ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) – ตอนที่ 291 : สิ้นสุดการชุมนุม
ตอนที่ 291 : สิ้นสุดการชุมนุม
เมื่อเห็นว่าทั้งสองยืนนิ่งอยู่กับที่ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะออกมาเป็นยังไง
ตอนนั้นทั้งสนามได้ตกอยู่ในความเงียบงัน
แกร๊ก แกร๊ก !
ตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาทำลายความเงียบงั้นนั้นไปและปลุกสติของทุกคนขึ้นมา
หลังจากที่กวาดสายตามองหาต้นตอของเสียง ภายใต้สายตาของทุกคน พวกเขาก็พบว่าดาบน้ำแข็งของเจิ้นเหลิ่งเทียนเกิดรอยแตกขึ้นมา
ปัง !
สุดท้ายดาบน้ำแข็งก็แตกออกเป็นชิ้น ๆ
ตอนนั้นเจิ้นเหลิ่งเทียนได้เซถอยหลังกลับไปหลายก้าว ที่มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมา ใบหน้าของเขาซีดเซียวไปเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บในการชุมนุมนี้
เมื่อลู่หานเห็นว่าดาบน้ำแข็งพังลง เขาก็ทรุดลงไปกองกับพื้นทันที
ร่างของเขามีเลือดไหลออกมาจนย้อมเวทีกลายเป็นสีเลือด
แม้ว่าดาบน้ำแข็งจะพังและเจิ้นเหลิ่งเทียนก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ชัดแล้วว่าเจิ้นเหลิ่งเทียนยังคงสู้ต่อได้ ในทางกลับกันแล้ว ลู่หานในตอนนี้กลับบาดเจ็บหนักเสียมากกว่า
ผลลัพธ์ได้แสดงออกมาชัดเจนแล้ว
ลู่หานลืมตาที่เปื้อนไปด้วยเลือดมองไปที่เจิ้นเหลิ่งเทียน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีเลือดไหลออกมาที่มุมปาก เขาก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“นายแข็งแกร่งจริง ๆ ถ้านายพัฒนาต่อไปได้อีกขั้น บางทีนายอาจจะเอาชนะฉันได้” เจิ้นเหลิ่งเทียนมองไปที่ลู่หานแล้วพูดขึ้นมา
“ก็แค่บางที…..ฟังดูแล้วน่าหงุดหงิดชะมัด…” ลู่หานพึมพำออกมาก่อนที่เขาจะหมดสติไป
เมื่อเห็นแบบนั้นทีมแพทย์ก็รีบเข้ามารับตัวเขาเพื่อไปรักษาทันที
สุดท้ายเจิ้นเหลิ่งเทียนที่ยืนอยู่บนเวทีก็เช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะมองไปรอบ ๆ ผมสีฟ้าของเขาปลิวไสวไปตามลมซึ่งทำให้เขาดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
ตอนนั้นชายแก่ก็ได้ขึ้นมาบนเวทีและประกาศขึ้น “แชมป์การชุมนุมศิลปะการต่อสู้นี้ได้แก่ เจิ้นเหลิ่งเทียน ! ”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันโห่ร้อง ไม่ว่าจะเป็นคนในสนามหรือในเมืองอื่น ๆ ก็ตาม ทุกคนคนต่างก็พากันโห่ร้องออกมา
“จบแล้ว คิดไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องได้เป็นแชมป์จริง ๆ ” ภายในที่นั่งคนดู เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องจากคนรอบข้าง หวังเย่าก็พึมพำออกมาและมองไปที่เจิ้นเหลิ่งเทียน
มันยิ่งทำให้เขาอยากจะได้ตัวเจิ้นเหลิ่งเทียนเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างมากกว่าเดิม…
“หากเขาไม่ได้เป็นคนของกองกำลังไหน ฉันเชื่อว่าคงมีหลายกองกำลังที่อยากจะได้ตัวเขา ฉันคงมีโอกาสไม่มากขนาดนั้น”
“แต่ถ้านายไม่เข้าร่วมกับฉัน งั้นตัวนายนี่แหละที่จะต้องเสียดาย” หวังเย่าส่ายหน้าก่อนจะพบว่าทุกคนที่ส่งเสียงโห่ร้องเมื่อตะกี้ได้เงียบไปแล้ว
เมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ หวังเย่าก็พบว่าชายแก่บนเวทีได้หายตัวไปแล้ว ตอนนี้กลายเป็นฟางฉิงหัวที่ปรากฏตัวขึ้นมาแทน
“ตัวตนของชายแก่คนนั้นลึกลับ ฉันต้องตรวจสอบดูว่ามีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง” หวังเย่าลูบคางแล้วพึมพำออกมา
ตอนนั้นเองฟางฉิงหัวก็ได้พูดขึ้น “การชุมนุมศิลปะการต่อสู้ได้จบลงแล้ว ผู้ชนะก็คือเจิ้นเหลิ่งเทียน เขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์มากมาย สุดท้ายเราก็ได้ผู้ที่มีความสามารถที่สุด ขอเสียงปรบมือให้กับเจิ้นเหลิ่งเทียนด้วย” ฟางฉิงหัวพูดจบก็ทำการปรบมือทันที
แปะ แปะ แปะ !
ทุกคนในสนามต่างก็พากันปรบมือแสดงความยินดี หวังเย่าและคนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน เพราะแชมป์คนนี้ไม่ธรรมดา ด้วยความแข็งแกร่งของเจิ้นเหลิ่งเทียนแล้ว เขาคู่ควรกับตำแหน่งนี้อย่างมาก
ดังนั้นทุกคนจึงพากันแสดงความยินดีกับเขา
เสียงปรบมือดังกึกก้องราวกับฟ้าผ่าไปทั่วสนาม
ผ่านไปสักพัก ฟางฉิงหัวก็ยกมือขึ้น ทุกคนจึงพากันหยุดปรบมือทันทีและมองไปที่เขา
“ฉันในฐานะเจ้าเมืองแล้วขอมอบรางวัลให้กับแชมป์ด้วยตัวเอง”
หลังจากที่พูดจบก็มีเด็กสาวเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับเหรียญทอง
ฟางฉิงหัวหยิบมันขึ้นมาก่อนจะส่งให้กับเจิ้นเหลิ่งเทียน
เจิ้นเหลิ่งเทียนรับเหรียญนั้นไว้ด้วยสีหน้าเฉยเมย ดูเหมือนว่าการเป็นแชมป์ในครั้งนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขามากมายนัก ราวกับว่ายังไงซะเขาก็ต้องได้แชมป์อยู่แล้ว
ในเวลาเดียวกันแม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าฟางฉิงหัว แต่เจิ้นเหลิ่งเทียนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากที่ได้รับเหรียญแล้วเขาก็กลับไปยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบ ๆ
ถึงเห็นแบบนั้นแต่ฟางฉิงหัวก็ไม่ได้โกรธอะไร เขายังคงพูดต่อไปว่า “ รางวัล 100 ล้านเครดิตจะถูกส่งเข้าไปที่สายรัดข้อมือของเจิ้นเหลิ่งเทียนหลังจากนี้ ”
“ตอนนี้ขอให้ทุกคนแสดงความยินดีกับแชมป์ของเราอีกครั้ง ฉันเชื่อว่าการชุมนุมครั้งต่อไปคงจะน่าตื่นเต้นยิ่งกว่านี้”
“สุดท้ายฉันขอประกาศปิดการชุมนุมศิลปะการต่อสู้ ! ”
เมื่อฟางฉิงหัวพูดจบ ผู้คนก็พากันโห่ร้องออกมา
ในส่วนที่นั่งของแขกพิเศษนั้นทุกคนต่างก็พากันนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา
แม้แต่ผู้อาวุโสภูเขาอู่ตังและผู้อาวุโสเขามังกรพยัคฆ์ก็เช่นกัน พวกคนจากตระกูลใหญ่เองก็พากันเงียบ
“หากเด็กนั่นมาจากหุบเขาหิมะจริง ๆ…” ผู้อาวุโสสำนักฉวนเจินยังพูดไม่จบ ทุกคนก็รู้ว่าเขาต้องการจะบอกอะไร
“ฉันต้องส่งข้อมูลกลับไปที่สำนัก ฉันขอตัวก่อน” ผู้อาวุโสภูเขาอู่ตังพูดขึ้นก่อนจะรีบเดินออกไป
“ฉันก็ขอตัวก่อน ฉันจะกลับไปรายงานเจ้าสำนัก” ผู้อาวุโสเขามังกรพยัคฆ์พูดขึ้นมาก่อนจะเดินออกไป
“ขอตัวก่อน ! ” ผู้อาวุโสคนอื่นๆเองก็ขอตัวกลับเช่นกัน
ตอนนั้นเองคนจากตระกูลใหญ่ต่างก็มองไปที่เหล่าผู้ตรวจสอบ
แต่เฉี่ยนเจินเฉียนและคนอื่น ๆ ก็พากันกลับไปทีละคน ๆ
“เฮ้อ เราอยากรู้เรื่องหุบเขาหิมะ แต่ผู้ตรวจสอบและผู้อาวุโสพวกนั้นดันกลับไปแบบนี้ซะได้ พวกนั้นไม่คิดจะพูดอะไรเลยงั้นหรือ”
สุดท้ายคนจากตระกูลใหญ่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากแยกย้ายกันกลับ
แค่พริบตาในเขตที่นั่งแขกพิเศษก็ว่างเปล่า ตอนนี้มีแค่ผู้หญิงคนเดียวที่นั่งอยู่ด้านใน
ในขณะเดียวกันเมื่อจบการชุมนุม หวังเย่าก็คิดจะพาคนของเขากลับไปเช่นกัน
หากไม่รีบกลับไป เขาก็รู้สึกว่าหายนะกำลังจะมาเยือน….
คอมเม้นต์