จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – บทที่ 103 เลือดล้างตระกูลป๋าย

อ่านนิยายจีนเรื่อง จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี ตอนที่ 103 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

โล่เฉินฆ่านักฆ่าสามคน ไม่เพียงแต่ทำให้ถังหมิงกวงเท่านั้นที่ตกใจ ท่านเห้อเองก็ยังสีหน้ามืดลงเช่นกัน ส่วนป๋ายเจิ้งหรงถึงกับตกใจจนต้องซ่อนตัวอยู่ด้านหลังท่านเห้อ

ในเวลานี้ เกิดความเอะอะขึ้นมาจากไกลๆ

มีชายหญิงกลุ่มใหญ่กรูเข้ามา คนที่นำหน้าคือป๋ายเจิ้งเฉียง เป็นน้องชายของป๋ายเจิ้งหรงและเป็นนายท่านรองของตระกูลป๋าย

ส่วนผู้ที่ตามอยู่เบื้องหลังเขาก็คือเหล่ากระดูกสันหลังของตระกูลป๋าย อีกทั้งยังมีพวกผู้นำหลักของกลุ่มตระกูลป๋าย รวมแล้วเกือบยี่สิบคน

“ใครกล้ามาก่อเรื่องที่ตระกูลป๋ายของฉัน……. ถังหมิงกวง เป็นแก!”

ป๋ายเจิ้งเฉียงตะโกนลั่น เมื่อเห็นถังหมิงกวง สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ

ไม่นาน เขาก็หัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

“สวรรค์มีทางนายไม่ไป นรกไร้ประตูนายดันรนหาที่ ตอนนั้นปล่อยนายรอดไปได้ครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าไอ้โง่อย่างนายจะกล้ากลับมาฆ่าล้างแค้น”

“ทำไม อาศัยตัวนายยังกล้าคิดล้างแค้นตระกูลป๋ายของฉัน? น่าหัวเราะเสียจริง”

“ใครก็ได้ กำจัดเศษซากที่เหลือของตระกูลถังให้ฉันเดี๋ยวนี้”

เงียบกริบ

นักฆ่าและผู้คุมยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ

ป๋ายเจิ้งเฉียงสีหน้าปั้นยาก ตนเองเป็นถึงนายท่านรอง ถึงแม้ว่าพี่ชายของตนจะมีกุมอำนาจแข็งแกร่งอีกทั้งยังไม่ให้อำนาจอะไรกับเขา

แต่ต่อหน้าคนที่กำลังมองอยู่มากมายขนาดนี้ อย่างน้อยๆก็ควรไว้หน้าเขาบ้าง

ไอ้พวกลูกน้องสมควรตาย ถึงกับกล้าทำหูทวนลมใส่คำพูดของเขา

“หูหนวกหรือไง รีบไปกำจัดไอ้พวกเศษเดนตระกูลถังเดี๋ยวนี้”

ป๋ายเจิ้งเฉียงตะคอกขึ้นอีกครั้ง

ด้านหนึ่ง ป๋ายเจิ้งหรงมุมปากกระตุก เขาแทบจะอยากเข้าไปเตะป๋ายเจิ้งเฉียงให้กระเด็น

เขามองไปที่ท่านเห้อและเอ่ยถามเสียงเคร่ง “ท่านเห้อ มั่นใจหรือไม่?”

“วางใจได้ ต่อให้เป็นปรมาจารย์ ก็น่าจะแค่เพิ่งบรรลุมาได้ ส่วนฉันเป็นปรมาจารย์มานานกว่าสิบปีแล้ว อยู่ในจุดสุดยอดของปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ถึงแม้จะบาดเจ็บ พลังถดถอย แต่ก็ไม่ใช่คนที่เจ้าเด็กหน้าขนจะมาต่อกรด้วยได้”

ป๋ายเจิ้งหรงพยักหน้า “ทั้งหมดต้องรบกวนท่านเห้อแล้ว”

ป๋ายเจิ้งเฉียงยังคงไม่รู้เรื่อง เขาเอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่ นี่มันอะไรกัน? ถังหมิงกวงได้รับบาดเจ็บแล้ว ทำไมยังต้องให้ท่านเห้อลงมือ แค่รักฆ่าพวกนี้ก็เพียงพอที่จะจัดการเขาแล้ว”

“ไสหัวไป ไอ้โง่”

ในที่สุดป๋ายเจิ้งหรงก็ทนไม่ไหว เขาตวัดฝ่ามือจากนั้นจึงแตะเข้าที่ด้านหลังของน้องชายตัวแสบของตน

ในเวลาเดียวกัน ท่านเห้อก็ลงมือ

“ฉันไม่รู้ว่านายฝึกฝนจนมาถึงขั้นปรมาจารย์ได้อย่างไร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านายเป็นอัจฉริยะระดับต้น ๆอย่างแน่นอน แม้กระทั่งศิษย์ของสุดยอดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงก็ยังไม่มีทางร้ายกาจได้ขนาดนี้”

“เพียงแต่ ช่างน่าเสียดาย”

“ต่อให้นายจะร้ายกาจอีกขนาดไหน วันนี้ก็ยากจะหลบหนีความตาย สิ่งที่ฉันว่านเห้อชมชอบที่สุดก็คือการฆ่าผู้มีพรสวรรค์ จนถึงขั้นเสพติด”

ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว

ว่านเห้อแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ชี้แท้ล้ำลึก

เสื้อคลุมของเขาโบกพลิ้ว ผมสีขาวทิ้งดิ่ง พลังชี้แท้หลั่งไหลไปในอากาศรอบ ๆ เกิดเป็นลมพายุ ลมพายุเกรี้ยวกราดขั้นสุดราวกับใบมีดอันคมกริบ จนบังคับให้ทุกคนในตระกูลป๋ายต้องถอยห่างออกไป

“ฆ่า.”

ท่านเห้อระเบิดเสียงพร้อมกับสะบัดฝ่ามือออกไป

ชี้แท้หลายสิบสายเปลี่ยนเป็นดาบขนาดใหญ่และพุ่งเข้าสู่ตรงหน้าโล่เฉินอย่างบ้าคลั่งด้วยความช่วยเหลือจากลมพายุอันรุงแรง

“ลูกไม้ตื้นๆ”

โล่เฉินมีสีหน้าดูหมิ่น มือข้างหนึ่งไพล่หลัง ส่วนอีกข้างปรากฏพลังทิพย์สายหนึ่ง

เพล้งเพล้งเพล้ง

แค่เขาโบกมือเบาๆ ดาบชี้แท้ขนาดใหญ่ก็ถูกตีสลายไปจนหมด

“หืม?”

ท่านเห้อสีหน้าเคร่งลง เขาไม่ตื่นตระหนก แต่กลับยิ่งรู้สึกเลือดพล่าน

“ดีดีดี ยอดคนวัยเยาว์ หากไม่ใช่เพราะยืนอยู่คนละฝั่ง ฉันคงรับนายเป็นศิษย์แน่ น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันได้แต่ต้องทำลายนายเท่านั้น”

“รับฉันเป็นศิษย์ โทษที นายไม่มีคุณสมบัตินั้น”

“ยโสโอหัง”

ท่านเห้อขยับตัวและลงมือฆ่าด้วยตนเอง

ผั้วะผั้วะผั้วะ

ผู้ชายคนนี้สมแล้วกับที่เป็นปรมาจารย์มากว่าสิบปี ชี้แท้ได้รับการฝึกฝนจนถึงระดับสูงส่ง ถึงแม้จะยังเทียบไม่ได้กับพลังทิพย์แต่ก็ถือได้ว่าไม่เลว

โล่เฉินยังคงสบายๆ พลิกแพลงไปตามกระบวนท่า

ว่านเห้อยิ่งสู้ยิ่งตื่นตระหนก เขาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ไม่ว่าตนเองจะใช้กระบวนท่าอะไรก็ล้วนถูกคนหนุ่มตรงหน้าคลี่คลายได้หมด อีกทั้งยังดูสะดวกสบายอย่างยิ่ง

ที่เล็กๆอย่างหลิงสุ่ย ถึงกับมีผู้ร้ายกาจขนาดนี้

ในมุมหนึ่ง ลูกศิษย์ตระกูลถังกำลังดูแลถังหมิงกวงสองพ่อลูกอยู่ ถังหวั่นเอ๋อยังไม่ได้สลบไป เธอมองเห็นโล่เฉินและรู้สึกนับถืออย่างยิ่ง

อายุห่างกันไม่เท่าไหร่ แต่เขากลับเป็นถึงปรมาจารย์นักบู๊ไปแล้ว

หากตนเองก็เป็นปรมาจารย์นักบู๊ วันนี้ก็คงกำจัดตระกูลป๋ายให้สิ้นซากลงได้ แก้แค้นแทนมารดา คุณปู่และตระกูลของเธอ

“ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร อีกทั้งยังไม่รู้ว่าคุณมีความแค้นแบบไหนกับตระกูลป๋าย แต่ขอร้องคุณ ได้โปรดชนะ” ถังหวั่นเอ๋อกำลังอธิษฐานอยู่ในใจ

ส่วนถังหมิงกวงในใจกำลังพลุกพล่านกังวล

ปรมาจารย์ประมือกัน นี่ถือเป็นเรื่องที่เห็นได้ยากยิ่ง

เขาเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง แต่ทั้งสองคนประมือกันเร็วเกินไป อีกทั้งส่วนมากยังเป็นการปะทะกันระหว่างรังสีชี้แท้

ในเวลานี้ ถังหมิงกวงยังไปไม่ถึงขอบเขตนั้น ดังนั้นเขาจึงมองไม่ออก

“ไสหัวไป!”

ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็กระเด็นออกมา

ว่านเห้อลอยสะบัดอยู่ในกลางอากาศสองสามครั้งจากนั้นจึงกระแทกลงกับพื้น แต่ลมพายุคลั่งรอบตัวเขายังคงโอบล้อมอยู่ ส่งผลให้เหล่าผู้นำตระกูลป๋ายที่เข้ามาใกล้เขาถูกคมมีดปลิดชีพลงทันที

ตายไร้ศพสมบูรณ์ ถูกคมมีดหั่นออกเป็นหลายร้อยชิ้น เลือดนองน่าสะเทือนขวัญ

อย่างไรก็ตาม ว่านเห้อกลับไม่แม้แต่จะมอง

ในปีนั้นเขาได้รับบาดเจ็บและมาตกอยู่ที่หลิงสุ่ย จากนั้นจึงบังเอิญได้รับการช่วยเหลือจากป๋ายเจิ้งหรง เพื่อตอบแทนบุญคุณอีกทั้งเพราะต้องการปกปิดตัวตนของตน หลายปีมานี้เขาจึงซ่อนตัวอยู่ในตระกูลป๋ายมาโดยตลอด

ปกป้องแค่ป๋ายเจิ้งหรงก็พอ ส่วนความปลอดภัยของคนอื่น ๆ ในตระกูลป๋าย ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ต่อให้บังเอิญฆ่าไปหลายคนแล้วทำไมกัน

ก็แค่มดปลวก ฆ่าแล้วก็ฆ่าไป

“นายเป็นอัจฉริยะที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ตอนนี้ฉันว่านเห้อถือได้ว่านายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นอายุต่ำกว่าสี่สิบปี”

โล่เฉินสีหน้าเย็นชา เขาตอบกลับ “นายคือขยะที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ที่ฝึกฝนมากว่าครึ่งชีวิตล้วนไปอยู่บนตัวสุนัขหมดแล้ว”

“สวะ นายคิดว่าฉันฆ่านายไม่ได้จริงๆหรือไง”

ว่านเห้อโกรธจัด ชี้แท้ระเบิดออกมา แต่เดิมพายุคลั่งที่ล้อมรอบเอาไว้สามฟุตขยายใหญ่ขึ้นเป็นห้าฟุตทันที

“อ๊าก”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาหลายเสียง

มีคนตระกูลป๋ายตายลงอย่างน่าอนาถอีกครั้ง หนึ่งในนั้นรวมถึงนายท่านรองป๋ายเจิ้งเฉียง

ป๋ายเจิ้งหรงแอบกัดฟัน แต่ไม่ได้ตำหนิท่านเห้อ

ก็แค่น้องชายหน้าโง่คนหนึ่งเท่านั้น ตายไปก็ดี จะได้ลดเรื่องเดือดร้อนให้ตระกูลลง

“หมัดมารลม”

เมื่อชี้แท้ควบแน่นจนแข็งแกร่งที่สุดและพายุคลั่งรุนแรงถึงขีดสุเ

ว่านเห้อก็ลงมือทันที

หมัดนั้นพุ่งวาบเข้ามาอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นหน้ามารปีศาจอันดุร้าย ปากที่เต็มไปด้วยเลือดเบิกกว้างต้องการกลืนกินโล่เฉิน

“ในสายตาฉัน ทุกสิ่งที่นายทำ ไม่ต่างจากตัวตลกในโรงละครตลกสักนิด”

โล่เฉินกระทืบเท้า จากนั้นจึงปล่อยหมัดหนึ่งออกไปช้าๆ

วาบ

แสงหลากสีสว่างจ้าจนทำให้ผู้คนสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ ทันใดนั้นหมัดมารปีศาจก็สลายไปและเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นดังลั่น

พลังเหลือล้นแผ่ซ่าน ก้อนหินกระจัดกระจาย

บ้านค่อยๆพังทลายลง หินภูเขาจำลองและต้นไม้หักลงเป็นท่อน

คนสำคัญของตระกูลป๋ายหลายสิบที่ล้มตายก็ตายไป ที่บาดเจ็บก็บาดเจ็บ ส่วนป๋ายเจิ้งหรงที่แอบไปหลบซ่อนอยู่ในที่ที่ปลอดภัยไว้นานแล้วก็ยังถูกท่อนไม้ยักษ์ฟาดใส่ที่ขาจนล้มลงบนพื้นและร้องโหยหวน

จากนั้นทุกอย่างก็ค่อยๆสงบลง

“แค่กแค่ก…”

ว่านเห้อนอนอยู่บนพื้นเลือดอาบไปทั่วร่าง เหลือเพียงลมหายใจรวยรินและกระอักเลือดปนออกมาเป็นระยะๆ

ตุบตุบตุบ

โล่เฉินเดินเข้ามา สายตามองลงจากเบื้องบน

ว่านเห้อกระอักอยู่ในลำคอ ในที่สุดความตื่นตระหนกหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “นายท่าน ผู้ยิ่งใหญ่เหนือใคร เป็นผมที่มีตาหามีแวว ทำผิดมหันต์ ได้โปรด….ได้โปรดนายท่านยั้งมือเมตตา”

“ยั้งมือเมตตา?”

เมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีฆ่าฟันอันเย็บเฉียบ ว่านเห้อก็หวาดกลัวจนตัวสั่นเทา ไหวเลยจะมีความเย่อหยิ่งน่าเกรงขามของนักบู๊เหลืออยู่

“นายท่าน ได้โปรดฟังผม ผมเป็นคนของตระกูลว่านแห่งเมืองหลวง ตระกูลว่านคุณคงรู้จักใช่หรือไม่ นั่นเป็นสุดยอดตระกูลใหญ่อย่างมากในเมืองหลวง เป็นรองแค่ตระกูลกู่ ตระกูลหลง และตระกูลหลันเท่านั้น”

โล่เฉินขมวดคิ้ว

ตระกูลว่าน เขาจำได้อยู่บ้าง เมื่อสิบปีที่แล้วก็เป็นตระกูลชั้นหนึ่งแล้ว ดูเหมือนจะเคยมีส่วนร่วมในการรบที่ภูเขาเย่นหลิง

“ในเมื่อเป็นคนของตระกูลว่าน ฉันยิ่งไม่อาจเก็บเอาไว้”

ว่านเห้ออึ้งไป แต่เดิมเขาคิดว่าหากเอ่ยชื่อตระกูลว่านแห่งเมืองหลวงออกมาจะสามารถข่มขู่ให้หวาดกลัวได้ คิดไม่ถึงว่าจะยิ่งเป็นการจุดชนวน

เขารีบเอ่ยร้องขึ้น “นายท่าน ตอนนี้ผมไม่ใช่คนตระกูลว่านแล้ว”

“สิบห้าปีที่แล้ว ผมขโมยสมบัติลับของตระกูลว่านและถูกตระกูลว่านตามไล่ฆ่าจนมาถึงที่หลิงสุ่ย จากนั้นถึงได้ถูกป๋ายเจิ้งหรงช่วยเอาไว้”

“ขอร้องนายท่าน ไว้ชีวิตผมเถอะ ผมจะมอบสมบัติลับของตระกูลว่านให้คุณ”

โล่เฉินเอ่ยถาม “สมบัติอะไร ให้ฉันดูหน่อย”

ว่านเห้อมองเห็นความหวัง ในที่สุดก็สงบลงและเอ่ยว่า “นายท่าน หากผมยังไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน ผม..”

ชั่วอึดใจนั้น เสียงก็หยุดลงอย่างกะทันหัน

โล่เฉินเก็บนิ้วคืนกลับมา

สายตาของว่านเห้อเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่เคยคิดเลยว่า จู่ๆโล่เฉินจะลงมือกะทันหันแบบนี้

“คุณ คุณไม่ต้องการ … สมบัติลับแล้ว?”

“ฉันเกลียดคนที่พูดมากมากกว่า”

โล่เฉินเอ่ยอย่างเย็นชา

ว่านเห้อชักกระตุกอย่างแรงสักพัก จากนั้นจึงหมดลมไปทั้งที่ดวงตาเบิกกว้าง

ปรมาจารย์รุ่นหนึ่งดับลง

ถังหมิงกวงและคนอื่น ๆ มองจนตื่นตะลึงตัวแข็งไป

นั่นเป็นถึงปรมาจารย์เชียวนะ นักบู๊ที่แต่ไหนแต่ไรมาล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด เป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้มีอำนาจ เป็นผู้สูงส่งเบื้องบน สุดท้ายกลับตายไปทั้งแบบนี้

ช่างเรียบง่ายและเด็ดขาด

ไร้ซึ่งความลังเลใด ๆ

ถังหมิงกวงมองไปที่เงาด้านหลังของโล่เฉิน หัวใจของเขาเย็นเฉียบ คล้ายกับกำลังเผชิญหน้ากับเทพมารที่น่ากลัว

แต่ในใจของโล่เฉินกลับไร้ระลอกคลื่นใดๆทั้งสิ้น

ก็แค่ปรมาจารย์คนหนึ่งเท่านั้น ในห้าพันปีมานี้เขาฆ่าคนไปไม่ใช่น้อย

บ้านตระกูลป๋ายกลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง ท่ามกลางกำแพงที่พังทลายลงป๋ายเจิ้งหรงกำลังโทรศัพท์อยู่

ในเวลานี้มีเงาดำเข้าปกคลุมตัวเขา

ป๋ายเจิ้งหรงเนื้อตัวเย็นเฉียบ เงยหน้าขึ้นอย่างแข็งกระด้าง และสบเข้ากับดวงตาที่ลึกล้ำของโล่เฉิน

“กำลังโทรหาป๋ายอู๋จี้ ให้เขารีบหนีไป ใช่ไหม?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด