ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – ตอนที่ 370 ความลับใต้ดิน

อ่านนิยายจีนเรื่อง ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ ตอนที่ ตอนที่ 370 ความลับใต้ดิน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 370 ความลับใต้ดิน

บทที่ 370 ความลับใต้ดิน

“อวี้ฮ่าวหราน…หรือว่า… วันนี้เราจะกลับกันดีกว่าไหมคะ?”

เมื่อเห็นเช่นนี้ซูหว่านเอ๋อก็อดหวั่นใจขึ้นมาไม่ได้ เธอไม่เคยพบปะผู้คนมากนัก ก่อนหน้านี้เธอมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันตลอด จะเคยพบเจอเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

“นี่! คนสวย อย่าเพิ่งไปสิ เดี๋ยวคืนนี้พี่จะดูแลเป็นอย่างดีเลย!” พี่หลิวเห็นเธอหน้าตาตื่น เขาก็คุกคามด้วยการหยอกล้อเธอทันที

“ฮึ่ม! รนหาที่ตายหรือไง!”

สายตาอวี้ฮ่าวหรานฉายแววเย็นเยียบเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ค่อย ๆ ก้าวออกมา!

“แกกล้าดียังไงมาหือกับฉัน! เก่งมาจากไหน? บอกว่าฉันรนหาที่ตายเหรอ? ฮึ่ย แขนขาเล็กขนาดนั้น ฉันต่อยทีเดียวก็หักแล้วมั้ง แล้วฉันจะจัดการนังนั่นให้เข็ดหลาบ…”

ไม่ทันที่พี่หลิวจะได้พูดจบ…ร่างตรงหน้าก็หายตัวไปในพริบตา!

“ไหนแกลองพูดอีกทีซิ!”

สุ้มเสียงเลือดเย็นดังขึ้นเบื้องหน้าเขาทันที!

“อะไรกันวะ!”

พี่หลิวสบถขณะก้าวถอยหลัง เขาถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมาปรากฏตัวตรงหน้าราวกับผี

“ฮ่า ๆ แกกลัวหรือไง?” อวี้ฮ่าวหรานขยับเข้าใกล้ และคว้าลำคอฝ่ายตรงข้าม

“น่าขำที่พวกริ้นไรอย่างแกกล้าปากดีต่อหน้าฉันอย่างนี้!”

พี่หลิวถูกบีบคอ เขาดิ้นกระเสือกกระสนอย่างสิ้นหวัง พลางพยายามง้างมือของอีกฝ่าย

หากแต่มือของเขาไม่ต่างคีมเหล็ก ไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ไม่ขยับแต่อย่างใด!

พี่หลิวถึงได้กระจ่างแก่ใจว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ฝ่ายตรงข้ามถึงได้ดูแคลนเขานัก

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ… ปล่อยพี่หลิวเดี๋ยวนี้!”

“ใช่ ระวังตัวไว้เถอะ!”

“ปล่อยเดี๋ยวนี้! ทำอะไรของแก?”

พวกพ้องของเขาฉายแวววูบไหวในดวงตา เมื่อเห็นพี่หลิวของตนถูกบีบคอและเริ่มสำลักอากาศรุนแรง

แม้ในสถานการณ์คับขัน พวกเขาก็ยังคงไม่ทิ้งหัวหน้า หลายคนหยิบหินขึ้นมาเตรียมขว้างใส่

“อวี้ฮ่าวหราน…คุณ…ระวังตัวด้วยนะคะ”

เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูหว่านเอ๋อก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้ หากแต่เขากลับเหลือบมองเท่านั้น

“ก็แค่พวกขี้แพ้!”

“ตู้ม!”

สิ้นคำ เขาก็กระทืบเท้า พลันเกิดระเบิดเป็นหลุมลึกบนพื้น สายลมรุนแรงพัดโหมกระหน่ำ!

ฝ่ายตรงข้ามถูกพัดกระเด็นก่อนที่จะได้โต้กลับ! ฝุ่นควันทยอยจางหาย และพวกเขาก็ลงไปกองกับพื้นภายในคราวเดียว!

อวี้ฮ่าวหรานทุ่มพี่หลิวลงพื้น และเหยียบลงบนอกของอีกฝ่าย

“ไหนแกลองพูดแบบเมื่อกี้อีกซิ” เขาว่าเย้ยเสียงเย็นชา

หากแต่ตอนนี้พี่หลิวหวาดกลัวจับจิต เมื่อเห็นเขาไม่ต่างอะไรกับเทพเจ้า เขาจะกล้าพูดเรื่องหยาบคายอย่างก่อนหน้านี้ได้อย่างไร…

“พี่ใหญ่… ผมผิดไปแล้ว! ผมเป็นแค่หมาแค่หมู! มีตาหามีแววไม่”

เขาประหวั่นพรั่นพรึงเหลือเกิน!

มิน่าเล่า เธอถึงไม่ได้พาบอดี้การ์ดมาด้วย แค่ชายหนุ่มคนนี้ก็จัดการพวกเขาได้อยู่หมัด!

“เฮอะ ที่แกพูดก่อนหน้านี้หยาบคายมาก ขอโทษเธอซะ ถ้าพูดดี ๆ จะปล่อยให้รอดไปแล้วกัน!”

อวี้ฮ่าวหรานเย้ยหยัน หากอีกฝ่ายกล้าพูดอีกครั้งจริง เกรงว่าวันนี้ไม่ตายก็คงได้พิการไปตลอดชีวิตแน่!

พี่หลิวนิ่งงันไปเมื่อได้ยินคำเขา

“อะไรนะ?”

เขาเด้งตัวขึ้นมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายยกเท้าขึ้น

“ได้! ได้สิ! คุณนางฟ้า ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย ผม…ผมเป็นแค่หมูตัวหนึ่ง เป็นคนโง่เง่า ต่อไปจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก”

“คิก”

ซูหว่านเอ๋ออดหลุดขำไม่ได้เมื่อได้ฟัง คำขอโทษนอบน้อมผิดกับคำพูดก่อนหน้านี้ลิบลับ

พวกเขาเผยสีหน้าส่งแววตาอ้อนวอน อย่างกับเห็นนางฟ้าจริง ๆ

“มองอะไร?”

อวี้ฮ่าวหรานหน้ามุ่ย เมื่อเห็นพี่หลิวมองหน้าเธอ เขาพลันก้าวมาบังเธอเอาไว้

“ฉัน…ฉันไม่กล้า…จะไม่มองอีกแล้ว…”

พี่หลิวถูกเตะเต็มแรง เจ้าตัวรีบปิดตาตนเองทันที ถึงอย่างไรชีวิตของตนก็สำคัญที่สุด

“เอาละ ปล่อยพวกเขาไปเถอะค่ะ”

ซูหว่านเอ๋อยกยิ้ม ความตื่นตระหนกก่อนหน้านี้เลือนหายไป คนเหล่านี้ทำตัวน่าขันราวกับตัวตลก

“ไปซะ!”

อวี้ฮ่าวหรานเตะเอ่ยไล่พวกเขา แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่สามารถฆ่าคนที่นี่ได้ เพราะถึงอย่างไรตัวเองก็แค่มาซื้อโบราณวัตถุ

พอพวกเขาได้ยินว่าตัวเองรอดแล้ว จึงรีบลุกขึ้นวิ่งหนีไปสุดฝีเท้า และไม่มีใครกล้าโผล่หน้าสบตาชายหนุ่มแสนน่ากลัวคนนี้

“เวรเอ๊ย…ฉันเกือบตายแล้ว…มันจะฆ่าฉันจริง ๆ นะ…”

เมื่อวิ่งมาได้ไกลพอสมควรแล้ว พี่หลิวหอบหายใจหน้าตาตื่น

“เราเจอกับใครกัน น่ากลัวมาก อย่างกับหายตัวได้เลย!”

“ใช่ มิน่าล่ะ ยัยคุณหนูนั่นถึงได้ไม่มีบอดี้การ์ด มันน่ากลัวกว่าบอดี้การ์ดตั้งหลายเท่า”

“ต่อไปเราอย่าไปยุ่งกับมันเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง”

คนหนึ่งว่าขึ้นด้วยความหวาดหวั่น ต่อให้จะหนีรอดออกมาไกลแล้ว หากแต่ความน่าสะพรึงในใจยังไม่จางหาย

ในขณะเดียวกันซูหว่านเอ๋อเดินนำทางมาถึงร้านที่เธอเล่าให้ฟัง

“เอ่อ…สวัสดีค่ะ”

แม้เธอจะรู้จักอีกฝ่าย หากแต่ยังใช้เวลาทำใจกล่าวทักทายอยู่นาน

ท่าทีของฝ่ายตรงข้ามดูใจดีอย่างคาดไม่ถึง เขาเอ่ยเชิญทั้งคู่เข้ามาในบ้าน

“เข้ามาสิครับ… มานั่งพักด้านในก่อน ครั้งนี้มาหาซื้อของเหรอครับ?” ชายชราเป็นผู้เอ่ยปาก เขาอายุราวหกสิบปี

“ฉันนึกขึ้นได้… ครั้งนี้ก็เลยมาลองดูค่ะ”

ซูหว่านเอ๋อพูดจากระมิดกระเมี้ยนเล็กน้อย คราวนี้เป็นอวี้ฮ่าวหรานที่กล่าวแทรกขึ้น

“พาเราไปดูหน่อยสิครับ ผมจะแก้ปัญหาให้เอง”

เขาเชื่อว่าพลังในระดับขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงของตนจะต้องสามารถจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

“อย่างนั้น… คุณก็เข้าไปเองแล้วกันครับ ผมขอไม่เข้าไปด้วย”

ดูเหมือนชายชราจะดูหวาดกลัวอยู่บ้าง เขาไม่คิดอยากย่างกรายเข้าไปแต่อย่างใด

“ได้ครับ”

ซูหว่านเอ๋อเคยมาที่นี่ เธอจึงเข้าใจความพิศวงที่เกิดขึ้นดี

“อวี้ฮ่าวหราน ไปกันเถอะค่ะ ฉันจะนำทางคุณไปเอง”

ว่าจบเธอก็เดินนำทางเข้าไปทันที ชายสูงวัยเดินตามไป เขาตามไปไขกุญแจเปิดให้

“นี่ครับ พวกคุณเข้าไปสำรวจดูเองแล้วกันครับ” เขาหยุดรอด้านนอกพลางส่งกุญแจให้พวกเขา

อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูชั้นใต้ดิน เผยให้เห็นชั้นใต้ดินที่ลึกลงไป แล้วก้าวเหยียบลงบนบันไดไม้

“ระวังด้วยนะคะ…”

จังหวะที่เสียงเอ่ยเตือนของเธอดังขึ้น ความวิงเวียนศีรษะมาเยือนเขาในทันใด!

เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มต้องการใช้พลังวิญญาณในการประคองตัว

ทว่าเมื่อนึกได้ว่าครั้งก่อนเธอไม่เป็นไร จึงเลิกฝืนและยอมจำทน โชคดีที่ภาพตรงหน้าพลันเปลี่ยนไป!

อวี้ฮ่าวหรานกลับมาได้สติ เขาพบว่าตนเองถูกมัดเอาไว้ บรรยากาศรอบตัวแปรเปลี่ยนไปฉับพลัน!

ชายหนุ่มกลับกลายมาอยู่ที่โกดังรกร้าง ศัตรูร่างบึกบึนหลายคนอยู่เบื้องหน้าเขา

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด