ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – ตอนที่ 456 ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล
บทที่ 456 ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล
ไม่นานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็พาตัวชายชราออกไป
ขณะเดียวกันอวี้ฮ่าวหรานหันมองชายวัยกลางคนพุงพลุ้ยในห้องประชุม
“ส่วนคุณ ออกไปได้แล้ว”
“ผม…ผมไม่เกี่ยว ผมเตือนคุณหลี่ตอนที่อยู่ข้างนอกแล้ว”
เขาตื่นกลัวทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกตัว ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นบริษัท พอถูกลาออก เขาจะสิ้นเนื้อประดาตัวทันที
“ผมผิดไปแล้ว ผมแค่ทำเพื่อบริษัท…”
แม้จะถูกพาตัวออกไปจากห้องประชุมแล้ว แต่ชายวัยกลางคนยังมีสีหน้าเศร้าโศกปนโกรธเคือง
แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ต้องการคำแก้ตัวหรือหลักฐานอะไร ตราบใดที่คนคนนั้นอยู่ตรงหน้า เขาก็สามารถมองเจตนาของพวกเขาจนทะลุปรุโปร่ง
“เอาล่ะ ตอนนี้เรามาประชุมกันต่อได้แล้ว!”
หลังจากประตูห้องประชุมปิดลงก็ไม่มีใครกล้าพูดคุยหรือกระซิบอีก พวกเขาเห็นแล้วว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นบ้าไปแล้ว
เหตุผลและข้อแก้ตัวไม่สามารถใช้กับเขาได้
“ในส่วนของผม ผมเตรียมเอกสารไว้ก่อนการประชุมแล้ว และเอกสารพวกนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการบริษัท พวกคุณส่งต่อกันดูได้”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้พูดอะไร แต่กลับโยนเอกสารฉบับหนึ่งลงบนโต๊ะ
“พี่เขย…ไปเอาเอกสารมาจากไหน? ทำไมฉันไม่รู้?”
หลี่หรงรู้สึกประหลาดเล็กน้อยเมื่อเห็นอย่างนั้น หญิงสาวไม่รู้ว่าพี่เขยจะมีอำนาจมากขนาดนี้
“ฮ่า ๆ ฉันสั่งให้พนักงานที่บริษัทส่งแฟกซ์มาให้ก่อนประชุมแล้วก็ค้นหามาเองบางส่วนน่ะ”
อวี้ฮ่าวหรานอธิบายด้วยท่าทางสบาย ๆ
หลังจากทำความเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปในบริษัทฮัวหรงแล้ว เขาก็พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากชายชรา
นอกจากนี้การเติบโตอย่างกะทันหันของบริษัทยังส่งผลต่อให้การบริหารงานบุคคลล่าช้าและวุ่นวาย
เขายังรู้อีกว่าไม่มีใครรายงานปัญหาพวกนี้กับหลี่หรงเลย แถมมีปัญหาบางจุดน่าสงสัยอีกด้วย!
เอกสารถูกหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว บางคนดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น แต่บางคนกลับขมวดคิ้วแน่น
“ทางบริษัทมีแผนจะแต่งตั้งผู้จัดการทั่วไปและรองผู้จัดการทั่วไปเร็ว ๆ นี้ไหมครับ?”
“รับสมัครคนใหม่เหรอครับ? เอ่อ…เขาคงใช้เวลาปรับตัวนานเลยทีเดียว”
“ใช้วิธีเลื่อนขั้นดีไหมครับ? ผมว่ามันเข้าท่าดีนะครับ”
“…”
หลังจากทุกคนอ่านรายละเอียดในเอกสาร เสียงถกเถียงในห้องประชุมก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
หลังจากเอกสารถูกส่งต่อไปให้หลี่หรง อวี้ฮ่าวหรานก็ลุกยืนขึ้น
“เอาล่ะ! ผมคิดว่าทุกคนคงเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นตอนนี้เรามาโหวตกันเถอะ”
ทันทีที่เสียงคนเหล่านั้นเงียบลง เขาก็เริ่มพูดอีกครั้งโดยไม่รอให้คนที่เหลือออกความคิดเห็น
“ผมเห็นด้วย! มีใครจะคัดค้านไหม?”
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินอย่างนั้น ผู้ชายคนนี้ออกความเป็นคนแรกเลยเหรอ?
ดูจากผลงานของอีกฝ่ายเมื่อครู่แล้ว ถ้าใครคัดค้านคงถูกไล่ออกแน่!
“ผม…ผมเห็นด้วยครับ”
“ผมก็เห็นด้วยเหมือนกันครับ”
“…”
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าคัดค้านคนบ้าที่เพิ่งไล่พนักงานระดับผู้บริหารออกถึงสามคนหรอก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแผนนี้สมเหตุสมผลมาก แม้แต่คนที่ไม่มีประสบการณ์ยังคิดว่าแผนการจัดการนี้เหมาะสมกับบริษัทฮัวหรง
ก่อนที่หลี่หรงจะอ่านเอกสารจบ ทุกคนในห้องประชุมก็ตอบเห็นด้วยกับอวี้ฮ่าวหรานหมดแล้ว
“หือ?”
เธอมองกลุ่มคนที่ไม่กล้าคัดค้านอวี้ฮ่าวหรานด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น
เมื่อก่อนมักจะมีชายชราที่คัดค้านเธอตลอด ไม่ว่าจะเสนอแผนการจัดการอะไรก็ตาม
“ทุกคนเห็นด้วยใช่ไหม? ผมไม่ได้บังคับพวกคุณนะ”
อวี้ฮ่าวหรานไม่พูดมากความ แต่พยักหน้าอย่างมีความสุข
จากนั้นหลี่หรงจึงบอกความคิดเห็นของตัวเองเกี่ยวกับวิธีดำเนินการตามแผนการดังกล่าว
และสิ่งที่แปลกไปจากเดิมคือไม่มีใครกล้าแย้งเธอแม้แต่คนเดียว
การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ก่อนที่การประชุมจะจบลง อวี้ฮ่าวหรานก็กระแอมเบา ๆ แล้วพูดทิ้งท้าย
“ผมประทับใจการประชุมวันนี้มากและหวังว่าพวกคุณจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ในอนาคตผมจะมาประชุมกับพวกคุณบ่อย ๆ ก็แล้วกัน”
พูดจบ…ทุกคนก็แสดงสีหน้าขมขื่นทันที
เปิดรับสมัครตำแหน่งผู้บริหารสี่คนในเวลาเดียวกันเหรอ?
ผู้บริหารบริษัทฮัวหรงมีมากมายหลายคน แต่คนเหล่านั้นก็ทำงานได้ไม่นาน…
แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่คิดเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ เพราะตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญกว่าต้องจัดการ
“พี่เขย! พี่เก่งมาก! คนพวกนั้นกลัวพี่จนไม่กล้าปริปากพูดอะไรเลย”
หลังจากประตูห้องทำงานปิดลง อวี้ฮ่าวหรานจึงออกปากคนอีกฝ่ายอย่างมีความสุข
“ฉันไม่เคยเห็นคนแก่พวกนั้นกลัวจนหัวหดแบบนี้มาก่อน ถ้าฉันเป็นคนพูดนะ พวกนั้นต้องต่อต้านฉันจนถึงที่สุดแน่นอน”
“ฮ่า ๆ คนพวกนั้นชอบดูถูกฉันว่าเรียนไม่จบตลอดเลย”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ใส่ใจเรื่องนี้เพราะถ้าน้องสาวภรรยาเขาอยากแข็งแกร่ง เธอคงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกสักสองสามปี
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะ พอดีมีเรื่องต้องจัดการน่ะ”
“อืม แล้วเจอกันนะพี่เขย!”
หลังจากปัญหาภายในบริษัทคลี่คลาย หลี่หรงก็อารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหันหลังกลับแล้วลงลิฟต์ไปชั้นล่างทันที
เมื่ออยู่บนรถ เขาจึงโทรหาเฉิงชิวอวี้
“โทรมาเช็กอาการหลิวว่านฉิงใช่ไหมคะ? ฉันส่งเธอไปโรงพยาบาลตามคำสั่งคุณเมื่อเช้านี้แล้วค่ะ เป็นที่ที่ดีที่สุดในเมืองนี้เลย คุณสบายใจได้”
“ครับ ผมขอชื่อโรงพยาบาลหน่อยครับ ผมจะไปเยี่ยมเธอ”
อวี้ฮ่าวหรานถามทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ
หลิวว่านฉิงได้รับบาดเจ็บเพราะเขา ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงถือว่าเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของตัวเอง
เมื่อรู้ชื่อโรงพยาบาล เขาก็แปลกใจเล็กน้อยเพราะที่แห่งนั้นคือ โรงพยาบาลที่แม่หลิวว่านฉิงรักษาตัวอยู่…
“แย่แล้ว”
เมื่อนึกถึงภาพที่แม่เห็นลูกสาวที่ได้รับบาดเจ็บ หัวใจของอวี้ฮ่าวหรานก็วูบไหวเล็กน้อย
หลิวว่านฉิงไม่อยากให้แม่รู้ว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ
มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ เพราะเฉิงชิวอวี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเงิน และแน่นอนว่าเธอสามารถจัดหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองได้
ใช่แล้ว โรงพยาบาลที่ดีที่สุด
หลังจากวางสาย อวี้ฮ่าวหรานก็เหยียบคันเร่งจนมิดแล้วขับรถออกจากบริษัทฮัวหรงอย่างรวดเร็ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ โรงพยาบาลประจำเมือง
ชายหนุ่มเดินเข้าประตูโรงพยาบาลแล้วสอบถามข้อมูลกับพยาบาล
โชคดีที่แม่หลิวว่านฉิงไม่ได้อยู่รักษาที่ตึกนี้ และทั้งตึกก็มีเพียงเธอแค่คนเดียว
หลิวว่านฉิงกำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ แสงแดดยามบ่ายส่องผ่านผ้าม่านสะท้อนบนพวงแก้มบอบบางของเธอ
ภายในห้องเงียบสงบ
“คุณดีขึ้นหรือยัง?”
อวี้ฮ่าวหรานเห็นว่าอีกกำลังอ่านหนังสืออย่างใจจดใจจ่อจึงไม่สังเกตเห็นเขา ดังนั้นเขาจึงทักทายก่อน
“หือ? คุณมาได้ยังไง…”
หลิวว่านฉิงเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มยืนข้าง ๆ ตนเอง
“ขอโทษทีค่ะ ฉันอ่านหนังสือเพลินไปหน่อย”
“ทำไมคุณถึงอยู่ตึกนี้คนเดียวล่ะครับ?”
อวี้ฮ่าวหรานไม่เห็นใครในตึกนี้เลย ดังนั้นเขาจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอได้รับบาดเจ็บกระดูกหักทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่สะดวกจึงต้องมีคนคอยช่วยดูแล
สถานการณ์ตอนนี้นับว่าค่อนข้างประมาทเลินเล่อ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่
คอมเม้นต์