ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – ตอนที่ 333 ข่าวที่น่าตื่นตระหนก

อ่านนิยายจีนเรื่อง ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ ตอนที่ ตอนที่ 333 ข่าวที่น่าตื่นตระหนก อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 333 ข่าวที่น่าตื่นตระหนก
บทที่ 333 ข่าวที่น่าตื่นตระหนก

หมับ!

นักเลงลูกน้องของสวีเปียว ฟันมีดอย่างสุดกำลังที่ตัวเองมีหวังจะฟันคอของอวี้ฮ่าวหรานให้ขาดภายในครั้งเดียว สีหน้าของเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ตัวเองกำลังจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่ในไม่ช้าเขาก็ต้องตกตะลึงจนแทบจะหยุดหายใจเมื่อพบว่ามีดที่เขาฟันไปมันกลับถูกอีกฝ่ายใช้มือเปล่า ๆ จับเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย!

นี่…มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?!

เมื่อเห็นสิ่งนี้ นักเลงก็พยายามดึงมีดออกอย่างสุดแรง

แต่วินาทีต่อมา อวี้ฮ่าวหรานใช้กำลังเล็กน้อยบดขยี้ใบมีดที่ตัวเองจับอยู่จนแหลกละเอียด พร้อมกับปล่อยคลื่นพลังวิญญาณอัดเข้าใส่นักเลงผู้น่าสงสาร!

บรึ้ม!

อ๊ากกกก

นักเลงที่โดนคลื่นพลังวิญญาณอัดเข้าเต็ม ๆ กระอักเลือดเป็นสายและลอยละลิ่วหายเข้าป่าข้างทาง โดยที่ไม่มีใครทราบชะตากรรมว่าเป็นหรือตาย!

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มเยาะเย้ยให้กับความโง่เขลาของอีกฝ่าย

“หึหึ เป็นความกล้าหาญที่น่ายกย่องแต่น่าเสียดายที่ใช้มันผิดที่!”

หลังจากเยาะเย้ยนักเลงที่โชคร้ายคนนั้นแล้ว ชายหนุ่มก็เบนสายตากลับมามองพวกนักเลงที่เหลือ

“พวกแกอยากลองด้วยไหม?”

สวีเปียวตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดนี้ เขาตอบกลับทันทีด้วยอาการสั่นกลัว

“พี่อวี้ พี่อวี้! ผ…ผมไม่โทษพี่แน่นอนต่อให้ไอ้นั่นมันตาย! ผ…ผมจะไปเดี๋ยวนี้! ร…เร็วเข้า! พวกแกทั้งหมดรีบกลับไปขึ้นรถเร็ว!”

ขณะที่เขาพูด สีหน้าของสวีเปียวหวาดกลัวสุดขีด เขารีบเอ่ยสั่งลูกน้องทันทีให้เตรียมออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานได้โบกมือหยุดเขาเอาไว้!

“เดี๋ยวก่อน! ฉันบอกแกเมื่อไหร่ว่าฉันจะปล่อยแกไป?”

สวีเปียวแข็งค้างเป็นรูปปั้นทันทีเมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้

ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา และเขาก็รีบหันไปอธิบายด้วยสีหน้าวิงวอน

“พี่อวี้ ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินพี่จริง ๆ!”

อวี้ฮ่าวหรานเพิกเฉยต่อการร้องขอความเมตตาของอีกฝ่าย เขาจึงถามกลับด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ฉันได้ยินมาว่าแก๊งวาฬยักษ์ของแกสั่งให้สมาชิกทั้งหมดถอยร่นจากแนวหน้าเมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกแกมีแผนชั่วใหม่ ๆ อีกแล้วใช่ไหม?”

เนื่องจากชายหนุ่มเคยเจอกับพวกแก๊งวาฬยักษ์หลายรอบแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำได้ว่าคนเหล่านี้สวมชุดของแก๊งวาฬยักษ์

“ฉัน…ไม่…คือเราแค่ขัดคำสั่งของหัวหน้าไม่ได้…”

“ถ้าแกโกหก แกตาย!”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายลังเลไม่กล้าพูดบางประโยคออกมา อวี้ฮ่าวหรานจึงข่มขู่อีกฝ่ายพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารเพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเขาเอาจริง!

สวีเปียวเลิกลังเลและไม่กล้าโกหกในทันที

เขามองอีกฝ่ายด้วยความสยดสยองเล็กน้อย และสัมผัสได้ถึงความตายที่จะมาถึงแน่หากตัวเองโกหกต่อไปอีกแค่ครึ่งคำ!

น่ากลัวโคตร ๆ เลย!

“พวกเรา…แก๊งวาฬยักษ์ของเราได้เข้าร่วมแก๊งฉลามคลั่ง ดังนั้นการกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นคำสั่งของกงซุนซา!”

ในที่สุดเขาก็จะพูดความจริง…

ลูกน้องส่วนใหญ่ไม่ทราบข่าวนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงสีหน้าประหลาดใจทันที

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคนเหล่านี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าเล็กน้อย

“อืม เข้าใจแล้ว แกไสหัวไปได้แล้ว”

จากการเพ่งมองจังหวะการเต้นของหัวใจและภาษากายต่าง ๆ เขาจึงสามารถตัดสินได้อย่างง่ายดายว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน

หลังจากได้รับอนุญาต สวีเปียวรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบวิ่งกลับไปขึ้นรถด้วยความตื่นตระหนกและจากไปพร้อมกับลูกน้องทั้งหมดของเขา

ย่านรกร้างแห่งนี้จึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ยกเว้นเสียงร้องโอดโอยที่เจ็บปวดของเฉียนเซา เพราะโดนเตะจนกระดูกซี่โครงหักไปหลายซี่

อวี้ฮ่าวหรานเหลือบมองไปที่กลุ่มของเฉียนเซาอย่างดูถูก แต่เมื่อคิดได้ว่าขณะนี้มีซูหว่านเอ๋อเฝ้ามองอยู่ เขาจึงไม่อยากจะสร้างฉากโหดร้ายขึ้นมาให้อีกฝ่ายฝันร้าย ดังนั้นจึงเดินกลับไปที่รถและเร่งเครื่องจากไป

ภายในรถ

ไม่นานหลังจากที่ขับออกมา ซูหว่านเอ๋อที่ตื่นตระหนกก็เริ่มทำใจได้บ้างเล็กน้อย

การปรากฏตัวของพวกนักเลงเมื่อครู่นี้ทำให้เธอตกใจมาก

โชคดีที่คนที่เธอชอบแข็งแกร่งกว่า!

“ฮ่าวหราน…คุณ…คุณสุดยอดมากเลย…”

ซูหว่านเอ๋อยิ่งรู้สึกเชิดชูเขามากกว่าเดิม และอดไม่ได้ที่จะพูดชมเบา ๆ

เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายผู้นี้จะมีอำนาจมากจนคำพูดของเขาสามารถทำให้ผู้คนคุกเข่าขอความเมตตาได้

“ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่มีผมอยู่ด้วยไม่มีใครทำร้ายคุณได้หรอก”

เมื่อเห็นใบหน้าซีดของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานก็ให้ความมั่นใจกับเธอ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้เลยว่าประโยคนี้ได้ทำให้หัวใจของซูหว่านเอ๋อหวั่นไหวมากเพียงใด

อีกด้านหนึ่ง

โจวเฟยหู่มาที่โรงพยาบาลอีกครั้งพร้อมกับกระเช้าผลไม้

“คราวนี้สถานการณ์ยิ่งแปลกมากขึ้น ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกแก๊งวาฬยักษ์ถึงถอยร่นทิ้งพื้นที่แนวหน้าให้เรายึดไปฟรี ๆ ทั้ง ๆ ที่พวกเราและพวกมันต่างก็สูญเสียในจำนวนพอ ๆ กัน?”

ทันทีที่โจวเฟยหู่นั่งลง เขาก็พูดเรื่องนี้กับหวังเหยียน

หวังเหยียนขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

“การที่พวกมันทำแบบนี้ มันน่าจะเป็นเพราะมีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้นภายในแก๊งของพวกมัน”

อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันนี้ หวังเหยียนก็ได้รับข้อความบนโทรศัพท์มือถือของเขา

‘แก๊งวาฬยักษ์ถูกยุบและสมาชิกทั้งหมดเข้าร่วมกับแก๊งฉลามคลั่งแล้ว’

ข้อความสั้น ๆ นี้ทำให้เขาตกใจจนขนลุก

“เกิดอะไรขึ้น!”

โจวเฟยหู่รู้สึกไม่ดีอย่างมากเมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของหวังเหยียน เขาไม่เคยเห็นหวังเหยียนแสดงสีหน้าแบบนี้เลยนอกจากว่ามีเรื่องคอขาดบาดตาย

“แก๊งวาฬยักษ์ตกเป็นของกงซุนซาแล้ว! ทั้งสองแก๊งรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน!”

หวังเหยียนบอกข้อความที่เขาเพิ่งอ่านผ่านโทรศัพท์ เขาเชื่อมั่นในข่าวนี้หมดใจ เพราะอวี้ฮ่าวหรานเป็นคนส่งต่อข่าวนี้!

เขาเชื่อว่าคนอย่างอวี้ฮ่าวหรานไม่มีทางส่งข่าวที่ไม่ได้รับการยืนยันมาหาเขาแน่นอน

“นี่มัน…!”

โจวเฟยหู่ตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลังจากได้สติ เขาก็ลุกขึ้นพรวดทันที

“นายเพิ่งพูดว่าแก๊งวาฬยักษ์ถูกแก๊งฉลามคลั่งกลืนไปแล้วงั้นเหรอ!? นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไง!!”

โจวเฟยหู่ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินจนอุทานเสียงดัง

เขารู้ดีว่าหลิ่วอวี้จิงเป็นคนยังไง คนประเภทนี้เต็มใจที่จะยอมก้มหัวให้กับคนอื่นแถมยอมยุบแก๊งตัวเองง่าย ๆ แบบนี้ได้ไง?

“นี่…ข่าวนี้จริงเหรอ?”

“ผมมั่นใจที่สุด เพราะข่าวนี้อวี้ฮ่าวหรานเป็นคนส่งมาให้ผม มันไม่มีทางที่จะเป็นข่าวลวงแน่นอน และนี่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมเร็ว ๆ นี้แก๊งวาฬยักษ์ถึงเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ”

น้ำเสียงของหวังเหยียนหนักแน่นมากในขณะนี้ และข่าวนี้ทำให้ตัวเองรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก

“ถ้าอย่างนั้น…ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องสั่งให้คนของเราถอยร่นมาเช่นกันเพื่อที่เราจะได้รวมกลุ่มกันรับมือกับการถูกโจมตีได้เร็วมากกว่าเดิม!”

หลังจากที่โจวเฟยหู่ได้รับคำตอบยืนยัน เขาเริ่มคิดหาแผนรับมือในหัวมากมาย

ในเวลาเดียวกัน

หลังจากอวี้ฮ่าวหรานและซูหว่านเอ๋อกินข้าวกันเสร็จแล้ว เขาจึงไปส่งอีกฝ่ายกลับบ้าน ส่วนตัวของชายหนุ่มนั้นก็ขับรถกลับไปที่บริษัทต่อเพื่อดูเอกสารต่าง ๆ ที่ตัวเองจำเป็นต้องเซ็นอนุมัติให้เสร็จสิ้น

หลังบ่ายสามโมง เขาก็ขับรถออกจากบริษัทเพื่อไปรับถวนถวน

ทว่า ในระหว่างที่เขาขับผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เขาก็เห็นสวีรุ่ยและพ่อของเธอกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งริมถนน

แต่เมื่อชายหนุ่มเพ่งมองดี ๆ เขาก็เห็นว่าสีหน้าของพ่อลูกคู่นี้ในเวลานี้ดูเป็นกังวลอย่างมาก

เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและเมื่อดูนาฬิกาและเห็นว่ามันเพิ่งจะสามโมงกว่า ชายหนุ่มจึงหยุดรถสปอร์ตที่ข้างถนนอย่างช้า ๆ

“…จะทำยังไงดีนะเฮ้อ…หางานไม่ได้มาเกือบครึ่งเดือนแล้ว…”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด