จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่ 155 ส่งมอบน้องสะใภ้

อ่านนิยายจีนเรื่อง จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี ตอนที่ 155 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ผลที่ตามมานั้นกินเวลาสองหรือสามวัน จากนั้นก็ค่อย ๆ ทรงตัว

ไม่มีใครจะมาพูดถึงผู้แพ้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นหงเหลยถิง หรือตระกูลหยาง ทุกอย่างล้วนจบลงแล้ว

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่หยางเซียวถูกขับไล่ออกจากตระกูล หยางกวงขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งแทน ทำให้แวดวงสังคมในเมืองเจียงประหลาดใจ

นอกจากนี้

หงเหลยถิงมีหลายอุตสาหกรรมไม่น้อย เล็กใหญ่รวมแล้วกว่าสี่ห้าสิบแห้ง จะจัดการกับพวกมันยังไง นี่ยังเป็นปัญหา แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่เหตุผลฉากหน้าเท่านั้น นั่นเพราะรัฐบาลกำลังใช้วิธีการประมูล

ทุกตระกูลใหญ่ล้วนมองเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจ หากพวกเขาสามารถชนะประมูลมาได้หนึ่งหรือสองอุตสาหกรรม แม้ว่าจะเป็นแต่เปลือกเปล่า พวกเขาก็ยังทำเงินได้

ตัวแทนตระกูลหลายคนจึงทำการติดต่อกับรัฐบาล

ตระกูลหานเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

“หยู่เยน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างตำแหน่ง ลูกจะต้องชนะประมูลอุตสาหกรรมมาให้ได้สักอัน แม้ว่าจะเป็นแค่สถานบันเทิงขนาดเล็กก็ได้ นี่ก็ยังเป็นกำไรมหาศาล” หลิวเซียงหลันเดินกลับไปกลับมาในบ้าน สีหน้าแดงก่ำ

“แม่ อย่าคิดอีกเลย พวกนั้นเป็นการต่อสู้ของพวกตระกูลใหญ่ พวกเราตระกูลหานจะเอาอะไรไปสู้ ไม่ต้องพูดถึงบริษัทใหญ่ ต่อให้เป็นสถานบันเทิงเล็กๆ ก็ต้องมีเงินอย่างน้อยสิบล้านขึ้นไป” หานหยู่เยนส่ายหัว

หานเจี้ยนเย่ขมวดคิ้ว: “แพงขนาดนั้นเชียว ไม่หรอกมั้ง”

หานหยู่เยนอธิบาย “พ่อคะ บริษัทที่รัฐบาลขาย คลับน่ะหรือ สิ่งที่ขายจริงๆ คือที่ดินต่างหาก นั่นต่างหากคือสิ่งที่มีค่ามาก”

“ใช่สินะ ทำไมฉันถึงคิดไม่ออก” หานเจี้ยนเย่ตบต้นขาของตน จากนั้นจึงถอนหายใจ “ถ้าพูดถึงที่ดิน อย่างนั้นก็ไม่มีทางแล้ว พวกเราตระกูลหาน ไม่ได้มีเงินทุนมากพอ ต่อให้ขายบ้านก็ยังซื้อไม่ไหว”

หลิวเซียงหลันก็ดูหดหู่เช่นกัน

จู่ๆ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป

“เร็วเข้า รีบดูวีแชทกันเถอะ”

“เกิดอะไรขึ้น?”

หานหยู่เยนมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน เมื่อเห็นข่าวนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “นี่ เป็นไปได้ยังไง”

หลิวเซียงหลันร้องขึ้นมาเสียงหลง “หานหยุนเทาเจ้านี่ ได้KTVไปได้ยังไงกัน เขาจะต้องโกหกแน่”

“ในกลุ่มตระกูล เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดโกหก”

“ใช่ จะต้องเป็นซิงเฉินที่ช่วยอยู่แน่ สมควรตาย เจ้านั่นถึงกับช่วยหานหยุนเทา ไอ้สารเลว” หลิวเซียงหลานโกรธจัด

หานหยู่เยนขมวดคิ้วและมองโล่เฉิน

เมื่อเห็นดังนั้น หลิวเซียงหลันก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้และเอ่ย “โล่เฉิน ทำไมนายไม่ติดต่อเจิ้งข่ายสักหน่อย ดูว่าเขาสามารถช่วยได้หรือไม่”

“แม่ นี่แม่กำลังพูดเรื่องอะไร” หานหยู่เยนปฏิเสธสิ่งนี้

เธอไม่อยากขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ซ้ำยังเป็นตระกูลเจิ้ง

หลิวเซียงหลันไม่สนใจ เธอเอ่ยต่อ “อย่าลืมว่า หยู่เยนกับหานหยุนเทากำลังต่อสู้กันอยู่ ถึงแม้ว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือการเข้าไปอยู่ในเขาจื่อเช่วถึงจะเป็นผู้ชนะ แต่ว่านี่ถือเป็นโอกาสที่จะเพิ่มบารมี”

“นายบอกเจิ้งข่ายไปตามตรง ว่าถ้าหยู่เยนพ่ายแพ้ในการต่อสู้เพื่อสืบทอดตำแหน่งขึ้นมา อย่างนั้นบริษัทของนายก็จะกลายเป็นของคุณย่า และจะเป็นของหานหยุนเทาในอนาคต”

“ฉันคิดว่า เจิ้งข่ายไม่ยอมเห็นด้วยแน่”

โล่เฉินพยักหน้า “แม่ ผมจะลองโทรไปถาม”

“รีบไปรีบไป ทำตัวดีๆล่ะ อย่าทำให้เจิ้งข่ายขุ่นเคือง ตอนนี้เขาคือผู้ช่วยให้รอดของเรา”

“ได้ครับ”

โล่เฉินอันที่จริงไม่ได้หวังอะไร เขาเตรียมพร้อมที่จะให้ฟ่านหงชางเป็นคนจัดการ แต่เจิ้งข่ายกลับตกลงอย่างไม่คาดคิด

จากที่เจิ้งข่ายเอ่ยมา ตอนนี้ตระกูลของเขาได้บริษัทที่ไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งหนึ่งและสถานบันเทิง 3 แห่งมาแล้ว มี KTV 1 แห่ง คลับ1แห่งและดิสโก้ 1 แห่ง

เขาปล่อยให้โล่เฉินเลือก ก่อนจะตัดสินใจเลือกคลับในที่สุด

ข่าวนี้ ทำให้หลิวเซียงหลานตื่นเต้นอย่างยิ่ง

“แม่ เจิ้งข่ายบอกว่า คลับนี้สามารถมอบหมายให้อยู่ในชื่อของหยู่เยนได้ แต่ต้องเซ็นสัญญาอย่างลับๆ กำหนดว่าหยู่เยนเป็นเพียงผู้รับผิดชอบการจัดการเท่านั้น หยู่เยนเป็นเจ้าของคลับแต่ในนาม แต่จริง ๆ แล้วเป็นของตระกูลเจิ้ง ผมเดาว่า KTV ของ หานหยุนเทาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นของโล่ซิงเฉิน”

หลิวเซียงหลันนึกขึ้นได้และพยักหน้า: “ไม่มีปัญหา ทุกอย่างให้เป็นไปตามที่เขาบอก อ้อใช่ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”

“อะไรนะ?”

“เมื่อกี้ทางโรงเรียนโทรมา บอกว่าจะให้หยู่ถิงกลับไปเรียนได้แล้ว นายไปส่งเธอที่โรงเรียนสักหน่อยเถอะ” หลิวเซียงหลันเอ่ยสั่ง

โล่เฉินเกาหลังศีรษะและถาม “ไป….ต่างประเทศ?”

“ไม่ใช่สักหน่อยพี่เขย”

หานหยู่ถิงเอ่ยอธิบายว่า “ฉันเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฉู่โจว ก่อนหน้านี้ไปต่างประเทศในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน เดือนมิถุนายาปีนี้ก็จะหมดอายุแล้ว ฉันเลยไปเที่ยวเล่นในต่างประเทศอยู่สองเดือนก่อนที่แม่จะโทรกลับ แต่เดิมฉันกำลังจะกลับไปโรงเรียนในเดือนกันยายน แต่ก็ถูกเลื่อนออกไปอยู่เรื่องจนมาถึงตอนนี้ “

“หมายความว่า ตอนนี้เธอกำลังจะไปมหาวิทยาลัยฉู่โจว”

“ใช่ มันอยู่ในจังหวัด ไปกลับก็แต่เพียง 600 กิโลเมตร ฉันไม่อยากนั่งรถไฟ พี่ขับรถไปส่งฉันที่นั่นเถอะ”

โล่เฉินไม่ได้ปฏิเสธ “เรื่องเล็กน้อย จะไปเมื่อไหร่?”

“กินข้าวเสร็จแล้วกัน”

“ฉันไปทำกับข้าวก่อน”

หลังทานอาหารกลางวัน โล่เฉินก็พาหานหยู่เยนไปหาเจิ้งข่าย จากนั้นจึงทำขั้นตอนส่งมอบคลับบนถนนเจี่ยฟ่าง

จากนั้นเขาก็พาหานหยู่ถิงขึ้นทางด่วนฉู่โจว

……

ในเวลานี้เอง ที่มหาวิทยาลัยฉู่โจว

ริมทะเลสาบเว่ยหยาง

“พี่ซวน ผู้อำนวยการสอนโทรไปแล้ว อย่างช้าที่สุดหานหยู่ถิงจะกลับมาในตอนเย็น” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าว

นิ่งจื่อซวนพยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ยกำชับ “มาถึงแล้วให้พาเธอมาหาฉันทันที”

“เข้าใจแล้ว”

“อ้อใช่ โม่หานเจ้านั่นยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรใช่ไหม”

ชายหนุ่มตอบกลับ “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมให้คนคอยจับตาดู…”

“อ๊าก!”

“อ๊าก!”

“อ๊าก!”

ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากข้างหลังเขาหลายครั้ง

เมื่อทั้งสองคนหันกลับไป ก็เห็นชายร่างสูงผมสั้น เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นในเสื้อกล้ามสีขาวกำลังเดินนำกลุ่มคนมาอย่างรวดเร็ว

“โม่หาน!”

เปลือกตาของชายหนุ่มกระตุกอย่างบ้าคลั่ง เมื่อมองดูผู้ชายหลายคนบนพื้น เขาก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา “นี่นายกล้าทุบตีคนของเรา!”

“แม้กระทั่งนายฉันก็กล้าทุบ!”

ขณะพูด โม่หานก็พุ่งเข้ามา

เร็วเกินไป

ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก และหมัดของโม่หานในดวงตาของเขาก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

แต่ตอนนี้ สถานการณ์กระชั้นชิดเข้ามาแล้ว

มือขาวคว้าหมัดของโม่หานเอาไว้แล้วสะบัดออกไป

นิ่งจื่อซวนมีใบหน้าสงบ เขาเอ่ยเสียงเย็น “กล้าทุบตีคนของฉันต่อหน้าฉัน นายมันยโสโอหังเกินไปแล้ว”

“ฮ่าฮ่า แล้วนายจะทำอะไรได้”

“ฉันไม่อยากสู้กับนาย นำคนของนายไสหัวไปจากที่นี่ซะ”

โม่หานถ่มน้ำลายและแค่นเสียง “ได้ยินมาว่าสาวน้อยหานหยู่ถิงนั่นกำลังจะกลับมาเร็วๆนี้แล้ว แถมยังเป็นนายที่ขอให้ผู้อำนวยการสอนโทรไปหา”

นิ่งจื่อซวนขมวดคิ้ว

“ไม่ดูซะบ้างว่าเธอเป็นผู้หญิงของใคร แต่นายกลับอยากมีส่วนร่วม มีชีวิตจนเบื่อแล้วใช่ไหม” โม่หานเอ่ยขึ้น จากนั้นจึงลงมืออีกครั้ง

“ปึก!” “ปึก!” “ปึก!”

ทั้งสองคนเก่งอย่างมาก พวกเขาต่อสู้กันเป็นเวลาหลายนาทีโดยไม่มีใครแพ้ชนะ

การเคลื่อนไหวนี้ ดึงดูดนักเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ

“ว้าว เป็นคุณชายหนิง!”

“หล่อมาก เจ้าชายขี่ม้าขาวของฉัน”

“ฉันรู้สึกว่าโม่หานมีเสน่ห์ของผู้ชายมากกว่า รูปร่างของเขาสมบูรณ์แบบ เทียบได้กับเผิงอวี๋เย่นเลยนะนั่น”

……

นักเรียนที่มาส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาสาวปีหนึ่งและปีสอง ยังเด็กและช่างเพ้อฝัน ส่วนนักเรียนหญิงรุ่นพี่ส่วนใหญ่ล้วนมองออกหมดแล้ว

รู้ว่านิ่งจื่อซวนและโม่หานคุณชายน้อยที่ร่ำรวยพวกนี้ ไม่มีทางมาสนใจพวกตน ต่อให้สนใจขึ้นมาก็แค่เล่นสนุกเท่านั้น

เสียงชื่นชมไม่มีที่สิ้นสุด

“เก่งกาจเกินไปแล้ว ไม่เพียงแค่หล่อแต่ยังมีทักษะการสู้ด้วย ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยฉู่โจวไม่มีชมรมมวยงูมาก่อนเป็นตระกูลนิ่งที่เริ่มขึ้นมา จากนั้นก็สืบกันมากว่าสี่ห้าสิบปี ประธานชมรมมวยงูทุกคนล้วนเป็นนายน้อยของตระกูลนิ่ง”

“มวยงูคืออะไร เทควันโดต่างหากที่มีเก่งกาจ พี่โม่หานเป็นประธานชมรมเทควันโด เก่งกว่านิ่งจื่อซวนมาก”

“ไร้สาระ ตระกูลนิ่งต่างหากที่เก่ง เป็นถึงตระกูลชั้นหนึ่งของฉู่โจว ไม่เพียงแต่ร่ำรวยมหาศาล แต่ยังฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มานานกว่า 150 ปีอีกด้วย”

“ตระกูลโม่เองก็เป็นตระกูลชั้นหนึ่ง ไม่อ่อนแอไปกว่าตระกูลนิ่ง”

……

แฟน ๆ ของทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ยอมแพ้กัน

ส่วนในเวลานี้ โม่หานและนิ่งจื่อซวนได้แยกจากกันแล้ว ทั้งสองคนสู้กันจนเลือดขึ้นหน้า หอบหายใจหนัก แต่ไม่มีใครทำอะไรได้

“มวยงูอะไร ก็แค่หมัดบุปผาขาผ้าปัก!”

“เทควันโดต่างหากคือหมัดเท้าปักบุปผา ศิลปะการต่อสู้แบบจีนของเราทั้งกว้างขวางและลึกซึ้ง แต่กลับไปเรียนรู้จากต่างประเทศ น่าอับอายขายขี้หน้า”

โม่หานสายตาดูถูกเหยียดหยามและพูดเสียงดังว่า “ใครบอกว่าเทควันโดเป็นวิถีต่างประเทศ มันคือแขนงหนึ่งของศิลปะการป้องกันตัวของจีน”

นิ่งจื่อซวนหรี่ตาและเยาะเย้ย “อย่างที่ทุกคนรู้ เทควันโดเป็นทักษะระดับชาติของเกาหลีใต้”

“แล้วยังไงกัน เกาหลีเป็นลูกหลานของเราคนจีน ของของลูกหลานมาได้ยังไง ก็ต้องมาจากพ่อถ่ายทอดให้น่ะสิ”

คำพูดของโม่หานทำเอาคนอ้าปากค้าง แม้แต่มุมปากของนิ่งจื่อซวนก็กระตุก

จากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น

“พี่โม่หานทำดีมาก”

“เกาหลีขี้โม้นั่น เป็นลูกหมาของเรา”

“อาศัยประโยคนี้ จากนี้ไปฉันจะสนับสนุนประธานโม่ในอนาคต”

เสียงโห่ร้องดังขึ้น

นิ่งจื่อซวนกำหมัดและกัดฟันแน่น “ฉันไม่มีเวลามาทะเลาะกับนาย อย่ามายั่วฉัน ไม่งั้นนายจะต้องเสียใจ”

“หยุด”

“ยังคิดจะสู้อีกหรือไง?”

“คุณคิดว่ามวยงูเก่งกาจ อย่างนั้นก็ได้ ตอนบ่ายสาม ฉันจะรอนายที่ภูเขาด้านหลัง ชมรมเทควันโดจะต่อสู้กับชมรมมวยงูของนาย”

ตูม

ข่าวร้อนระเบิดขึ้น

ทั้งสองชมรมมีความบาดหมางกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมาล้วนเป็นการสู้เล็กๆน้อยๆ

วันนี้ ในที่สุดก็ได้เข้าสู่จุดสูงสุดของสงคราม

โม่หานพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า “คนในชมรมเรามีจำนวนมาก ฉันไม่เอาเปรียบก็แล้วกัน ทั้งสองฝ่ายพาคนไปห้าสิบคน จำไว้ที่ตีนเขาด้านหลังสามโมงเย็น “

“ไม่มา เป็นไอ้ลูกหมา!”

“โอ้ใช่ ถ้านายแพ้ หานหยู่ถิงสาวน้อยคนนั้น นายอย่าได้คิดฝันอีก”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด