เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] – ตอนที่ 6 ก้าวขึ้นไป (ตอนปลาย)
บทที่ 6 ก้าวขึ้นไป (ตอนปลาย)
ชายหนุ่มมองไปทางจินฟานและซูชือก่อนจะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “จะร้องเพลงน่ะมันต้องแบบนี้ต่างหาก ทักษะของพวกนายยังไม่ถึงฉันนะพวก”
จินฟานและซูชือถึงกับมองอย่างไม่สบอารมณ์
เดี๋ยวนะ? เจ้าหมอนั่น…นอกจากมาแย่งที่ของพวกเขาแล้ว ยังจะขโมยซีนอีกเรอะ!?
ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันไปทางซูเย่ “นายจะต้องฝึกอีกเยอะนะ ถึงจะเล่นได้ในระดับนี้”
“ฉันชื่อเว่ยอี้เฉิน เป็นประธานชมรมการดนตรีซิงเมิง พวกนายจะมาที่ชมรมแลกเปลี่ยนความรู้กันก็ได้นะ ฉันว่าพวกนายยังพอมีหวังอยู่บ้าง”
เว่ยอี้เฉินอยากจะเห็นสีหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธของซูเย่
แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นใบหน้านิ่ง ๆ ของซูเย่แทน
“อ๋อเหรอ?”
เว่ยอี้เฉินกระตุกยิ้มมุมปาก เขามองหยามซูเย่แล้วกล่าว
“แล้วเดี๋ยวฉันจะทำให้ดู ว่าของจริงมันเป็นยังไง”
ไอ้เลวเอ้ย!
จินฟานและซูชือเกือบจะอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว ไอ้หมอนี่ต้องมีบางอย่างผิดปกติในสมองแน่ ๆ เสี่ยวเย่เพื่อนยากเอ้ย มันหยามหน้าตั้งขนาดนั้นแล้ว ทำไมถึงยังอดทนได้อีกนะ!?
“เสี่ยวเย่ จัดการมันเลย!” ทั้งสองคนพยายามส่งสายตาบอกใบ้ซูเย่
แต่ซูเย่กลับยิ้มบาง ๆ
มันก็น่าสนุกดี ที่จะได้เห็นว่าเด็ก ๆ สมัยนี้ทำอะไรได้บ้าง
ผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ เฝ้าดูสถานการณ์นี้ด้วยความสนใจและได้ยินสิ่งที่พูดเมื่อกี้ผ่านระบบกระจายเสียง นี่จะประชันกีตาร์กันหรืออย่างไร?
ในที่สุด ก็มีเหตุการณ์ให้หญิงสาวในชุดฮั่นฝูที่อยู่ด้านนอกของฝูงชนเริ่มกลับมาสนใจอีกครั้ง
เว่ยอี้เฉินจ้องมองไปยังใบหน้าเรียบเฉยของซูเย่ เขายิ่งเหยียดยิ้มมากกว่าเดิม
วันนี้เขาพาแฟนมาด้วย เขาจะต้องรักษามาดเอาไว้!
เพียงแค่สะบัดมือ เสียงกีตาร์ที่ดุดันก็ดังขึ้น
ทุกคนที่ได้ต่างถูกดึงดูดและหลงใหลในเสียงกีตาร์อันไพเราะทันที
ท่วงทำนองที่เข้มข้นและซับซ้อน ถ้าหากถูกปิดตาอยู่ ก็แทบจะนึกไม่ออกว่าใครเป็นคนเล่นมัน เพราะมันให้ความรู้สึกราวกับฟังจากฝีมือของวงดนตรีมืออาชีพ
จินฟานและซูชือถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ
พวกเขาเคยทำงานร่วมกับมือกีตาร์คนอื่นๆ จึงพอจะเข้าใจการเล่นกีตาร์อยู่บ้าง
การบรรเลงกีตาร์บทเพลงนี้ยากมาก!
พวกเขาไม่รู้จักใครที่สามารถเล่นได้แบบนั้น เพราะแม้มันจะเจ๋งมาก ๆ แต่ก็มีความยุ่งยากซับซ้อนเกินบรรยาย
ทั้งสองมองไปที่มือของเว่ยอี้เฉิน
ขณะที่มือซ้ายกดคอร์ดไปตามสายกีตาร์ ที่มือขวาก็ดีดสายเพื่อสร้างเสียงดนตรีที่ไพเราะกลมกลืน
นี่มันมือเทพเลยนี่!!
ทั้งสองรีบหันไปมองซูเย่ด้วยความกังวลว่าเพื่อนยากคนนี้ อาจจะกำลังตกที่นั่งลำบากในคราวนี้ก็เป็นได้
“บทเพลงแห่งการปฏิวัติ”?
ซูเย่มองดวงตาที่สงบนิ่งของเว่ยอี้เฉินด้วยความสนใจเล็กน้อย
เป็นผลงานการเล่นที่ทั้งยากและดูดีทีเดียว
การเล่นของเว่ยอี้เฉินเริ่มเร็วขึ้น และเร็วขึ้น จนกระทั่งท่วงทำนองสุดท้ายที่แสนไพเราะจบลง
ทักษะของเขาช่างแพรวพราวอย่างไร้ที่ติ
เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างโหมกระหน่ำ แม้ว่าผู้ชมจะไม่เข้าใจถึงศาสตร์ของกีตาร์ แต่ทุกคนล้วนคิดเห็นตรงกันว่า “เจ๋ง!”
แฟนสาวของเว่ยอี้เฉินที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน
เว่ยอี้เฉินมองซูเย่อย่างหยิ่งผยอง ก่อนจะยื่นกีตาร์คืนให้ “นี่แหละคือการเล่นกีตาร์ ยินดีต้อนรับสู่ชมรมการดนตรี พวกเราพร้อมสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เสมอ”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ชนหมัดกับผู้ชมก่อนจะเดินอย่างยิ้มแย้ม กลับไปหาแฟนสาวสุดสวยต่อหน้าจินฟานและซูชือที่มองด้วยสายตาไม่พอใจ
ซูเย่ถือกีตาร์เอาไว้ในมือ แย้มยิ้มอย่างเรียบง่าย ก่อนจะเริ่มใช้มือทั้งสองเล่นกีตาร์
“ติ้ง ติงงง–“
เสียงดุดันของกีตาร์ดังขึ้นจากด้านหลัง
เว่ยอี้เฉินหยุดนิ่ง เพราะท่วงทำนองนี้ก็คือ “บทเพลงแห่งการปฏิวัติ” ที่เขาเพิ่งเล่นไปเมื่อครู่!
เจ้ามือกีตาร์นั่นก็เล่นเพลงนี้ได้หรือนี่?
เขาหันกลับไปมองซูเย่ในทันที
เขาเห็นซูเย่เล่นด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ในลักษณะเดียวกัน เทคนิคเดียวกัน ท่วงทำนองเดียวกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน
จินฟานและซูชือต่างมองซูเย่ด้วยความประหลาดใจ
เพลงนี้ก็เล่นได้งั้นเหรอวะ?!
เหล่าผู้ชมต่างมองดูสถานการณ์ทุกอย่างตรงหน้านี้ด้วยความประหลาดใจที่ต่อมากลายเป็นความตื่นเต้น
จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร…
การประชันฝีมือที่แท้จริงได้เริ่มขึ้นแล้ว!
เว่ยอี้เฉินแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาไม่ใช่คนโง่ และเขาจะไม่ยอมเป็นคนโง่ให้คนอื่นเหยียบย่ำท่ามกลางผู้คนที่มากขนาดนี้ โดยเฉพาะแฟนสาวของเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย
เขามองไปที่นิ้วของซูเย่ที่กำลังเปลี่ยนคอร์ดอยู่ มันดูเป็นมือที่บอบบางมาก
ดูไม่เหมือนนิ้วมือของนักกีตาร์มือฉมังเลยซักนิด
เพราะฉะนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่มือแบบนั้นจะสามารถเล่นเพลงที่ยากขนาดนี้ได้
หรือเพราะแบบนั้น เจ้ามือกีตาร์คนนี้เลยกล้าที่จะยอมให้ตัวเขาได้แสดงฝีมือออกมาก่อนอย่างนั้นหรือ
เพราะว่าจริง ๆ แล้ว…..หมอนี่ก็สามารถเล่นเพลงระดับนี้ได้โดยไม่มีปัญหา?
ขณะนี้ เว่ยอี้เฉินรู้สึกอึดอัดราวกับถูกบีบคอ
แต่เรื่องเซอร์ไพรส์ก็ไม่จบอยู่เพียงแค่นั้น
เทคนิคเดียวกัน ท่วงทำนองเดียวกัน ความเร็วของมือที่เท่ากันค่อย ๆ เพิ่มขึ้น
ความเร็วมือที่เร็วกว่า 1.25 เท่า!
ไม่น่าเชื่อ!
ดวงตาของเว่ยอี้เฉินถลึงมองซูเย่จนแทบจะหลุดออกจากเบ้า
แค่ความเร็วปกติก็ทำให้นักกีตาร์ส่วนใหญ่ถึงกับยอมแพ้เพราะเล่นได้ไม่เร็วพอ
แต่เขาคนนั้นกลับเล่นได้เร็วกว่าทำนองปกติถึงหนึ่งในสี่เท่า!
จินฟานและซูชือมองซูเย่ตาค้าง
รูมเมทของพวกเรานี่เจ๋งขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย?
ผู้ชมต่างมองดูทั้งหมดนี้ด้วยความประหลาดใจ พวกเขารู้สึกเพียงว่าความเร็วมือของซูเย่นั้นเร็วมาก ราวกับมีปีศาจกำลังเต้นไปมาบนตัวกีตาร์ก็ไม่ปาน
สาวงามในชุดฮั่นฝูที่อยู่ข้างนอกฝูงชนนั้นมองซูเย่ด้วยความอัศจรรย์ใจ
ไม่นานนักท่วงทำนองก็ดุดันขึ้นอีกครั้ง!
ความเร็วมือที่เร็วกว่า 1.5 เท่า!
เว่ยอี้เฉินสั่นไปทั้งตัวขณะมองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อย่างไม่เชื่อในสายตาตนเอง
เขาแทบจะมองความเร็วของการเปลี่ยนคอร์ดและการดีดทีละคีย์ไม่ทัน
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือขณะที่ความเร็วมือขนาดนี้ แต่ท่วงทำนองของบทเพลงก็ไม่มีความผิดเพี้ยนแต่อย่างใด
มันเป็นไปได้อย่างไร?
ใบหน้าหล่อเหลาของเว่ยอี้เฉินเริ่มเหยเกจนดูน่าเกลียด
ตัวเขานั้นทั้งหล่อ ร้องเพลงเพราะ ทักษะกีตาร์ก็สุดยอด ทั้งที่เคยขึ้นไปเหนือใคร ๆ แต่วันนี้กลับโดนเหยียบย่ำเสียเอง!
ในที่สุด ชายหนุ่มก็ได้รับรู้แล้วว่าการโดนโต้กลับด้วยความเหนือกว่ามันเป็นอย่างไร
เว่ยอี้เฉินรู้สึกอับอายจนอยากจะโดนพื้นธรณีสูบกลืนไปไม่ต้องพบเจอกับความอับอายอีก
หญิงสาวในชุดฮั่นฝูมองซูเย่ด้วยความชื่นชม เธอพยายามมองสเต็ปความเร็วมือของซูเย่ แต่ก็ไม่สามารถมองตามได้ทัน
“เจ๋งแฮะ!”
จินฟานและซูชือตะลึงงันไปช่วงหนึ่ง หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
ไปกันเถอะ”
หลังจากที่บทเพลงจบลง เว่ยอี้เฉินรีบเดินไปที่แฟนสาวของเขา ก่อนจะพาเธอออกไปจากตรงนั้นในทันที
เขาไม่อยากจะทนอยู่ให้อับอายสายตาผู้คนไปมากกว่านี้แล้ว
ในขณะที่เว่ยอี้เฉินกำลังเดินหนีออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ ท้วงทำนองเพลงแสนเศร้าก็ดังขึ้น
เว่ยอี้เฉินถึงกับผงะ
“‘จากกันด้วยดี’?”
จินฟานและซูชือมองหน้ากัน ท่อนเพลงนี้ฟังยังไงก็คือท่อนหนึ่งของเพลงจากกันด้วยดี
“จากกันไปด้วยดี ฉันนี้มีความสุข~”
ไอ้เสี่ยวเย่เพื่อนยาก วิถีตอกกลับช่างแสบนักนะ…
ทั้งสองคนยิ้มกริ่มให้กัน และด้วยเหตุผลบางอย่าง ก็ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองแอบรู้สึกเศร้าอยู่ลึก ๆ ภายในใจเช่นกัน
คอมเม้นต์