จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – บทที่ 85 ฉากน้ำเน่า
บทที่ 85 ฉากน้ำเน่า
หึ่งหึ่งหึ่ง
รถบัสกำลังวิ่งไปตามปกติ นี่คือรถบัสขนาดใหญ่ที่มีตู้โดยสารสองตู้ เนื่องจากมีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก และโล่เฉินก็ขึ้นไปจากด้านหลัง ดังนั้นยังคงอยู่ห่างจากหญิงสาวไปห้าหรือหกเมตร
ชายสามคนอยู่ใกล้เธออย่างยิ่ง หนึ่งในนั้นกำลังยืนอยู่ข้างหลังเธอ
คล้อยตามการสั่นสะเทือนของรถบัส ขณะนี้ชายที่อยู่ด้านหลังหญิงสาวคนนั้นกำลังแนบสนิทไปกับตัวหญิงสาวและมีสีหน้าสุขสม
“ไอ้เวร”
โล่เฉินรู้สึกขยะแขยงอย่างยิ่ง แต่คนก็แน่นขนัดจนเขาไม่สามารถผ่านไปได้
หญิงสาวคล้ายจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างผิดปกติจากด้านหลัง สีหน้าหญิงสาวแดงก่ำไม่กล้าเอ่ยร้อง ในใจหวาดกลัวขีดสุด น้ำตาไหลรินลงมา
ที่ทำให้โล่เฉินรู้สึกชื่นชมก็คือ หญิงสาวยังนับว่าฉลาดไม่น้อย เมื่อรถบัสจอดลงที่ป้าย หญิงสาวก็ลงจากรถทันที
ชายสามคนตามลงมาด้วย
โล่เฉินรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ธรรมดาขนาดนั้นจึงตามไปอย่างเงียบ ๆ คิดไม่ถึงว่าแทนที่หญิงสาวจะวิ่งเข้าหาฝูงชนแต่เธอกลับดันวิ่งเข้าไปในซอยเล็กๆ แทน
“โธ่เว้ย สมองจมน้ำไปแล้วหรือไง”
“ไม่มีสัญชาตญาณในการป้องกันตัวเอาซะเลย”
“สาวน้อยสมัยนี้ ช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ ”
โล่เฉินด้านหนึ่งพึมพำด้านหนึ่งตามเข้าไป จากนั้นจึงได้ยินการสนทนาดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“พวกนายกำลังทำอะไรกันแน่! ”
หญิงสาวกำลังร้องไห้น้ำเสียงลนลานทำอะไรไม่ถูก
“ทำอะไร? ง่ายมากๆ พี่ชายของเธอเป็นหนี้เรา 50000 หยวน คนหนีไปแล้ว พวกเราก็ได้แต่มาหาเธอ”
“คนหายไปแล้วนายก็ไปหาสิ มารังแกผู้หญิงตัวคนเดียว พวกนายยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า!”
“ไอ้เด็กนั่นมันกะล่อนเสียยิ่งกว่าปลาไหล ใครจะไปรู้ว่ามันแอบหนีไปอยู่ไหน”
“หนี้บิดาบุตรชำระ หนี้ของพี่ชายน้องสาวแบกรับ แบบนี้ก็สมเหตุสมผลดีนี่”
หญิงสาวสะอื้นไห้ “ไม่สมเหตุสมผล ไม่เลยสักนิด”
“ฉันรู้ว่าครอบครัวของเธอยากจน ได้ยินมาว่าเธอยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ยากจนของเมืองเจียง พวกเราสามคนก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร ขอแค่เธอยอมอยู่เป็นเพื่อนพวกเราอย่างว่าง่าย พวกเราจะพิจารณาปล่อยเธอไป! ”
“ฝันไปเถอะ”
ชายสามคนเย้าหยอกหัวเราะขึ้น
“ชื่อของเธอคือส้งเชี่ยงใช่ไหม รูปร่างหน้าตามีน้ำมีนวลเสียจริง ส้งหลงไอ้โง่นั่นทำไมถึงได้มีน้องสาวที่หน้าตาสวยขนาดนี้ได้ รู้อย่างนี้พวกฉันก็จัดการเธอไปตั้งนานแล้ว!”
“พวกนายอย่าเข้ามานะ ฉันจะโทรเรียกตำรวจ”
“เป็นหนี้ต้องจ่ายถือเป็นเรื่องถูกต้อง ตำรวจเองก็ยังจับพวกเราไม่ได้ ตามกฎ หนึ่งครั้งห้าหมื่น เงิน 50000 หยวนอย่างนั้นก็… ห้าสิบครั้ง”
ทันใดนั้นใบหน้าของส้งเชี่ยงก็ซีดลง
ห้าสิบครั้ง
ถ้าตนต้องถูกชายสามคนนี้กระทำไปมาถึง 50 ครั้ง เธอยังจะมีชีวิตรอดอยู่อีกหรือ? ไม่
ต่อให้แปดเปื้อนแค่ครั้งเดียว เธอก็ไม่อยากอยู่แล้ว
ส้งเชี่ยงร้องไห้คุกเข่าอ้อนวอน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าท่าทางน่าสงสารของเธอกลับยิ่งทำให้เหล่าชายพวกนั้นตื่นเต้นมากขึ้น
“มาเถอะ ที่รัก! ”
“ไสหัวไป ที่รัก”
ทันใดนั้นจู่ๆ ด้านหลังก็มีเสียงเย็นเยียบดังขึ้นมา จากนั้นชายคนหนึ่งก็กระเด็นลอยออกไปหลายเมตรและกระแทกเข้าบนผนังจนหัวแตก
“ อุ๊ย!”
“ใคร? ”
เมื่อชายทั้งสองเห็นโล่เฉิน ก็คุ้นตาอยู่เล็กบ้าง
“ไอ้หนุ่มหน้าขาวบนรถบัสนั่นนี่หว่า”
“ดีนี่ คิดไม่ถึงว่าจะตามมาถึงตรงนี้” ชายคนหนึ่งหยิบมีดสั้นขึ้นมาโชว์และหัวเราะอย่างเย็นชา “อยากทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม ดูหนังมากไปหรือไง”
“พี่ใหญ่ ช่วยผมจัดการมันที” ชายที่หัวแตกเอ่ยตะโกน
“ได้ ฉันจะให้ไอ้หน้าขาวนี่ได้รู้ว่าผลของการปรากฏตัวมั่วซั่วมันเป็นยังไง ”
ชายสองคนพุ่งเข้ามาพร้อมกันและตวัดมีดสั้นในมืออย่างดุเดือด
มองดูแล้วดุดันมาก แต่อันที่จริงในใจของพวกมันกลับตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
โล่เฉินไม่ได้หันไปมอง เขาแค่ผิวปากเบาๆ ก็ตบคนทั้งสองจนลงไปกองอยู่ที่พื้น ฟันหลายซีกหลุดออกมา
“โอ๊ย – ฟันฉัน”
“ฮืออ เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
ชายสามคนรวมกันเป็นกลุ่ม ราวกับหนูสามตัวที่กำลังโอดโอยกลิ้งไปมา
“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
โล่เฉินช่วยสาวน้อยขึ้นมา
“พี่ชาย เป็นคุณ” ส้งเชี่ยงดีใจมาก
จากเดิมที่คิดว่าตนกำลังตกอยู่ในหายนะแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับฮีโร่เข้ามาช่วย ส้งเชี่ยงอดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้าไปในอกของโล่เฉินและร่ำไห้
“ พี่ชาย ช่วยฉันด้วย ฉันกลัว”
“วางใจเถอะ มีฉันอยู่”
โล่เฉินหันมา ดวงตาคมกริบราวกับใบมีดจนทั้งสามคนตัวสั่นสะท้าน ไหนเลยจะมีความโอหังเหลืออยู่
“พี่ชายไว้ชีวิตด้วย พวกเราก็แค่หุนหันไปชั่วครู่ เมื่อครู่แค่อยากจะขู่เธอก็เท่านั้น ไม่ได้มีความคิดไปทำอะไรเธอ”
“จริงจริง นี่เป็นเรื่องจริงที่สุด”
โล่เฉินขมวดคิ้ว หากปล่อยชายสามคนไปแบบนี้ วันหน้าส้งเชี่ยงคงต้องโชคร้ายแน่
ตัดหญ้าต้องถอนโคน
แต่คนพวกนี้ต้องการทวงหนี้ หากมองในอีกมุมหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
นอกจากนี้
นี่ยังไม่ใช่ยุคโบราณเมื่อหลายพันปีก่อน
ในเวลานั้นโล่เฉินเย็นชาอย่างยิ่ง ปากบอกฆ่าก็ฆ่า แม้กระทั่งฮ่องเต้หากทำให้เขารำคาญก็ยังต้องอกสั่นขวัญแขวน ตื่นตระหนกไปตลอดทั้งวัน
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน สังคมสมัยใหม่อาศัยหลักนิติธรรม
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกอมตะก็ไม่อาจฆ่าคนได้ตามอำเภอใจ ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยาก
ตอนนี้การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อยู่นอกเหนือจินตนาการของโล่เฉินไปมาก ดังนั้นเขาจึงยังไม่มีการเตรียมตัว
อันที่จริงมีจุดหนึ่งที่โล่เฉินไม่เคยพูดมาก่อน นั่นคือเขารู้สึกว่าตนเองสูญเสียอำนาจในการควบคุมฟ้าดินนี้ไปแล้ว
อาวุธในสงครามเย็น เขายังคงไร้พ่าย
จนถึงยุคโมเดิร์น ปืนใหญ่ถึงได้รับการพัฒนาขึ้นมาแต่การพัฒนาก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า ทรัพยากรน้อยและทุนหนัก โล่เฉินไม่ได้สนใจอะไร พริบตาเดียวเขาก็ทำลายมันได้
สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ วิทยาศาสตร์พัฒนาเร็วเกินไป
ครู่เดียวก็มาถึงอาวุธนิวเคลียร์
ในเวลานั้นระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกาได้ถล่มเมืองในญี่ปุ่น 2 แห่งและยังสร้างความตื่นตระหนกให้กับโล่เฉินไปไม่เบา
ผู้ฝึกอมตะมีชีวิตยืนยาว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวันตาย หากถูกแทงหัวใจเข้าก็ยังต้องตายอยู่ดี
ภายใต้ระเบิดปรมาณูจะไม่กลายเป็นตอตะโกได้อย่างไร
ดังนั้นจึงได้แต่จนใจ
พวกเขาพัฒนาไปแล้วและทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น ดังนั้นนับแต่ยุคโมเดิร์นมาจนถึงปัจจุบันโล่เฉินจึงทำตัวถ่อมตนอย่างยิ่ง
นิสัยชอบรบราฆ่าฟันที่เคยมีเองก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาอดทนต่อความอัปยศอดสูไปมากมาย และอารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน
การทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ทำตามอำเภอใจอีกต่อไป
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงสิบวินาที โล่เฉินกลับคิดไปไกล
แต่ชายสามคนไม่รู้ไปด้วย เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและรังสีอันเย็นเฉียบจากโล่เฉิน พวกเขาก็รู้สึกถูกบีบคั้นจนสมองแทบแตก
ปึกปึกปึก
ทั้งสามคนคุกเข่าโขกหัวเพื่อขอความเมตตา
“พี่ชายไว้ชีวิตด้วย ส้งหลงพี่ชายของส้งเชี่ยงเล่นการพนันในบ่อนของพวกเรา เป็นหนี้อยู่ 50000 คนหนีไปแล้ว หัวหน้าบ่อนให้พวกเรามาตามทวงหนี้ บ้านของส้งเชี่ยงไม่มีเงิน พวกเราก็ได้แต่พาเธอกลับไป”
“ใช่ พี่ชาย พวกเราเองก็ได้รับคำสั่งมาอีกที อาศัยข้าวเขากิน พวกเราเป็นเพียงลูกสมุนตัวเล็ก ๆ ถ้าคุณต้องการหา ก็ไปหาเจ้านายของเราเถอะ”
“ฉันมีพ่อแม่ชราและเด็กน้อยต้องเลี้ยง ชีวิตไม่ได้ง่าย พี่ชายโปรดยั้งมือ”
โล่เฉินเอ่ยถาม “บ่อน บ่อนไหน?”
“บ่อนการพนันหงซิง ตรงถนนเจี่ยฟ่างใกล้ถนนหงฉี”
“กลับไปบอกเจ้านายของพวกนาย จากนี้ไปอย่ามาหาเรื่องครอบครัวส้งอีก บ่ายโมงวันนี้ ฉันจะไปที่บ่อน เงินที่ส้งหลงติด ฉันจะคืนให้เอง”
ชายสามคนมองหน้ากันด้วยความโล่งใจและรีบพยักหน้า: “พี่ชายผมเข้าใจแล้ว พวกเราจะรีบกลับไปบอก”
“รีบๆ ไปให้พ้น.”
“ครับๆ ”
ชายทั้งสามคนรีบวิ่งหนีไปอย่างกระเซอะกระเซิง ส้งเชี่ยงถึงค่อยโล่งใจ
เธอปาดน้ำตาและเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ขอบคุณพี่ชาย เงิน 50000 หยวนนั่นฉันจะค่อยๆ ทยอยคืนคุณ”
“ไม่จำเป็น บ่ายนี้ฉันจะไปที่บ่อนฝึกมือ และจะจ่ายหนี้การพนันของพี่ชายเธอคืนไป”
ส้งเชี่ยงตกตะลึง “พี่ชาย คุณจะไปเล่นการพนันหรือ?”
“ไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้ พี่ชายของฉันตกหลุมพรางไปแล้ว เจ้านายของบ่อนการพนันหงซิงมีเบื้องหลังอยู่ ชอบหลอกล่อคน แม้กระทั่งจ้างคนหลายพันคนมาเพื่อเล่นการพนัน เพื่อชิงเงิน พี่ชายของฉันตกอยู่ในมือของพวกสิบแปดมงกุฎไปแล้ว คุณอย่าได้ไปเป็นอันขาด”
สิบแปดมงกุฎ?
มุมปากของโล่เฉินยกยิ้ม
ถ้าจะพูดเรื่องสิบแปดมงกุฎ บนโลกนี้เกรงว่าคงไม่มีใครเก่งไปมากกว่าเขา
“วางใจเถอะ ฉันรู้ตัวเองดี”
ส้งเชี่ยงเห็นโล่เฉินแน่วแน่ที่จะไปก็ทั้งร้อนใจและจนปัญญา เธอกัดริมฝีปากสีแดงก่ำและเอ่ยโพล่งออกไป “พี่ชาย ฉันไปเป็นเพื่อนคุณดีกว่า”
“เธอจะไปด้วย? ไม่กลัว? ”
“กลัวไปก็ไร้ประโยชน์” ส้งเชี่ยงมีความแน่วแน่ ดวงตาฉายประกายแรงกล้า “ถ้าหากพี่ชายติดกับเข้า อย่างนั้นต่อให้ฉันซ่อนตัวอยู่ที่บ้านก็ต้องถูกตามจนเจออยู่ดี แถมยังลำบากครอบครัวไปด้วย ฉันไปเผชิญหน้าแบบนี้ยังจะดีกว่า ถ้าพี่ชายชนะ ก็ยังคงออกมาจากบ่อนไม่ได้อยู่ดี”
“ หื้อ?”
“เจ้าของบ่อนไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่ ตอนนี้มีเพียงฉันเท่านั้นที่ช่วยคุณได้”
โล่เฉินเบ้ปาก “เธอช่วยฉัน อาศัยความสวย?”
“อันที่จริง เจ้าของบ่อนถูกใจฉัน มีครั้งหนึ่งพี่ชายพาฉันไปที่บ่อนด้วย สายตาที่เขามองฉันราวกับกำลังมองเหยื่อก็ไม่ปาน ที่พี่ชายฉันตกอยู่ในกำมือเขาแบบนี้ สุดท้ายแล้วก็เพื่อที่จะให้ฉันใช้ตัวเข้าแลก”
โล่เฉินยกยิ้มมุมปาก เขาเอามือลูปคางและเอ่ย “น่าสนใจ เจ้าของนั่นไม่จำเป็นต้องบังคับด้วยซ้ำ แค่บีบคั้นให้เธอเข้าไปอย่างว่าง่าย รู้จักเล่นเสียจริง ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า”
“พี่ชาย ฟังคุณ”
คอมเม้นต์