ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – ตอนที่ 465 กลับคฤหาสน์ตระกูลหลี่
บทที่ 465 กลับคฤหาสน์ตระกูลหลี่
“ได้ครับ”
หลังจากตกลงกับอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานจึงกดวางสาย และห้องทำงานก็กลับมาเงียบลงอีกครั้ง
“แค่นี้ยังไม่พอ”
อวี้ฮ่าวหรานมองกองเอกสารรายงานพร้อมพึมพำ ก่อนคิดหาวิธีแก้ปัญหาในใจ
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ฮ่า ๆ พี่เขย!”
หลี่จิงเทียนปรากฏตัวอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“พี่เขย ผมมีเรื่องจะบอก”
หลังจากก้าวเข้ามาในห้อง ทายาทเศรษฐีก็ตรงดิ่งมาที่โต๊ะทำงานเขาทันที
อวี้ฮ่าวหรานเลิกคิ้ว ถึงระยะนี้เขาจะไม่ใส่ใจน้องชายภรรยา แต่ก็ได้ยินรายงานจากหวังจุนว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะกลับตัวกลับใจแล้ว
หลี่จิงเทียนไม่ได้สร้างเรื่องวุ่นวายกับบริษัท
“พูดมาสิ มีอะไรงั้นเหรอ”
“พ่อชวนพี่เขยไปกินอาหารเย็นที่บ้าน วันนี้เป็นวันเกิดอายุครบเจ็ดสิบปีของลุงรองน่ะ ตระกูลหลี่ของเราไปที่นั่นทุกคนเลยนะครับ”
หลี่จิงเทียนอธิบาย
“อายุครบเจ็ดสิบ…”
อวี้ฮ่าวหรานพึมพำพร้อมเลิกคิ้วขึ้น
“หลี่หรงไปด้วยไหม?”
“แน่นอน ฮิฮิ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่ครับ”
หลี่จิงเทียนตอบทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“ฮ่า ๆ ตอนนี้นับฉันเป็นครอบครัวเดียวกับพวกนายแล้วเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานเหน็บแนม เขาไม่เคยสนใจว่าเมื่อก่อนอีกฝ่ายทำอะไรกับตัวเองไว้บ้าง
บางทีก็โง่ บางทีก็ไร้หัวใจ แต่การกระทำเหล่านั้นกลับทำให้เขาลืมไม่ลง
“พี่เขย…ผม…ผมแค่เอาแต่ใจตัวเองมากเกินไป ตอนนั้นผมยังเด็กเลยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
หลี่จิงเทียนไม่โกรธเมื่อได้ยินคำเหน็บแนม แต่กลับตอบด้วยท่าทีนอบน้อม
“แล้วตอนนี้นายไม่เอาแต่ใจตัวเองแล้วเหรอ?”
“ไม่แล้วพี่เขย! พี่เป็นพี่เขยของผมนี่นา”
เขาโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ติดคุก เขาก็เข้าใจทุกอย่าง แถมยังไม่กล้าทำผิดและกลัวการถูกต่อยตีอีกด้วย
“โอเค ตอนเย็นฉันจะไปด้วย”
อวี้ฮ่าวหรานไม่อยากคุยกับผู้ชายคนนี้ เขาตอบตกลงแล้วโบกมือเป็นเชิงให้อีกฝ่ายออกไป
หลังจากอีกฝ่ายออกไป หลี่หรงก็โทรเข้ามาหาเขาทันที
“พี่เขย ตอนเย็นเราไปงานวันเกิดอายุครบเจ็ดสิบของลุงรองกันเถอะ”
แน่นอนว่าเขากำลังคิดเรื่องเดียวกับคนปลายสาย
“อืม หลี่จิงเทียนชวนฉันแล้วล่ะ”
“พี่รอง? เขาทำตัวดีขึ้นแล้วเหรอ?”
หลี่หรงประหลาดใจเล็กน้อย
“ฮ่า ๆ ดีขึ้นแล้วล่ะ เขาคงกลัวว่าจะติดคุกอีกล่ะมั้ง”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ
ตั้งแต่หลี่จิงเทียนออกจากคุก กลุ่มคนที่ทำให้เขาโกรธแค้นทั้งอู๋เส้าฮัว หวังเจวี๋ย และคนอื่น ๆ ต่างลงนรกไปหมดแล้ว
ผู้ชายคนนั้นคือหลี่จิงเทียนคนที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงนั่งทำงานในออฟฟิศและได้รับเงินเดือนในฐานะรองประธานบริษัท
“หึ…เรื่องของพวกผู้ชายสินะ ฉันไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยแล้วกัน”
หลี่หรงเกลียดพี่ชายคนรองมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คือสายเลือดเดียวกัน เพราะหลี่ชงซานพ่อเธอมักสั่งสอนลูก ๆ เสมอว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
ดังนั้นถึงจะเกลียดเขา แต่เธอก็ยังเป็นห่วงพี่ชายอยู่บ้าง
ขณะนี้เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็นแล้ว
หลังจากแวะรับถวนถวนที่โรงเรียนแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็มุ่งหน้าไปบริษัทฮัวหรง
“คุณหลี่ ผมขอคุยด้วยหน่อยครับ หวังว่าในอนาคตเราจะร่วมมือกันอย่างราบรื่นนะครับ
“ค่ะ วันนี้ฉันพอใจกับผลการประชุมมากเช่นกัน ฉันหวังว่าในอนาคตพวกเราและประธานเซินจะได้ร่วมงานกันอีกนะคะ”
กลุ่มคนมากมายเดินออกจากประตูบริษัทฮัวหรง
หนึ่งในนั้นคือชายวัยกลางคนที่มีท่าทีสุภาพและหลี่หรงที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม
ถึงหน้าจะยิ้มแย้ม แต่หลี่หรงกลับยืนห่างอีกฝ่ายประมาณสามสี่เมตร แถมยังไม่ยื่นมือไปจับมือชายคนนั้นอีกด้วย อวี้ฮ่าวหรานเห็นอย่างนั้นก็อดคลี่ยิ้มไม่ได้
ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะพูดถูก เธอปฏิเสธคนมากหน้าหลายตาเพื่อบริษัทแห่งนี้มาตลอด
แต่ดูเหมือนชายวัยกลางคนจะชินแล้ว เขาจึงไม่สนใจการกระทำของอีกฝ่ายมากเท่าไหร่
“ฮ่า ๆ ผมหวังว่าพวกเราจะได้ร่วมมือกันอีกนะครับ! คุณหลี่ คุณเป็นประธานบริษัทที่อายุน้อยและไฟแรงมาก!”
ทั้งสองพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง จากนั้นชายวัยกลางคนจึงบอกลาแล้วกลับไปที่รถก่อนจากไป
“พ่อจ๋า แม่หรงสวยมากเลยค่ะ ถวนถวนอยากเก่งเหมือนพวกเขาบ้าง”
บนรถ เจ้าตัวน้อยมองเหล่าผู้บริหารที่อยู่ข้างหลังหลี่หรงด้วยสายตาอิจฉา
“ฮ่า ๆ พ่อบอกเลยว่าถ้าถวนถวนโตขึ้น หนูจะเก่งกว่าพวกเขาร้อยเท่าแน่นอน!”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ
แม้มันจะดูเกินจริงไปสักหน่อย แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นคือเรื่องจริง
ลูกสาวของมหาเทพย่อมเป็นสตรีที่มีเกียรติและเฉลียวฉลาดที่สุดไม่ว่าจะบนสวรรค์หรือโลกมนุษย์!
หน้าประตูบริษัท
หลี่หรงมองรถของอีกฝ่ายเคลื่อนตัวออกไป ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“ในที่สุดพวกเขาก็กลับไปจนหมด ทีนี้พวกคุณก็กลับไปได้แล้ว”
เธอโบกมือให้เหล่าผู้บริหารที่อยู่ข้างหลัง ก่อนหันไปมองรถสปอร์ตสีเหลืองสดใสที่จอดอยู่ไม่ไกล
เธอเดินไปหารถคันนั้นอย่างมีความสุข
“พี่เขย พี่ไม่รู้เหรอว่าวันนี้ฉันมีเจรจาธุรกิจสำคัญ!”
ทันทีที่ขึ้นไปบนรถ เธอก็สลัดมาดประธานบริษัทผู้เย็นชาแล้วพูดด้วยท่าทีภาคภูมิใจอย่างมาก
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะพูดอย่างไร เธอก็เป็นเพียงเด็กสาวที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเท่านั้น
แน่นอนว่าเธอหนีความจริงข้อนี้ไปไม่ได้
“อืม ๆ ดีแล้วล่ะ”
อวี้ฮ่าวหรานตอบอย่างสบาย ๆ คำพูดของเขาแฝงความเบื่อหน่ายเล็กน้อย
ชายหนุ่มไม่สนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย ยังไงก็ตามถ้าเทียบมูลค่ากันแล้วบริษัทเขาสามารถซื้อบริษัทฮัวหรงได้อย่างง่ายดาย
“ทำไมพี่เขยพูดแบบนี้ล่ะ! กว่าจะเจรจาสำเร็จฉันต้องใช้ไหวพริบและความพยายามมากเลยนะ!”
หรี่หลงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอจึงอดเบ้ปากอย่างโกรธเคืองไม่ได้
อวี้ฮ่าวหรานทำตัวไม่ถูก เขารู้ดีว่าน้องสาวภรรยาคนนี้อารมณ์แปรปรวนอย่างมาก
“ฮี่ฮี่ แม่หรงเก่งที่สุดเลย! ถวนถวนรักแม่หรงมากเลย!”
เด็กน้อยโผเข้ากอดหลี่หรงอย่างรวดเร็ว
การกระทำอย่างกะทันหันอย่างนั้นทำให้เธอมีความสุขอีกครั้ง
“น้าก็รักถวนถวนที่สุดในโลกเหมือนกัน”
เธอกอดเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนแน่นขณะหอมแก้มเธออย่างรักใคร่ รถสปอร์ตสีเหลืองสดใสก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
เวลาหกโมงเย็น ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อวี้ฮ่าวหรานก็มาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลี่
ตอนนี้หน้าคฤหาสน์ตระกูลหลี่มีรถหรูหลากหลายยี่ห้อจอดเรียงรายอยู่ เนื่องจากเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองฮ่วยอัน ตระกูลหลี่จึงประกอบธุรกิจแทบทุกประเภท
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตระกูลอู๋ตั้งตัวเป็นคู่แข่ง
อย่างไรก็ตามเมื่อรถสปอร์ตสีเหลืองสดใสของอวี้ฮ่าวหรานหยุดลง มันก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในงานทันที
“นั่น…ฉันเคยเห็นรถคันนั้นมาก่อน ฉันจำได้ว่ารถคันนี้เป็นรถของฮ่าวหราน นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ฮ่าวหรานน่าทึ่งจริง ๆ! รถคันนั้นคงราคาแพงหูฉี่”
“ฮ่า ๆ ใครไม่รู้จักเครือฮ่าวหรานแห่งเมืองฮ่วยอันบ้างล่ะ ทุกครั้งที่ฉันเจรจาธุรกิจ ฉันกล้าพูดอย่างภาคภูมิใจเลยว่าบริษัทนั้นเป็นบริษัทของตระกูลหลี่ของเรา”
คอมเม้นต์