Divine Card Creator – ตอนที่ 31 กระทิงคลั่งหายไป?!

อ่านนิยายจีนเรื่อง Divine Card Creator ตอนที่ 31 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

การ์ดวงล้อมกระทิงคลั่งทั้งเจ็ดใบจะรวมกันออกมาเป็นอะไรกัน?

 

อาจจะแค่มีกระทิงคลั่งมากขึ้น?

 

หรือบางที…

 

มันจะพัฒนาร่างกลายเป็นมิโนทอร์?

 

ลู่หมิงคาดเดาไว้หลายอย่าง ดังนั้นเขาจะไม่แปลกใจต่อให้มีมิโนทอร์หรือกระทั่งจางเสี่ยวปังปรากฏตัวออกมาจากการ์ด เพราะยังไงจากความซื่อบื้อของหมอนี่ก็ควรจะนับเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับมิโนทอร์ได้อยู่

 

อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ที่แสดงบนการ์ดดั้งเดิมในตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

ในเป็นภาพของทุ่งร้างอันไร้ขอบเขตที่มีเทือกเขาถล่มอยู่ข้างๆ

 

มันดูราวกับพื้นที่รกร้าง ที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต

 

และนั่นคือภาพทั้งหมดที่เขาเห็นบนการ์ดดั้งเดิม

 

“แค่นี้เหรอ?”

 

ลู่หมิงถึงกับนั่งไม่ติด

 

เฮ้ย กระทิงคลั่งของฉันมันหายไปไหน?!

 

กระทิงคลั่งของฉันไปอยู่ที่ไหนกันฟะ!?

 

ปกติแล้วภาพที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าของการ์ดเกิดจากการแสดงผลของลายเส้นต่างๆ ดังนั้นตามตำหรับตำราที่เรียนมาทุกเล่ม ภาพที่ปรากฎควรบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของสกิลนั้นๆ …

 

แต่แล้วกระทิงคลั่งมันหายไปอยู่ส่วนไหน?!

 

นี่มันอะไรกัน? ”หรือกระทิงคลั่งบ้าพวกนี้หนีไปหลังกินหญ้าจากแอบกินหญ้าอ่อนจนอิ่มเรอะ”

 

บ้ารึเปล่าลู่หมิง เพ้อไปใหญ่แล้ว!

 

“ใจเย็น ๆ! เราต้องใจเย็น ๆ!”

 

ลู่หมิงหายใจเข้าลึก ๆ และสงบสติอารมณ์

 

ภาพบนการ์ดที่ดูรกร้างและรอยแตกรูปสายฟ้าที่สลักอยู่บนการ์ดทำให้การ์ดดั้งเดิมของเขาดูแปลกเป็นพิเศษ มันทำให้ลู่หมิงรู้สึกราวกับว่ากระทิงคลั่งของเขาถูกฟ้าผ่าตายไปหมดโขยงเลยเหลือแต่ทุ่งร้างๆ…

 

“ลืมมันไปก่อน”

 

ลู่หมิงสงบลง

 

ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นอะไรก็ตามเขาจะลองสร้างการ์ดดูก่อน!

 

เขาไม่เชื่อว่ากระทิงคลั่ง 49 ตัวนี้จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

 

นอกจากนี้สิ่งที่เขาควรกังวลมากที่สุดคือเรื่องเทคนิคการสร้างการ์ด!

 

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ลู่หมิงก็พลิกการ์ดดั้งเดิมเพื่อศึกษาลายเส้นที่ด้านหลังอย่างตั้งใจ

 

ต้องการพลังงานเท่าไหร่?

 

มีกระทิงคลั่งอยู่กี่ตัว?

 

เขาไม่สามารถเข้าใจลายเส้นพวกนี้ได้อีกต่อไป

 

ลายเส้นนี้เกินพื้นฐานความเข้าใจของตัวเขา แถมเส้นเหล่านี้ยังพัวพันกันจนลู่หมิงสับสนและไม่สามารถบอกทิศทางหรือแยกมันออกจากกันได้

 

“ตรงนี้คือจุดตัด”

 

ลู่หมิงมองไปที่ส่วนหนึ่งของการ์ด

 

ตรงจุดนั้นมีเส้นสองเส้นตัดกัน แต่มันกลับไม่ขัดแย้งกันเอง

 

“ส่วนที่อื่น…”

 

ลู่หมิงเริ่มเข้าใจลายเส้นพวกนี้อย่างคร่าวๆ

 

การ์ดใบใหม่นี้ใช้เทคนิคการสร้างจุดตัดในทุกส่วนที่จำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ออกมาสูงที่สุด

 

ดังนั้นความยากในการวาดการ์ดใบนี้จึงสูงมาก!

 

“เทคนิคการสร้างการ์ด…”

 

ลู่หมิงตื่นเต้น

 

“ฉันจะเรียนรู้พวกมันทั้งหมด!”

 

“แต่ฉันต้องเชี่ยวชาญเทคนิคนี้ก่อน!”

 

ลู่หมิงมุ่งมั่น

 

สำหรับเขา เทคนิคนี้มีความสำคัญพอ ๆ กับการจดจำฟังก์ชันและการใช้ library ในการเขียนโปรแกรม

 

เมื่อก่อน แม้เขาอยากจะเรียนรู้เทคนิคนี้แต่เขาไม่มีทางเรียนรู้พวกมันได้ เนื่องจากเขาไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมสมาคมนักสร้างการ์ด แถมเขายังไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อมันในตลาดมืดอีกด้วย

 

แต่ตอนนี้…

 

วูซซซ –

 

ลู่หมิงลากเส้นบนการ์ดดั้งเดิมของตนอย่างเบามือ

 

เขาลากผ่านทุกเส้นและสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเหล่านี้

 

มันทำให้เขาสามารถ ‘เห็น’ ได้ว่าทุกลายเส้นนั้นมีลักษณะอย่างไร

 

โดยที่จุดตัดของเส้นเหล่านี้คือจุดที่ลายเส้น 2 ลายเคลื่อนที่ตัดกันพอดี

 

โดยธรรมชาติในบริเวณที่มีจุดตัดเกิดขึ้น นักสร้างการ์ดต้องมั่นใจให้ได้ว่าพลังงานจะมีการไหลที่สม่ำเสมอและมันจะไม่ก่อให้เกิดการรั่วไหลของพลังงาน

 

ซึ่งเทคนิคการวาดเส้นทั่วๆ ไปไม่สามารถทำมันได้

 

มันจำเป็นจะต้องฝึกฝนเทคนิคนี้ในการวาดแทน!

 

สำหรับลู่หมิง มันนับเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ฝึกฝนเทคนิคดังกล่าวจากการ์ดดั้งเดิม อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดมันก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและความพยายามของลู่หมิงว่าเขาสามารถเข้าใจและเชี่ยวชาญมันได้รึเปล่า

 

หวืดด!

 

หวืดดด!

 

ลู่หมิงรู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของพลังงาน

 

โชคดีที่ลักษณะเฉพาะของการ์ดดั้งเดิมคือไม่ว่าพลังงานจะถูกกระตุ้นมากแค่ไหน มันก็จะไม่เปิดใช้สกิลของการ์ดนั้นๆ อย่างแน่นอนจนกว่าเขาจะสร้างมันออกมาได้สำเร็จ

 

ดังนั้นลู่หมิงจึงรู้สึกได้ถึงกระบวนการไหลเวียนของพลังงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เขามีโอกาสได้ตรวจจับและสังเกตความแตกต่างของทุกพื้นที่ที่เส้นตัดกัน

 

1 ครั้ง!

 

2 ครั้ง!

 

10 ครั้ง!

 

100 ครั้ง!

 

 

สำหรับลู่หมิงแล้ว แม้ปัจจุบันเขาจะสามารถมองเห็นได้เพียงเส้น 2 เส้นที่ตัดกันเท่านั้น แต่พลังงานที่ไหลเวียนบนเส้นทั้ง 2 กลับเริ่มที่จะชัดเจนขึ้นและและเกี่ยวพันกันในที่สุด

 

อย่างนี้นี่เอง!

 

จู่ๆ ลู่หมิงก็สะดุ้งขึ้นมาเมื่อเขาเริ่มเข้าใจหลักการทำงานของมัน

 

เขาเคยไตร่ตรองหลายครั้งแล้วว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี

 

แยกลายเส้นเป็นชั้นบนและชั้นล่าง?

 

เพิ่มสัญญาณไฟจราจรไว้บังคับการไหลเวียนของพลังงาน?

 

ในที่สุดเขาก็รู้คำตอบแล้ว

 

ทั้งสองเส้นตัดกันและกลายเป็นจุดตัดขนาดใหญ่ในที่สุด มันทำให้เขาต้องสังเกตอย่างรอบคอบและพบว่าบริเวณที่มีจุดตัดนั้นจะมีเส้นที่หนากว่าบรรดาลายเส้นธรรมดาๆ

 

ซึ่งทำให้พลังงานที่ไหลผ่านจุดตัดไหลเวียนโดยปกติ

 

ผิด!

 

ผิดทั้งหมด!

 

วิธีคิดในอดีตของเขาทำให้เขามองปัญหาในระดับกายภาพมากเกินไป แต่เมื่อเขาเห็นวิธีการในตอนนี้ มันกลับเป็นวิธีง่ายๆ และตรงไปตรงมา!

 

อย่าลืมสิว่าลายเส้นนี่เปรียบเหมือนท่อส่งผ่านพลังงาน!

 

ฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องใช้ตรรกะของคอมพิวเตอร์เมื่อชาติที่แล้ว!

 

เขารู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของพลังงานจากจิตสำนึกของตน ปกติพลังงานจะไหลไปเป็นเส้นตรง แต่มันจะเปลี่ยนไปเมื่อเส้นมีความกว้างมากขึ้น!

 

มันมีคุณสมบัติคล้ายกับการไหลของน้ำ!

 

การไหลของน้ำในท่อน้ำขนาดเล็กนั้นเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อไหลไปยังท่อที่ใหญ่กว่าเดิมสองเท่า น้ำจะถูกถ่ายเทออกไปโดยธรรมชาติโดยที่ปริมาตรโดยรวมยังคงที่

 

มันก็เหมือนกับการไหลของพลังงาน

 

ด้วยเหตุนี้จะทำให้เขาสามารถควบคุมความเร็วในการไหลของมันด้วยลายเส้นได้ด้วยซ้ำ!

 

ดังนั้น…

 

มันจึงทำให้ลู่หมิงเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างแจ่มแจ้ง …

 

ปริมาณพลังงานทั้งหมดในลายเส้นไม่ได้เปลี่ยนไปเมื่อมันไหลไปสู่ลายเส้นที่ใหญ่กว่าเดิม มันแค่เปลี่ยนจาการไหลแนวนอนไปเป็นการไหลแบบออกข้างเท่านั้น ด้วยเหตุนี้มันจึงเหลือพื้นที่ว่างภายในลายเส้นให้พลังงานอีกสายมาเติมเต็มได้

 

ใช่แล้ว!

 

เมื่อพลังงานจากลายเส้นที่สองไหลผ่าน มันก็สามารถพุ่งทะลุช่องว่างพวกนี้ได้

 

สมบูรณ์แบบ!

 

และหลังจากจุดตัดนั้นลายเส้นก็จะกลับมาแคบลงอีกครั้ง

 

นี่คือเทคนิคการวาดจุดตัด!

 

มันคือศูนย์กลางการไหลเวียนของพลังงาน !!!

 

ลู่หมิงเข้าใจแล้ว….

 

จริงๆ แล้วถ้าเขาใช้การควบคุมไฟจราจรมาเทียบกันมันก็ถือว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่ เพราะความสำคัญของสัญญาณไฟจราจรคือการหยุดและควบคุมการเคลื่อนที่ของรถ

 

แต่ในเมื่อวัตถุที่เคลื่อนที่นี้ไม่ใช่รถแต่เป็นพลังงานที่จับต้องไม่ได้…

 

มันก็สามารถใช้เทคนิคแบบนี้ได้ไง!

 

หากเปรียบเม็ดพลังงานแต่ละเม็ดเป็นยานพาหนะ เราไม่เพียงควบคุมความเร็วของมันได้ แต่ยังปรับความกว้างของถนนได้ด้วย ถ้างั้นจะมีอะไรที่เราทำไม่ได้อีก!?

 

ลู่หมิงไม่เคยนึกถึงคำอธิบายแบบนี้มาก่อน

 

ถ้าเป็นอย่างนี้…

 

ถ้าเป็นจุดตัด 3 หรือกระทั่ง 4 ทางล่ะ?

 

เทคนิคทั้งสองนี้ถือเป็นเทคนิคขั้นสูงของวิชาจุดตัด เขาเคยคิดว่ามันลึกลับมาก แต่ดูเหมือนว่าโดยพื้นฐานแล้ว มันก็แค่ควบคุมการไหลของพลังงานโดยการหยุดการไหลไว้ในเวลาอันสั้น!

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ทุกอย่างก็ดูเรียบง่ายขึ้นมาทันใด

 

“มาทดลองกันดีกว่า”

 

ลู่หมิงหายใจเข้าลึก ๆ และตัดสินใจที่จะเริ่มลงมือ

 

ชู่ววววๆ !

 

ลู่หมิงเริ่มจากการวาดเส้น 2 เส้น หนึ่งแนวนอนและอีกหนึ่งในแนวตั้ง จากนั้นเขาก็ควบคุมพลังงานให้ไหลมาถึงจุดตัดของทั้งสองเส้น

 

แล้วก็หยุดการไหลเวียนไว้ชั่วคราว จากนั้นก็เริ่มวาดจุดตัดอย่างระมัดระวัง

 

เขาขีดเส้นแนวนอนก่อน เขาวาดให้มันกว้างกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด มันละเอียดอ่อนกว่าเดิมทำให้ความเร็วของพลังงานในส่วนนี้ไหลเร็วกว่าเดิมมาก!

 

หลังจากที่ลู่หมิงวาดเส้นตามแนวยาวเสร็จและพยายามทดลองการไหลเวียนดู เขาก็ตระหนักได้ว่าพลังงานจากทั้งสองฝ่ายได้กระจายออกไปและเหลือช่องว่างเอาไว้ แต่สุดท้ายพลังงานเหล่านี้ก็ยังคงลงเอยด้วยการตีกันเองอยู่ดี!

 

น่าจะเป็นเพราะการทับซ้อนของเวลาในขณะที่เกิดการไหลเวียน!

 

เขาสร้างช่องว่างในเวลาเดียวกันและปล่อยให้มันไหลผ่านไปในเวลาเดียวกัน!

 

“อืมม…

 

คงจะดีกว่าถ้าฉันปรับการเหลื่อมของเวลาการปล่อยพลังงาน มันจะได้ไม่ชนกันและทำให้เกิดความผิดปกติในการไหลเวียน

 

จะดีมากถ้าพลังงานทั้ง 2 สายมีความเร็วเท่ากันจะได้ไม่เกิดการชนท้ายกระบะเกิดขึ้น”

 

ลู่หมิงพยายามอีกครั้ง

 

ครั้งที่ 2!

 

สำเร็จ!

 

เกิดเป็นลายเส้น 2 ลายบนการ์ดเปล่าที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบหลังถูกกระตุ้นด้วยพลังงาน

 

“สำเร็จ!”

 

ลู่หมิงกระดี๊กระด๊าอย่างถึงที่สุด

 

เห็นได้ชัดว่า …

 

เขาไม่รู้เลยว่าเขาอัจฉริยะขนาดไหน

 

จากสถิติของสมาคมนักสร้างการ์ด เวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเรียนรู้เทคนิคจุดตัดคือสิบวัน! ขนาดคนที่เรียนมันได้เร็วที่สุดยังต้องใช้เวลาถึงสองวัน!

 

เทคนิคจุดตัดยากตรงไหนน่ะเหรอ?

 

ต้องการความเข้าใจอย่างมาก?

 

ไม่ใช่อย่างแน่นอน

 

สำหรับคนที่มีวิธีและเงินในการซื้อแบบฝึกหัด โดยปกติพวกเขาก็มักจะมีอาจารย์ หรือติวเตอร์ชั้นเซียนที่สามารถสอนให้เข้าใจแนวคิดได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม…

 

ความคืบหน้าในการเรียนรู้ของพวกเขาก็ยังช้ามาก!

 

นั่นเป็นเพราะส่วนที่ยากที่สุดคือการวาดจุดตัดออกมา!

 

การวาดจุดศูนย์กลางการไหลเวียนถือเป็นเรื่องที่ยากที่สุด!

 

ความเร็วของพลังงาน?

 

เส้นทางของพลังงาน?

 

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุมมันไว้!

 

ความผิดพลาดเล็กน้อยอาจทำให้ล้มเหลวได้ตลอดเวลา?!

 

แต่มันกลับต่างออกไปสำหรับลู่หมิง

 

เขาได้เรียนรู้พื้นฐานพวกนี้ผ่านการวาดเส้นขั้นสูงทั้ง 300 เส้นบนการ์ดวงล้อมกระทิงคลั่งมานับไม่ถ้วนแล้ว ทำให้ลายเส้นพื้นฐานของเขาพัฒนาขึ้นก้าวกระโดดและเก่งไปไกลเกินกว่าปกติมาก ด้วยเหตุนี้คนทั่วไปอาจพบว่ามันยากที่จะควบคุมและวาดจุดตัดขึ้น แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องกล้วยๆ

 

ก็เพียงแค่ควบคุมความเร็วของพลังงานและการไหลบนลายเส้น

 

มันง่ายเกินไปแล้ว!

 

นี่มันยากตรงไหนกัน?

 

หวืดด!

 

ลู่หมิงจับปากกาและเริ่มวาดลงบนกระดาษอีกครั้ง และทยอยวาดลายเส้นไปจนกว่าจะครบทั้งหมด

 

ลู่หมิงเริ่มเชี่ยวชาญเทคนิคการสร้างการ์ดด้วยจุดตัด แถมหลังจากนั้นเขายังตั้งใจจะเริ่มทดลองวาดจุดตัด 3 ทางขึ้นมาอีกด้วย!

 

แต่หลังจากการทดลอง เขาก็รู้สึกได้ว่าเขายังมีส่วนที่ต้องปรับปรุงในด้านการควบคุมพลังงานอยู่

 

กว้างกว่านี้!

 

เร็วกว่านี้!

 

ขยายพื้นที่ได้มากกว่าเดิม!

 

เขาจะลองมันไปเรื่อยๆ!

 

ชู่วว!

 

ฟู่ววววว!

 

“เอาล่ะ รอบนี้ลองวาดจุดตัดสามทาง…..เริ่มลงมือได้”

 

ลู่หมิงเริ่มวาดจุดตัดอย่างจริงจัง โดยเขาจงใจปล่อยให้เหลือพื้นที่ช่องว่างสำหรับพลังงานเพื่อให้มั่นใจได้ว่าพลังงานจะไหลผ่านลายเส้นได้อย่างสมบูรณ์

 

แน่นอน

 

ระดับความยากในการสร้างการ์ดใบนี้สูงกว่าเดิมมาก

 

ลู่หมิงรู้สึกได้ถึงความสั่นสะท้านเล็กน้อยในร่างกายของตน

 

“นี่เป็นขีดจำกัดของฉันแล้ว แต่ก็ยังพอทนต่อไปไหวอยู่”

 

ท้ายที่สุดเขาก็ล้มเหลวในการทดลองครั้งแรก

 

แต่ขณะทดลอง เขาสังเกตอย่างรอบคอบและตระหนักได้ว่าพื้นที่ที่เขาเหลือไว้นั้นมากเกินไป ทำให้การไหลของพลังงานไม่ต่อเนื่องจากการชะลอตัวของการไหลเวียนผ่านจุดตัด และเกิดเป็นความล้มเหลวในครานี้

 

หลังจากนั้นเขาก็ทดลองซ้ำ และปรากฏว่าครั้งที่ 2 ก็ยังล้มเหลว

 

“พื้นที่ช่องว่างกำลังพอดีแล้ว แต่กระแสพลังงานไหลมาชนกันเนื่องจากปัญหาของมุมของเส้นขาดความโค้งเว้า”

 

ครั้งที่ 3 เขาก็ยังล้มเหลวอยู่!

 

 

สุดท้ายลู่หมิงตัดสินใจหยุดในที่สุด

 

ระดับความยากของการสร้างจุดตัด 3 ทางนั้นเกินจินตนาการของเขาไปมาก

 

ตัวอย่างเช่นเขาต้องเช็คให้แน่ใจว่าเส้นทั้งสามเส้น จาก มุมและทิศทางที่แตกต่างกันจะสามารถไหลผ่านจุดตัดเดียวกันได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีการชนกันและไม่ทำให้กระแสพลังงานถูกตัดขาด …

 

ระดับความยากของเทคนิคนี้จากความสามารถปัจจุบันของลู่หมิง นับได้ว่าเป็นการฝึกระดับนรกแล้ว!

 

“ตอนนี้ความสามารถในการควบคุมของฉันยังดีไม่พอ”

 

ลู่หมิงมั่นใจในเรื่องนี้มาก

 

เขาต้องรอจนกว่าเขาจะชำนาญกว่านี้จึงจะกลับมาวาดมันอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะยังไม่เชี่ยวชาญเทคนิคนี้ แต่ลู่หมิงก็สามารถเข้าใจระบบการไหวเวียนของพลังงานทั้งหมดในเทคนิคนี้แล้ว!

 

“ใช่จริงๆ การเดาของฉันถูกต้อง การแลกเปลี่ยนพลังงานทั้งหมดเกิดขึ้นตรงจุดตัด ฉะนั้นตราบใดที่ความสามารถในการสร้างการ์ดของฉันสูงเพียงพอฉันก็จะสามารถสร้างการ์ดที่แข็งแกร่งขึ้นได้”

 

แรงบันดาลใจของลู่หมิงพลุ่งพล่าน

 

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมปรมาจารย์นักสร้างการ์ดจำนวนมากจึงดูถูกเขา

 

นั่นก็เพราะไม่ว่ายังไงรากฐานก็สำคัญที่สุด!

 

ถ้ารากฐานมั่นคง เขาจะสามารถเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างได้รวดเร็ว

 

เหตุผลที่เขาสามารถฝึกเทคนิคจุดตัดได้อย่างง่ายดายในวันนี้เป็นเพราะรากฐานที่แข็งแกร่งของเขา แต่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้…

 

ลู่หมิงก็อยากจะดูถูกตัวเองในอดีตเช่นกัน

 

เพราะตอนนั้นต่อให้มีปรมาจารย์มาสอนทักษะให้กับเขาเป็นการส่วนตัว เขาก็จะติดอยู่ตรงนั้นและคงวาดออกมาไม่ได้เป็นเวลาหลายเดือน

 

นี่คือต้นตอของปัญหา

 

โชคดี…

 

ที่เขาผ่านมันมาแล้ว

 

ตอนนี้ลู่หมิงเชี่ยวชาญเทคนิคนี้แล้ว!

 

ในอนาคตการใช้เทคนิควาดจุดตัดจะไม่เป็นปัญหาให้กับเขาอีกต่อไป! ตราบที่เขาพัฒนาทักษะการวาดนี้ต่อไป สักวันเขาก็น่าจะสามารถจัดการกับจุดตัดเส้น 3 ทาง 4 ทางหรือกระทั้ง 10 ทางได้!

 

“เยี่ยม!”

 

ลู่หมิงรู้สึกพอใจมาก

 

และในกรณีนั้น…

 

เขาก็จะสามารถสร้างการ์ดใบนี้ออกมาได้แล้ว

 

และแน่นอนว่าในไม่ช้าเขาก็จะพบว่ากระทิงคลั่งพวกนั้นมันไปอยู่ที่ไหน !!!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด