เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ [仙墓] – บทที่ 23 ฉิงหงเฉิง
บทที่ 23 ฉิงหงเฉิง
แท้จริงแล้วสุดยอดค่ายกลอนันต์ก็คือเนินฝังศพขนาดมหึมา และเนินนี้มันก็แตกต่างจากสุสานทั่วไป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นที่ใช่ฝังคนตายเหมือนกัน แต่สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นกลับแตกต่างออกไป
สุสานคือสถานที่ใต้ดินอันเต็มไปด้วยสิ่งของ สมบัติ หรือกับดักมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ผู้ตายจะต้องใช้ในโลกหน้า
ในทางกลับกัน เนินฝังศพนั้นมีความเรียบง่ายกว่ามาก มีเพียงโลงศพและป้ายสุสานที่วางกันเรียงรายบนพื้นดินพร้อมกับเศษดินนิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็มีเพียงชาวเมืองธรรมดาที่ถูกฝังอยู่ที่นี่
ลู่หยุนเพิกเฉยกับกองหินที่เขาเห็นเป็นประจำ ชายหนุ่มเป็นคนขุดสุสานไม่ใช่โจรปล้นสุสาน มันไม่มีอะไรนอกจากของใช้ทั่วไป ดังนั้นมันจึงไม่มีค่าให้เขาต้องเสียเวลาหรอก
“สุดยอดค่ายกลอนันต์… เป็นเนินฝังศพงั้นเหรอ? นั่นคือสิ่งที่ท่านกำลังบอกข้า?” โม่วยี่ผงะออกมา “พูดเป็นเล่นน่า? ใครกันจะมีเนินฝังศพที่ใหญ่ขนาดนี้ได้?”
ลู่หยุนก็ตะลึงงันเช่นกัน “ทำไมจะไม่มีล่ะ? ถ้าคนคนหนึ่งที่ไม่ธรรมดาถูกฝังอยู่ที่นี่ ถ้างั้นขนาดของเนินดินนี้มันจะใหญ่ขนาดนี้ไหม?”
บันทึกของเล่มนั้นเป็นจริงงั้นหรือ? สุสานเต็มไปด้วยคนตาย ในขณะที่เนินฝังศพมีแต่พวกผีร้าย ถ้าข้าเดาไม่ผิด ค่ายกลไม่น่าจะใช่สิ่งที่อันตรายที่สุด หากแต่เป็นพวกผีสางและอสุรกายเสียมากกว่าที่อันตราย
ชายหนุ่มพยายามสังเกตสภาพแวดล้อมของเขาอย่างระมัดระวังจากบนยอดหอคอยเรือ บริเวณนี่คือหนึ่งในจุดพลังงานหลักของเขตนี้ รองลงมาก็อยู่ที่เมืองหลวงสนธยา
เจ้าเมืองหนุ่มเริ่มเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังอดีตในครั้งนั้นแล้ว จากคำกล่าวของโม่วยี่ การมาถึงของค่ายกลอนันต์เมื่อ 5 พันปีก่อนได้ทำลายเมืองวารีแท้จริงจนทำให้เขตนี้ถูกตัดขาดจากเมืองหลัก
ไม่น่าแปลกใจเลย! เนินดินฝังศพมันทับที่เส้นพลังงานหลักของเขตนี่นา เพราะงั้นมันจึงส่งผลกระทบต่อฮวงจุ้ยด้วย
โม่วยี่ยังคงเงียบและได้แต่ยืนฟังลู่หยุนบ่นเบา ๆ กับตัวเอง หญิงสาวไม่รู้ว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่
“การฝังศพของคนพวกนั้นในเนินนี้ย่อมมีเหตุผลของมันแน่ พวกเขาอาจกลายเป็นผีร้ายทวงแค้นขั้นสูงที่ไร้ซึ่งหนทางการฟื้นคืนชีพก็เป็นได้”
ในบันทึกขุดสุสานของลู่หยุน มีพวกผู้ตายมากมายที่ปฏิเสธการไปเกิดใหม่ การทำแบบนั้นทำให้พวกเขากลายมาเป็นผีร้ายที่ผูกติดอยู่ในสุสานของตัวเองที่เอาแต่แผ่ขยายพลังงานด้านลบออกไปเรื่อย ๆ
นี่เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเขาเคยเขียนไว้แน่นอน ลู่หยุนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย แน่นอนว่าเจ้าเมืองหนุ่มไม่ได้คาดหวังที่จะพบมันในโลกเซียนที่มีความสูงเทียมเมฆแบบนี้
“คนที่ถูกฝังที่นี่คงไม่ใช่จักรพรรดิเซียนหรอกนะ ใช่ไหม?” เขาบ่น “เจ้าแน่ใจนะว่าลูกแก้วนั่นอยู่ในนี้?”
โม่วยี่ส่ายหัวของนางอย่างเรียบง่าย หญิงสาวไม่รู้อะไรเลยเมื่อพูดถึงเรื่องที่ลู่หยุนกำลังนึกถึง
“นายท่าน ดินนั่นดูน่าอร่อยจัง” เก้อหลงกลืนน้ำลายของเขา “มันคือ ง่ำ ง่ำ ที่ใหญ่มาก น่าจะอร่อยกว่าผีดิบที่ข้าเจอหลายเท่าเลย!”
ลู่หยุนตัวสั่น เขารู้ว่าเก้อหลงเป็นตัวอะไร ตาแก่มีชื่ออยู่ในคัมภีร์เป็นตาย ถึงแม้ว่าจะตายแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ พูดอีกนัยนึงก็คือ เขาคือคนตายที่มีชีวิตและสามารถกินพลังงานเพื่อทำให้ตัวเองแกร่งขึ้นได้
พลังงานด้านลบคืออาหารของชายแก่ ศิลาวิญญาณเองก็มีปราณแบบนั้นอยู่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเก้อหลงถึงได้เข้าไปกัดกินมัน แม้แต่ผีดิบพันปีเองก็พลังงานที่ว่าเช่นกัน
“มีอะไรแถวนี้ที่อร่อยกว่าผีดิบพันปีใช่มั้ย? เจ้ากินได้จริงเหรอ?” ลู่หยุนมองไปที่ชายชราที่เลียริมฝีปากของเขา
“ข้าอยู่ห่างจากระดับแกนกลางนะนายท่าน ถ้าหากข้าได้กินมันสักนิดหน่อย… ข้าน่าจะเข้าสู่ระดับแก่นทองคำได้เลย!” ดูเหมือนว่าตาแก่นี่อยากจะพุ่งเข้าไปในเนินฝังศพทุกวินาที “เมื่อข้าทำมันแล้ว ข้าก็จะดูดพลังงานโลหะจาก… สิ่งนั้นได้ เพียงเล็กน้อยก็ทำให้ข้าพึงพอใจได้เป็นเวลานานเลยล่ะ!”
ลู่หยุนและโม่วยี่ไม่ได้พูดออะไรต่อจากนั้น หลี่ยูวไฉและพ่อหนุ่มชุดดำเองก็ออกไปจากที่นี่เช่นเดียวกันกับทุกคน
ขุนนางเมืองวารีนภามองไปยังเจ้าเมืองสนธยาด้วยความชิงชัง คนผู้นี้เชื่อว่าลู่หยุนคือคนที่ขโมยหัวใจหญิงสาวที่เขาหลงใหลไปแน่ ๆ
“ทำไมเจ้าไม่จัดการเขาล่ะ?” ลู่หยุนถามโม่วยี่เมื่อสังเกตเห็นท่าทีของชายคนนั้น
“เขาเป็นขุนนางของมณฑลหลางเซียเทียน ถ้าข้าทำเช่นนั้น ไอ้อ้วนนั่นต้องหาข้ออ้างประหารข้าแน่” โม่วยี่ส่ายหัว ดวงตาของนางดูอ่อนล้า
ลู่หยุนกะพริบตา มีบางสิ่งที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของหญิงสาวที่บอกเป็นนัยว่าตำแหน่งของนางนั้นเอาไว้ปกปิดซ่อนตัวนางจากบางอย่าง ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้กลัวกฎหมายของหลางเซียเทียนหรอก แต่นางเองก็คงไม่อยากเปิดเผยตัวตนเช่นกัน
หลี่ยูวไฉบังเอิญไปทำสิ่งนี้โดยบังเอิญ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาสามารถมีอิทธิพลเหนือนางได้
ชายในชุดดำไม่สนใจบทสนทนาของลู่หยุนและโม่วยี่ ผิวคล้ำของเขามีแต่มืดและเข้มขึ้นเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นหรือท่านทูต?” ลู่หยุนถามด้วยความสับสน
“พวกเจ้าต้องฟังคำสั่งข้าเท่านั้น ไม่งั้นก็ตายกันหมดนี่แหละ” เขากัดฟันพูด “พี่ชายห้าของข้าอยู่ที่นี่แล้ว”
“พี่ห้าของท่านงั้นหรือ?” หลี่ยูวไฉตัวสั่น เขาสัมผัสได้ถึงความเลวร้ายจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ตู้ม!
ราวกับว่าถูกจัดฉากเอาไว้ ทันใดนั้นเรือของพวกเขาก็ปะทะกับอะไรบางอย่างจนสั่นไปทั้งลำ
“พอได้แล้ว ฉิงหงเฉิน!” ชายชุดดำพุ่งขึ้นไปบนอากาศ มีป้อมปราการที่ใหญ่กว่าเรือของพวกเขาปรากฏอยู่ด้านหลัง และการสั่นนั่นก็เกิดจากการปะทะกันของทั้งสองลำนี้
ลู่หยุนรีบหาที่เกาะ
“ข้าแค่อยากเห็นเจ้าขยันทำงานเท่านั้นแหละ เข้ามาเลย!” ชายหนุ่มที่ชื่อ ฉิงหงเฉิน มีอายุราว ๆ 18 ปี คนผู้นี้มีรูปร่างที่หล่อเหลาในชุดสีเขียว หากแต่หน้าตาของเขากลับดูชั่วร้ายอย่างยิ่ง
ชายคนนั้นมีสีหน้าเย้ยหยัน ดูเหมือนกับแมวที่กำลังมองของเล่นของเขา
“ทำลายเรือมันให้สิ้นซากซะ! ไหนดูสิว่าถ้าเจ้าไม่อยู่ในตระกูลจะมีใครคอยปกป้องเจ้าบ้าง!” ฉิงหงเฉินเป็นคนที่โหดร้ายอยู่แล้ว ตอนนี้เขาเกือบจะเป็นคนบ้า
ตู้มมมมม!
เรือลำที่ใหญ่กว่าพุ่งเข้าชนจนมีรอยแตกร้าวอันน่ากลัวเกิดขึ้น
“เจ้านั่นมันอยากจะฆ่าข้าจริง ๆ!” ชายชุดดำพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว
หึ่ม!
เสาสีทองปรากฏขึ้นสูงท้องฟ้าด้านข้างกราบเรือ ประตูใหญ่โผล่ขึ้นมากลางอากาศ
“กองทหารทมิฬจงขานรับ! มีนักฆ่าพยายามสังหารเจ้าเมืองสนธยา! จงมาทันทีเพื่อจัดการผู้ทรยศ!” ลู่หยุนคำรามอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกับตราคำสั่งในมือของเขา
“น้อมรับบัญชา!” หยินฉวนเทียนปรากฏตัวออกมาพร้อมกับทหารรับหมื่นนายด้านหลัง พวกเขาลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับกางโล่กำบังระหว่างเรือทั้งสองลำ
“กองทหารหอกทมิฬ! พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงมาขวางทางนายน้อยห้าอย่างนี้? ขยี้พวกมัน!” เสียงโกรธตอบกลับจากภายในเรือลำใหญ่
ครืน!
รัศมีทองจาง ๆ ห่อหุ้มเรือลำใหญ่ ได้รับการปกป้องอย่างดีมันรวบรวมพลังและพุ่งเข้าใส่กองทหารทมิฬอย่างโหดร้าย
คอมเม้นต์