโลดเรื่องแต่งงานอยู่ ใครจะรู้ว่ายังจะมีเรื่องน่ายินดีแบบนี้มาอีก หนานกงชางฉยงรับขวดมาด้วยอาการมือสั่นราวกับขวดขนาดเล็กนั้นหนักเป็นพันกิโล
“ข้าขอเป็นตัวแทนบ้านสกุลหนานกงขอบคุณความเอื้อเฟื้อของหลิวหลี” หนานกงชางฉยงเก็บไว้อย่างดีแล้วแสดงความเคารพต่อหลิวหลี
“หัวหน้าบ้านสกุลหนานกงไม่ต้องเกรงใจ” หลิวหลีไม่อาจรับไว้ได้ นี่คือท่านลุงของเสี่ยวเทียน ถ้านางรับไว้จะทำให้นางอายุสั้น ถึงแม้ช่วงอายุของนางในตอนนี้จะมีหลายพันก็เถอะ
“ส่วนเรื่องที่สอง ให้ข้าน้อยเป็นคนพูดเองแล้วกัน” หลงจิ่งหลินกล่าว
“หนานกงเวิ่นเทียนของเจ้ามีใจให้กับหลิวหลีของข้า ต้องการจะหมั้นหมาย เพียงแต่ว่ามีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง” หลงจิ่งหลิ่นชะงักลง
“ข้าเคยเคยทำนายดวงชะตาของหลิวหลี ซึ่งเป็นชะตามังกร ไม่ทราบว่าหนานกงเวิ่นเทียนเคยทำการทำนายดวงชะตาหรือไม่” หลงจิ่งหลินพูดจนจบ
สองพี่น้องบ้านสกุลหนานกงนิ่งไป ชะตามังกร มังกรหงส์ คำถามนี้ถามขึ้นเหมือนมีนัยยะแอบแฝงอยู่ หนานกงชางอวี้ต้องรู้อยู่แล้วว่าคำทำนายของลูกชายของเขาคือชะตาหงส์ ทันใดนั้นหนานกงชางฉยงพลันรู้สึกลึก ๆถึงเจตนาชั่วร้ายของหลงจิ่งหลิน
“คุณชายสามหมายความว่าเช่นไรหรือ” หนานกงชางอวี้ถามขึ้น
“ไม่เช่นนั้นข้ากับพี่ชางอวี้ไปหอเทียนจีเก๋อคำนวณวันเดือนปีเกิดดูหน่อยดีไหม” หลงจิ่งหลินพูดขึ้นเผยให้เห็นฟันขาว
หลงเหวินเซวียนถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจลึกๆนั้นถูกใจคำพูดของเจ้าสามเป็นอย่างมาก ทำได้ดีมากเจ้าสาม
หลิวหลีกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย นางไปทำนายดวงชะตาตอนไหน ทำไมนางถึงไม่รู้เรื่องเลย
หลงจิ่งหลินพาหนานกงชางอวี้ที่หน้าซีดขาวตัวแข็งทื่อไปทำนายดวงชะตา หนานกงชางฉยงอยู่คอยดูแลต้อนรับหลงเหวินเซวียนและหลงหลิวหลีที่แสร้งทำเป็นเหมือนรู้เรื่องอะไร มักสังหรณ์ใจอยู่เรื่อยว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานหลงจิ่งหลินที่มีสีหน้าได้ใจกับหนานกงชางอวี้ที่มีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ก็กลับมา
“ผลเป็นอย่างไรบ้าง” หลงเหวินเซวียนถามขึ้น
“เป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมา มังกรหงส์คู่เสริมมงคล” หลงจิ่งหลินพูดขึ้น
“พี่เหวินเซวียน ดูสิว่าคำทำนายของเด็กสองคนนี้ดีขนาดไหน พวกเรามาหารือเรื่องหมั้นหมายกันก่อนแล้วค่อยมาปรึกษาว่าจะแต่งเมื่อไร ให้หลิวหลีแต่งเข้าบ้านสกุลหนานกงของข้า” หนานกงชางฉยงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผู้นำสกุลหนานกง ข้ายังพูดไม่จบเลย” หลงจิ่งหลินหัวเราะขึ้นโดยแฝงเจตนาที่ไม่ดีเท่าไรนัก
“โปรดว่ามาเถิด” ตาขวากระตุกไม่หยุด รู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
“ผู้นำสกุลหนานกง เวิ่นเทียนสกุลหนานกงไม่ต้องมาสู่ขอหลิวหลีสกุลหลงของข้าหรอก แต่ต้องเป็นบ้านสกุลหลงของข้าจะต้องมาสู่ขอเวิ่นเทียนสกุลหนานกงของเจ้าต่างหากล่ะ”
หลงจิ่งหลินพูดจบ รูปปั้นที่ชื่อว่าหนานกงชางฉยงก็แตกละเอียด หลิวหลีก็รู้สึกตกใจเช่นกัน ทำไมตัวเองต้องเป็นคนไปสู่ขอเวิ่นเทียนด้วยนะ
“ผู้นำสกุลหนานกง ช่วยไม่ได้จริงๆ คำทำนายของหอเทียนจีเก๋อ มังกรหงส์คู่เสริมมงคล คำว่ามังกรหงส์ แน่นอนว่ามังกรจะต้องอยู่ข้างหน้า” หลงจิ่งหลินพูดออกมาเหมือนช่วยอะไรไม่ได้แต่ในใจกลับหัวเราะร่า สีหน้าของหนานกงชางอวี้ในตอนนั้นช่างน่ามองเหลือเกิน
………………………………………………………
คอมเม้นต์