Divine Card Creator – ตอนที่ 34 ถึงตาของฉันแล้ว
“หืม?”
ลู่หมิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
เสียงแบบนี้…
ศัตรูหรือ?
เขานึกไม่ออกว่าตนยังมีศัตรูเหลืออยู่อีกรึเปล่า…..หรือบางทีอาจเป็นคนจากบริษัทเงินกู้?
นั่นไม่น่าจะเป็นไปได้ บริษัทเงินกู้คงไม่โง่ขนาดที่จะคอยหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองกลางวันแสกๆ ในย่านใจกลางเมืองแบบนี้!
ถ้าพวกเขาทำอย่างนั้นก็คงเท่ากับตะโกนร้องยั่วยวนให้ตำรวจมาจับเข้าซังเตไปแบบนิ่มๆ
งั้นรอบนี้เป็นใครกัน?
ลู่หมิงไม่รู้แล้ว
อย่างไรก็ตามลู่หมิงค่อนข้างมั่นใจในเรื่องหนึ่ง กล่าวคือเรื่องในตอนนี้ดึงดูดผู้คนรอบๆ ร้านไว้พอสมควรซึ่งแปลว่าด้วยจำนวนไทยมุงมากมายขนาดนี้ ยังไงเขาก็ปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ แน่นอน
ลู่หมิงเปิดประตูออกไป
“โอ้! ….ซุบซิบ ซุบซิบ“ เหล่าชาวบ้านต่างพากันกระซิบกระซาบด้วยความสงสัย
มีฝูงชนขนาดใหญ่ล้อมอยู่รอบๆ จุดที่คน ๆ นั้นตะโกน
“คุณเป็นใคร มีอะไรจะคุยกับผม?”
ลู่หมิงมองไปที่ชายตรงหน้า
ใบหน้าของเขามีหนวดจิ๋มอันเล็กๆ อยู่ และน่าจะมีอายุประมาณสามสิบปี
เขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตลายตารางหมากรุกลายดอกซึ่งดูขัดตาพิกล เขาดูราวกับฮิตเลอร์ในชุดคาวบอยยุค คศ.1800
“มันช่างไม่เข้ากันซะเลย“ ลู่หมิงคิดในใจ
ชายคนนั้นจ้องมองลู่หมิงด้วยความแค้นราวกับเขาเคยไปแอบคบกับลูกสาวหมอนี่มา!?
เอิ่ม…
ลู่หมิงมั่นใจว่าเขาไม่รู้จักชายคนนี้แน่ๆ
“ฉันชื่อเจียงหยุนจ้าน และแน่นอนนายอาจไม่รู้จักชื่อฉัน”
ตาของชายหนวดจิ๋มหรี่ลง “แต่นายจำสิ่งนี้ได้ไหม”
ปังง!
เขาโยนการ์ดใบนึงลงบนพื้น
ลู่หมิงก้มลงไปดูและพบว่าจริงๆ แล้วพวกมันคือการ์ด Fruit Ninja!
“ฉันเป็นใครน่ะเหรอ?”
“ฉันเป็นพ่อแม่คนไงล่ะ!”
เจียงหยุนจ้านกล่าวอย่างเย็นชา ”ตอนแรกลูกของฉันเป็นนักเรียนดีเด่น และมักจะติดอันดับท็อป 10 ในการสอบ เราตั้งความหวังอย่างสูงว่าเขาจะสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมต้นที่ดีที่สุดในเมืองได้ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับสอบไม่ผ่านเพราะเขาหลงระเริงไปกับ … การ์ด Fruit Ninja ของนายมากเกินไป บอกฉันทีนายรู้ไหมว่าทำไมวันนี้ ฉันถึงมาที่นี่”
“เอ๊ะ?”
หมอนี่กลับเป็นพ่อแม่คนจริงๆ แฮะ
ลู่หมิงช็อค
“ฉันรอนายมา 2-3 วันแล้วแต่นายไม่ยอมเปิดประตูมาคุยกับฉัน แต่เมื่อเช้าฉันกลับเห็นนายออกมาเดินเล่น หรือว่านายตั้งใจจะซ่อนตัวและไม่กล้าออกมารับผิดชอบ? นายต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับฉัน!” เจียงหยุนซานพูดเสียงดัง
ลู่หมิงพูดไม่ออก ”ผมไม่ได้ขายการ์ดพวกนี้มานานมากแล้ว”
เขาเหลือบมองการ์ดเหล่านั้น
แน่นอนว่ามีการ์ดบางส่วนเป็นของเขา แต่ร้านการ์ดที่อื่นก็ผลิตมันออกมาขายไม่ใช่เรอะ จะมาโทษเขาได้ไงเนี่ย?
“แต่นายเป็นคนสร้างการ์ดใบนี้ขึ้นมา ถ้าไม่ใช่นายที่ต้องรับผิดชอบแล้วจะเป็นใครได้อีก?”
เจียงหยุนจ้านโกรธมาก
“เดี๋ยวก่อน!”
ลู่หมิงลูบหัวของเขา “ขอทาที่ละลาบละล้วง แต่ขอถามหน่อยได้มั้ยว่า…ลูกของคุณใช้การ์ดวันละกี่ใบ?”
“ฉันไม่รู้ อาจจะประมาณ 30-40 ใบต่อวัน?”
เจียงหยุนจ้านครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“…”
ลู่หมิงถอนหายใจ ”นั่นไง มันก็ไม่ต่างกับการที่คุณปล่อยให้ลูกคุณกินข้าววันละ 6-7 มื้อต่อวัน ถ้าเขากินแบบนั้นไปเรื่อยๆ สักวันเขาก็คงท้องแตกตายแน่ๆ”
ในขณะนั้นผู้สังเกตการณ์บางคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็หัวเราะออกมา
ก็นั่นนะสิ?
หมอนี่เลี้ยงลูกไม่ถูกวิธีเองแล้วจะไปโทษคนอื่นทำไมกัน
วิธีการใช้งานและปริมาณเวลาที่ควรจำกัดไม่ได้เขียนไว้บนการ์ดอยู่แล้วหรอกหรอ? นายไม่ควบคุมดูแลลูกตัวเอง แต่กลับคาดหวังให้คนอื่นรับผิดชอบเรื่องนี้เนี่ยนะ?
ถ้าปล่อยให้ลูกนายใช้เยอะขนาดนั้นปัญหาก็ต้องเกิดอยู่แล้วป่าววะ?!
“แกกำลังบิดเบือนคำพูดและใช้ตรรกะไร้สาระ” เจียงหยุนจ้านโวยวาย
คนรอบข้างมองบนพร้อมคิดในใจ “เอ็*งน่านแหล่ะ”
”เห็นได้ชัดว่าเกมขยะของนายคือต้นเหตุที่ทำให้ลูกฉันเป็นแบบนี้!”
“พี่ชายคุณไม่ควรทำตัวแบบนี้”
ลู่หมิงถอนหายใจ ”ถ้าอยากจะวัดฝีมือการโยนความผิดกับผม ผมบอกเลยคุณนะคนละชั้น ถ้าคุณยังขาดทั้งเนื้อหาคำด่าที่เข้มข้น และความรวดเร็วในการแพล่มคำด่าอันดุเดือดแบบนี้ คุณก็ไม่ควรมาลองของกับปรมาจารย์อย่างผม!”
จังหวะนั้น ลู่หมิงก็กดปุ่มเรียกรปภ. อย่างใจเย็น
เพราะชายคนนี้กำลังก่อปัญหาวุ่นวายในใจกลางเมือง มันไม่ต่างกับว่าเขากำลังเล่นกับไฟอยู่
“ดีมาก…”
ตอนนั้นเองเจียงหยุนจ้านก็เห็นการกระทำของเขา
“ดีมาก
นายคิดจะใช้กฎหมายมาขมเหงกันอย่างนั้นหรอ”
“เหอะๆ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะสอนบทเรียนกับนายสักหน่อยก็แล้วกัน”
วูบบ!
กระแสพลังงานไหลผ่านร่างกายของชายคนนั้น
ลู่หมิงเลิกคิ้ว หมอนี่ช่างเป็นผู้ชายที่กล้าหาญ เขากล้าที่จะต่อสู้ที่นี่จริงๆ หรือ!
“นักธุรกิจแบบแกเป็นอันตรายต่อเด็ก แกเป็นเนื้องอกร้ายของสังคม! หากฉันโดนจับกุมฉันจะจ่ายเงินชดเชยเอง แต่ก่อนอื่นแกต้องได้รับบทเรียนสักหน่อย!”
“เฮ้ย! พูดอย่างกับฉันไปลวนลามหรือลักพาตัวเด็กอายุ 6 ขวบ มาเฉยเลย อะไรวะ” ลู่หมิงปวดหัวอย่างมาก
ร่างของเจียงหยุนจ้านถูกล้อมรอบไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหาร
แน่นอนในความคิดเขา เขาไม่สามารถปล่อยให้พ่อค้าที่ไร้ยางอายแบบนี้ทำร้ายอนาคตของชาติได้ เขาคือฮีโร่ของเด็กๆ ทั้งประเทศ
“การ์ดเพื่อการบ่มเพาะ…”
บ่มเพาะบ้าบออะไรกัน? นั่นมันก็แค่การ์ดเกมชัด ๆ!
มันคือเนื้องอกร้ายของสังคม!
ลู่หมิงจนปัญญาจะโต้เถียง
เขาจะพูดอะไรอีก?
มันเหมือนเคสปัญหาเด็กติดเกมในชาติที่แล้วของเขาเลยนี่หว่า!
เขาจำได้ว่ามีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นในชาติก่อน และทันทีที่เกมเปิดตัว พวกเขาก็ถูกป้ายสีและถูกระบุว่าเป็น ‘สิ่งเสพติด’ รูปแบบหนึ่งเนื่องจากผู้ปกครองบางคนออกมาโวยวายแบบนี้ ส่งผลให้ตอนนั้นกลายเป็นดั่งยุคมืดของอุตสาหกรรมเกม
แม้กระทั่งก่อนที่เขาจะมายังโลกนี้ เกมก็ยังถูกนับเป็นเนื้อร้ายของสังคมอยู่เลย!
รัฐบาลลลลลล พวกมึ*งบ้ารึเปล่า????????
จุดประสงค์ของการเล่นเกมคือเพื่อการผ่อนคลายโว้ยยย!
ดูสิว่าพวกเอ็งทำอะไรลงไป เพราะนโยบายและตรรกะแบบนั้นทำให้ยอดขายเกม Monster Hunter หยุดชะงักไปเลย แถมภาคต่อๆ ไปยังเสี่ยงที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าคอนเทนต์ด้วยซ้ำ!
มันทำให้เหล่าเกมเมอร์วัยกลางคนหลายท่านต่างอยากร้องตะโกนว่า: ดูแลลูกพวกมึ*งดีๆ หน่อยสิโว้ยยย … ไอพวกเด็กน้อยเอ้ย ขอร้องได้โปรดเซฟเกมแล้วไปทำการบ้านไป๊!
จนถึงตอนนี้ลู่หมิงก็ยังสงสัยว่าเหตุใดเกมจึงต้องกลายเป็นแพะรับบาปจากการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบของผู้ปกครองและการละทิ้งหน้าที่การเรียนของเด็กๆ
นอกจากนี้
Fruit Ninja เป็นการ์ดแบบไหนน่ะเหรอ?
มันก็เป็นการ์ดเพื่อบ่มเพาะไง!
แม้แต่กระทรวงศึกษาตอนนี้ก็ยังอนุมัติให้ใช้ในโรงเรียนเลย แล้วไอตัวตลกนี่กำลังทำอะไรอยู่?
วูซซซ –
พลังงานรอบๆ เจียงหยุนจ้านกำลังพลุ่งพล่าน เขาควบรวมพลังบอลเพลิงไว้ในมือและโยนมันมาใส่ร้านของลู่หมิง
ปัง!
เกิดเป็นเปลวไฟข้างใน และสิ่งของในร้านต่างตกแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ตู้กระจกในร้านของลู่หมิงแตกเป็นชิ้น ๆ หล่นลงบนพื้น
ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก!
ผู้บ่มเพาะระดับ 3!
ผู้ชายคนนี้เป็นผู้บ่มเพาะพลังระดับ 3!
ฝูงชนโดยรอบต่างพากันตกใจและถอยห่างออกไป ไม่มีใครอยากเข้ามาข้องเกี่ยวกับสถานการณ์อันตรายแบบนี้ เพราะถึงยังไงพวกเขาทุกคนจะถูกปรับทันทีถ้าเขามาร่วมต่อสู้หรือโจมตีกลับไป!
“คุณทำอย่างนั้นทำไม?”
ลู่หมิงยักไหล่
หมอนี่อาจต้องเสียแม้กระทั่งกางเกงในที่ใส่เพื่อจ่ายค่าชดเชยด้วยซ้ำ ถ้าเขายังทำลายข้าวของไปทั่วแบบนี้
สำหรับการต่อสู้น่ะรึ?
เอิ่ม…
ถ้าเป็นที่อื่นเขาคงไม่มีทางเลือก
และแน่นอนว่าถ้าสู้กันตรงๆ เขาคงเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับ 3 ไม่ไหว
แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกัน ลืมไปแล้วล่ะสิ?
ในร้านของตนไง!
การ์ดพลังงาน, การ์ดกระทิงคลั่ง, การ์ดทำลายล้าง …
ลู่หมิงพุ่งไปยังเครื่องกระตุ้นการ์ดอย่างรวดเร็ว
แม้เขาจะไม่อยากใช้การ์ดเหล่านี้ แต่เนื่องจากชายคนนี้เกิดความคิดอยากฆ่าเขาให้ตายๆ ไป ดังนั้นไม่ว่าลู่หมิงจะทำอะไรก็คงมาหาว่าเขาไม่สุภาพไม่ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม…
ในขณะที่เขากำลังจะลงมือนั้น …
“ใครมันบังอาจ!”
เสียงอันโกรธเกรี้ยวดังเข้ามา
ทุกคนต่างมองเห็นเพียงร่างสีดำที่ดูกำยำกระโจนเข้ามาปราบปรามเจียงหยุนซานลงบนพื้นโดยตรง ”หมอนี่กล้ามาสร้างปัญหาในพื้นที่ของฉันจริงๆ เหรอเนี่ย? แกเบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้วหรือ”
“แกกล้าดียังไง?”
เจียงหยุนจ้านกำลังระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธ เปลวไฟกำลังพลุ่งพล่านรอบตัวเขา
“เหอะๆ”
ร่างดำนั้นหยิบกระบองไฟฟ้าออกมาและชี้ไปที่ตูดอันอวบอิ่มของชายหนวดจิ๋มเจียง
ซู่วววว—
กระบองไฟฟ้ากะพริบ เปรี๊ยะๆๆๆ
เจียงหยุนจ้านที่อยู่บนพื้นรู้สึกราวกับกลายเป็นอัมพาต
พื้นที่รอบๆ เงียบงันลงทันที
นี่เป็นเพราะคนที่มาคือจางเหว่ย ผู้พิทักษ์ของพื้นที่นี้
เขามาถึงเร็วขนาดนี้ได้ไง?
ลู่หมิงอุทานด้วยความประหลาดใจ
ไม่ใช่ว่าปกติแล้วจางเหว่ยควรมาหลังจากผู้เสียหายโดนทำร้ายเหมือนในละครหรอกหรอ?
เขาควรตามมาทีหลังเพื่อช่วยเหลือและพดุงความยุติธรรมสิ! หรือว่าจริงๆ แล้วฉันดูหนัง action มากไปเอง?
“พวกขี้โกง! พวกแกทุกคนกล้าจับฉันเหรอ!
แม่*ม เอ้ย
พวกแกควรจะจับลู่หมิงต่างหาก!
เขาเป็นคนบงการองค์กรที่แอบทำร้ายการเติบโตและพัฒนาการของเด็ก”
เจียงหยุนจ้านยังคงดิ้นรนและพล่ามเรื่องไร้สาระในจิตนาการของเขาด้วยความโกรธ ”หึ่ยย – อย่ามาสัมผัสก้นของฉัน… อะ-โอ้ยเจ็บๆๆๆ!”
“เหอะๆ”
จางเหว่ยดึงกระบองไฟฟ้าของเขากลับมาอย่างเย็นชา
ช่วงก่อนหน้านี้มีบ้านในซอยข้างๆ ถูกดักปล้นตอนที่เขากำลังเถลไถลไปหาสาวๆ ทำให้ปัจจุบันทีมของเขาถูกผู้มีอำนาจเพ่งเล็ง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องกลายเป็นกระโถนรับอารมณ์ของผู้บังคับบัญชาทั้งวันทั้งคืน ฉะนั้นทันทีที่พวกเขาสัมผัสถึงกระแสพลังงานผันผวนพวกเขาจึงรีบรุดออกมาทันที
“ขออภัยเถ้าแก่ลู่ พอดีฉันมาสายไปนิดหน่อย” จางเหว่ยพูดกับลู่หมิงด้วยความรู้สึกผิด
เนื่องจากกระแสอันโด่งดังของ Fruit Ninja ตำรวจทุกคนจึงรู้จักลู่หมิงเป็นอย่างดี เพราะตอนนี้ลู่หมิงเปรียบได้ดั่งดาราในเมืองเล็กๆ แห่งนี้
หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับลู่หมิง พวกเขาก็คงรับผลที่ตามมาไม่ไหวเป็นแน่
“ไม่มีปัญหาครับ”
ลู่หมิงโบกมืออย่างเป็นกันเองและแสร้งทำเป็นลืมไปว่าวันนี้เขาไม่ได้เปิดร้านเพื่อขายของ ”แต่ผมคงปล่อยหมอนี่ไปไม่ได้ถ้าไม่มีค่าทำขวัญสักหน่อย…เฮ้อ ชายคนนี้สร้างผลกระทบต่อธุรกิจของผมอย่างมหาศาลเลย…”
“อ่า….นั่นสินะ”
จางเหว่ยแกล้งทำเป็นเข้าใจตามน้ำ
“คุณพาเขาออกไปก่อนเถอะ!”
จางเหว่ยหิ้วปีกเจียงหยุนจ้านและจากไป และไทยมุงก็แยกย้ายกันไปตามธรรมชาติ
“นี่มันอะไรกันละหน้อ… “
ลู่หมิงมองเข้าไปในร้านของตน….ข้างในมีสภาพเละเทะเป็นอย่างมาก
เกม…
ผู้ปกครอง…
จุ๊ๆ นี่ช่างเหมือนกับชีวิตก่อนหน้าของเขาเสียจริง
คนบางคนมักจะไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยของตนและโทษคนอื่นไปตลอดชีวิต แต่จะมาโบ้ยความผิดแบบเซ่อซ่าอย่างนี้ก็ไม่ไหวจริงๆ นั่นแหล่ะ
แต่ประเด็นสำคัญคืออะไร?
เขามีลางสังหรณ์ ..
ว่ามีบางอย่างดูไม่ถูกต้องนัก
“ฉันว่าเรื่องนี้มีกลิ่นแปลกๆ อยู่?”
ลู่หมิงเลิกคิ้ว
ลู่หมิงตัดสินใจว่าจะระมัดระวังตัวมากขึ้นในตอนกลางคืน เหตุการณ์พวกนี้ทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตและไม่กล้าทำตัวธรรมดาเหมือนเมื่อก่อน
เขาจัดระเบียบและทำความสะอาดร้าน
ตู้นั้นกระจกแตกไปครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เพราะนี่คือสิ่งที่ลู่หมิงน้อยใช้เพื่อโชว์ออฟพี่สาวของเขาเท่านั้น
แต่ตอนนี้มันกลายเป็นซาก ที่เขาสามารถเรียกร้องขอค่าเสียหายได้
นั่นคือสิ่งที่ลู่หมิงคิดอยู่ในใจ
อย่างไรก็ตาม…
เขาไม่รู้ว่าเจียงหยุนจ้านผู้ก่อปัญหาจะได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่เขาถูกจับได้ไม่นาน
ตอนกลางดึก
เจียงหยุนจ้านก็กลับมาที่บ้าน
ชายวัยกลางคนที่มีหน้าคล้ายคลึงกับเขากำลังสร้างการ์ดบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น
ถ้ามีนักเรียนอยู่รอบ ๆ พวกเขาจะจำชายคนนี้ได้แน่นอน เขาคือเจียงเฟิงอาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยที่ลู่หมิงเรียน แถมเขายังเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจียงหยุนจ้านอีกด้วย
ชู่วๆ !
ฟู่ววว !
ปากกาสร้างการ์ดของเขาค่อยๆ บรรจงลากเส้นการ์ดบางอย่างออกมา
มันคือการ์ด Fruit Ninja!
“พี่!”
เจียงหยุนจ้านกล่าวด้วยเสียงต่ำ
“เรื่องที่ฉันขอให้นายทำเป็นยังไงบ้าง” เจียงเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น
“เรียบร้อย”
เจียงหยุนจ้านถอนหายใจ ”มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอาย พี่เฟิงทำไมเราต้องใช้วิธีโง่ ๆ แบบนั้นให้เดือดร้อนเองด้วย ฉันมีวิธีสร้างปัญหาที่เจ๋งกว่านี้อีกตั้งเยอะ”
“แกจะไปรู้อะไร”
เจียงเฟิงพูดอย่างใจเย็น ”เด็กคนนั้นน่ะ…ไม่ธรรมดา”
“เหอะๆ”
เจียงหยุนจ้าน หัวเราะแห้งๆ ให้เขา 2 ที
เด็กนั่นเป็นเพียงแค่นักสร้างการ์ดระดับ 1 มันพิเศษขนาดที่ต้องให้เขาทำเรื่องบ้าๆ บอๆ ไปมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?
เจียงเฟิงไม่สนใจเจียงหยุนจ้านอีกต่อไป
ฟู่ว !
ฟู่ววว !
มือที่เขาใช้สร้างการ์ดสั่นเล็กน้อย และเขาก็สร้างมันล้มเหลว
“พื้นฐาน… “
เจียงเฟิงถอนหายใจ
ตั้งแต่ลู่หมิงมีชื่อเสียงขึ้นมา เขาก็ซื้อการ์ด Fruit Ninja และพยายามจะให้คำแนะนำเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัว แต่หลังจากที่เขาเห็นลายเส้นด้านหลังการ์ด เขาก็ตกตะลึงไปทันที!
เส้นทั้งหมดเกือบจะสมบูรณ์แบบ!
ในการ์ดขยะๆ อย่าง Fruit Ninja กลับเต็มไปด้วยลายเส้นพื้นฐานที่ใกล้จะสมบูรณ์แบบแล้ว!
เขาพยายามจะวาดตามสไตล์ของลู่หมิงและลากเส้นออกมาดู แต่กลับพบว่าอัตราความล้มเหลวของตนนั้นสูงมาก!
ถ้าเข้าใช้วิธีวาดลายเส้นคล้ายๆ กันขึ้นมาแทน เขาสามารถสร้างการ์ดชนิดนี้ได้อย่างง่ายดายเพราะเขามีพลังมากกว่าและเชี่ยวชาญเทคนิคที่แข็งแกร่งกว่า!
แถมเขายังสามารถสร้างการ์ดที่ดีกว่า มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานกว่าได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากเทคนิคชั้นสูงทั้งนั้น!
หากต้องการสร้างสิ่งที่เกิดจากลายเส้นพื้นฐานแบบลู่หมิง?
สำหรับเขามันยากมาก!
เขาต้องใช้ความสามารถในการควบคุมที่ทรงพลังและพลังงานที่เกินกว่าระดับ 1 จะมีเพื่อควบคุมปากกาสร้างการ์ด และสร้างออกมาเป็นลายเส้นซับซ้อนเหล่านี้ได้
แม้กระทั่งตอนนี้ …
เขาก็ยังคงล้มเหลว!
ส่วนลู่หมิง …
วาดได้อย่างเป็นธรรมชาติและไม่ได้ใช้แรงไปมากนัก!
แถมสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือลู่หมิงยังใช้เวลาสร้าง Fruit Ninja ออกมาแค่แปปเดียวเท่านั้น
การ์ดเหล่านี้มีวิธีการวาดที่แตกต่างจากปกติอย่างมากซึ่งน่าจะเกิดจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง – นอกจากนี้หลังจากที่ลู่หมิงได้รับความมั่งคั่งจากการสร้าง Fruit Ninja แล้วเขาก็ไปซื้อแบบฝึกหัดและทดลองมันด้วยตนเอง ทั้งยังก้าวหน้าเป็นอย่างมาก!
นี่คือพรสวรรค์โดยกำเนิด
มันเป็นความสามารถที่ท้าทายสวรรค์!
แม้ว่าเขาจะโต้เถียงกับเฒ่าเจียงว่าการมีพื้นฐานแข็งแกร่งจะไม่สำคัญ แต่เขาก็ตระหนักดีว่ารากฐานมีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาขีดความสามารถ
แม้แต่ต้นไทรยักษ์ก็ยังโตมาจากผลไทรขนาดเท่าลูกอ๊อด ฉะนั้นแล้วแน่นอนว่ารากฐานคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ายิ่งมีรากฐานที่ดีคนๆ นั้นก็จะยิ่งโดดเด่น!
รากฐานและความสามารถ – อันไหนสำคัญกว่ากันนะเหรอ?
ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นทั้งสองอันต่างหาก!
“พี่ชาย พี่กำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่?”
เจียงหยุนจ้านรู้สึกสับสน
พี่ชายคนนี้ปกติมักจะทำตัวติดดินไม่สุงสิงหรือหาเรื่องกับใคร บางทีอาจเป็นไปได้ว่าเขาคงอยู่บ้านนานเกินไป ทำให้ระบบสมองของเขาทำงานผิดปกตินับตั้งแต่ที่เข้ารับหน้าที่เป็นครูใหญ่ แม้ในด้านการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจะพัฒนาอยู่บ้าง แต่ความคิดของเขาก็ยังคงหลุดโลกไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่งั้นหลายปีก่อนก็คงไม่ …
หรือว่าบางที…
สมองของเขาอาจได้รับการกระทบกระเทือนอีกรอบ?
“ทำในสิ่งที่ควรทำ”
เจียงเฟิงมองออกไปยังท้องฟ้าไกล ”เฒ่าเจียงทำสำเร็จแล้ว…”
“อันมู่เฟิงก็ทำสำเร็จแล้ว…”
“ส่วนตอนนี้คงถึงตาของฉันแล้ว”
คอมเม้นต์