เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ [仙墓] – บทที่ 16 โลกแห่งหยินและหยาง

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ ตอนที่ 16 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 16 โลกแห่งหยินและหยาง

 

มังกรทองเก้าตัวโผล่ออกมาพร้อมด้วยแสงที่เปล่งประกาย มันดูคล้ายคลึงกับมังกรตามตำนานของโลกมนุษย์ ลำตัวยาวมากกว่า 10 ไมล์ของมันกำลังพุ่งทะยานเข้าใส่อสุรกายต้นไม้ยักษ์

 

เจ้าอสรุรกายเฒ่าที่เห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันก็ได้แต่ร้องด้วยความหวาดกลัว แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดเจ้ามังกรตรงหน้าของเขาได้ ในท้ายที่สุดร่างของเขาก็แตกสลายไป กำแพงอากาศถูกใช้โดยยู่อิงในทันทีเพื่อปกป้องลู่หยุนและว่านเฟิงจากเศษดินเศษหิน

 

“ม มะ มันตายแล้วใช่ไหม?” ลู่หยุนล้มลงกับพื้นอย่างเต็มที่ พูดด้วยความยากลำบาก แม้แต่การยกนิ้วก็รู้สึกว่าไม่อาจทำได้

 

“วิญญาณของเจ้าอสุรกายต้นไม่นั่นตายไปแล้ว” ยู่อิงยกเลิกกำแพงอากาศและหันกลับไปช่วยลู่หยุนลุกขึ้น ใช้เวลาสักเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยืนขึ้นมาได้

 

“ข้าไม่คิดว่าค่ายกลจะทรงพลังได้ขนาดนี้ ขนาดฮวงจุ้ยเองก็ไม่ได้มีพลังทำลายล้างขนาดนั้นเลยนะ” ลู่หยุนถอนหายใจอย่างเฉื่อยชา สุดท้ายแล้วเค้าโครงฮวงจุ้ยของโลกแตกต่างจากค่ายกลของโลกเซียนแห่งนี้งั้นเหรอ?

 

ในสายตาของเจ้าเมืองหนุ่ม ค่ายกลมังกรทองนั่นคล้ายคลึงกับฮวงจุ้ยมังกรแบกโลงศพ ทว่าฮวงจุ้ยบนโลกเองก็ไม่มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทำให้ขนาดทั่วทั้งเมืองสั่นสะเทือนจากการที่มังกรกระแทกลงพื้น ถ้าเกิดว่าตำหนักของลู่หยุนไม่อยู่ในการคุ้มครอง ป่านนี้มันถล่มไปแล้ว

 

เดี๋ยวก่อน มีบางอย่างแปลกไม่ปกติ! ทันทีที่ชายหนุ่มได้สติ ค่ายกลและฮวงจุ้ยก็คืออย่างเดียวกัน ค่ายกลคือด้านหยาง ฮวงจุ้ยคือด้านหยิน หากจะใช้ประสิทธิภาพของมันอย่างเต็มที่ นั่นก็ต้องผสานพลังของปราณสวรรค์กับผืนดิน อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่มีพลังปราณ นี่เองคือเหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงได้มีพลังของฮวงจุ้ย แต่ไม่มีพลังของค่ายกลอยู่เลย

 

อะไรก็ตามสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ยก็ได้หายไปจากโลกแห่งเซียนแห่งนี้แล้ว และในขณะเดียวกัน พลังของค่ายกลก็ไม่ได้มีอำนาจบนโลกมนุษย์ด้วยเช่นกัน

 

ต้องขอบคุณประสบการณ์ของยู่อิงหลังจากที่นางได้เข้ามาเป็นข้ารับใช้ เพราะนางจึงทำให้ลู่หยุนกล้าที่จะท้าทายกฎของโลกเซียนด้วยการเรียกใช้ค่ายกลมังกรทองขึ้นมา

 

และเมื่อชายหนุ่มสามารถทำให้ค่ายกลมังกรทองกลายเป็นวิชาการต่อสู้เฉพาะของเขาได้ นั่นก็ทำให้เขาระลึกขึ้นได้ว่าตัวเขาเองนั่นสามารถควบคุมค่ายกลประจำเมืองได้เฉกเช่นเดียวกับวิชาต่อสู้ของเขา

 

มันเป็นเรื่องน่าละอายที่ยู่อิงเป็นเพียงนักปรุงยา ประสบการณ์ของหญิงสาวก็มีเพียงแค่ปรุงยาเท่านั้น นางแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับค่ายกลด้วยซ้ำ ลู่หยุนถอนหายใจ ดูเหมือนว่าเขาต้องศึกษาเรื่องพวกนี้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการฝึกฝนเสียแล้ว

 

ค่ายกลของโลกเซียนช่างเป็นอะไรที่น่าสนใจเสียจริง

 

“เจ้าเลิกคิดมากได้แล้วว่านเฟิง กลับไปนอนจนกว่าร่างกายเจ้าจะหายดีเถอะ” ลู่หยุนลูบหัวสาวใช้ตัวน้อยของเขาด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน

 

“นายท่าน” ว่านเฟิงกัดริมฝีปากของนาง “หากนายท่านต้องการรากพลังของข้าจริง ๆ ล่ะก็ ข้าน้อยยินดีมอบมันให้เจ้าคะ” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยท่าทางยินยอมพร้อมใจ

 

“เด็กโง่ ทำไมข้าต้องการรากพลังของเจ้าด้วยล่ะ?” ลู่หยุนหัวเราะและเสริมด้วยรอยยิ้ม“ ข้าน่ะได้ยานพคุณจากในสุสานมาแล้ว ตอนนี้ข้าสามารถเป็นผู้ฝึกตนได้แล้ว อ้อใช่ ให้ข้าได้แนะนำนางก่อนดีกว่า ผู้หญิงคนนี้คือเซียน ยู่อิง แต่เรื่องนี้เจ้าต้องเก็บเป็นความลับห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด!”

 

ดวงตาของว่านเฟิงเบิกกว้างและนางอ้าปากค้างมองไปที่ยู่อิงอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงหญิงสาวตรงหน้านางจะดูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่เพราะมีหลาย ๆ เรื่องเกิดขึ้น มันทำให้สาวใช้ตัวน้อยไม่มีเวลาคิดถึงมัน แท้จริงแล้ว สาวงามคนนี้ก็คือ ยู่อิง ในตำนานคนนั้นน่ะเหรอ?!

 

“ไม่ใช่ว่านางตายแล้วหรือ?” หญิงรับใช้ตัวน้อยยังไม่ได้หายตะลึง

 

“นางไม่ได้ตาย แต่แค่บาดเจ็บสาหัสและต้องพักฟื้นในสุสานเท่านั้น” ลู่หยุนไม่แน่ใจว่าเขาควรอธิบายอย่างไร ดังนั้นจึงโกหกออกไป

 

“อ้า อย่างงนี้นี่เองข้าเข้าใจแล้ว!” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของว่านเฟิง ก่อนที่หญิงสาวจะซึมเศร้าและเป็นลมอีกครั้ง

 

ยู่อิงเข้ามารับเธอไว้ “นายท่าน นายหญิง…”

 

“ไม่ใช่แบบนั้น!” ลู่หยุนแทรกเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ ว่านเฟิงไม่ใช่นายหญิง นางแค่อายุ 14 หรือ 15 เพียงเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงยังคงให้นางในบ้านของข้า อีกอย่างข้าก็ไม่ใช่พวกคนฉวยโอกาส ข้าน่ะเป็นสุภาพบุรุษ”

 

ยู่อิงเขิน “นายท่านเอง ก็พึ่งอายุแค่ 15 เองไม่ใช่หรือเจ้าคะ” หญิงสาวได้แต่พึมพำขณะพาว่านเฟิงกลับไปที่ห้อง

 

เมื่อเห็นเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้ว ลู่หยุนจึงเดินขึ้นไปบนหอดักจันทราและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ด้านบนนั้น มันยังคงเป็นภาพที่ชายหนุ่มคุ้นเคย มีก็เพียงแต่ความแตกต่างบางประการในการวางตำแหน่งและรูปลักษณ์ของดวงดาวเท่านั้น แต่อย่างอื่นมันก็เกือบจะเหมือนกับท้องฟ้ายามค่ำคืนของโลกมนุษย์

 

ข้าควรจะใช้ความรู้ฮวงจุ้ยกับดาราศาสตร์ด้วย ตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้ฝึกตนพลังหยินแล้ว แต่ยังไงข้าก็ยังต้องจัดการฮวงจุ้ยของสถานที่แห่งนี้เสียก่อน ถึงจะไม่ใช่ตอนนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องทำภายใน 6 เดือนนี้ หลังจากที่ทำเสร็จ เขาก็จะลาออกจากตำแหน่งเจ้าเมือง นี่คือลู่หยุนวางแผนในอนาคต

 

กลางคืนมาเยือน เจ้าเมืองหนุ่มตอนนี้ก็กำลังนั่งสมาธิอยู่บนยอดหอคอย ปราณสีดำค่อย ๆ ไหลเข้ามาในร่างของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเริ่มการฝึกฝน

 

วิถีแห่งชีวิตและความตาย!

 

แม้ชายหนุ่มจะพึ่งเริ่มต้นเส้นทางฝึกตนของเขา แต่ลู่หยุนก็ได้เอาพลังและประสบการณ์ของยู่อิงมาปรับใช้ด้วย ไม่นานนักเจ้าเมืองหนุ่มก็บรรลุระดับจิตวิญญาแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว พลังปราณนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาจากท้องฟ้าและผืนดินทุกทิศทาง เข้าสู่ร่างของเขาผ่านทางหัวและกระจายไปทั่วร่าง

 

แม้ว่าคัมภีร์เป็นตายจะทำให้สายเลือดที่ไร้ค่าของข้าตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ข้าก็ยังคงต้องการยานพคุณเพื่อเร่งการฝึกฝนอยู่ดี แม้ว่าข้าจะไม่สามารถทำให้ยู่อิงปรุงยาขึ้นมาได้ก็ตาม แต่ยังไงเสีย เฟิงลี่ก็ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมีคนนำมันมาให้ข้าในอีกไม่กี่วัน ซึ่งก็น่าจะมาถึงในอีกไม่นานแล้ว คิดแล้วลู่หยุนส่ายหัว

 

เขาเป็นผู้ฝึกตนแท้ หากแต่ร่างกายของเขามันอ่อนแอเกินไป คืนนี้การทำงานหนักของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในด้านการพัฒนาการ เห็นได้ชัดว่าเขายังต้องการยานพคุณเพื่อปรับพลังของตัวเอง

 

โอ้? เขาตัวแข็งทื่อ นี่มันอะไรกัน? เขาหลับตาและพบว่าในจิตของเขามีอะไรแปลก ๆ

 

วิถีแห่งชีวิตและความตาย ภพของหยินและหยาง เชื่อมต่อหยินและหยางเข้าด้วยกันระหว่างทั้งสองโลก!

 

หวือ!

 

ลมกระโชกแรงพัดผ่านลู่หยุน ก่อนที่เขาจะหายไป..

 

ที่นี่คือนรกงั้นหรือ?

 

ลู่หยุนเงยหน้าขึ้นมอง และตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขา มันเป็นโลกที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังของดินและท้องฟ้าที่ไร้ชีวิตชีวา ข้าง ๆ ชายหนุ่มมีศิลาซึ่งจารึกคำไว้ 4 คำว่า ประตูสู่ห้วงนรก

 

ถ้างั้นสิ่งที่เรียกว่านรกก็มีจริงสินะ? ลู่หยุนหยุดอยู่ที่หลักจารึกนั่น ถ้าหากมันถูกทำลายแล้วเขาเกิดขึ้นมาได้ไงล่ะ? หยานลั่วสักคนงั้นเหรอ? หรือยมทูต? หรือว่าจะเป็นหัวกระทิงหัวม้า ผู้พิทักษ์โลกความตายกันล่ะ?

 

ชายหนุ่มพยายามไล่ตามตำนานที่เขารู้จัก สังเกตได้จากตอนนี้ เขาดูเหมือนจะมีพลังของหยานลั่วอยู่ในตัว

 

เซียนได้ผ่านทั้ง 3 ภพและ 5 ธาตุไปแล้ว ดังนั้นหยานลั่วจึงไม่มีอำนาจเหนือพวกเขา อย่างไรก็ตาม ถ้าหากลู่หยุนสามารถไปสู่ระดับสูงสุดของการฝึกได้และใช้คัมภีร์เป็นตายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้วละก็ ต่อให้เป็นองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ก็ยังคงต้องตายด้วยน้ำมือของเขา

 

‘ข้าชักเริ่มไม่เข้าใจแล้วสิ อะไรคือวิถีแห่งทั้งสองภพนี้กัน?’ ลู่หยุนเกาหัว ด้วยความคิดวุ่นว่ายที่ตีกันอยูภายใน ก่อนที่พริบตาต่อมาเขาจะกลับมายังยอดหอดักจันทราอีกครั้ง ‘ไม่มีสิ่งไหนรอดจากประตูนั่นออกมาได้นอกจากยู่อิง’ เขาเริ่มครุ่นคิด

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด