ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – ตอนที่ 331 สั่งคุกเข่า

อ่านนิยายจีนเรื่อง ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ ตอนที่ ตอนที่ 331 สั่งคุกเข่า อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 331 สั่งคุกเข่า
บทที่ 331 สั่งคุกเข่า

อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูรถและมองไปที่พวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยเจ็ดแปดคนที่ยืนจ้องเยาะเย้ยเขาอยู่

“ฮ่าฮ่า! แกใจกล้าไม่เบานี่หว่าที่หยุดรถรอพวกฉันแบบนี้!”

เฉียนเซามองอวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตาประชดประชัน

ในเวลานี้ นอกจากเพื่อน ๆ ของเขาอีกเจ็ดแปดที่ตามมา เขายังมีพวกบอดี้การ์ดมากกว่าหนึ่งโหลที่ตามมาสบทบอย่างรวดเร็ว

“ไม่รู้ว่าจะเรียกแกว่าคนโง่หรือว่าคนบ้าดีที่ไปไหนมาตามลำพังคนเดียวโดยไม่มีบอดี้การ์ดแบบนี้?”

เขาตั้งใจเยาะเย้ยเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่คนเดียว

แต่แล้วเมื่อเขาเหลือบเห็นซูหว่านเอ๋อที่อยู่ในรถของอวี้ฮ่าวหราน สีหน้าของเขาก็ยิ่งชั่วร้ายมากกว่าเดิม

“หึหึ ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าแกโดนอัดจนยอมก้มกราบเท้าฉันวิงวอนขอชีวิตเหมือนหมาข้างถนน ซูหว่านเอ๋อที่อยู่ในรถนั่นยังจะชอบแกอยู่ไหม? พวกผู้หญิงน่ะมันเปลี่ยนใจง่ายจะตาย ถ้าเห็นแกอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนั้น แกคงถูกมองเหยียดเหมือนเศษขยะเลยล่ะ ฮ่าฮ่า!”

ในขณะเดียวกันนี้ พวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยต่างก็แสดงสีหน้าดูถูกอวี้ฮ่าวหรานเช่นกัน ในสายตาของพวกเขา อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่กลุ่มของเฉียนเซากำลังชื่นมื่น จู่ ๆ พวกเขาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองหลุดไปอยู่ในโลกน้ำแข็งที่หนาวเหน็บจนถึงขั้วกระดูกอย่างฉับพลัน!

“หึ! พวกฝูงมด”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มที่มุมปากพร้อมกับมองพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยเหล่านี้ด้วยแววตารังเกียจ

แม้ว่าเสียงพูดของเขาจะไม่ดัง แต่กลุ่มของเฉียนเซากลับได้ยินชัดเจนอย่างน่าประหลาด

เฉียนเซาตกตะลึงกับประโยคนี้อยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อตั้งสติได้แล้ว เขาก็จ้องไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างดุเดือด

“ไอ้ลูกหมา! แกคิดว่าแกเป็นใครวะถึงกล้ามาเรียกฉันว่ามด? แกปากดีนักใช่ไหม? พวกแกทุกคนไปจับมันมาคุกเข่าต่อหน้าฉันเดี๋ยวนี้!”

หลังจากตะคอกจบ เฉียนเซาก็โบกมือข้างหนึ่งสั่งให้พวกบอดี้การ์ดลงมือทันที!

บอดี้การ์ดสิบกว่าคนวิ่งตรงดิ่งเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานทันทีหลังจากได้รับสัญญาณ พวกเขาแต่ละคนต่างแสดงสีหน้าดุร้ายและชักกระบองสั้นที่เอวออกมาเตรียมจะฟาดเป้าหมายให้ลงไปนอนกองที่พื้นโดยเร็วที่สุด

แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเขาจะต่อกรได้!

ในขณะที่พวกบอดี้การ์ดเข้ามาใกล้จนได้ระยะ

ทันใดนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาแต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นแฝงไปด้วยพลังวิญญาณหนาแน่น!

“คุกเข่าลง!”

ถึงแม้ว่าเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของอวี้ฮ่าวหรานจะเบา แต่ในจิตวิญญาณของของพวกบอดี้การ์ดกลับได้ยินเสียงนี้ดังก้องจนร่างแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และร่างของพวกเขาทุกคนก็หยุดลงอย่างกะทันหัน!

บอดี้การ์ดเหล่านี้ราวกับว่ากำลังมองเห็นพระเจ้าที่สูงตระหง่านเสียดฟ้าและโลกที่แดงฉานเต็มไปด้วยโลหิตก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของพวกเขา

ทุกคนหยุด

พวกเขาตื่นตระหนกจนแทบจะหยุดหายใจเมื่อเผชิญกับภาพลวงตาที่น่ากลัวจนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้นี้

‘ผลั่ก!’

หลังจากหยุดนิ่งอยู่เพียงอึดใจ พวกบอดี้การ์ดต่างก็คุกเข่าลงราวกับว่าขาของพวกเขาไร้เรี่ยวแรงโดยสมบูรณ์!

“นี่มันบ้าอะไรวะ!”

ดวงตาของเฉียนเซาเบิกโพลงมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า! เขาอุทานคำหยาบเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกบอดี้การ์ดมืออาชีพที่เคยดุร้ายเหล่านี้ถึงจู่ ๆ ก็คุกเข่าให้กับอีกฝ่ายง่าย ๆ ราวกับเจอบรรพบุรุษตัวเองเช่นนี้?

ไอ้พวกบอดี้การ์ดพวกนี้มันปัญญาอ่อนไปแล้วงั้นเหรอ?

เมื่อเฉียนเซาตะโกน พวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยคนอื่น ๆ ก็เริ่มตะโกนด่าบอดี้การ์ดของตัวเองเช่นกันด้วยความตกใจ

“บ้าเอ๊ย! นี่พวกแกทำบ้าอะไรกันอยู่! พวกแกคุกเข่าให้กับมันทำไม มันเป็นพ่อแกเหรอไงถึงไปคุกเข่าให้มันแบบนี้ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะโว๊ยไม่งั้นฉันจะบอกพ่อให้ไล่แกออกหลังจากนี้!!”

เขาตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ก็แปลกประหลาดเกินไปจริง ๆ

บอดี้การ์ดมืออาชีพที่แข็งแกร่งกว่าโหล ทุกคนคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มผอมบางที่ดูไม่มีพิษภัยแบบนี้ได้ไง!

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเฉียนเซาจะตะโกนใส่พวกบอดี้การ์ดอย่างไร พวกบอดี้การ์ดเหล่านี้ต่างก็ไม่ขยับเขยื้อนเลย พวกเขาเอาแต่มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว

ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากจะคุกเข่า แต่ภาพมายาที่ปรากฏขึ้นในจิตวิญญาณของพวกเขา ทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งจนยอมทำทุกอย่างที่ชายหนุ่มคนนี้สั่ง

ในสายตาของพวกเขาตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้านั้นมีอำนาจสูงส่งราวกับเป็นเทพเจ้าที่ไม่สามารถจ้องมองโดยตรงได้

เฉียนเซายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก เมื่อตะโกนจนคอแหบแล้วก็ยังไม่มีใครเชื่อฟังเขา!

“ขยะเอ๊ย! ไอ้พวกขยะ! ไอ้พวกไร้น้ำยา! พวกแกเอาแต่คุกเข่าแบบนี้ได้ไง?”

เขาไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้

การที่ลูกน้องของเขาคุกเข่าให้กับศัตรูของเขาเองแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าเขาอย่างแรงในที่สาธารณะ!

หลังจากที่สยบพวกบอดี้การ์ดเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็เบนสายตากลับมามองเฉียนเซา และพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยอีกครั้งอย่างล้อเลียน

“คนพวกนี้เพิ่งประจักษ์ในความจริงที่ว่าต่อหน้าฉันพวกมันไม่ต่างอะไรกับมดแมลง ดังนั้นไม่ว่าแกจะสั่งพวกมันยังไง พวกมันก็ฝ่าฝืนคำพูดของฉันด้วยการลุกขึ้นตามคำสั่งของแกหรอก”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็ค่อย ๆ เดินเข้าหาคนพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยเหล่านั้น

เฉียนเซาอยากจะด่ากลับ แต่เมื่อเขาสบตาอีกฝ่าย เจ้าตัวก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกจนคำพูดทุกอย่างจุกอยู่ที่คอ

นี่มันแววตาแบบไหนกัน? ทำไมมันถึงได้น่ากลัวแบบนี้วะ!

เขาอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง

แต่หลังจากก้าวถอยไปได้ราวห้าหกก้าว ขาของเขาก็สั่นและไร้เรี่ยวแรงจนก้าวไม่ออกอีกต่อไป!

“ก…แกเป็นใครกันแน่!?”

เฉียนเซาถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ ตั้งแต่เขาเกิดมาเขาไม่เคยกลัวอะไรจนก้าวขาไม่ออกแบบนี้มาก่อนเลย!

แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจอีกฝ่าย เขายังคงก้าวมาข้างหน้าเรื่อย ๆ

วินาทีต่อมา น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยพลังวิญญาณหนาแน่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง!

“แกกับพวกของแกนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ! พวกแกคุกเข่าลงให้หมด!”

พลังเสียงของอวี้ฮ่าวหรานไม่ต่างอะไรกับประกาศิตจากสวรรค์ ทันทีที่เฉียนเซาและพรรคพวกที่เหลือได้ยินคำสั่งนี้ พวกเขาก็คุกเข่าลงอย่างว่าง่าย!

‘ผลั่ก…ผลั่ก…’

เมื่อเผชิญกับพลังวิญญาณอันกล้าแกร่งและกลิ่นอายที่สุดแสนจะล้ำลึก คนพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยต่างก็เห็นภาพมายาถึงสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในหัวใจของพวกเขา ขาของพวกเขาอ่อนแรงลง และพวกเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นเหมือนพวกบอดี้การ์ดเหล่านั้น!

เฉียนเซาจับจ้องที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยความรู้สึกสยองขวัญ

“นี่…นี่แกเป็นสัตว์ประหลาดหรือยังไงกัน!?”

เขาดวงซวยมาเจอคนที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้ยังไง!

แต่ในขณะเดียวกันนี้ รถตู้เจ็ดแปดคันก็พุ่งมาด้วยความเร็วสูงจากระยะไกล!

“บ้าอะไรวะน่ะ? พวกพวกลูกคนรวยพวกนั้นมันกำลังทำบ้าอะไรอยู่?”

ในรถ SUV ที่อยู่หัวขบวน ชายหัวล้านอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเมื่อเห็นฉากประหลาดที่เกิดขึ้นไม่ไกลนัก

ทันทีที่รถหยุดนิ่ง ชายหัวล้านก็กระโดดลงจากรถ

“ไอ้บ้าเอ๊ย! นี่พวกแกกำลังทำพิธีกรรมบ้าอะไรของพวกแก?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นฉากแปลก ๆ เช่นนี้ แม้ว่าเขาจะคร่ำหวอดอยู่ในโลกใต้ดินมาหลายปีแล้ว

คนเกือบยี่สิบคนคุกเข่าลง และมีชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น

ที่สำคัญ ชายหนุ่มคนที่ยังยืนอยู่นั้นเป็นชายที่ดูเหมือนจะมีอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ ร่างผอมบางไร้พิษสงอีกต่างหาก!

ในความเห็นของเขา เหตุการณ์นี้มันไร้สาระสุด ๆ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด