แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 119 ข้าเก่งมาก
หลังจากส่งท่านตากลับบ้านสกุลหลง หลิวหลีกับเอ๋าเลี่ยก็พากิเลนที่อาการปางตายกลับไปที่เผ่ากิเลน
เมื่อเย่ฉีฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงตบที่วางแขนของเก้าอี้จนแตกสลายเป็นผุยผง เผ่ากิเลนของเขาทำไมถึงมีกิเลนแบบนี้อยู่ กิเลนได้ชื่อว่าเป็นสัตว์มงคลมาโดยตลอด มีความหมายว่าโชคดี ตอนนี้กลับมีกิเลนที่ทำเรื่องชั่วร้ายถึงเพียงนี้ ทำให้กิเลนอย่างพวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียง
“มู่หลิน เจ้าสำนึกผิดหรือยัง”
“ข้าสำนักผิดแล้ว หลายปีมานี้ข้าก็ไม่กล้ากลับเผ่ากิเลน กลัวว่าจะมีคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า แล้วทำให้เผ่ากิเลนต้องเสื่อมเสีย ตอนนี้ความจริงได้ถูกเปิดเผยแล้ว ข้ายินดีที่จะรับโทษ” คู่พันธสัญญาของจ้านเฟิงจวินมีชื่อว่ามู่หลิน หลายปีมานี้นางก็ลำบากไม่น้อย มิเช่นนั้นตอนที่จ้านเฟิงจวินเจออันตรายนางต้องปรากฎกายออกมา แต่นางกลับไม่ทำเช่นนั้น
“เจ้าคิดว่าคำว่าสำนึกผิดของเจ้าจะสามารถลบล้างความผิดทั้งหมดได้หรือ เรื่องนี้ทำให้เผ่ากิเลนของข้าต้องขายหน้าแค่ไหน” เย่ฉีโมโหมาก คิดว่าเผ่ามังกรยังจะต้อนรับเผ่ากิเลนอยู่ไหม คนของบ้านสกุลหลงกลับถูกกิเลนของเผ่ากิเลนทำร้าย เขาจะบอกกับคนบ้านสกุลหลงว่าอย่างไร
“ท่านเอ๋าเลี่ย เผ่าข้าโชคร้ายที่มีกิเลนแบบนี้ รอให้ข้าทำโทษมู่หลินเสร็จ ข้าจะไปขอขมาสกุลหลงแน่นอน” เย่ฉีก้มหน้ายอมรับผิด
“ผู้นำเผ่าเย่ไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้น ความผิดนี้ไม่ใช่ความผิดของเผ่ากิเลน”
“ไม่ ไม่ ไม่ เผ่าของข้ามีลูกศิษย์เช่นนี้ ก็เพราะว่าข้าไม่เข้มงวดพอ นี่เกี่ยวข้องกับเผ่ากิเลนอย่างมาก” เย่ฉีส่ายศีรษะ ชื่อเสียงหลายแสนปีของเผ่ากิเลนตอนนี้ถูกทำลายภายในวันเดียว
“ผู้นำเผ่าเย่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตัวบุคคลไม่เกี่ยวกับเผ่า ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อให้ท่านเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ข้อหนึ่ง อย่างไรเสียจื่อฉีก็เป็นคู่พันธสัญญาของข้า ข้าต้องให้เกียรติเผ่ากิเลนอยู่แล้ว ข้อสอง เรื่องของท่านแม่ข้าตอนนั้น นางแค่ฟังคำสั่งเท่านั้น ข้าถามอาเลี่ยแล้ว อสูรเทพตอนอายุยังน้อยจะเชื่อฟังคำสั่งของคู่พันธสัญญาประมาณร้อยละ 80 เลยทีเดียว” หลิวหลีรู้สึกว่าตัวการของเรื่องได้รับบทลงโทษที่สาสมไปแล้ว อีกทั้งนางก็ไม่ใช่คนที่จิตใจโหดเหี้ยมอะไร
“ผู้นำเผ่าเย่ ไม่ว่าท่านจะจัดการอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องภายในของเผ่ากิเลน ตอนนี้เรื่องทั้งหมดถูกสะสาง ข้ากับอาเลี่ยยังมีเรื่องอื่นต้องไปทำ คงต้องขอตัวก่อน” หลิวหลีจากไปพร้อมกับเอ๋าเลี่ย
“นังหนู เจ้าใจดีขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย?” เมื่อเดินออกมาไกลแล้ว เอ๋าเลี่ยก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้
“ข้าก็ใจดีมาตลอด นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วหรือ” หลิวหลีพูดราวกับเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว
“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ?” เอ๋าเลี่ยกรอกตาใส่
“ก็ได้ ตัวข้าเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ยิ่งข้าทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ผู้นำเผ่าเย่ก็จะยิ่งรู้สึกผิด เขาจะลงโทษอย่างไรนั้นก็จะต้องต่างจากมาตรฐานของความผิดนั้นที่เคยมีมา สุดท้ายมู่หลินจะเป็นอย่างไร ข้าก็คงไม่ต้องพูดแล้วใช่หรือไม่ ที่สำคัญเลยก็คืออสูรเทพก็จะยิ่งต้องน้อยลงไปอีก” เอ่อ ถึงจะบอกว่าเป็นเผ่า แต่จริงๆแล้วมีไม่ถึง 30 ตัว เผ่าเต่าดำก็ยิ่งน้อย มีแค่ 10 กว่าตัวเท่านั้น เพราะฉะนั้นหลิวหลีคิดว่าห้าสกุลใหญ่มีพรสวรรค์ข้อนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบ แต่กลับไม่รู้จักทะนุถนอมเลยจริงๆ เฮ้อ
เขาบอกแล้วว่านังหนูไม่ได้ใจดีขนาดนั้นจริงด้วย ถึงแม้นังหนูจะไม่ชอบฆ่าคน แต่กลับชอบศึกษาพวกยาประหลาดที่หาเจอได้ยาก ยิ่งชอบกลั่นแกล้งคนอื่น แต่ฆ่าเขาให้ตายยังจะดีกว่า เห็นได้จากการที่นางลงมือจัดการกับจ้านเฟิงจวินแล้วให้ยายืดอายุอีก ต้องทนดูหน้าชราที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของตัวเองทุกวัน ผิวหนังเหี่ยวย่น ร่างกายอ่อนแอ แถมยังต้องเห็นไปอีกร้อยปี สำหรับนังหนูแล้ว นางมียาเม็ดศักดิ์สิทธิ์ ไม่กลัวหรอกว่าจ้านเฟิงจวินจะด่วนจากไปหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาก่อน
“นังหนู ต่อไปจะทำอะไร” แก้แค้นเรียบร้อยแล้ว
“ก็ต้องพาแม่ข้ากลับบ้านน่ะสิ เจ้าไม่เห็นหรอว่าท่านตาเสียใจจนมีปมในใจ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปมันจะไม่ดีต่อการบำเพ็ญเพียรของเขาในอนาคต ที่สำคัญเลยก็คือ ข้าเห็นว่าพ่อแม่ของข้ายังมีโอกาสที่จะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน”
“นังหนู เจ้าอยากจะจับคู่ให้กับพ่อแม่ของเจ้างั้นหรือ” คำพูดนี้ออกจะโจ่งแจ้งทีเดียว
“เปล่า ก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ข้าได้ยินมาว่าพ่อทางกายภาพของข้านึกว่าตัวเองทำผิดต่อแม่ของข้าจึงเก็บตัวมาโดยตลอด เมื่อได้ยินว่าแม่ของข้าสิ้นลมหายใจก็เสียสติไป” หลิวหลีกล่าว
“อะไรคือพ่อทางกายภาพ” เอ๋าเลี่ยรู้สึกประหลาดใจกับคำศัพท์ใหม่คำนี้
“เพราะเขาให้ส่วนผสมที่ทำให้ข้าเกิดออกมา แต่เขาไม่เคยเลี้ยงดูข้า” หลิวหลีพูดออกมาตามหลักการ
เอ๋าเลี่ยไม่เข้าใจแต่ก็รู้สึกชื่นชม เขาเหมือนจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้านของเอ๋าเลี่ยในเผ่ามังกร
“ท่านแม่ ท่านออกมาทำไมหรือ” เมื่อหลิวหลีเข้าไปในมิติก็พบว่าแม่ของนางเดินออกมาจากบ้าน หลิวหลีรีบวิ่งเข้าไปหา ตรวจสอบร่างกายของแม่ แล้วก็พบว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงรู้สึกโล่งอก
“หลิวหลี แม่ไม่เป็นไรลูก เพียงแต่ว่าตื่นขึ้นมาแล้วไม่มีอะไรทำก็เลยออกมาเดินเล่น หลิวหลี ที่นี่มีพลังเซียนหนาแน่นมาก แม่รู้สึกว่าพลังบำเพ็ญเพียรยังเกิดความเคลื่อนไหวเลย” เมื่อเห็นลูกสาวเป็นห่วงสุขภาพของตัวเองขนาดนี้ หลงซินเยว่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
“ท่านแม่ ท่านสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของพลังเซียนหรือ เวลาที่นี่ผ่านไปค่อนข้างช้า” หลิวหลีเหมือนจะคิดอะไรออก
“มั่วหราน ตอนนี้สัดส่วนของเวลาในนี้กับเวลาข้างนอกคือเท่าไร” หลิวหลีรู้สึกว่าจำเป็นต้องถาม เพราะมิตินี้เกือบถูกนางทำพังแล้วสองรอบ ไม่รู้ว่าสัดส่วนของเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
“นายท่าน สัดส่วนตอนนี้คือข้างนอก 1 วัน เท่ากับในนี้ 1 เดือน” ครั้งนี้มั่วหรานหัวอ่อนเชื่อฟังขึ้น ให้ข้ามาข้าก็มา ให้ข้าตอบข้าก็ตอบ
“อืม ไม่เลวเลย” หลิวหลีแสดงท่าทีว่าใช้ได้ นางคิดไว้ว่าอย่างน้อย 1 วันต่อ 10 วันก็ยังดี นึกไม่ถึงว่าจะมากกว่าที่คิดไว้ขนาดนี้
“ท่านแม่ ท่านก็ได้ยินแล้ว ข้างนอก 1 วันเท่ากับที่นี่ 1 เดือน ท่านตั้งใจบำเพ็ญฝึกฝน อีกอย่าง ยาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ท่านเก็บเอาไว้ เหมาะสำหรับช่วงพลังบำเพ็ญเพียรของท่านในตอนนี้” หลิวหลีพูดพลางหยิบถุงเก็บของออกมา เป็นอย่างที่เอ๋าป๋อเหวินบ่น หลิวหลีมีถุงเก็บของกี่ใบกันแน่
“หลิวหลี แม่จะมาใช้ยาศักดิ์สิทธิ์ของลูกได้อย่างไร” หลงซินเยว่ปฏิเสธ
“ท่านแม่ ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ข้าเป็นนักปรุงยาระดับ 7 อีกทั้งยังมีเพลิงอัคคีคอยให้ความช่วยเหลือ ปรุงยาก็ง่ายเหมือนกินข้าวนั่นแหละ” หลิวหลีตบลงบนอกแล้วเอ่ย
“แม่คงพลาดอะไรไปเยอะมาก หลิวหลีไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว เจ้ามีคู่หมั้นหมายหรือยัง” หลงซินเยว่ถือถุงเก็บของเอาไว้ รู้สึกว่าหลิวหลีโตแล้วจริงๆ จึงเริ่มเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของนาง
“อ้อ ท่านแม่ ข้ามีคู่หมั้นแล้ว เวิ่นเทียนบ้านสกุลหนานกง” พูดถึงเรื่องงานแต่งงานของตัวเอง หลิวหลีก็ไม่เขินอายแม้แต่น้อย
“บ้านสกุลหนานกง ข้าเคยเห็นเขาตอนเด็กตัวขาวเนียน ตอนนี้ก็คงจะโตแล้ว จะมาสู่ขอลูกสาวของข้าแล้วหรือเนี่ย” หลงซินเยว่นึกไปถึงอดีต
“ถ้ามีโอกาสจะพาเขามาเจอท่านแม่เจ้าค่ะ”
“ได้” หลงซินเยว่ก็อยากเห็นหน้าตาลูกเขยในอนาคตของนางเช่นกัน พักผ่อนจนน่าเบื่อ หลงซินเยว่จึงดูของในถุงเก็บของที่ลูกสาวให้ ก็รู้สึกตกตะลึง
“หลิวหลี ทำไมเป็นยาคุณภาพชั้นเลิศทั้งนั้นเลยล่ะ แม่ไม่จำเป็นต้องใช้ แม่กินยาคุณภาพระดับล่างกับระดับกลางก็พอแล้ว” หลงซินเยว่ปฏิเสธทันควัน เด็กคนนี้จะต้องเอายาคุณภาพชั้นเลิศมาให้นางแน่ ตัวเองคงจะได้กินแต่ยาคุณภาพล่างๆ ลูกนางช่างกตัญญูเสียจริง
“ท่านแม่ ท่านจะไปกินยาขยะพวกนั้นทำไม พวกนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ หากท่านกลัวไม่พอ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ท่านอยากได้เท่าไหร่เลย” หลิวหลีนึกว่าแม่จำเป็นต้องใช้ยาจำนวนมาก กลัวว่านางจะทำออกมาไม่พอ จึงรีบบอกแม่ว่าอยากได้เท่าไหร่ก็จะมีเท่านั้น
แต่หลงซินเยว่อึ้งอยู่กับคำว่ายาเสีย ยาคุณภาพระดับล่างกับระดับกลางเป็นยาเสีย? นางแค่หมดสติไปไม่กี่สิบปี ทำไมถึงตามความคิดลูกสาวไม่ทันแล้วล่ะ หรือว่าตอนนี้มีแค่ยาคุณภาพชั้นเลิศเท่านั้น ไม่มียาชนิดอื่นแล้วงั้นหรือ
“ความจริงใจของเจ้าแม่รับไว้แล้ว เพียงแต่ว่าแม่ไม่จำเป็นต้องใช้ยามากมายขนาดนี้จริงๆ” หลงซินเยว่ยังอยากจะเก็บไว้ให้ลูกสาวใช้มากกว่า
“ท่านแม่ ท่านเก็บไว้เถอะ หากข้าจำเป็นต้องใช้ ข้าจะทำมันออกมาเอง ยาจะเยอะเกินไปได้อย่างไร ท่านแม่เก็บไว้ให้คนอื่นก็ได้ ท่านชอบคนไหน ก็ให้คนนั้นเลย” หลิวหลีโบกมืออย่างร่ำรวย นี่คือความเคยชินของนาง
เอ๋าเลี่ยที่ดูสองแม่ลูกอยู่ข้างๆถึงกับกุมขมับ นังหนูอาการเวลาเจอใครที่ชอบแล้วมอบยาศักดิ์สิทธิ์ให้เนี่ย ปต่กับแม่เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้
ทว่าหลงซินเยว่ยังคงไม่ยอมรับไว้ จนกระทั่งหลิวหลีต้องแสดงความสามารถให้ดู ยาที่ออกมาจากเตาล้วนแต่เป็นยาคุณภาพชั้นเลิศ หลงซินเยว่ถึงจะยอมรับไว้ ความสามารถของลูกสาวนาง สามารถทำให้ลูกสาวของนางอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง คนอื่นมีเงินทองมากมายก็อาจจะไม่สามารถซื้อยาศักดิ์สิทธิ์มาได้ด้วยซ้ำ สำหรับลูกสาวของนางแล้วเรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องอะไรด้วยซ้ำ
“ฮ่าฮ่า ฮูหยินท่านคงจะไม่ทราบ ลูกสาวของท่านใช้ยาคุณภาพชั้นเลิศเท่าไหร่ไปทำพิธีสู่ขอ อีกทั้งขบวนสู่ขอ ทำให้โลกบำเพ็ญยังคงเป็นที่วิจารณ์กันจนถึงตอนนี้ นังหนูคงจะไม่รู้ หลังจากงานของนังหนู ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากจะมาขอยืมมังกรตัวน้อยจากเผ่ามังกรสองตัวไปใช้” เอ๋าเลี่ยรู้สึกว่าจำเป็นจะต้องพูดเสริมให้แม่ของหลิวหลีรู้เสียหน่อยว่า หลิวหลีเป็นตัวล้างผลาญขนาดไหน
“สู่ขอ นังหนูเป็นคนไปสู่ขอ?” สิ่งที่หลงซินเยว่สนใจก็คือคำว่าสู่ขอ
“ใช่ แต่ว่าหลิวหลีก็ให้เกียรติบ้านสกุลหนานกงเช่นกัน บอกไปว่าเป็นการขอหมั้น” เมื่อนึกถึงวิธีการของหลิวหลี ทำให้ตาแก่หนานกงชางฉยงเกือบจะร้องไห้ออกมา
“ถ้าเป็นเช่นนั้น หลิวหลีของข้าก็สุดยอดมากเลยสินะ” ตั้งแต่หลิวหลีแสดงความสามารถออกมาให้ดู ตาชั่งในใจของหลงซินเยว่ก็เห็นด้วยไปหมด ไม่ว่าหลิวหลีจะทำอะไรก็ดูสุดยอดไปหมด
“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ” หลิวหลีพูดอย่างมั่นใจ แล้วก็ไม่ลืมจะส่งสายตาพิฆาตไปให้เอ๋าเลี่ย พูดเรื่องพวกนั้นทำไม ตอนนี้ประเด็นที่สำคัญเลยคือต้องให้แม่นางกลับบ้าน สะสางปัญหาที่ค้างคากับพ่อทางกายภาพของนางก่อน
เมื่อเห็นหลิวหลีส่งสายตามา เอ๋าเลี่ยรู้สึกว่าความน่าเกรงขามของตัวเองในฐานะเทพแห่งสงครามไม่มีประโยชน์อะไรเลย นังหนูนี่ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยกลัวเขา ตอนนี้ยังกล้าส่งสายพิฆาตมาให้เขาอีก
“ใช่แล้ว ท่านแม่ ท่านตาล้มป่วยเจ้าค่ะ” หลิวหลีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับท่านตาเจ้า” หลงซินเย่วนึกถึงพ่อที่รักและเอ็นดูตัวเอง ก็รู้สึกร้อนใจ
“ท่านตาจึงเกิดปมขึ้นในใจเพราะข่าวการจากไปของท่าน พลังบำเพ็ญเพียรในตอนนี้ก็ถดถอยไปมาก” หลิวหลีพูดโกหกแบบไม่กระพริบตา เพราะว่ามารดานางเสียชีวิตไปนานหลายปี อาการพวกนั้นจึงได้รับการรักษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ภายหลังได้มารู้ความจริงเกี่ยวกับการจากไปของลูกสาว ก็เลยได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย
“หลิวหลี ข้าอยากจะเจอท่านตาของเจ้า” เมื่อหลงซินเยว่ได้ยิน ดวงตาทั้งสองข้างแดงขึ้นเล็กน้อย นางรีบร้อนอยากจะไปเจอพ่อของตัวเอง
“เจ้าค่ะ แต่ทว่าท่านแม่จะไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้” หลิวหลีมองแม่ของตัวเอง ก็พบว่าตัวเองหน้าตาละม้ายคล้ายกับมารดาถึง 7 ส่วน ก็เลยนึกอะไรออกมาได้บางอย่าง
………………………………..
คอมเม้นต์