จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – บทที่ 21 ข่าวที่ฮือฮาไปทั้งเมือง
บทที่ 21 ข่าวที่ฮือฮาไปทั้งเมือง
“ท่านอย่าโกรธเลย เป็นผมที่มีตาแต่ไร้แวว ล่วงเกินท่านปรมาจารย์ ท่านโปรดเมตตาด้วย ไว้ชีวิตผมด้วยเถอะ”
“ท่านปรมาจารย์หยามไม่ได้!”
อู๋ไต้ซือเหมือนโดนฟ้าผ่าอย่างรุนแรง หดตัวอยู่บนพื้นแล้วสั่นไปทั้งตัว เสี้ยงจื้อสงก็ตกใจจนตะลึง ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่กล้าหายใจเสียงดัง
โล่เฉินค่อยๆเดินเข้ามา จ้องไปที่อู๋ไต้ซือแล้วกล่าวอย่างเรียบเฉย: “เห็นว่าเป็นความผิดครั้งแรก จึงไว้ชีวิตแกหนึ่งครั้ง โทษตายละเว้นได้ แต่โทษเป็นละเว้นไม่ได้ ผมจะทำลายพลังวิชาของแกไปทั้งหมด!”
“อย่าครับท่าน ผมนั้นตั้งใจฝึกฝนพลังวิชามาอย่างหนักจนได้มาขั้นนี้ ขอให้ท่านได้โปรดอภัย ปล่อยผมไปด้วย
“ให้เหตุผลฉันมาหนึ่งข้อ?”
อู๋ไต้ซือคิดอย่างรวดเร็ว หยิบชิ้นหยกลายโบราณออกมาจากตัวที่สั่นเทา ยื่นมันออกไปอย่างสั่นๆแล้วกล่าว: “ท่านนี่เป็นหยกที่ผมเจอมันในโบราณสถานแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่ามันวิเศษยังไง แต่ว่าหยกชิ้นนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”
“อ้อ?”
โล่เฉินหยิบหยกลายโบราณขึ้นมา แววตาเปล่งประกาย เขาพยักหน้ากล่าว: “เห็นแก่หยกชิ้นนี้ จะปล่อยแกไป อย่ามาให้เห็นหน้าอีก!”
“ขอบคุณท่านที่เมตตา!”
อู๋ไต้ซือวิ่งไวกว่าลี่สวี้เสียอีก พริบตาเดียวก็หายไปจากหลังสวนดอกไม้แล้ว
ในที่สุดเสี้ยงจื้อสงก็สบายใจ วิ่งไปด้านหน้า “ขอบคุณโล่ไต้ซืออย่างมาก……..เฮ้ย ไต้ซือโปรดหยุดก่อน ผมได้เตรียมอาหารเที่ยงไว้แล้ว คุณทานก่อนแล้วค่อยไปมั้ย”
โล่เฉินไม่ได้สนใจเลย ออกไปจากชิงเฟิงซานจวนโดยตรง
หน้าประตูชิงเฟิงซานจวน เสี้ยงจื้อสงหัวเราะเจื่อนๆ รู้ว่าการกระทำเมื่อกี้ของตัวเองทำให้โล่เฉินไม่พอใจแล้ว
ช่องว่างเล็กๆนี้ ไม่รู้ว่าต้องใช้แรงกายแรงใจมากขนาดไหนถึงจะชดเชยมันกลับมาได้
“เฮ้ย หมากตานี้เดินผิดไปเสียแล้ว”
เสี้ยงจื้อสงถอนหายใจ แล้วก็กดโทรศัพท์โทรออก “ฮาโหล พ่อครับ ลี่สวี้จัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าคุณโล่………”
อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากที่โล่เฉิน ออกไปจากชิงเฟิงซานจวนก็เข้าไปในเมือง ไปถึงที่สวนสาธารณะหลิงหู
นั่งสมาธิในสวนที่เงียบสงบ
“คิดไม่ถึงเลย คนแซ่อู๋จะมอบความเซอร์ไพรส์นี้ให้กับฉัน หยกชิ้นนี้มีพลังเรกิที่เข้มข้นและบริสุทธิ์ ดูดพลังนี้แล้ว ดีต่อตัวฉันอย่างมาก!”
ไม่เสียเวลา โล่เฉินใช้พิบัติอมตะ อ้าปากดูดพลังเรกิ
ก็เห็นแสงที่โปร่งแสงพุ่งออกมาจากหยก เข้าสู่ในปากของโล่เฉิน ภาพนี้กินเวลานานถึงสิบห้านาทีเต็ม
“พูช!”
เมื่อพลังเรกิสุดท้ายถูกดูดเข้าไป โล่เฉินก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับคายพลังที่ไม่ดีออกมา
เคลื่อนพลังโปร่งแสงได้พุ่งทะลุออกมาอย่างต่อเนื่อง พุ่งไปไกลในระยะทางแปดเมตร
“ช่างสบายจริง!”
ชิ้นหยกในมือของโล่เฉิน ได้ถูกดูดพลังเรกิไปหมดจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“น่าเสียดาย ปริมาณมันน้อยไปหน่อย ไม่เพียงพอต่อการให้ฉันฟื้นฟู ไม่รู้ว่าที่เมืองหลวงจะเป็นยังไงมั่ง ลูกศิษย์ที่ดีของฉัน อีกไม่นาน เราก็จะได้พบกันแล้ว”
ทันใดนั้น พลังแรงอาฆาตก็ได้ลอยออกมา
เมื่อสิบปีก่อน พิบัติอมตะที่โล่เฉินได้มา เดิมนึกว่าจะสามารถทำให้มีชีวิตอย่างสงบได้ในสิบปี แต่ใครจะไปรู้ ลูกศิษย์ที่ตัวเองรักมากที่สุดกลับมาทรยศหักหลัง
วันนั้น ลูกศิษย์ของเขาได้สมรู้ร่วมคิดกับตระกูลบู๊โบราณทั้งสามตระกูลในเมืองหลวง ฆ่าปิดล้อมภูเขาเย่นหลิง
ปรมาจารย์บู๊สี่สิบเก้าคน นักบู๊แดนชี่แท้นักร้อยคน นักบู๊กำลังภายในอีกนับไม่ถ้วน กลุ่มพลังแบบนี้ เพียงพอที่จะทำลายพลังอำนาจทุกอย่าง แม้กระทั่งอำนาจของทางการ(ทางรัฐบาล)
โชคดีที่โล่เฉินได้เก็บมือขวาเอาไว้ เขาท่องยุทธภพมาแล้วห้าพันปี รู้ว่าใจคนนั้นอย่างยาก จึงได้ก่อตั้งหน่วยอ้านไว้ตั้งแต่ต้น
คืนนั้น หน่วยอ้านกับตระกูลบู๊โบราณทั้งสามตระกูลต่อสู้ฆ่าฟันกันอย่างดุเดือด เพื่อที่จะให้โล่เฉินมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
คืนนั้น ภูเขาเย่นหลิงนองเต็มไปด้วยเลือด ศพกองเท่าภูเขา
หลังจากคืนนั้นเป็นต้นไป ตระกูลบู๊โบราณทั้งสามตระกูลล้วนได้รับบาดเจ็บกันอย่างหนัก พลังของนักบู๊ในจีนต่างก็ถดถอยไปกันเป็นสิบปี
ศึกครั้งนี้ผู้ที่ริเริ่มก็คือลูกศิษย์ของโล่เฉินน ต้นเหตุของศึกครั้งนี้ มาจาก《พิบัติอมตะ》ของโล่เฉิน
พิบัติอมตะสามารถจะฝึกฝนเคล็ดวิชาอายุวัฒนะ ใครจะไม่อยากได้ละ!
“ฮู้!”
อารมณ์ของโล่เฉินผันผวนอย่างรุนแรง ทุกครั้งที่คิดถึงสมาชิกในหน่วยอ้านที่เสียสละชีวิตเพื่อช่วยเขาโดยไม่กลัวตาย ก็ทำให้เขาน้ำตาไหล
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของโล่เฉิน
“อาโหล หงชาง”
“อาจารย์ครับ หานหยุนเทาได้ออกมาชี้แจงแล้ว คุณย่าหานได้ให้เขาออกจากงานแล้ว คุณหยู่เยนได้กลับมาทำงานในตำแหน่งเดิมแล้ว การร่วมงานปกติดีทุกอย่าง”
โล่เฉินได้ตอบไปหนึ่งคำ “ดีมาก”
ฟ่านหงชางกล่าวอย่างกังวล “อาจารย์ครับ ข้อความยังลบไม่หมดครับ ในที่ลับตระกูลใหญ่ก็ยังคงนินทาเยาะเย้ยคุณหยู่เยนกันอยู่”
“เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง ตอนนี้มีเรื่องสำคัญให้นายไปจัดการ”
“อาจารย์ เชิญท่านพูดมาเลยครับ”
โล่เฉินนิ่งเงียบไปสักพัก ดวงตาที่แวววับเปล่งประกายมากกว่าเดิม มุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้น “ไปปล่อยข่าวนี้ออกไป บอกว่า…….”
วันที่สิบห้าเดือนแปด ตอนเที่ยง
ข่าวนี้ถูกแพร่กระจายไปในเมืองเจียงอย่างรวดเร็วดังพายุฝน อีกทั้งทำให้เมืองคนมีชื่อเสียงของเมืองเจียงตื่นเต้นกันมาก พูดให้ถูกคือ ทำให้ฮือฮาไปทั้งเมือง
วันที่สิบสองเดือนแปด คฤหาสน์ยอดจื่อเช่ว คฤหาสน์สูงศักดิ์จะจัดงานแต่ง
ข่าวนี้ทำให้คนตกใจกันมาก
คฤหาสน์สูงศักดิ์นั้นคืออะไร ราคานั้นไม่ต้องพูดถึงเลย จะซื้อมาได้ต้องมีฐานะทางสังคมที่สูงมาก ในเมืองเจียงไม่มีตระกูลไหนมีสิทธิ์นี้เลย
จัดงานแต่งในคฤหาสน์ยอดจื่อเช่ว ช่างโรแมนติกและก็สูงส่งมาก ภูมิหลังและตัวตนของเจ้าบ่าวก็ต้องไม่ธรรมดา
เมืองเจียง คุณหนูของแต่ละตระกูลใหญ่ต่างคุยกัน ฝันว่าตัวเองเป็นเจ้าสาวกัน
ที่ครื้นเครงที่สุด ก็ไม่มีใครเกินตระกูลหาน
“ในที่สุดก็ปรากฏตัวแล้ว สามีในอนาคตของฉัน!”
“สามารถครอบครองคฤหาสน์สูงศักดิ์ได้ ต้องเป็นตระกูลใหญ่ในฝั่งเมืองเอกอย่างแน่นอน ยิ่งเป็นคุณชายของตระกูลผู้สูงศักดิ์ก็ยิ่งจะให้ความสำคัญกับจิตวิญญาณและภายใน ฉันอ่านบทกวีมามากมาย เจ้าสาวต้องเป็นฉันเท่านั้น!”
“ล้อเล่นอะไรกัน อย่างเธอเหรอเหมาะ ไม่ได้มีหน้าตาที่สวยงาม ใครจะมีอารมณ์ไปสนใจจิตวิญญาณภายในของเธอ ความสง่างามและความรู้สามารถที่จะเรียนรู้กันได้ แต่ว่ารูปร่างหน้าเป็นของที่ธรรมชาติสร้าง หรือว่าเธอจะทำศัลยกรรม คุณชายผู้สูงศักดิ์จะเอาคนที่ทำศัลยกรรมเหรอ!”
“เธอพูดบ้าอะไร!”
……
ในตระกูลหานทะเลาะกันอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร ถึงขนาดดึงพ่อแม่ของตัวเองมาเกี่ยวข้องด้วย ทะเลาะกันอย่างไม่ยอมหยุด
ในบริษัท ในห้องทำงานของหานหยู่เยน
“พี่คะ มันน่าตื่นเต้นมากเลยนะ อยู่ที่คฤหาสน์ยอดจื่อเช่วนะ!”
“พี่คะ พี่ว่าจะเป็นคุณชายแบบไหนกัน ที่มาต้องตาต้องใจผู้หญิงในตระกูลหานของเรา”
“พี่คะ พี่ว่าฉันมีโอกาสมั้ย?”
หานหยู่เยนไม่ได้เงยหน้าขึ้น กำลังจัดการกับเอกสารอยู่ พูดอย่างไม่แยแส: “หยู่ถิง อย่าฝ่ายสูงให้มันมากนัก การแต่งงานให้ความสำคัญกับความเหมาะสมของฐานะ ต่อให้เธอแต่งเข้าไปในตระกูลมหาเศรษฐี ชีวิตไม่เพียงไม่สบาย กลับจะทุกข์ทรมานมากกว่าอีก!”
“เช้อ แต่งเข้าตระกูลมหาเศรษฐี ฉันก็เป็นคุณนาย ใครจะกล้าไม่เคารพฉัน” หานหยู่ถิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
หานหยู่เยนส่ายหัวอย่างจำยอม กล่าวอย่างครุ่นคิด: “พี่กลับคิดว่า เจ้าสาวต้องไม่ใช่ผู้หญิงในตระกูลหานของเรา น่าจะเป็นคู่บ่าวสาวที่มาจากเมืองอื่นที่ถูกใจคฤหาสน์สูงศักดิ์ แล้วมาจัดงานแต่งที่เมืองเจียงมั้ง!”
“แล้วทำไมต้องลือกันให้ทั่วเมืองเจียงด้วยละ?”
“ตระกูลใหญ่ไง ก็ต้องให้ความสำคัญเรื่องหน้าตาอยู่แล้ว อยากกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งเมือง ไม่ว่ายังไงหยู่ถิง เธอทำใจไว้หน่อย อย่าคาดไว้เยอะ”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูดของหานหยู่เยน ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักออก
“หานหยู่ถิง พี่สาวของเธอพูดถูกแล้ว เธออย่าคาดหวังเลย” หานหยุนซีปรากฏตัวพร้อมเอกสารในมือ กล่าวอย่างเย็นชา เจ้าสาวในงาน กำหนดแล้วต้องเป็นฉันคนเดียว!”
“ตลกมากเลย อาศัยรูปร่างที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ของเธอน่ะเหรอ ก็อยากจะแต่งเข้าตระกูลมหาเศรษฐีกับเขา เธอนึกว่าคุณชายเขาตาบอดหรือไง” หานหยู่ถิงโต้กลับโดยไม่ยอมแพ้
หานหยุนซีโกรธเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
“เธอหัวเราะอะไร!”
“ยัยเด็กน้อยที่ยังไม่ทันเป็นสาว ฉันทำไมต้องไปถือสาเธอด้วย ฉันกำลังหัวเราะพี่สาวของเธอต่างหาก”
หานหยุนซีกลอกตา พูดอย่างเจ้าเล่ห์ หากฉันจำไม่ผิด “เมื่อสามปีที่แล้ววันที่สิบสองเดือนแปด เป็นวันแต่งงานของเธอกับโล่เฉิน ใช่ป่ะ”
ทันใดนั้น หานหยู่เยนก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“จุ๊ๆ ช่างเป็นฤกษ์ที่ดีมากเลย งานแต่งงานที่แย่ที่สุด กับงานแต่งงานที่ดีที่สุด อีกอย่างล้วนเกิดขึ้นที่บ้านตระกูลหาน…….”
หานหยุนซีเดินไปถึงประตูห้องทำงาน พูดอย่างเย็นชา “เมื่อสามปีก่อนวันที่สิบสองเดือนแปดเป็นวันอัปยศของตระกูลหาน เดิมทีเรื่องที่แย่ๆนี้ได้ค่อยๆถูกลืมไปแล้ว ตอนนี้ถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง เป็นเพราะแก ตอนนี้สภาพจิตใจของคุณย่าไม่ดีเลย!”
“แต่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก รอให้ถึงวันที่สิบสองฉันกลายเป็นเจ้าสาวแล้ว มันก็จะช่วยตระกูลหานลบล้างความอัปยศนี้อย่างออกไปแน่นอน และเธอนึกว่าเธอแค่เซ็นต์สัญญาสำเร็จ ก็จะกลายเป็นคนที่อยู่ใต้อำนาจคนผู้เดียวแต่อยู่อำนาจเหนือทุกคนงั้นเหรอ?”
“เห่อๆ หานหยู่เยนเธอมันช่างไร้เดียงสาจริงๆ เธอไม่มีทางชนะฉันได้หรอก!”
ป้าง!
ประตูห้องทำงานถูกปิดอย่างเสียงดัง หานหยู่เยนไม่มีกะจิตกะใจทำงานแล้ว รู้สึกหงุดหงิด
“หานหยุนซีไอ้คนบ้า!”
หานหยู่ถิงโอบกอดปลอบใจหานหยู่เยน “พี่คะ พี่อย่าโมโหเลย อย่าไปให้ความสำคัญกับคนแบบนั้น พูดก็พูดเถอะ ทำไมคุณชายคนนั้นต้องเลือกที่จะแต่งงานในวันที่สิบสองเดือนแปดด้วยนะ จงใจหรือเปล่า!”
“เราไม่ได้รู้จักกัน จะจงใจเล่นงานพี่ทำไม อีกอย่าง คนเขาแต่งงานจะเลือกวันอะไรก็เป็นเรื่องของเขา”
หานหยู่เยนม้วนผมเล่นๆ หัวเราะกล่าว: “พี่สาวของเธอไม่ใช่คนที่คิดมากขนาดนั้นหรอก เธอไปเล่นเถอะ พี่จะตั้งใจทำงานแล้ว!”
“ได้ค่ะ ฉันจะไปซื้อเสื้อผ้า ใช่แล้ว ฉันจะซื้อชุดแต่งงาน!”
มองดูหานหยู่ถิงที่วิ่งออกไปอย่างมีความสุข หานหยู่เยนก็ยิ้มอย่างขมขื่น มองไปที่โทรศัพท์ เวลานี้ในสมองของเธออยากที่จะโทรหาโล่เฉินเพื่อระบายความในใจ
แต่มันทำให้หานหยู่เยนสะดุ้งตกใจ หัวใจเต้นระรัว: หรือว่า ฉันจะชอบโล่เฉินเข้าแล้ว?
……
เรื่องงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในคฤหาสน์สูงศักดิ์ อยู่ในเมืองเจียงยิ่งอยู่ยิ่งลือกันอย่างสนั่นเมือง
อย่างไรก็ตาม เจ้าของเรื่องไม่ปรากฏตัวเสียที คฤหาสน์ยอดจื่อเช่วยังคงว่างเปล่า กลางคืนไม่มีแสงไฟเลย มีเพียงบอดี้การ์ดสิบกว่าคนเฝ้ายามอยู่
ห้าวัน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันที่สิบสองเดือนแปด ทำให้เมืองเจียงฮือฮาไปทั้งเมือง วันที่ร้อนแรงนี้ได้มาถึงแล้ว
ตลอดทางไม่กี่ไมล์ของเขาจื่อเช่ว จอดเต็มไปด้วยรถหรู
ตามแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ งานแต่งงานครั้งนี้ในเขาจื่อเช่วเรียบๆง่ายๆ มีเพียงแต่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ไม่ได้เรียนเชิญใครอีกเลย
แต่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเหล่าคุณชายคุณหนู พวกเขาต่างรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอยู่ที่ทะเลสาบหมิงเยว่ ใช้โดรนเข้าไปถ่ายภาพในเขาจื่อเช่ว
เพื่อถ่ายทอดสด
เวลาที่รอช่างผ่านไปยากเย็นนัก พริบตาเดียวก็เย็นแล้ว
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง กลางคืนก็มาเยือน
บริษัทเฉิงหยู่ อาคารมุกทอง
โล่เฉินยืนไขว้มืออยู่ตรงหน้าต่าง มองไปเขาจื่อเช่วที่สูงตระหง่าน ดังหลังยืนอยู่ด้วยฟ่านหงชาง ฟ่านหมิงสองพ่อลูก
“อาจารย์ครับ ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วครับ ออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”
“อืม!”
ฟ่านหงชางแค่กวักมือ สาวใช้สองคนก็ได้ช่วยโล่เฉินเปลี่ยนสูท แต่งตัวอย่างหล่อสมาร์ต นอกจากนี้ยังมีความสง่างามของผู้นำที่เข้มแข็ง
หกโมง ตรงเวลา
“ออกเดินทาง”
ดวงตาของโล่เฉินเป็นประกาย ออกคำสั่ง
คอมเม้นต์