แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 161 ผู้ถูกเลือกอันดับที่ 70 หลงเสียวเสี่ยว
“อันดับหนึ่งคือหลงหลิวหลีอีกแล้ว หลงหลิวหลีผู้นี้เก่งกาจสมคำร่ำลือ”
“ใช่ ไม่รู้ว่าข้าคิดไปเองหรือไม่ ข้ารู้สึกว่าหลังจากที่หลงหลิวหลีผ่านด่านนี้มาแล้ว นางดูลึกลับกว่าเดิม”
“ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน อันดับหนึ่งคือหลงหลิวหลีมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าจะมีใครทำให้ตำแหน่งของนางสั่นคลอนได้หรือไม่”
“ไม่รู้ว่าผู้ถูกเลือกอันดับ 2 นักบวชหยวนเจินจะสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของนางได้หรือไม่”
“คงจะยากเอาการ เวลาเห็นหลงหลิวหลีต่อสู้ ใครจะไปคิดว่านางเป็นผู้บำเพ็ญสายปรุงยา”
“หลงหลิวหลีเป็นนักบำเพ็ญสายปรุงยาหรือ”
“ใช่สิ ตอนนางนำยาศักดิ์สิทธิ์ออกมา ข้าถึงเพิ่งรู้ว่านางคือนักบำเพ็ญสายปรุงยา”
“ท่านพี่ พวกเขากำลังพูดถึงท่าน” หลงเสี่ยวเสี่ยวกล่าว
“พูดไปเถอะ พูดไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” หลิวหลีไม่แยแส
ชิงหลวนที่อยู่ข้างๆดวงตาเป็นประกาย ว้าว หลงหลิวหลีดูเท่มากเลย หากนางโดนคนอื่นมองด้วยสายตาเช่นนี้ คงจะกระวนกระวายใจ
“นังหนู ตอนด่านที่สองเจ้าไปอยู่ที่ไหนมา เพราะเหตุใดข้าจึงหาเจ้าไม่เจอ” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าวด้วยความร้อนใจ
“เรื่องมันยาว มีเวลาค่อยพูดกัน บอกได้เพียงข้าได้อะไรกลับมาไม่น้อยเลย” หลิวหลีพูดคลุมเครือ
“ไม่รู้ว่าด่านที่สามจะทดสอบอะไร” หลงเสี่ยวเสี่ยวพูดพลางทำปากยื่น
ตามที่คนผู้นั้นกล่าว เสี่ยวเสี่ยวจะอยู่ในอันดับที่ 70 ก็ไม่เลว หากนางคิดไม่ผิด ด่านที่สามน่าจะเป็นอันดับที่ 51 ถึง 70
“ผู้บำเพ็ญเพียรทุกท่าน ด่านที่สาม ทดสอบความสามารถทางศิลปะ 4 แขนง ของที่จำเป็นต้องใช้จดมาบอกแล้วทางเราจะเตรียมไว้ให้ ข้าขอเน้นของทุกอย่าง ด้านหน้าของทุกท่านจะมีเสาหิน เสาหินจะให้คะแนนแก่พวกท่าน ผู้บำเพ็ญอันดับที่ 51 ถึง 70 จะปรากฏรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับครั้งนี้” หุ่นเชิดเด็กสาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
หลิวหลีฟังเสียงของหุ่นเชิดเด็กสาว ก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นพิเศษ เป็นเสียงเดียวกับเสียงผู้หญิงที่อยู่ในดินแดนนั้น หรือว่ารูปร่างหน้าตาของเจ้าของเสียงก็คือหุ่นเชิดเด็กสาวผู้นี้ คนผู้นี้ต้องหลงตัวเองมากขนาดไหน ขนาดทำหุ่นเชิดเลียนแบบใบหน้าตัวเอง
“ความถนัดทางด้านศิลปะ 4 แขนงหรือ แย่แล้ว ครั้งนี้คนที่ได้อันดับหนึ่งต้องเป็นหลงหลิวหลีอีกแน่ การปรุงยาเป็นทักษะที่ไม่มีใครเทียบนางได้อยู่แล้ว”
“การจัดอันดับรายชื่อผู้ถูกเลือกนี้จะต้องเก่งครบทุกด้านหรืออย่างไร ต้องทดสอบศิลปะ 4 แขนงอีก”
“แย่แล้ว ท่านพี่ ข้าไม่มีความสามารถอะไรเลย” หลงเสี่ยวเสี่ยวมองหลิวหลีน้ำตารื้น นางจะมีความสามารถทางศิลปะได้อย่างไร นางเพิ่งเริ่มบำเพ็ญเพียร ไหนเลยจะใส่ใจเรื่องศิลปะ 4 แขนงได้
“เสี่ยวเสี่ยวเก่งมากแล้ว แต่หลังจากกลับไปคราวนี้จะคิดเรื่องศิลปะ 4 แขนงแล้วนะ” หลิวหลีลูบหัวเสี่ยวเสี่ยว
“ยังดีที่ข้ายังพอรู้ศิลปะทั้ง 4 แขนงอยู่บ้าง ฝีมือก็ไม่เลวด้วย” ฮัวจิงเฟยทุบอกพร้อมกล่าว ชิงหลวนมองฮัวจิงเฟยด้วยสายตาดูถูก คนผู้นี้ช่างไม่รู้จักถ่อมตัวเลยจริงๆ
“หลิวหลี เจ้าคิดจะทำอะไร” ถึงจะรู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไร้ประโยชน์ ใครๆก็รู้ หลงหลิวหลีถนัดการปรุงยา
“ปรุงยาอย่างไร เป็น 1 ใน 4 ศิลปะที่ข้าทำได้” ความตรงไปตรงมาของหลิวหลีทำให้คนข้างๆหมั่นไส้ รู้ว่าเจ้าปรุงยาได้ ทั้งยังเป็นนักปรุงยาระดับ 8 เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเหนือกว่าคนอื่นแล้ว
“อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนการทดสอบนี้จัดขึ้นเพื่อหลงหลิวหลีโดยเฉพาะ นางเป็นนักปรุงยาระดับ 8 ใครจะสู้นางได้”
“ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่ตอนเราอายุเท่าหลงหลิวหลี เรายังทำแบบนางไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“อย่าทำตัวเป็นองุ่นเปรี้ยวเลย พยายามมากๆก็พอ ในเมื่อมีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับผู้ถูกเลือกแล้ว จะได้ลำดับท้ายก็ไม่ดี”
อยู่ๆหลิวหลีก็รู้สึกเหมือนแผ่นดินไหว แล้วจึงพบว่าสนามประลองรอบนี้มีลักษณะเป็นขั้นบันได 10 อันดับแรกจะเรียงจากชั้นบนสุดลงไปเรื่อยๆ จานกลมใบหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า โดยให้เขียนของที่เลือกกับวัตถุดิบที่ต้องการใช้ลงไป และเมื่อจานกลมนั้นหายไป ของที่ต้องการก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่
หลิวหลีมองดูเตาปรุงยาที่ปรากฏขึ้นกับวัตถุดิบที่ตนเองจำเป็นต้องใช้ในการปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 ดีจริงๆ คุณภาพดีมากเลย
“แปลกจริง ทำไมข้าถึงเปิดแหวนเก็บของไม่ได้ ถ้าไม่ให้เปิดแหวนเก็บของ แล้วพู่กันวาดเครื่องยันต์ของข้าอยู่ในนั้น ข้าจะวาดยันต์ได้อย่างไร”
“แหวนเก็บของของข้าก็เปิดไม่ได้เช่นกัน ข้าไม่ใช่หลงหลิวหลีเสียหน่อย ที่มีเพลิงอัคคีหลากชนิดจนปรุงยาด้วยมือเปล่าได้ ไม่มีหม้อปรุงยาแล้วจะปรุงยาได้อย่างไร”
“ข้าก็เช่นกัน เหตุใดจึงไม่เอาของออกมาไม่ได้เลย”
หลิวหลีเบะปากก็บอกแล้วว่าของทุกอย่าง นั่นย่อมต้องรวมไปถึงของที่ใช้ในปรุงยาทุกอย่าง แม้แต่ถ่านหินนางยังเขียนเลย เพลิงอัคคีที่อยู่ภายในร่างกายดูเหมือนจะถูกผนึกเอาไว้ จิ๊ๆการประลองนี้เคร่งครัดมากทีเดียว
“โหดร้ายเกินไปเสียแล้ว”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฮือฮือฮือ จะแกล้งปลอมเป็นท่านพี่ก็ไม่ได้” หลงเสี่ยวเสี่ยวอยากจะร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตา นางไม่มีไฟจะให้ปรุงยาได้อย่างไร นางไม่ใช่แกนวิญญาณอัคคี หลงเสี่ยวเสี่ยวมองดูวัตถุดิบที่อยู่ตรงหน้าก็รู้สึกห่อเหี่ยวใจ นางยังอยากจะเลียนแบบพี่สาวของนางปรุงยาไปมั่วๆ แต่กระทั่งโอกาสก็ยังไม่มี นางมองเสาหินอยู่นานแล้วถอนหายใจ การจัดอันดับผู้ถูกเลือกของนางสิ้นสุดลงแล้ว
“ข้าสละสิทธิ์” หลงเสี่ยวเสี่ยวพูดใส่เสาหิน พอหลงเสี่ยวเสี่ยวพูดจบ เสาหินก็กลายเป็นกระดานที่มองไม่ออกว่าทำจากอะไร ด้านข้างมีพู่กัน ให้นางเขียนชื่อลงไป หลงเสี่ยวเสี่ยวหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเขียนชื่อตัวเองลงไป และยังวาดรูปยิ้มไว้ข้างๆ และกระดานแผ่นนั้นก็หายไป แล้วบนฟ้าก็ปรากฏชื่อเสี่ยวเสี่ยวที่เขียนลงไป โดยข้างชื่อนั้นยังมีรูปยิ้มที่วาดลงไปด้วย
ณ บ้านสกุลหลง หลังจากที่หลงเหวินชิงกับหลงจิ่งหลิงรู้ว่าหลานสาว (ลูกสาว) ของตนร่วมศึกการจัดอันดับผู้ถูกเลือกกับหลิวหลี ใจหนึ่งก็บ่นว่านังหนูซนไม่เข้าเรื่อง ส่วนหลิวหลีก็ดันเอากับนางด้วย แต่อีกใจหนึ่งก็หวังว่าเสี่ยวเสี่ยวจะมีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับ คนเราก็มักจะขัดแย้งในตนเองเช่นนี้ แต่น่าแปลกจริงๆ การจัดอันดับผู้ถูกเลือกถูกเปิดเผยไปแล้ว 30 คน วันนี้อยู่ดีๆก็มีรายชื่อสีม่วงปรากฏขึ้นมา แถมยังมีรูปยิ้มอยู่ข้างหลังด้วย
“หลงเสี่ยวเสี่ยว ท่านพ่อเสี่ยวเสี่ยวนี่ นางได้อันดับที่ 70” หลงจิ่งหลิงรู้สึกดีใจ ลูกสาวของนางเก่งถึงขนาดมีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับผู้ถูกเลือก ใครจะคิด เมื่อก่อนนังหนูเป็นคนที่ไม่พูดไม่จาเลยด้วยซ้ำ
“เด็กสกุลหลินของเรา เฮ้อ สกุลหลินของเราโชคร้ายจริงๆ” หลินต้าหมิงมองดูชื่อที่บนท้องฟ้าพลันรู้สึกว่าตนเองแก่ลงไปอีก หลินอวี่เป็นดังที่หลิวหลีพูดไว้ ผู้หญิงคนนั้นใช้ยามากเกินไป แม้จะตั้งครรภ์ แต่ไม่ถึงสามเดือนก็แท้ง เป็นเด็กผู้ชาย แต่ดูจากรูปร่างแล้ว ต่อให้คลอดออกมาก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ไม่มีกล้ามเนื้อสมอง แถมแขนยังขาดไปหนึ่งข้าง เป็นอย่างที่หลิวหลีบอกไว้ ผู้หญิงคนนั้นร่างกายอ่อนแอจนมีลูกไม่ได้อีก ส่วนหลิวอวี่ก็ใช้ยามากเกินไปทำให้ไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ มีลูกไม่ได้อีก ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาก็ไม่ยอมรับในตัวเขา เวรกรรมแท้ ๆ
“ท่านพ่อ นังหนูเสี่ยวเสี่ยวคนนี้ นึกว่านางจะไปลองเปิดหูเปิดตา คิดไม่ถึงว่าจะได้อันดับกลับมาด้วย” พ่อลูกสกุลหลงก็เห็นเช่นกัน
“เสี่ยวเสี่ยวเป็นร่างดวงจิตสวรรค์ เวลาที่ใช้ในการบำเพ็ญเพียรจึงค่อนข้างน้อย มีผลงานเช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ไป ไปแสดงความยินดีกับอาเจ็ดของเจ้ากัน ตังแต่เกิดเรื่องของจิ่งหลิง อาเจ็ดของเจ้าก็แก่ลงไปไม่น้อย ถึงหลิวหลีจะทิ้งยาศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้บำรุงร่างกายจำนวนมาก แต่ร่างกายก็ยังไม่ค่อยแข็งแรงนัก เรื่องน่ายินดีเช่นนี้น่าจะทำให้สุขภาพของอาเจ็ดดีขึ้นมาทันตาเห็น” หลงเหวินเซวียนนึกถึงน้องชายที่หาข้ออ้างมาหาเขาทุกวันหลังจากเสี่ยวเสี่ยวถูกหลิวหลีพาตัวไปเพื่อถามไถ่เรื่องราวลูกสาวทุกวัน เห็นแล้วทำให้เขารู้สึกปวดใจ
“ท่านพ่อ พวกเราไปตอนนี้เลย ข้าเชื่อว่าท่านอาเจ็ดเห็นแล้ว ตอนนี้คงต้องกำลังดีใจมากอยู่แน่” หลงจิ่งหลินกล่าว
เมื่อสองพ่อลูกบ้านสกุลหลงไปถึง ก็เห็นพ่อกับลูกสาวกำลังกอดกันกลม ร้องไห้ออกมาด้วยความยินดี
“เจ้าเจ็ด ยินดีด้วย” หลงเหวินเซวียนไม่พูดมากความ
“พี่สาม ต้องขอบคุณพี่มาก” ตอนนี้หลงเหวินชิงรู้สึกขอบคุณพี่สามของตัวเองอย่างยิ่ง เพราะเขาพาหลานสาวที่มีความสามารถไม่ธรรมดากลับมา อีกทั้งยังช่วยหลานสาวที่น่าสงสารของเขาอีก
“คนครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น เจ้าเจ็ด ตอนนี้หลงเสี่ยวเสี่ยวเก่งจนติดจัดอันดับผู้ถูกเลือกแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว” หลงเหวินเซวียนพูดพลางตบบ่าหลงเหวินชิง
“ใช่ พี่สาม แม้แต่จะฝันข้ายังไม่กล้าฝันเลยว่าจะมีวันนี้” หลงเหวินเซวียนน้ำตาคลอเบ้า
“เสี่ยวเสี่ยวโตแล้ว” หลงเหวินชิงกล่าว หลงจิงหลิงที่อยู่ข้างๆ น้ำตารื้น นางนึกไม่ถึงเลยว่าที่ตนเองถูกขอหย่า แต่คนในสกุลไม่เพียงยอมรับนางกลับมา ยังช่วยนางรักษาบาดแผล ที่สำคัญเลยคือให้ความช่วยเหลือลูกสาวนาง ฝึกฝนจนลูกสาวของนางกลายเป็นคนมีความสามารถ นางจะตั้งใจบำเพ็ญเพียรเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของท่านพ่อ ช่วยจัดการเรื่องภายในของสกุลหลง นางจะอุทิศเวลาที่เหลืออยู่ ให้กับบ้านสกุลหลง
หลงเสี่ยวเสี่ยวมองไปชื่อของตนเอง เป็นสีม่วง ช่างงดงามจริงๆ นางแตะหน้าผากตนเอง อยู่ๆรอยประทับสีเงินบนหน้าผากก็เปล่งแสงออกมา เสาหินกลายเป็นกระดานอีกครั้ง ด้านบนมีถุงเก็บของใบหนึ่งวางอยู่ คนผู้นี้คือใครกัน เหตุใดจึงคล้ายกับพี่สาวเช่นนี้ ชอบใช้ถุงเก็บของ เสี่ยวเสี่ยวหยิบขึ้นมา แล้วแสงสว่างก็จางหายไป เสี่ยวเสี่ยวใช้ประสาทเซียนส่องดู เป็นคัมภีร์เคล็ดวิชาที่ไว้ใช้ฝึกฝนร่างกาย เหมาะกับร่างดวงจิตสวรรค์ของนางอย่างมาก
“การจัดอันดับผู้ถูกเลือกนี้ช่างใส่ใจมากจริงๆ” เสี่ยวเสี่ยวพอใจอย่างมาก ดูจากของที่ได้มา ได้ทั้งพลังและเคล็ดวิชาฝึกฝนร่างกาย การมาที่นี่ในครั้งนี้ของนางไม่เสียเปล่า เสี่ยวเสี่ยวจับถุงเก็บของที่อยู่ในมือไว้แน่น
คนจำนวนไม่น้อยทดลองกันอยู่พักใหญ่ ต่างพากันยอมแพ้ พวกเขาไม่ใช่หลงหลิวหลีที่จะสามารถปรุงยาได้ด้วยมือเปล่า หากเลือกหนึ่งในศิลปะทั้ง 4 แขนงแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ ก็เลยมีคนยอมแพ้อย่างต่อเนื่อง ทุกคนต่างได้รับของรางวัลที่ทำให้ตัวเองพึงพอใจ โดยรวมแล้ว การมาเข้าร่วมการจัดอันดับผู้ถูกเลือกในครั้งนี้ก็ไม่เลวเลย แต่ของรางวัลที่ได้รับก็คงเทียบไม่ได้กับของรางวัลที่สิบอันดับแรกจะได้รับก็เท่านั้นเอง
แม้การแข่งขันจะสิ้นสุดลง แต่คนพวกนี้ก็ยังสามารถอยู่ดูการแข่งขันต่อได้ ไม่เหมือนกับพวกก่อนหน้านี้ที่ถูกส่งออกนอกเมืองเทียนสิง ดูวิธีปรุงยาของคนอื่น ทำให้ตนเองได้ความรู้กลับมาไม่น้อย เมื่อดูวิธีการของคนอื่นตนเองก็จะเข้าใจมากขึ้นตามไปด้วย การเดินทางมาร่วมแข่งขันครั้งนี้ ช่างคุ้มค่ายิ่งนัก
……………………………………..
คอมเม้นต์