แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 172 สถานการณ์วุ่นวายในโลกมาร

อ่านนิยายจีนเรื่อง แม่ครัวยอดเซียน ตอนที่ 172 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“คนที่ปรุงยาคือศิษย์น้อง นางเป็นนักปรุงยาระดับ 8 แล้วหรือนี่” เทียนเย่ามองหลิวหลีที่รับวิบากอัสนีบาตอย่างแข็งขัน อาจารย์อาที่อยู่ข้างๆดูเหมือนจะไม่ได้เป็นคนปรุงยา ถ้าเป็นเช่นนั้นคนปรุงยาก็น่าจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วโลกบำเพ็ญ ศิษย์น้องของพวกเขา หลงหลิวหลี

“ศิษย์น้องปรุงยาเสร็จแล้วยังเหลือแรงรับวิบากเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์อีกหรือเนี่ย สมแล้วที่เป็นผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่ง” เทียนเซียนจื่อพูดพลางมองหลิวหลีด้วยความอิจฉา ศิษย์น้องผู้นี้วาสนาดีนัก นางดูพลังบำเพ็ญเพียรของอีกฝ่ายในตอนนี้ไม่ออกแล้ว

“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเป็นผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งเท่าไหร่นัก น่าจะพูดว่าความพยายามและวาสนาของศิษย์น้องล้วนเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน” เทียนเลี่ยนจื่อกล่าว พลังบำเพ็ญเพียรของตัวเขาเองเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงรวมกายา เขาจึงมองพลังบำเพ็ญเพียรของศิษย์น้องไม่ออก ความภาคภูมิใจน้อยๆของเขาไม่เหลืออีกแล้ว เขายังจะต้องพัฒนาตัวเองอีกมาก

หลังจากวิบากอัสนีบาตสิ้นสุดลง หลิวหลีก็เก็บยาไป มีเพียงอาการสีหน้าซีดขาวตามให้เสวียนหั่วเห็นเท่านั้น

“ศิษย์น้องเจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” เทียนเซียนจื่อมองศิษย์น้องอย่างห่วงใย

“ศิษย์พี่เทียนเซียนจื่อ ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าต้องรับวิบากเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์เองทั้งหมดคนเดียว เลยไม่ค่อยชิน” หลิวหลีรู้สึกว่าตนเองยังพอไหว

“ครั้งแรกหรือ?” คนพวกนั้นพูดขึ้นพร้อม แต่แฝงความนัยที่ต่างกันออกไป

“ใช่แล้ว แต่ก่อนข้ามักจะหาผู้โชคร้ายมาช่วยข้ารับไว้ครึ่งหนึ่ง” แต่หลิวหลีย่อมไม่บอกว่าจริงๆแล้วนางค่อนข้างชอบฮัวจิงเฟยที่มาเป็นเกราะกำบังให้นางไม่น้อย

ณ โลกมาร  การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กำลังเกิดขึ้น

เยี่ยซิงขวงกลับไปที่โลกมาร ชื่อเสียงและอำนาจลดลงไม่น้อย องค์ชายใหญ่ที่มีเสียงลือหนาหูว่าจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ กลับถูกผู้บำเพ็ญสายธรรมกดจนไปจบที่อันดับ 6 ถือเป็นความอับอายของโลกมารอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสในเผ่ามารจึเตือนเยี่ยซิงขวงว่าอย่าทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ควรอ่อนน้อมถ่อมตนบ้าง ทำให้เรื่ององค์ชายรองเยี่ยซิงหวงที่ได้อันดับ 11 และได้มาเพราะความสามารถของตนเองเลื่องลือไปทั่วโลกมาร ถึงขนาดทำให้มีคนบางกลุ่มเปลี่ยนไปสนับสนุนเยี่ยซิงหวงแทน

“ไอ้คนชั้นต่ำที่ถือกำเนิดจากนังขี้ข้านั่น มีสิทธิ์อะไรมาเทียบข้า” เยี่ยซิงขวงก็ได้ยินเรื่องพวกนี้เช่นเดียวกัน เขาทุบโต๊ะจนเหลือแต่ซาก จะให้คนชั้นต่ำที่มีสายเลือดไม่บริสุทธิ์มาสืบทอดตำแหน่งพญามารได้อย่างไร

“เจ้าบอกว่า ในโลกมารมีคนสนับสนุนข้าหรือ อย่าล้อเล่นเลย พวกเขาจะยอมให้คนที่สายเลือดไม่บริสุทธิ์อย่างข้าสืบทอดตำแหน่งหรือ?” เยี่ยซิงหวงได้ยินรายงานจากข้ารับใช้ยังรู้สึกกดดัน

“เป็นเรื่องจริงขอรับ นายท่าน”

“เจ้าออกไปก่อน” เยี่ยซิงหวงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก พี่ชายที่แสนดีของเขาคนนั้นไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ เดาว่าคงไม่สนใจเรื่องนี้กระมัง

“เยี่ยซิงหวง ไม่ได้การล่ะ ข้าต้องไปดูมันเสียหน่อย” เยี่ยซิงขวงไม่ว่าจะคิดจากมุมใดก็รู้สึกยอมไม่ได้ จึงตัดสินใจจะไปหาน้องชายคนดีของเขา

ในขณะที่เยี่ยซิงหวงกำลังคิดเรื่องงาน อยู่ๆก็สัมผัสได้ว่าพี่ใหญ่ของเขามาหา แขกคนสำคัญจริงๆ

“พี่ใหญ่ทำไมถึงมาหาข้าที่นี่ได้” อีกฝ่ายบอกตลอดไม่ใช่หรือว่าที่นี่เป็นที่พักของคนชั้นต่ำอย่างเขา แค่เข้ามาเหยียบก็รู้สึกสะอิดสะเอียน แต่ทำไมกลับมาที่นี่ได้ ช่างน่าแปลกจริงๆ

“ไร้สาระ มีที่ไหนบนโลกมารที่ข้าไปไม่ได้หรือ ไม่เหมือนอย่างเจ้าหรอกน้องรอง ยังมีบางที่ที่เจ้าไม่สามารถเหยียบเข้าไปได้” เยี่ยซิงขวงมองเยี่ยซิงหวงด้วยสายตาดูถูกแล้วพูดขึ้น หึ คนชั้นต่ำเช่นนี้ มีสิทธิ์อะไรมาแย่งตำแหน่งพญามารกับเขา

“ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่มา มีเรื่องแนะนำอันใด” เยี่ยซิงหวงก้มหน้าก้มตาพูดขึ้น ทำท่าทีราวไม่รู้คำเสียดสีที่แฝงอยู่ในคำพูดของเยี่ยซิงขวง

“คำแนะนำน่ะหรือย่อมมีอยู่แล้ว ข้าจะบอกอะไรให้ เจ้ามีสายเลือดชนชั้นต่ำที่ไหลวนอยู่ในสายเลือดเจ้า ตำแหน่งอันมีเกียรติอย่างตำแหน่งพญามารหาใช่ตำแหน่งที่คนชั้นต่ำอย่างเจ้าจะมาทำให้แปดเปื้อนได้ อย่านึกว่ามีคนเพียงไม่กี่คนสนับสนุนเจ้า แล้วเจ้าจะคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสนักหนา คนชั้นต่ำอย่างไรก็ยังคงเป็นคนชั้นต่ำอยู่วันยันค่ำ อย่างไรก็ไม่มีทางจะสูงส่งเท่าข้า” เยี่ยซิงขวงพูดพลางมองเยี่ยซิงหวงด้วยแววตาเหยียดหยาม

“พี่ใหญ่ ข้าไม่เคยคิดแบบนั้นเลย” เยี่ยซิงหวงออกตัวว่าตัวเขาเองไม่เคยคิดอยากจะได้ตำแหน่งนั้น

“ขอให้เป็นเช่นนี้ได้ตลอด หากข้าพบว่าเจ้าคิดไม่ซื่อ ข้าจะมาจัดการเจ้า เป็นก็แค่ผู้ถูกเลือกอันดับที่ 11 มีสิทธิ์อะไรมาแย่งกับข้า” เยี่ยซิงขวงพูดจบก็จากไป

“แปลว่าพี่ชายของข้ารู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วหรือ” เยี่ยซิงหวงพูดขึ้นด้วยท่าทีเปลี่ยนไป

แล้วหลังจากนั้นเขาก็โดนพี่ชายพูดเหยียดหยามแทบจะทุกวัน ถึงแม้เยี่ยซิงหวงจะอดทนอย่างไร แต่ก็ใกล้จะเสแสร้งต่อไปไม่ไหวเต็มแก่

“พี่ชายคนดีของข้า หวังว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าต้องหมดความอดทน มิเช่นนั้น ข้าคงจะแสดงท่าทีสงบเสงี่ยมต่อไปไม่ไหวแล้ว” เยี่ยซิงหวงบีบแก้วที่มือจนแตก

“เยี่ยซิงหวง เจ้าต้องจำสถานะของเจ้าไว้ สายเลือดชั้นต่ำของคนชั้นต่ำ ไม่มีวันจะมาครองตำแหน่งพญามารได้หรอก” เยี่ยซิงหวงเริ่มดูหมิ่นเขาอีกครั้ง

“พี่ใหญ่ ข้ารู้สถานะของข้าดี ท่านจะกังวลใจอะไร” เสียงของเยี่ยซิงหวงเริ่มเจือกระแสรำคาญ เขาทำอย่างนี้ทุกวัน ไม่เบื่อหรืออย่างไร

“กังวลรึ ข้าจะกังวลอะไร ข้าเป็นองค์ชายแห่งเผ่ามารที่มีสายเลือดสูงส่ง ไม่เหมือนเจ้า” เยี่ยซิงขวงยังพูดจาหาเรื่องเช่นเดิม

“เรื่องนี้ข้ารู้ดี หากท่านพี่ไม่มีอะไรแล้ว เชิญกลับไปเถอะ ข้าจะเข้าฌานแล้ว” เยี่ยซิงหวงเชิญอีกฝ่ายกลับทันที

“คนชั้นต่ำ ถึงขนาดกล้าไล่ข้าเลยหรือ” เยี่ยซิงขวงโมโหหน้าแดง

“ฝ่าบาท เหตุใดท่านถึงไม่กำจัดองค์ชายรองเสีย” คนสนิทข้างกายของเยี่ยซิงขวงกล่าว

“เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากหรือ หากไม่ใช่เพราะท่านผู้อาวุโสเผ่ามารขวางเอาไว้ ข้าฆ่ามันตั้งแต่ระหว่างทางที่กลับโลกมารแล้ว หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสเผ่ามารพูดว่าข้าต้องทำตัวดีๆต่อหน้าเสด็จพ่อ ข้าคงไม่อดทนกับคนชั้นต่ำอย่างมันจนถึงตอนนี้หรอก” เยี่ยซิงขวงพูดอย่างโหดเหี้ยม

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้องค์ชายรองกลายเป็นคนธรรมดาก็ได้แล้ว จะได้ไม่เป็นภัยต่อตำแหน่งของท่าน อีกทั้งยังสามารถแสดงความรักต่อน้องชายต่อหน้าท่านพญามารได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” คนสนิทวางแผน

“น่าสนใจ แต่จะทำให้คนชั้นต่ำนั่นกลายเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร” เยี่ยซิงขวงรู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลว นั่นคือกำจัดเสี้ยนหนามอย่างเยี่ยซิงหวง คนธรรมดามีอายุไม่ถึงร้อยปี แต่เขาจะมีอายุที่ยืนยาว ยิ่งคิดยิ่งเข้าท่า

“ฝ่าบาท ในตลาดมือมียาชนิดหนึ่ง ชื่อว่ายาสลายพลังมาร สรรพคุณเป็นดังชื่อของมัน มันสามารถสลายพลังมารของนักบำเพ็ญเพียรสายมาร ยาชนิดนี้ไร้สีไร้กลิ่น อีกฝ่ายไม่อาจรู้ได้เลย และในตอนที่พลังไม่เหลืออีกแล้ว เขาถึงจะรู้ จากนั้นฝ่าบาทค่อยทำลายจุดชี่ไห่ขององค์ชายรอง เขาก็จะกลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้ ถึงแม้ท่านพญามารจะรู้เข้า เขามีลูกชายแค่สองคนคือท่านกับองค์ชายรอง องค์ชายรองกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ตำแหน่งพญามารของเขานอกจากจะส่งต่อให้ท่าน แล้วยังจะสามารถส่งให้ใครได้อีก” คนสนิทของเขาประจบประแจง

“ยกหน้าที่นี้ให้กับเจ้าแล้วกัน เจ้าต้องไปหาซื้อยาสลายพลังมารมาให้ได้” เยี่ยซิงขวงตัดสินใจจะลงมือทำ ใช่ หากเยี่ยซิงหวงกลายเป็นคนไร้ความสามารถ ใครจะสามารถมาแย่งตำแหน่งพญามารจากเขาได้นอกจากเขาแล้ว ผู้อาวุโสหัวโบราณพวกนั้นมีคนอื่นให้เลือกอีกที่ไหน ยังจะพูดมากอีกหรือไม่ ทำไมแต่ก่อนตนเองถึงคิดไม่ออกนะ ยอมให้คนชั้นต่ำนั่นใช้ชีวิตอยู่มาได้ตั้งหลายร้อยปี

“ขอรับ ข้าน้อยจะจัดการให้เรียบร้อย” คนผู้นั้นรับรอง

“เพียงแต่ว่าตลาดมืดต้องใช้หินมารจำนวนไม่น้อย ข้าน้อยเองก็มีจำนวนไม่มากเสียด้วย” คนผู้นั้นถูมือไปมาด้วยท่าทางลำบากใจ

“เอาไป ไปจัดการเรื่องนี้มาให้เรียบร้อย” เยี่ยซิงขวงโยนแหวนเก็บของให้คนสนิทผู้นั้น

“ขอรับ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย” คนสนิทของเขารับแหวนเก็บของมาแล้วพูดเอาใจ

“เจ้าหมายความว่า ยาสลายพลังมารที่ข้าวางขายในตลาดมือมีคนมาซื้อไปหรือ รู้หรือไม่ว่าเป็นใคร” เยี่ยซิงหวงประหลาดใจเล็กน้อย เพราะยาเม็ดนั้นราคาแพงนัก ไม่รู้ว่ามีคนสมองกลวงคนไหนใช้เงินจำนวนมากมาซื้อไป

“รายงานนายท่าน คนผู้นั้นทำท่าลับๆล่อๆ แต่ข้าน้อยเห็นว่าคนผู้นั้นเข้าไปในที่จวนแห่งหนึ่ง เจ้าของจวนคือองค์ชายใหญ่” อั้นอิ่งกล่าวตอบ

“พี่ใหญ่คนดีของข้า คงไม่ได้จะใช้ยาเม็ดนี้มาจัดการกับข้าใช่ไหมนะ” เยี่ยซิงหวงเดา

“พวกเขาไม่น่ากล้ากระมัง ไม่ว่าอย่างไร นายท่านก็มีสายเลือดของท่านพญามารอยู่” อั้นอิงรู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ เยี่ยซิงขวงไม่มีสมองและความกล้าขนาดนั้น

“จะมีอะไรให้กลัว ต่อให้ข้าไม่ได้เรื่องเพียงใด แต่ก็มีสายเลือดพญามารอยู่ครึ่งหนึ่ง และบำเพ็ญเพียรพลังมาร ถึงขนาดมีคนเลิกสนับสนุนเขา มาแอบสนับสนุนข้าอย่างลับๆ เขาจะไม่ร้อนใจหรือ คอยดูเถอะ พี่ใหญ่ที่แสนดีของข้าร้อนใจจนอยู่ไม่ได้แล้ว” เยี่ยซิงหวงมองไปจวนของพี่ชาย แล้วพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

“ฮ่าฮ่า ได้ยามาแล้ว เยี่ยซิงหวง ได้เวลาบอกลาเจ้าแล้ว” เยี่ยซิงขวงรับยาจากคนสนิท แล้วหัวเราะอย่างสะใจ

“ยินดีกับนายท่าน ที่ขจัดเสี้ยนหนามในใจได้สำเร็จ” คนสนิทกล่าวประจบประแจง

“พูดได้ดี เรื่องนี้เจ้าทำได้ดีทีเดียว รอจัดการกับเยี่ยซิงหวงได้แล้ว ข้าจะตบรางวัลเจ้าอย่างงาม” เยี่ยซิงขวงพูดกับคนสนิท

“ได้รับใช้ฝ่าบาทถือเป็นวาสนาของข้าน้อย” คนผู้นั้นสีหน้าฉายแววยินดีปรีดา แต่ก็ยังคงพูดประจบต่อ

“พอได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดเยินยอข้าถึงเพียงนั้น จะต้องหาวิธีให้เยี่ยซิงหวงกินมันเข้าไปให้ได้” เยี่ยซิงขวงพูดพลางเล่นขวดยาในมือ

“ฝ่าบาท หรือว่าท่านจะเชิญองค์ชายรองมาดื่มสุราด้วยกัน แล้วใส่เข้าไปไว้ในภาชนะ มีกาเหล้าชนิดหนึ่ง ชื่อว่า กาเหล้าสองชั้น สามารถนำยามาละลายอยู่ในช่องหนึ่ง แล้วอีกช่องหนึ่งใส่เหล้าชั้นดีเข้าไป หากมองจากข้างนอกจะไม่สามารถมองออกว่าด้านในมีสองชั้น มีเพียงแค่ปุ่มควบคุมที่จะให้ออกมาจากช่องไหนเท่านั้น” คนสนิทกล่าววางแผนต่อ

“มีกาเหล้าที่น่าสนใจเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ ดีมาก ข้าก็จะใจกว้างเชิญคนชั้นต่ำผู้นั้นมาดื่มสุราด้วยกันสักครั้ง ส่วนเรื่องกาเหล้าเจ้าเป็นคนไปจัดการให้ข้าแล้วกัน” เยี่ยซิงขวงรู้สึกชอบกาเหล้านี้อย่างมาก

 …………………………………………

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด