แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 166 อันดับ 1 หลงหลิวหลี
“เวลาเป็นสิ่งมีค่าอย่างมาก พวกเราอย่ามัวเสียเวลากันอยู่เลย ในเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจเลือกยากขนาดนี้ ข้าจะใจดีช่วยพวกเจ้าเอง” หลิวหลีเห็นหยวนเจินที่ตกอยู่ในห้วงพระธรรม เฟยเผิงที่สงสัยเรื่องสถานะของตนเอง และกงเพียวเพียวที่ตกใจจนเกือบจะหลุดความเป็นเทพเหมันต์ ทั้งหมดจ้องเขม็ง รวมถึงคนจากเผ่ามารสองคนที่จ้องนางด้วยแววตาที่หมายแผดเผานางให้วอดวาย
เมื่อนางพูดจบ นางรีบร้อนโคจรท่าเท้า รวดเร็วราวสายลมพัดผ่าน หงอวี้หันหน้าไปมองก็เห็นใบหน้าแต้มยิ้มของหลิวหลี แต่กลับพบว่าตนเองถูกกดให้นั่งลงในตำแหน่งลำดับที่ 10 พอนางได้สติคิดขึ้นมา ก็พบว่านางลุกขึ้นไม่ได้
ต่อไปถึงคราวของกงเพียวเพียว นางไม่มีแม้แต่แรงที่จะโต้กลับ หลิวหลีใช้เพลิงอัคคีล้อมนางไว้สามชั้น แค่เพียงขยับตัวเล็กน้อย ก็อาจจะถูกเพลิงอัคคีเผาเป็นจุล ไม่เหลือกระทั่งเถ้าถ่าน หลงหลิวหลี เจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวแบบใดกันแน่ ทั้งๆที่เป็นผู้ถูกเลืออัจฉริยะเหมือนกัน นี่เจ้าประหลาดขนาดไหนกัน
เมื่อเยี่ยซิงขวงเห็นว่าคนในกลุ่มพึ่งพาไม่ได้ เขาจึงอยากจะแอบยึดลำดับแรก เขาพบว่าหากนั่งประจำที่แล้วจะลุกขึ้นมาอีกไม่ได้ อีกอย่างหลงหลิวหลีแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้คงจะดีกว่า ในตอนที่มือเขาห่างจากตำแหน่งนั้นเพียงเอื้อมมือก็มีลมพัดเข้ามา ทำให้ล้มลงไปนั่งบนเก้าอี้ นึกว่าเป็นเก้าอี้อันดับหนึ่ง แต่กลับเห็นหลิวหลีหัวเราะเจ้าเล่ห์ขณะมองเขา เมื่อเยี่ยซิงขวงรู้ตัวก็พบว่าตนเองได้อันดับที่ 6 ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
“ถ้าเจ้าไม่ลับๆล่อๆล่ะก็เดิมอันดับ 5 ก็จะตกเป็นของเจ้า แต่ทำอย่างไรได้ อุตส่าห์ไว้หน้าเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รับไมตรีครั้งนี้ คงต้องรบกวนขอร้องโอรสเผ่ามารอย่างเจ้าไปอยู่ในอันดับ 6 ก็แล้วกัน” หลิวหลียิ้มแล้วพูดคำพูดที่ทำให้เยี่ยซิงขวงแทบจะกระอักเลือด คนผู้นี้ชวนให้รังเกียจนัก
“หลงหลิวหลี ข้ากับเจ้า เราไม่อาจอยู่ร่วมกัน” เยี่ยซิงขวงพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
“เรื่องนี้น่ะหรือ ไว้ค่อยพูดก็แล้วกัน” หลิวหลีเบะปาก ถ้าพูดถึงด้านความสามารถ เขาเหมาะจะเป็นแค่ตัวตลกก็เท่านั้นเอง นอกจากจะทำให้ผู้อื่นมีความสุขได้แล้ว ไม่มีอะไรน่าสนใจด้วยซ้ำ
“เจ้าล่ะ จะไปเอง หรือจะให้ข้าจัดการ” หลิวหลีมองเฟยเผิงแล้วพูดขึ้น
“หลงหลิวหลี ถึงแม้จะรู้ว่าสู้เจ้าไม่ได้ แต่ข้าก็อยากจะลองสู้กับเจ้าดูสักตั้ง” เฟยเผิงพูดพลางถอนหายใจ
“ได้” หลิวหลีตอบตกลง
เฟยเผิงตั้งท่าพร้อม หลิวหลีกำหมัดรอ
“เจ้าไม่ใช้อาวุธหรือ” หลงหลิวหลีไม่ใช้อาวุธ ทำให้เฟยเผิงประหลาดใจเล็กน้อย
“อาวุธหรือ มีอยู่ชิ้นเดียว ไม่รู้ว่าเสร็จหรือยัง” หลิวหลีนึกถึงมีดเล่มใหญ่ที่ไหว้วานเทียนเลี่ยนจื่อทำให้ หลังจากการจัดอันดับผู้ถูกเลือกสิ้นสุดลง คงต้องกลับไปดูสักหน่อยแล้ว
“แล้วคู่พันธสัญญาของเจ้าล่ะ ข้ารู้นะว่าเจ้าคือคนบ้านสกุลหลง น่าจะมีคู่พันธสัญญา จะไม่ปล่อยออกมาหรือ” เฟยเผิงว่าต่อ
“เอ่อ… ข้าไม่อยากรังแกเจ้า อาเลี่ยเป็นมังกรโลหิตในตำนานของเผ่ามังกร พลังต่อสู้รุนแรง จื่อฉีคือราชากิเลนม่วง ถึงแม้ความสามารถจะไม่เท่าไหร่ แต่มันเป็นยอดอสูรเทพกลายพันธุ์ ข้ามีคู่พันธสัญญาสองตัว ไม่อยากจะรังแกเจ้า” หลิวหลีนับนิ้ว สีหน้าเฟยเผิงอึดอัดใจ หลงหลิวหลีคนวิปริต มิน่าด่านที่ทดสอบดวง นางถึงสามารถหาลูกไม้สีขาวได้ในทันทีแถมรวดเร็วที่สุดเสียด้วย คนอื่นทำพันธสัญญากับอสูรเทพแค่ตัวเดียว นางนี่ดีเสียจริง ทำพันธสัญญาได้ถึงสองตัว แถมยังเป็นยอดอสูรเทพกลายพันธุ์ทั้งคู่เสียด้วย
“ล่วงเกินแล้ว” เฟยเผิงไม่ถามแล้ว นี่หลงหลิวหลีกำลังบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาแล้วว่าความสามารถของเขาอ่อนหัดมากแค่ไหน เขาจะไม่ถามถึงเพลิงอัคคีของหลงหลิวหลีอีก นั่นเป็นการหาเรื่องใส่ตัวชัด ๆ
เฟยเผิงปล่อยหมัดที่มีแรงลมใส่หลิวหลี นางก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ออกหมัดรับ หมัดทั้งสองปะทะเข้าหากัน พลังเซียนกระเพื่อมอย่างรุนแรง สีหน้าเฟยเผิงเคร่งเครียด ร่างกายของหลงหลิวหลีไม่เป็นรองอสูรเทพ แถมยังผ่านการฝึกฝนร่างกายเหมือนพวกอสูรอย่างเขา มิน่าคนถึงพูดกันว่า พอหลงหลิวหลีต่อสู้ใครก็ไม่เชื่อว่านางจะเป็นนักบำเพ็ญสายปรุงยา
ทั้งสองแลกหมัดกันไปหลายร้อยกระบวนท่า แต่หน้านางไม่เปลี่ยนสีด้วยซ้ำ พลังเซียนในร่างปั่นป่วนราวไม่ได้สูญเสียอะไรเลย เฟยเผิงกลับหอบหายใจน้อยๆ นี่คือความต่างใช่หรือไม่
ทันใดนั้นเองก็มีขนนกสีทองปรากฏขึ้นบนแขนเฟยเผิง พวกมันพุ่งไปหาหลิวหลี ปีกสีทองของครุฑปีกทองแข็งแรงอย่างมาก เป็นวัตถุดิบชั้นดีในการทำอาวุธ หลิวหลีดวงตาเป็นประกาย ของดีนี่นา
“เฟยเผิงเจ้าโง่หรือเปล่า เรื่องที่หลงหลิวหลีชอบทำมากที่สุดก็คือ ทำลายอาวุธด้วยมือเปล่า นี่ยังให้วัตถุดิบนางกลับไปทำอาวุธอีกโง่เขลาจริงๆ” ฮัวจิงเฟยที่ดูอยู่ก็อดจะวิจารณ์ไม่ได้
หลังจากที่เสียงของฮัวจิงเฟยสิ้นสุดลง หลงหลิวหลีก็ยึดเอาขนนกสีทองทั้งหมดมา แล้วถีบเฟยเผิงให้ไปนั่งตรงเก้าอี้ตำแหน่งอันดับ 4
“พี่เฟยเผิง ขอบคุณมาก” หลิวหลีเก็บขนนกของคนอื่นเหน้าด้านๆ หน้าไม่เปลี่ยนสีด้วยซ้ำ
“ไม่ ข้าสิควรจะขอบคุณที่เจ้าเจ้าออมมือให้ข้า” ขนนกของเขามีความแข็งแรงแค่ไหนเขารู้ดี แต่หลงหลิวหลีรับได้ด้วยมือเปล่า ร่างกายนางแข็งแกร่งไม่ต่างอะไรจากพวกเขา
หลิวหลีลูบคางตนเอง นางพยายามฝึกคัมภีร์เคล็ดวิชามังกรนพเก้าอยู่ตลอด อีกทั้งร่างกายนางได้เพลิงอัคคี สระมังกรโลหิต การฝึกฝนในดินแดนลี้ลับ แถมยังได้รับการปรับปรุงเลือดบริสุทธิ์ของอสูรเทพ จึงต่างจากที่ผ่านมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้นางประลองฝีมือกับเอ๋าเลี่ย เอ๋าเลี่ยไม่จำเป็นต้องออมมือให้ด้วยซ้ำ
หลิวหลียังคงย้อนไปคิดเรื่องเก่าๆ ปรากฏแสงสีทองขึ้นข้างตัว ทำให้หลิวหลีตกตะลึงแล้วจึงเข้าใจทันที เอาล่ะนางยอมรับ นักบวชผู้นี้มีความสามารถจริงๆ นางจึงร่วมมือกับหนานกงเวิ่นเทียนสร้างแนวป้องกันขึ้น แสงแห่งธรรมมีไว้จัดการกับพวกมาร แต่นี่ไม่ได้มีไว้เพื่อจัดการกับหงอวี้กับเยี่ยซิงขวง เพียงแต่ทำไปเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น แต่แสงแห่งธรรมไม่ได้ปกคลุมทุกคน
จนแสงสีทองกลับเข้าไปในร่างหยวนเจิน หยวนเจินลืมตาขึ้น หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนสลายแนวแขตป้องกัน
“ขอบคุณโยมหลงกับโยมหนานกงมาก โยมมีบุญสัมพันธ์กับอาตมา ยินดีต้อนรับเจ้ามาเป็นแขกที่วัดฝ่าติ้ง อาตมายินดีต้อนรับโยมในฐานะแขก” หยวนเจินกล่าว
“หากมีโอกาสข้าไปแน่ แต่ข้าไม่มีบุญสัมพันธ์กับพระพุทธองค์หรอก ข้าเป็นคนที่มีคู่หมั้นหมายแล้ว ข้าจะไม่ไปวัดฝ่าติ้งตามเจ้าเพื่อไปออกบวชหรอกนะ ถึงข้าจะคิดไม่ตกขึ้นมาจริงๆ ข้าก็คงเลือกจะไปหาพระเทียนซิน” หลิวหลีแสดงออกว่าไปเป็นแขกได้ แต่เรื่องบุญสัมพันธ์อะไรเทือกนั้น ก็ช่างมันไปเถอะ หากว่าไปวัดขึ้นมาจริงๆ แล้วพระพวกนั้นมาชวนให้นางออกบวชจะทำอย่างไร ท่านตากับท่านอาจะต้องไปถล่มวัดฝ่าติ้งแน่นอน ท่านแม่คงร้องไห้จนวัดถล่มแน่
“ห้ามไป” หนานกงเวิ่นเทียนดึงมือหลิวหลี กล่าวพลางชักสีหน้า
“ยินดีต้อนรับโยมทั้งสองมาเป็นแขกในร่มพระพุทธศาสนา” หยวนเจินไม่พูดอะไร ก่อนหน้านี้เขาหลงผิดไป ยังดีที่โยมหลงคนนี้ลากเขากลับมา อีกอย่าง เขาพบว่าบนตัวโยมหลงมีแสงแห่งบารมีที่ค่อนข้างส่องสว่าง ผู้มีบุญญาธิการเช่นนี้ จะต้องช่วยเหลือสรรพชีวิตในอนาคตอย่างแน่นอน เขาพอจะรู้เรื่องคำทำนายของหอเทียนจีเก๋ออยู่บ้าง ดางมังกรและดาวหงส์ น่าจะเป็นโยมหลงกับโยมหนานกง คู่สวรรค์สร้าง หยวนเจินมองเห็นเงาของมังกรกับหงส์อยู่ข้างหลังของพวกเขาทั้งสอง เป็นคู่สวรรค์สร้างจริง ๆ
“ไต้ซือ จะมาประลองดูสักตั้งหรือไม่” คงไม่ต้องแล้วล่ะ หลิวหลีคิดเช่นนี้
“แน่นอน ถึงแม้อาตมาจะรู้แจ้งแต่ก็ยังอยากจะประลองฝีมือกับโยมหลงดูสักครั้ง”
“ได้” ความคิดของนักบวชผู้มีคุณธรรมสูงส่งคงจะต่างจากคนทั่วไป
หยวนเทียนสวดคำว่าอมิตาพุทธ ลูกประคำในมือขยายใหญ่ขึ้น ลูกประคำทั้ง 18 ลูกบดบังตัวหลิวหลี จนทั้งตัวทั้งตัวเต็มไปด้วยแสงแห่งพุทธะ เบาสบาย แล้วในทันใดนั้นเอง ลูกประคำก็พุ่งเข้าหาหลิวหลี รัดตัวหลิวหลีเอาไว้
“น่าสนใจ” หลิวหลีไม่ได้พยายามดิ้นออกมา สัมผัสพลังแห่งพุทธะที่บริสุทธิ์บนลูกประคำ ทันใดนั้น บนตัวของหลิวหลีก็มีเพลิงอัคคีขนาดเล็กเกิดขึ้น เพลิงอัคคีคลุมทั่วลูกประคำ บนตัวหลิวหลีดำมืดไปครู่หนึ่ง หลิวหลีตะโกนออกมาว่าแตก ลูกประคำจึงลอยตัวลงแล้วหลิวหลีจึงประคองลูกประคำที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง มอบให้หยวนเจิน
“ไต้ซือ ของของท่าน”
“ตอนนี้เป็นของโยมแล้ว อาตมาขอมอบลูกประคำพวกนี้ให้โยม ลูกประคำเส้นนี้เป็นเส้นที่อาตมาใส่ตั้งแต่เด็ก ขอมอบให้กับโยมแล้วกัน” หยวนเจินนำสร้อยประคำเส้นเล็กออกมาอีกเส้น
“ขอบคุณไต้ซือมาก ข้ามอบมันให้คนอื่นได้หรือไม่ พูดตามตรง ข้ายังมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง อายุยังน้อยอยู่ ข้าอยากมอบมันให้แก่นาง” หลิวหลีรู้สึกเกรงใจ
“ในเมื่ออาตมามอบให้โยมแล้ว โยมป็นคนตัดสินใจได้เลย” หยวนเจินพูดจบ ก็เดินไปนั่งตรงอันดับสอง
“อาตมารู้สึกว่าอาตมาสามารถอยู่ในอันดับนี้ได้”
“เชิญ ไต้ซือ” หนานกงเวิ่นเทียนไม่มีข้อโต้แย้ง แล้วจึงนั่งลงตรงอันดับสาม ตวนมู่เหยาที่รับบทเป็นผู้ชมก็นั่งลงไปที่ตำแหน่งอันดับห้าไปเอง
หลิวหลีค่อยๆก้าวเดินไปสู่ตำแหน่งสูงสุด จากนั้นก็นั่งลงช้าๆ ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย
“การจัดอันดับผู้ถูกเลือกสิ้นสุดลงแล้ว ยินดีกับทุกคนด้วยเจ้าค่ะ” จอภาพขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนฟ้า อันดับทั้งสิบปรากฏขึ้นทั่วทุกมุมของโลกบำเพ็ญเพียร
บ้านสกุลหลงครึกครื้น อันดับหนึ่งคือหลิวหลีจริงๆ เพียงแต่นั่นมันอักษรอะไร ดูเท่มาก ต่อมาตัวอักษรหลิวหลีผู้กอบกู้โลกที่เป็นที่นิยมต่อเนื่องมากหลายปีหลังจากนั้นก็เป็นอันเกิดขึ้นเช่นนี้
ผู้อาวุโสเผ่ามารถอนหายใจ องค์ชายใหญ่ไม่ควรหลุดจากห้าอันดับแรก ผลออกมาเช่นนี้ แม่ทัพเผ่ามารแต่ละคนคงจะไม่เชื่อฟังคำสั่งขององค์ชายใหญ่แน่ เกิดความเสียหายอย่างหนักแล้ว
ณ โลกพุทธะ เมื่อเห็นผลงานอาจารย์ของเขา ท่านหยวนเจิน ไต้ซือโม่เนี่ยนก็พอใจเป็นอย่างมาก “หยวนเจินก้าวหน้าไม่น้อย ตอนนี้หลักแห่งธรรมยังคงนิ่งอยู่ ไม่นานคงจะพัฒนาเข้าสู่ช่วงต่อไป”
“ท่านแม่ ท่านพี่ได้อันดับหนึ่ง อันดับหนึ่งเลยนะ ข้าจะพยายามตั้งใจ เพื่อให้ทันการแข่งขันจัดอันดับผู้ถูกเลือกครั้งหน้า ข้าเองก็อยากมีรายชื่ออยู่ในนั้น แล้วจะเขียนชื่อของข้าประกาศให้ทุกคนได้รับรู้” โม่หลีพูดอย่างหนักแน่น กำมือเล็กๆไว้ แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ได้สิ พ่อกับแม่จะรอโม่หลีเอาอันดับกลับมาฝากพวกเรานะ” จ้านเฟิงหลิงลูบหัวลูกสาวคนเล็กเบาๆ และมองดูชื่อลูกสาวคนโตที่ปรากฏอยู่บนฟ้า
สำนักเมฆาคล้อยเองก็ครื้นเครงมากเช่นกัน อาจารย์อาของพวกเขาได้อันดับหนึ่ง ตอนนี้สำนักเมฆาคล้อยถือเป็นสำนักสายเต๋าอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้
“ไม่รู้ว่าลูกศิษย์จะกลับมาเมื่อใด” เสวียนหั่วรู้สึกว่าเมื่อก่อนคนอื่นมักจะพูดว่านี่คือศิษย์ของท่านปรมาจารย์เสวียนหั่ว หลังจากนี้คนอื่นคงจะพูดว่า อาจารย์ของนางคือเสวียนหั่วหรือนี่ เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว
…………………………………
คอมเม้นต์