บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 204 พี่น้องตระกูลเถิง

อ่านนิยายจีนเรื่อง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน ตอนที่ บทที่ 204 พี่น้องตระกูลเถิง อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 204 พี่น้องตระกูลเถิง

นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตหรือ?

หลินโม่เซวียน เซียวหลิงเอ๋อร์ และคนอื่น ๆ ล้วนตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงของเฉินซี สายตาที่มองพี่น้องตระกูลเถิงแปรเปลี่ยนเป็นสงสัยและประหม่าในพลัน

นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตบุกทั่วทั้งใต้หล้าเมื่อสามพันปีก่อน ฆ่าสังหารคนไปนับไม่ถ้วน เกิดเป็นธาราโลหิต เกือบจะโค่นราชวงศ์ซ่งที่กุมอำนาจอยู่ตอนนั้นได้ จึงกล่าวได้ว่าเป็นนิกายที่เลื่องชื่อไม่ใช่น้อย

ตอนนี้ พอรู้จากเฉินซีว่าพี่น้องตระกูลเถิงอาจเป็นศิษย์นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต ทุกคนจึงตกใจกันอย่างเห็นได้ชัด

“ทุกคน อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระจากไอ้เด็กนี่เลย พวกข้าจะเป็นศิษย์นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตได้อย่างไรกัน?” เถิงหัวจีรีบโต้กลับ แต่ในใจทั้งโกรธทั้งประหลาดใจ ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เขาก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเฉินซีคาดเดาตัวตนพวกเขาออกได้อย่างไร

“ใช่ เจ้านี่มันสาดโคลนใส่พวกเราสองพี่น้องเพื่อให้พวกเราทะเลาะกันเอง สหายเต๋าอย่าได้ถูกเขาหลอกเชียวเล่า” เถิงหัวซวี่รีบอธิบายเช่นกัน

พูดแล้วทั้งสองก็เหลือบมองหวงฝู่ฉงหมิงทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว

“ใช่ ข้ารับรองให้ได้ว่าพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่ผู้เหลือรอดจากนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตหรอก ข้าคิดว่าทุกคนคงเชื่อคำข้ากระมัง?” หวงฝู่ฉงหมิงกวาดตามองคนอื่น ๆ จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เขาคือองค์ชายน้อยแห่งตำหนักจ้าวปัญญาของราชวงศ์ซ่ง เป็นผู้มีตัวตนสูงส่งและน่าเชื่อถือของราชวงศ์ หลังจากเขาออกหน้ารับรองให้พี่น้องตระกูลเถิง ก็ทำลายความสงสัยในใจคนได้ทันที สีหน้าของคนเหล่านั้นล้วนผ่อนคลายขึ้น

หลังจากได้หวงฝู่ฉงหมิงรับรองให้แล้ว เถิงหัวจีจึงรู้สึกคลายใจ พูดขึ้นมาทันทีว่า “ฮึ่ม! เจ้านี่คงมีเจตนาร้ายมานานแล้ว เราสู้อุตส่าห์พาเขามาหาสมบัติด้วย แต่กลับไม่รู้จักบุญคุณและกล้าว่าร้ายพวกเรา ความผิดนี้อภัยให้ไม่ได้ ควรต้องตายนับพันครั้ง ข้าจะปลิดชีพเขาเสียตอนนี้ ลบล้างที่มันลบหลู่พวกเราสองพี่น้อง!”

“ใช่แล้ว! ทุกคนรอสักครู่ พวกเราพี่น้องจะไปจับมัน ชิงเอาทักษะขัดเกลากายาแล้วสังหารเขาเสีย!” เถิงหัวซวี่เอ่ยเสียงเหี้ยม

เมื่อพูดคำว่า ‘ทักษะขัดเกลากายา’ เขาจงใจเน้นคำ พลันเผยความในใจออกมาทันใด ทำให้สายตาหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ เป็นประกายและไม่พูดอะไรอีก เห็นได้ชัดว่าต่างเห็นด้วยกับคำของพี่น้องตระกูลเถิง

“เอาล่ะ! วิชาบ่มเพาะเจ้าเด็กนี่ช่างต่ำต้อย ไม่น่ามีวิชาขัดเกลากายาลึกล้ำอะไรนัก พวกเจ้าจับเขาเสียตอนนี้ ชิงวิชามา จากนั้นพวกเราก็ทำความเข้าใจตัววิชาสลับกับคุ้มกันคนอื่น ๆ ไปพร้อมกันได้” หวงฝู่ฉงหมิงพยักหน้าอย่างสงวนท่าที

พี่น้องตระกูลเถิงมองหน้ากัน ในใจแอบรู้สึกเริงร่าดีใจนัก พวกเขาไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตร สุดท้ายก็ทำให้กำจัดเฉินซีอย่างเปิดเผยได้ เหตุการณ์เช่นนี้แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่คาดคิด

ฟ้าว! ฟ้าว!

ทั้งคู่ไม่ลังเลแม้แต่นิด ซัดพลังออกไปทางฝูงค้างคาวผลึกเหมันต์ในพลัน

“ทุกคน เราจะต้านสัตว์ร้ายพวกนี้ไว้ระหว่างรอข่าวดีนะ หากเราชิงเอาทักษะจากเจ้านั่นมาได้ เช่นนั้นข้าก็รับรองว่าจะอนุญาตให้ทุกคนได้เรียนรู้มันด้วยกัน และข้าไม่กลับคำแน่” เมื่อมองพี่น้องตระกูลเถิงพุ่งเข้าใส่ค้างคาวผลึกเหมันต์ หวงฝู่ฉงหมิงก็กวาดสายตามองทุกคน เอ่ยเสียงดังฟังชัดเจน

“เช่นนั้นดียิ่ง” หลินโม่เซวียนพยักหน้า

เซียวหลิงเอ๋อร์ยิ้ม เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหวงฝู่ฉงหมิง

สีหน้าถันไถหงยังดูคลุมเครือ ยังไม่ทันเอ่ยอะไร เขาก็เห็นว่าหวงฝู่ฉงหมิงส่งสายตาเย็นชาใส่ ทำให้ใจสะดุดในพลัน ไม่กล้าลังเลอีกและเอ่ยด้วยเสียงอันขมขื่น “ข้ารับฟังคำสั่งองค์ชาย”

หวงฝู่ฉงหมิงพึงพอใจนัก อดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้ “เอาล่ะทุกคน ร่วมแรงร่วมใจกันต้านศัตรูระหว่างรอได้ประโยชน์เถอะ ดีกว่านี้ย่อมไม่มีอีกแล้ว” ยามหวงฝู่ฉงหมิงพูด เขาถือว่าเฉินซีตายไปแล้ว

ปัง! ปัง! ปัง!

ทันทีที่เฉินซีฝ่าเข้าฝูงค้างคาวผลึกเหมันต์มา ก็ถูกโจมตีจากรอบทิศโดยพลัน ไม่ว่ามุมไหนก็มีแต่ค้างคาวผลึกเหมันต์กระพือปีก ผลึกน้ำแข็งจำนวนมากพุ่งใส่ดั่งพายุ

ผลึกน้ำแข็งนั้นคมกริบ เย็นยะเยือก มีพลังที่สามารถทำลายสมบัติวิเศษระดับมนุษย์ได้ แต่เมื่อมันพุ่งเข้าหาเฉินซี กลับเกิดเพียงละอองน้ำเป็นประกายแวววาว ไม่ทำร้ายผิวกายและขนสักเส้นบนร่าง

แต่เนื่องจากการโจมตีโถมเข้ามาอย่างหนาแน่น เมื่อควบรวมแรงโจมตีทั้งหมด ก็นับว่าไม่ด้อยไปกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำทีเดียว พริบตาเดียว เฉินซีก็ต้องตกตะลึงจนอวัยวะภายในสะเทือน ก่อนจะหลบการโจมตีจากผลึกน้ำแข็งไม่หยุด สถานการณ์พลันตึงเครียดขึ้นมา

‘ฝ่ามือมหาดารา!’ เฉินซีไม่ลังเล โคจรอักขระจ้าววิญญาณอัคคีที่สาม ฝ่ามือมหาดารามาพร้อมกับเปลวเพลิงเดือดพุ่งไปในอากาศ อำนาจไร้ที่สิ้นสุดสกัดค้างคาวผลึกเหมันต์ที่กำลังกระโจนเข้ามาให้ลังเลได้ เขาฉวยจังหวะนั้นปรับใช้ท่าฝ่ามือมหาดาราอีกครั้ง เปลวเพลิงดั่งธารน้ำไหลพลันพวยพุ่ง มาพร้อมกับเต๋ารู้แจ้งขั้นสูงสุดที่ทำให้วารีทั้งหลายในใต้หล้ายอมสยบ

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ราวกับถึงจุดจบ ม่านตาสีเลือดของค้างคาวผลึกเหมันต์พลันเผยแววตื่นตระหนก ราวกับพบกับราชันผู้สูงส่ง มันไม่อาจต้านทานพลังแกร่งกล้านั้นได้ จึงถูกฝ่ามือมหาดาราบดขยี้จนกลายเป็นกองของเหลว และถูกอักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราวารีที่เก้าของเฉินซีดูดซับเข้าไป

ชั่วอึดใจเดียวก็เกิดเป็นแก่นดาราท่วมท้นไปด้วยวารีขึ้นมาพร้อมกับอักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราวารีที่เก้า นอกจากวารีที่ท่วมท้นแล้ว ขนาดของแก่นดารายังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย

‘เยี่ยม! ข้ากลับพบเจอโชคเช่นนี้ได้ หากสังหารสัตว์ร้ายในซากปรักหักพังห้าธาตุได้ เช่นนั้นพละกำลังจะทวีคูณขึ้นเท่าไรกันนะ?’ หลังสัมผัสได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นในร่าง เฉินซีก็อดหัวร่อออกมาไม่ได้ ความขุ่นใจในอกพลันถูกลบล้าง รู้สึกทั้งยินดีและพึงพอใจนัก

‘พละกำลัง อำนาจสิทธิ์ ความมั่งคั่ง ความแกร่งในการสู้… ทุกสิ่งในใต้หล้าย่อมต้องมี ‘พลัง’ สักอย่าง เช่นนั้นหากข้าสามารถคุมพลังอันน่าเกรงขามได้ เช่นนั้นไม่ว่าจะเล่ห์หรือกลใดก็ไม่อาจเทียบเทียมข้าได้! มีแค่ตอนนั้นข้าจึงจะสามารถตอบแทนบุญคุณและความแค้น เป็นอิสระได้อย่างแท้จริง! กรงใดก็ไม่อาจขังจิตใจข้าไว้ได้ โซ่ตรวนไม่อาจขังร่าง พุ่งขึ้นสู่สวรรค์ชั้นฟ้าได้อย่างอิสระ สู่มหาเต๋าของข้า!’ จังหวะนี้ ดวงจิตแห่งเต๋าของเฉินซีราวกับถูกชำระล้าง ดั่งกระจกใสที่ไร้มลทิน ทั้งสะอาดกระจ่างแจ้ง สามารถเป็นกระจกส่องใจได้ โดยไม่ทันรู้ตัว ความรู้ในเส้นทางการบ่มเพาะลึกล้ำและหนักแน่นขึ้น จิตวิญญาณคล้ายได้รับการชำระล้าง ก้าวหน้าขึ้น และพัฒนาขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด…

ปัง!

ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณที่ไม่ได้ทะลวงพลังใดมานานพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เปลี่ยนจากญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นจิตสัมผัสเทพ ทั้งสวรรค์และผืนโลกาดูมีสีสันและชีวิตชีวายิ่งขึ้นกว่าเดิม

เขา ‘เห็น’ รอยเลือดแห่งอสูรและเทพ ชิ้นส่วนสมบัติวิเศษมากมาย ริ้วพลังต้นกำเนิดธาตุน้ำที่ไหลเวียนอยู่ในร่างค้างคาวผลึกเหมันต์ และรายละเอียดยิบย่อยทั้งหลายเบื้องหน้า

เขา ‘เห็น’ พลังดาราจักร จิตสังหาร ความแค้น ปราณแท้ และพลังงานไร้รูปมากมายในใต้หล้า พวกมันไม่อาจหลบหนีสายตาเขาไปได้

เขา ‘เห็น’ ว่าในซากปรักหักที่อยู่ห่างออกไปไกลลิบ หวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ กำลังยุยงพี่น้องตระกูลเถิงให้ต่อต้านเขา ทั้งท่วงท่า เสื้อผ้า และสีหน้าทั้งหลายล้วนเห็นได้ชัดเจน ในหมู่คนเหล่านั้นคือคนรู้จักเก่า เซวี่ยเฉิน เผยจง และชิงซิ่วอี้แห่งนิกายกระเรียนพิสุทธิ์ในที่ราบตอนกลาง

นี่คืออำนาจของจิตสัมผัสเทพ ราวกับครองนัยน์ตาแห่งใต้หล้า สามารถมองเห็นทุกสิ่งอย่าง แม้แต่รายละเอียดปลีกย่อยที่สุดก็ตาม ไม่ว่าการเคลื่อนไหวใด หรือสิ่งไร้รูปร่างใด หรือสิ่งมีรูปใดก็ตาม ล้วนไม่อาจหลีกหนีจิตสัมผัสเทพได้!

‘ยอดเยี่ยมนัก เมื่อมีจิตสัมผัสเทพเช่นนี้ จิตข้าก็แกร่งจนสามารถเทียบเคียงได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติ สามารถฝึกเคล็ดวิชาสังหารเทวาได้แล้ว!’ เมื่อสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงในจิตและชื่นชมภาพฟ้าดินที่เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งแก่นแท้ ปราณ และจิตวิญญาณของเฉินซีล้วนอยู่ในสภาวะมหัศจรรย์ใจ ลอยเหนือโลกา ผสานรวมเข้ากับใต้หล้า ในสภาวะเช่นนี้ เขาย่อมสามารถเข้าใจแก่นแท้และความลึกล้ำของเคล็ดวิชาสังหารเทวาได้

“ไอ้หนู คิดว่ามาหลบที่นี่แล้วจะปลอดภัยหรือ?” จังหวะนั้นเอง เงาร่างสองร่างก็พุ่งเข้ามาในฝูงค้างคาวผลึกเหมันต์ ไม่ว่าผ่านไปทางใดก็สังหารค้างคาวผลึกเหมันต์ไปนับไม่ถ้วน เผยให้เห็นกำลังมหาศาล

สองคนนี้คือพี่น้องตระกูลเถิง เถิงหัวจีและเถิงหัวซวี่เป็นแน่

“เฉินซี เช่นนี้แล้ว เจ้าคงเข้าใจถึงเหตุผลการมาของพวกข้าสองพี่น้องแล้วสินะ? ส่งของเหล่านั้นมาแต่โดยดีเถอะ พวกข้าอาจให้เจ้าได้ตายสบายขึ้น” เถิงหัวจียิ้มชั่ว

“ใช่แล้ว ส่งทักษะขัดเกลากายามาด้วย ไม่เช่นนั้น อย่าโทษว่าพวกข้าจับเจ้าและใช้วิชาปล้นวิญญาณโลหิตกับเจ้าก็แล้วกัน เราจะดึงวิญญาณเจ้าออกมา อยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ ต้องทนทุกข์ทรมานไม่สิ้นสุดทั้งวันทั้งคืน” เถิงหัวซวี่เสริม

“เช่นนั้นแล้ว ข้าส่งของให้ก็ตาย ไม่ส่งให้ก็ตายสินะ?” เฉินซีถามเสียงเรียบเรื่อยไร้อารมณ์

“ถูกต้อง ทว่าหากส่งมาแต่โดยดี เช่นนั้นจะให้เจ้าไม่ต้องตายโดยเร็ว ไม่ต้องทุกข์ทรมาน เจ้าคิดเช่นไรเล่า? มีเมตตามากพอแล้วกระมัง?” เถิงหัวจียิ้มย่อง

“ฮ่า ๆ! พี่ใหญ่พูดถูก! หากเป็นข้าก็อาจไม่เป็นเช่นนั้น เจ้าหนู เราให้โอกาสเจ้าแล้ว ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะรับมันไว้หรือไม่!” เถิงหัวซวี่ตะโกนลั่นออกมา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้… งั้นก็มาดูว่าใครจะตายก่อนกัน!” เมื่อเฉินซีเผยน้ำเสียงเยือกเย็น ร่างเขาก็พลันหายไปในทันที พริบตาต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นห่างจากเถิงหัวจีหนึ่งจั้ง

ปัง!

กระบี่ระดับล้ำลึกขั้นสุดยอดที่อาบไปด้วยสายฟ้าส่งประกาย เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกทิ่มแทงและกลิ่นอายทำลายล้างพลันปรากฏขึ้นในมือ มันถูกตีจากเหล็กอัสนี ตัวกระบี่มีค่ายกลอสนีบาตขนาดเล็กฝังไว้สิบหกค่ายกล เป็นหนึ่งในดาบที่ท่านหญิงสุ่ยฮวามอบให้เขาเมื่อตอนอยู่หอขุมทรัพย์สวรรค์เมืองห้วงทะเลทรายมรณะ มีชื่อว่ากระบี่สายฟ้าฟาด

ตอนนี้ เฉินซีใช้กระบี่เจิ้นแห่งสายฟ้าพร้อมกับกระบี่สายฟ้าฟาดซัดออกไป ท่าเคลื่อนไหวรวดเร็วดุดัน ทะลวงอากาศ พุ่งเข้าใส่หน้าเถิงหัวจี

“ฮึ่ม! ข้ารู้นานแล้วว่าเจ้าคงไม่ยอมโดยง่าย ไอ้หนูนี่! ดาบอสูรโกลาหล!” เถิงหัวจีตะโกนลั่น ในมือปรากฏดาบโค้งสีเลือด ซัดพลังลมโกลาหลออกมา เขาซัดท่าดาบออกมากว่า 108 ครั้ง ทุกท่าดาบล้วนดุดัน แม่นยำ เล็งไปยังปลายกระบี่ของเฉินซี

ปัง! ปัง! ปัง!

ดาบโค้งและกระบี่ตรงเข้าห้ำหั่นกันจนเกิดฟ้าลั่นคำรามสนั่น แสงสีเลือดสว่างจ้า แรงลมคลั่งให้ความรู้สึกเยือกเย็นซัดไปทั่ว ทำให้ค้างคาวผลึกเหมันต์ที่อยู่ในรัศมีร้อยจั้งซึ่งไม่อาจหลบได้ทันถูกทำลายหายไปสิ้น

ท่าสังหารของเฉินซีกลับถูกเถิงหัวจีสกัดไว้ได้!

“ไอ้หนู เจ้ากล้าลอบโจมตีข้าด้วยพลังเท่านี้เองน่ะหรือ?” เถิงหัวจีหัวเราะเยาะ แต่ท่วงท่าไม่ได้ช้าลงเลยสักนิด ดาบโค้งสีเลือดสั่นสะท้าน ก่อนกรีดผ่านอากาศ เล็งไปยังศีรษะเฉินซี!

เขาหมายฉวยจังหวะนั้นปลิดชีวิตเฉินซีในดาบเดียว!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด