บุหลันเคียงรัก – บทที่ 38 ทุกข์นี้ทรมานนัก
เลือดสดๆ ค่อยๆ ไหลลงมาจากดวงตาข้างซ้ายของเทพีอูเจียง ราวกับหลั่งน้ำตาออกมาเป็นเลือดมิปาน น้ำเสียงที่โอหังอวดดีของนางก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำและเยือกเย็นลง “องค์ชายแปดมีตาหามีแววไม่ ข้าไม่โทษเขา แต่ข้ากลับผิดหวังในตัวเขา เขาไม่คู่ควรให้ข้าชอบ”
เดิมนางเป็นอัจฉริยะที่หยิ่งยโส รูปโฉมงดงาม ตบะสูงส่ง บริวารมากมายนับไม่ถ้วน แต่ว่าสร้อยไข่มุกที่ตกลงมาเมื่อสองหมื่นปีก่อนนั้นกลับทำให้อดีตของนางที่ผ่านมาสลายไปหมด ความงดงามและแข็งแกร่งของนางไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้น ขอเพียงโลกเบื้องบนชมชอบ แม้แต่น้องสาวนางที่อ่อนแอกระทั่งร่างมนุษย์ยังแปลงอยู่ได้ไม่นานก็ยังสามารถข้ามไปเป็นเทพได้
แต่ว่า นั่นยังไม่นับเป็นอะไรได้ ในโลกนี้มีสรรพสัตว์มากมาย เป็นปีศาจก็มีข้อดีของปีศาจ น้องสาวเกิดเป็นบุตรสาวเทพแห่งแม่น้ำ ก็ยังคงอ่อนแออยู่เหมือนเดิม และต้องให้นางใช้สร้อยไข่มุกไปช่วย อย่างนี้มันจะต่างอะไรกับเมื่อก่อนกัน
แต่ว่านะ องค์ชายแปด…องค์ชายแปด…
เขากลับเลือกน้องสาวข้า นี่ยังไม่นับเป็นอะไรได้ แต่ว่านี่ก็ถือเป็นอีกครั้งที่ทำให้นางรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาในใจ ทุกสิ่งที่นางมุ่งมาดปรารถนา ทุกอย่างที่ในชีวิตอันเปราะบางของนางต้องการก็ยังไม่ได้มา น้องสาวที่ไม่มีอะไรดีของนางกลับได้ไปอย่างง่ายดาย
นางนึกถึงตอนที่นางยังเด็กอยู่บ่อยครั้ง ท่านแม่ควบคุมและเร่งรัดให้พวกนางบำเพ็ญตบะ ต้องการให้นางเก่งกาจและงดงามถึงได้ใช้ได้
นางถามท่านแม่ว่าทำไม ท่านแม่กล่าวว่า ต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้นถึงจะไม่มีใครรังแก และได้รับมากขึ้น
นี่มันโกหกหลอกลวงทั้งเพ นางถูกหลอกมานานหลายปี ตำหนักเทพแม่น้ำไม่ยอมให้นางเข้าไปเพราะนางร้องไห้โวยวายหลายครั้ง วันแต่งงานวันนั้น นางขดตัวอยู่ในทรายแม่น้ำอันเย็นเฉียบ ฟังเสียงแห่งความสุขบนโลกจอมปลอมนี้ นางคิดมากมาย สุดท้ายก็คิดจนในใจของนางนิ่งสงบไร้เสียงใดๆ แปรเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดอย่างสิ้นเชิง
“เขาไม่คู่ควรกับข้า” เทพีอูเจียงกล่าวย้ำออกมา “และตำแหน่งเทพแม่น้ำนี้ ข้าก็ไม่ได้อยากจะได้ด้วย! “
มหาเทพไป๋เจ๋อยกสร้อยไข่มุกในมือขึ้นมา หลุบตาลงมองแล้วกล่าวออกมาเรียบๆ ว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงได้เอากระดูกขององค์ชายแปดกับน้องสาวไว้ในสร้อยไข่มุกและใช้พลังเทพหล่อเลี้ยงเอาไว้ด้วยกัน สร้อยไข่มุกของเปิ่นจั้วนั้นเดิมมีแค่สามสิบสามเม็ดเท่านั้น”
นางอยากจะลุกขึ้นมา แต่ว่าที่สันหลังมีปิ่นหยกปักอยู่ทำให้ขยับไม่ได้ ร่างนางดิ้นไปมาแล้วล้มกลับลงไป
“เอาสร้อยไข่มุกคืนมาให้ข้า! ” นางตะคอกกราดเกรี้ยว
มหาเทพไป๋เจ๋อกล่าว “เจ้ามันดื้อรั้นเกินไป เพราะเจ้าสวยกว่าแข็งแกร่งกว่าน้องสาวเจ้า องค์ชายแปดจึงต้องชอบเจ้า เทพแม่น้ำก็ควรจะให้เจ้าเป็น ในโลกนี้มีเหตุผลอย่างนี้ที่ไหน”
“ตาเฒ่าไป๋เจ๋อ เจ้าอย่าได้ดูถูกข้าเกินไป! ” แววตาของนางเ**้ยมขึ้น “เมื่อสองหมื่นปีก่อนข้าถามเจ้าแล้ว วันนี้ข้าก็ยังคงจะถามเจ้าอีกครั้ง พรสวรรค์ของข้าเทียบกับน้องสาวแล้วเป็นอย่างไร”
มหาเทพไป๋เจ๋อนิ่งคิดไปนานแล้วกล่าวเรียบๆ ว่า “พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ “
“ถ้าอย่างนั้นเพราะอะไร! ” ดวงตาข้างขวาของนางแดงก่ำราวกับเลือดจะไหลออกมา
มหาเทพไป๋เจ๋อกล่าวช้าๆ ว่า “ในโลกนี้มีหลายเรื่องที่ไม่มีคำตอบว่าเพราะอะไร ทำไมเจ้าถึงเป็นปีศาจปลาดุกแต่ไม่ใช่ปีศาจปลาหลีฮื้อ ทำไมเปิ่นจั้วถึงเป็นมหาเทพไป๋เจ๋อแต่ไม่ใช่มหาเทพแห่งเขาจงซาน ตำแหน่งของเหล่าเทพแน่นอนว่าผู้แข็งแกร่งย่อมได้เป็น น้องสาวเจ้าดับสูญด้วยมือของเจ้าเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน หากว่านางยังมีชีวิตอยู่ เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่านางจะเป็นเทพแม่น้ำไม่ได้ เจ้าฆ่าตระกูลเทพแม่น้ำทั้งตระกูล ทำให้น้ำในแม่น้ำอูเอ่อล้นมาจนทำให้มนุษย์ตายไปมาก คำถามที่พวกเขาถามว่าทำไม เจ้าจะตอบว่าอย่างไร”
ปีศาจปลาดุกแค่นหัวเราะเย็นชา “มนุษย์ก็เหมือนกับมด ถือเสียว่าพวกเขาตายเป็นเพื่อนข้าแล้วกัน! เหมือนกับที่เจ้าเห็นพวกข้าเป็นมดอย่างนั้น! “
มหาเทพไป๋เจ๋อกล่าวเสียงเย็นว่า “ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้าเห็นเจ้าเป็นแค่มด แล้วเจ้าเคยเห็นท้องฟ้าตอบมดบ้างหรือไม่ ดูแล้วเปิ่นจั้วไม่ควรตอบเจ้า ฆ่าเจ้าเสียเลยก็หมดเรื่อง”
เขายื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว แล้วทำท่าบีบมดแมลง ได้ยินเทพีอูเจียงร้องโหยหวนดิ้นทุรนทุราย
สีหน้าเขาเฉยชา กล่าวอีกว่า “ต่อให้เจ้ามีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม แต่ว่าการที่เจ้าบำเพ็ญตบะมาแค่สองหมื่นปีกลับมีความสามารถได้ถึงขนาดนี้มันผิดปกติเกินไป เกรงว่าเจ้าคงจะไปฝักใฝ่กับสายมารเข้า เจ้าทำความผิดใหญ่สามประการ หนึ่งฆ่าเทพตาย สองปลอมเป็นเทพ สามดูดกินไอมารที่ชั่วร้ายเพื่อเพิ่มตบะ นอกนั้นเป็นความผิดสถานเบา เทพฝ่ายอาญาจะเป็นผู้เขียนบทลงโทษเจ้า”
เทพเหลยเจ๋อสั่งการให้เหล่าลูกน้องไปจับเทพีอูเจียงเพื่อไปยังประตูสวรรค์ทิศใต้ เขามีสีหน้าลังเลขึ้นมา “มหาเทพไป๋เจ๋อ หรือว่านางจะเข้าสู่สายมารจริงๆ “
ปีศาจมีการบำเพ็ญตบะของปีศาจ แต่การที่ตบะของนางก้าวกระโดดถึงเพียงนี้นั้น คิดว่าก็คงมีแต่การเข้าสู่สายมารเท่านั้นที่พอจะอธิบายได้ ห่างจากครั้งก่อนที่เทพก้งกงชนเสาสวรรค์พังนานหลายปีแล้ว โลกเบื้องล่างได้เจอกับเผ่ามารน้อยมาก ไม่รู้ว่าปีศาจปลาดุกตนนี้ไปกลืนกินเอาไอมารที่ไหนมา
มหาเทพไป๋เจ๋อนิ่งไป “จับนางไปขังไว้ที่คุกสวรรค์ชั้นที่สิบหก แล้วให้เทพอาญาเป็นผู้สืบสวน เรื่องนี้มีเลศนัย อย่าเพิ่งให้เรื่องนี้แพร่ออกไป”
เทพเหลยเจ๋อมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาโค้งตัวเตรียมจะจากไป ก็ได้ยินเทพีอูเจียงหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าอยากจะเฆี่ยนตีข้าเพื่อให้ข้ายอมพูดออกมารึ เลิกคิดไปได้เลย! “
นางพลันอ้าปากออก มุกพลังเผ่าปีศาจสีแดงกลุ่มหนึ่งถูกคายออกมา มันหมุนวนไปมาในอากาศ แล้วนางก็ใช้ฟันกัดมุกพลังจนแตก ลมพายุพลันพัดกรรโชกอย่างแรง พลังปีศาจปะทุออกมาจนทำให้เสื้อคลุมยาวของเทพทั้งหลายถูกพัดปลิวไสว
ใบหน้าของมหาเทพไป๋เจ๋อเข้มขึ้น เขายกแขนขึ้น ปล่อยม่านพลังไร้รูปกันคลื่นจากมุกพลังที่แตกสลายเหล่านั้นไว้ด้านนอก
ร่างของเทพีอูเจียงค่อยๆ หดเล็กลงจนเหลือแค่แสงสว่างดวงเล็กๆ นางคล้ายยิ้มคล้ายทอดถอนใจกล่าวว่า “มหาเทพไป๋เจ๋อ เจ้าพูดถูก ในโลกนี้มีคำว่าทำไมมากมายที่ไม่มีคำตอบ วันนี้ข้าตายที่นี่เพราะข้าสมควรตาย ทำอะไรไม่ได้อีก! บรรดาเทพสามัญเบื้องบนก็แค่โชคดีได้เกิดเป็นเทพเท่านั้น อยากจะได้อะไรก็ได้ เหมือนกับที่ตอนนี้เจ้ายืนอยู่ที่นี่ แต่ว่าข้ากลับต้องตาย ไม่ใช่เพราะว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้ แต่ว่าเพราะสวรรค์ไม่ยุติธรรม! น่าเสียดาย สุดท้ายข้าก็ยังไม่ได้ลิ้มรสเลือดเนื้อของตระกูลจู๋อิน…”
นางยังอยากจะกินตระกูลจู๋อิน เสวียนอี่หดขาขวาที่ได้รับบาดเจ็บเข้ามา ผ่านเรื่องนี้ไป นางตัดสินใจแล้วว่าหากว่าเกล็ดของนางยังขึ้นไม่หมด นางจะไม่ยอมลงมาโลกเบื้องล่างนี้เด็ดขาด ไม่ว่าใครจะมาพูดก็ตาม!
จื่อซีกล่าวเสียงเบาด้านหลังว่า “นาง…นางน่าสงสารมาก…”
กู่ถิงถอนหายใจ “ที่นางพูดมาบางทีก็อาจจะมีเหตุผล เทพสามัญธรรมดาไร้ความสามารถอย่างข้า เป็นเทพที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ “
เซ่าอี๋กล่าวเสียงนุ่มว่า “ทำไมข้าถึงได้ไม่คิดว่าตัวเองเป็นเทพสามัญไร้ความสามารถเล่า นางก็แค่ปีศาจปลาดุกที่มีความแค้นเพราะความรักเท่านั้น ความดื้อรั้นที่โง่เง่าอย่างนี้ จะมาเป็นเทพที่คอยควบคุมกฎเกณฑ์ธรรมชาติได้เยี่ยงไร ศิษย์พี่กู่ถิง ศิษย์พี่หญิงจื่อซี ทำไมต้องดูถูกตัวเองอย่างนี้กัน”
กู่ถิงมองไปที่เขาแล้วก็นิ่งเงียบ นับตั้งแต่เรื่องที่สวนดอกไม้ทิศใต้ เขากับเซ่าอี๋ก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย
จื่อซีขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เจ้าพูดจาโหดร้ายเกินไปแล้ว นางก็ตายไปแล้ว ไยต้องพูดเช่นนี้อีก”
เซ่าอี๋ยิ้มน้อยๆ และไม่เถียงกับนาง เขาหันหน้ากลับไปหยิกแก้มของเสวียนอี่เบาๆ แล้วกล่าวว่า “ปลาดุกอุยน้อย ครั้งหน้าไม่อนุญาตให้เจ้าพูดจาสาปแช่งที่โหดร้ายอย่างนั้นอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะโกรธเจ้าแล้ว
เสวียนอี่กล่าวอย่างแปลกใจว่า “หา ใช่ที่บอกว่าทั้งชีวิตจะไม่มีวันได้แตะต้องเทพสาวอีก…”
นางยังไม่ทันจะพูดจบ เซ่าอี๋ก็หยิกอีกครั้งอย่างโมโหว่า “ปิดปากซะ! ปากเจ้านี่มันไม่ดีเลยจริงๆ “
นางหันกลับไปมองมหาเทพไป๋เจ๋อ มหาเทพกำลังก้มลงไปหยิบเอาศพของเทพีอูเจียงขึ้นมา มุกพลังของนางแตกแล้ว พลังปีศาจก็สลายไป ร่างของนางก็กลายเป็นปลาดุกสีเทายาวหนึ่งฉื่อ[1]ตัวหนึ่งเท่านั้น
“ข้าไปก่อนนะ” เซ่าอี๋ลูบศีรษะของเสวียนอี่ “ปลาดุกอุยน้อย วันนี้ข้าช่วยเจ้าหนึ่งครั้ง อีกหน่อยอย่าได้ลืมตอบแทนบุญคุณล่ะ”
ไม่รอให้นางตอบรับ แขนเสื้อของเขากางออกราวกับปีก ร่างกระโดดลงจากหลังของราชสีห์ พริบตาเดียวก็เหาะหายไปไกลลิบ
—
[1]ฉื่อ หน่วยวัดความยาวของจีน โดย 1 ฉื่อเท่ากับ 10 ชุ่น หรือประมาณ 0.33 เมตร
คอมเม้นต์