เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 70: จะไม่เรียกว่า “พี่ชายใหญ่”
ภายในห้อง เจี่ยนอีหลิงก้มหน้าอยู่กับโต๊ะดูเหมือนกำลังทำการบ้าน
เจี่ยนอีหลิงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจี่ยนหยุ่นเฉิง
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เจี่ยนอีหลิงคิดว่าเป็นคนรับใช้ในบ้านนำเอานมร้อนมาให้
คนเดียวที่เธอไม่คาดคิดว่าจะมาเคาะประตูห้องก็คือเจี่ยนหยุ่นเฉิง
เจี่ยนอีหลิงถอนสายตา และดึงเอาการบ้านออกมาปิดทับรายงานที่เธอเพิ่งเขียนไปเมื่อกี้นี้
เจี่ยนหยุ่นเฉิงเดินเข้าไปหาเจี่ยนอีหลิงและนั่งยองๆลงโดยรักษาระดับสายตาให้อยู่ระดับเดียวกับเจี่ยนอีหลิง
“เซี่ยวหลิง”
เจี่ยนหยุ่นเฉิงเรียก
เจี่ยนอีหลิงหันหน้ามามองดูเขา ด้วยสัญชาตญาณทำให้เธอผงะไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อขยับให้ห่างจากเจี่ยนหยุ่นเฉิง
เจี่ยนอีหลิงยังคงไม่คุ้นเคยกับการทำตัวใกล้ชิดกับคนอื่นมากเกินไป การปรับตัวเข้ากับผู้หญิงในครอบครัวก็ยังพอไหว แต่ก็ยังค่อนข้างยากสำหรับผู้ชาย
ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของเจี่ยนอีหลิงทำให้เจี่ยนหยุ่นเฉิงขมวดคิ้ว
เมื่อเขามองไปยังน้องสาวตรงหน้า เธอดูยังไม่เติบโตเต็มสาว และมีเส้นเลือดฝอยในดวงตา ไม่รู้ว่าเธอหลับดีหรือไม่ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้
เจี่ยนหยุ่นเฉิงส่งเสียงอ่อน
“ขอบใจสำหรับของขวัญ พี่ชอบมันมาก ขอบใจที่จดจำวันเกิดของพี่ได้”
จวบจนบัดนี้ เขาก็ยังปากแข็งกับเจี่ยนอีหลิง และเมื่อตอนที่เขาพูด เขาก็ยังทำเหมือนกับว่าเจี่ยนอีหลิงเป็นพนักงานในบริษัทของเขา
เจี่ยนอีหลิงเพียงแค่มองไปที่เจี่ยนหยุ่นเฉิง
“ยังโกรธพี่ชายใหญ่อยู่เหรอ เป็นเพราะพี่ชายใหญ่ดุเธอเหรอ”
เจี่ยนอีหลิงไม่ตอบ และเจี่ยนหยุ่นเฉิงก็คิดว่าเจี่ยนอีหลิงนั้นโกรธเขาจริงๆ
เจี่ยนหยุ่นเฉิงกล่าวกับเจี่ยนอีหลิงอย่างช้าๆว่า “เซี่ยวหลิง พี่ชายไม่ต้องการที่จะเชื่อว่าน้องเป็นคนที่จะทำร้ายพี่น้องของตนเอง และพี่ชายก็ไม่ต้องการที่จะเชื่อว่าหยุ่นน่าวเป็นคนที่จะโกหกกล่าวหาน้อง มันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับพี่ชายใหญ่กับพ่อแม่ น้องเป็นสมาชิกในครอบครัวที่พวกเราชอบที่สุด และพวกเราก็ไม่สามารถที่จะเลือกระหว่างน้องทั้งสอง พวกเราไม่สามารถที่จะทอดทิ้งคนใดคนหนึ่งได้”
ตระกูลเจี่ยนไม่เคยปรานีต่อคนภายนอก
แต่สำหรับความขัดแย้งของคนภายในตระกูลแล้ว ตระกูลเจี่ยนก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นบุคลิกของเวินน่วนเป็นคนที่นุ่มนวล แม้กระทั่งเจี่ยนชูฉิง และเจี่ยนหยุ่นเฉิงลูกชายของเขา ซึ่งสามารถจัดการในธุรกิจของตนเองได้อย่างเด็ดขาด ก็ไม่สามารถที่จะทำใจเย็นจัดการกับความขัดแย้งที่รุนแรงภายในครอบครัวของตัวเองได้
สำหรับเจี่ยนหยุ่นเฉิงแล้ว คนหนึ่งก็เป็นน้องชายเขา และอีกคนก็เป็นน้องสาวของเขา
เขาแก่กว่าเจี่ยนอีหลิง 13 ปี และแก่กว่าเจี่ยนหยุ่นน่าว 11 ปี
สามารถพูดได้ว่าเขาเฝ้าดูพวกน้องๆเติบโตขึ้นมา
เขายังคงจำได้เมื่อตอนที่เขายังอยู่มัธยมปลาย เมื่อเขากลับบ้าน เด็กเล็กๆสองคนก็จะกอดขาเขาซ้ายคนขวาคน
ทำตาน่าสงสารขอขนมจากเขา
อีหลิงชอบขนมหวาน
หยุ่นน่าวชอบกินไอสครีม
ถ้าเขาไม่ได้ซื้อมา เด็กเล็กที่ไร้มโนธรรมทั้งสองก็จะหันหน้าหนีเหมือนไม่รู้จัก และหันไปกอดต้นขาของพี่ชายรองแทน
ถ้าเขาซื้อมา แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกแม่ดุ
เจี่ยนอีหลิงมองขึ้นไปหาเจี่ยนหยุ่นเฉิง ดวงตาของเธอกระจ่างสดใส
เจี่ยนหยุ่นเฉิงเห็นใบหน้าเล็กๆของน้องสาวจึงยื่นมือออกไปเพื่อที่จะลูบไล้ใบหน้าเล็กๆนั้น
เจี่ยนอีหลิงหลีกเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ
เจี่ยนหยุ่นเฉิงตะลึงงันไปชั่วขณะ ในเมื่อเขาไม่คิดว่าการต่อต้านของน้องสาวที่มีต่อเขานั้นจะมีมากกว่าที่เขาคิด
เจี่ยนหยุ่นเฉิงพลันจำได้ว่านับตั้งแต่ที่เขากลับมาในคราวนี้ เจี่ยนอีหลิงยังไม่เคยเรียกเขาว่า “พี่ชายใหญ่” เลยสักครั้ง
“เซี่ยวหลิง เรียก “พี่ชายใหญ่” หน่อยดีไหม” เจี่ยนหยุ่นเฉิงใช้น้ำเสียงยั่วเย้า
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้ตอบ แต่หยิบเค้กชิ้นเล็กๆบนโต๊ะของเธอยื่นส่งให้กับเจี่ยนหยุ่นเฉิง
เจี่ยนอีหลิงหลีกเลี่ยงคำขอของเจี่ยนหยุ่นเฉิงทางอ้อมด้วยการกระทำนี้
เจี่ยนหยุ่นเฉิงพลันรำลึกได้ถึงสิ่งที่ย่าเจี่ยนกล่าวกับเขาก่อนที่จะขึ้นมาด้านบน “ถ้าเธอดุน้องของเธอมากเกินไป น้องของเธอก็อาจจะไม่ยอมรับเธอเป็นพี่ชายอีกต่อไป”
————————————————–
พี่น้องตระกูลเจี่ยนทั้งสี่คน
เจี่ยนหยุ่นเฉิง 28 ปี
เจี่ยนหยุ่นโม่ 25 ปี ศึกษาอยู่ระดับปริญญาโทต่างประเทศ ไม่มีใครบอกเขาเรื่องอุบัติเหตุที่บ้าน และเขาก็ยังไม่รู้เรื่องนี้
เจี่ยนหยุ่นน่าว 17 ปี
เจี่ยนอีหลิง 15 ปี
คอมเม้นต์