จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – บทที่ 107 ถังหมิงกวงขอพบ
“อาจารย์ ดูเหมือนว่าช่วงเวลาอ่อนแรงของคุณจะคงอยู่อีกสักสองสามวัน ช่วงเวลานี้พยายามหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกเถอะครับ หากเกิดไปเจออันตรายอะไรเข้าก็จบเห่แล้ว ผมจัดบอดี้การ์ดที่เก่งกาจกลุ่มหนึ่งให้คอยลาดตระเวนด้านนอกไห่ถังหัวฝู่”
ตึกซิงหยุน ในสำนักงาน
ฟ่านหงชางสีหน้ากังวล “อาจารย์ ถึงแม้ว่าคุณจะใช้วิชาสาปฆ่าโดยเชื้อสายในช่วงเวลาที่พลังอยู่ในจุดสูงสุด ก็ยังคงมีผลกระทบตามมา อย่าให้พูดถึงตอนนี้เลย โชคดีที่คุณไม่เป็นอะไร หากเกิดเรื่องอะไรไม่คาดคิดขึ้นมาคุณจะให้ศิษย์ทำยังไง”
ความห่วงใยถูกส่งมาจนรู้สึกอบอุ่นอย่างยิ่ง โล่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้จักตัวเองดี ก็แค่ทำลายตระกูลป๋ายสามรุ่นเท่านั้น หากฉันอยู่ในจุดสูงสุดละก็คงไม่หยุดแค่เพียงสามรุ่นแน่”
“ยังไงระวังไว้ก็ยังคงดีกว่า ผมยังคงกังวลอย่างยิ่ง ทันทีที่เมืองหลวงรู้เรื่องนี้อาจารย์คุณจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”
ฟ่านหงชางชะงักไปและเอ่ย “อาจารย์ สามวันมานี้ผมไปสร้างเส้นสายเอาไว้แล้วจำนวนหนึ่ง หากนางปีศาจนั่นได้ยินข่าวแล้วตามมาฆ่าจริงๆ ผมจะรีบส่งคุณออกจากมณฑลซีหนันทันที นอกมณฑลเองก็จะมีคนคอยรับอยู่จากนั้นจะออกจากประเทศไปอย่างเร็วที่สุดทันที”
“หงชาง ทำให้นายต้องลำบากแล้ว”
“อาจารย์อย่าพูดแบบนี้ ตระกูลฟ่านของเรารับใช้คุณมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลจนกระทั่งวันนี้ คติของบรรพบุรุษเราคือการได้รับใช้คุณ ต่อให้ต้องสละชีวิตก็ไม่ลังเล”
โล่เฉินเต็มไปด้วยอารมณ์ประดังขึ้นมา
หลายพันปีก่อน เขาเดินทางไปทั่วโลก รับเด็กกำพร้าคนหนึ่งมาเป็นศิษย์ของเขาและเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ และนั่นก็คือบรรพบุรุษของฟ่านหงชาง
ต่อมา ตระกูลฟ่านก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ในยุคชุนชิว ยังเกิดยอดคนคนหนึ่งขึ้น ถูกคนยุคหลังเรียกว่า “เทพธุรกิจ” ฟ่านหลี่ เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในยุคชุนชิว
แน่นอนว่าฟ่านหลี่เองก็เคยรับใช้โล่เฉิน นอกจากนี้ยังเป็นเพราะฟ่านหลี่ที่ได้ถ่ายทอดวิถีทางธุรกิจเอาไว้ส่งผลให้ลูกหลานตระกูลฟ่านในรุ่นต่อ ๆ มาล้วนเป็นคนร่ำรวย
จนกระทั่งมาถึงรุ่นของฟ่านหงชาง ก็ถือว่าทำได้ไม่เลว
ไม่นานนัก คนตระกูลเสี้ยงก็มา
“นายท่านเสี้ยง คิดไม่ถึงว่าคุณจะมาด้วยตนเอง”
“เรื่องใหญ่อย่างการแก้ไขวิชาฝึกฝนนักบู๊ สำหรับตระกูลเสี้ยงของเราแล้วถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ จะไม่ให้ความสำคัญได้อย่างไร” น้ำเสียงของเสี้ยงหยวนแฝงไปด้วยความตื่นเต้น
โล่เฉินไม่ได้พูดอะไร และมอบวิชาฝึกจิตใหม่ทั้งหมดไปให้
เสี้ยงหยวนกวาดมอง สีหน้าตื่นตะลึงเกินกว่าจะบรรยาย แม้แต่เสี้ยงฉ่ายเอ่อที่ไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิงก็ยังมองออก
ครู่หนึ่ง เสี้ยงหยวนก็กุมมือคำนับ “ขอบคุณอาจารย์อย่างยิ่ง”
“ก็แค่เรื่องเล็กน้อย ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณนายท่านหานที่ออกหน้าให้ หากไม่ใช่อย่างนั้นเรื่องตระกูลป๋ายคงต้องเป็นเรื่องสะเทือนขวัญของซีหนันแน่ ผมเองก็คงไม่ได้อยู่อย่างมั่นคงแบบนี้”
“อันที่จริง เรื่องทำลkยล้างตระกูลป๋าย ทางรัฐบาลมณฑลเองก็ไม่มีความเห็นอะไร หลายปีมานี้ตระกูลป๋ายวางอิทธิพลเหนือรัฐบาลหลิงสุ่ย อวดเบ่งวางอำนาจ กระทำเรื่องชั่วช้ามากมาย ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา เรื่องการถูกล้มล้างถือเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ภายในสองสามปี รัฐบาลมณฑลเองก็ต้องการจับมือกับกองกำลังทหารมากวาดล้างตระกูลป๋ายทั้งหมดเช่นกัน”
“คุณลงมือเสียก่อน ถึงแม้วิธีการจะสะเทือนขวัญ แต่กลับช่วยรัฐบาลจัดการปัญหาใหญ่ไปได้ ผมออกหน้า บวกเปิดเผยตัวตนปรมาจารย์ของคุณ คณะกรรมการพรรคประจำมณฑลก็ตอบตกลงที่จะปิดข่าวให้อย่างไม่ลังเล พูดไปแล้ว สุดท้ายก็เป็นเพราะความแข็งแกร่งของคุณ รัฐบาลมณฑลจึงไว้หน้าให้”
คำพูดของเสี้ยงหยวนทำให้คนตะลึงไป
แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้วก็สมเหตุสมผลอย่างมาก
แม้แต่เหล่าสุดยอดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงก็ยังไม่กล้าวางอิทธิพลข่มรัฐบาล ตระกูลป๋ายคิดว่าตนอยู่ในหลิงสุ่ยอย่างปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ ก็เริ่มกำเริบเสิบสาน
อย่างที่ทุกคนต่างรู้กัน ทางรัฐบาลมณฑลวางแผนเอาไว้มานานแล้ว
แต่ที่ยังคงไม่ลงมือ ก็แค่รอเพียงตระกูลป๋ายวางอำนาจบาตรใหญ่เท่านั้น
ถ้าจะฆ่าหมู ย่อมต้องใช้ไขมันหมู
ทำลายล้างตระกูลป๋าย ทรัพย์สินทั้งหมดจะต้องถูกยึด ทรัพย์สินมีมูลค่าสูงกว่าหมื่นล้าน นี่เองก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาล หลิงสุ่ยยอมทนกับความอัปยศอดสูมาโดยตลอด
“นายท่าน”
ผู้จัดการตึกซิงหยุนปรากฏตัวขึ้นและกล่าวว่า “ด้านนอกมีชายชื่อถังหมิงกวง บอกว่าต้องการนำของสำคัญมามอบให้กับคุณโล่ เขาบอกว่าไม่มีช่องทางติดต่อคุณโล่ ดังนั้นจึงมาขอพบคุณ”
“อ๋อ?”
ฟ่านหงชางหันหน้ามาถาม “อาจารย์ เจอสักหน่อยดีไหม?”
“ได้”
โล่เฉินพยักหน้า
ที่ด้านตรงข้าม ดวงตาของเสี้ยงหยวนฉายแววประหลาดใจ ก่อนจะหันไปสบตากับเสี้ยงฉ่ายเอ่อเงียบๆ
พวกเขาแค่คิดว่าโล่เฉินและฟ่านหงชางมีมิตรภาพที่ดีต่อกันเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าฟ่านหงชางจะเรียกโล่เฉินว่า “อาจารย์”
คนที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงโจวเป็นศิษย์ของเขา
ดูเหมือนว่า โล่เฉินจะยังคงมีความลับอยู่มากมาย
“คุณฟ่าน”
ผู้จัดการเดินนำถังหมิงกวงเข้ามา เมื่อเห็นโล่เฉิน ถังหมิงกวงก็ดูตื่นเต้นและเกรงกลัว “นายท่าน คิดไม่ถึงว่าคุณจะอยู่ที่นี่ด้วย”
“นั่งเถอะ”
โล่เฉินแสดงท่าทางและเอ่ยถามทันที “ได้ยินว่านายมีของจะให้ฉัน”
“นายท่านโปรดดู”
ถังหมิงกวงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีดำออกจากอกของตนและเปิดออก ด้านในเป็นกุญแจสีใสดอกหนึ่งกำลังเปล่งรัศมีจาง ๆ
“เอ๋? ”
โล่เฉินมองออกถึงความไม่ธรรมดา เขาหยิบกุญแจขึ้นมาเพื่อสังเกตดูก่อนจะเดาะลิ้นเอ่ย “นี่คือกุญแจที่กลั่นด้วยวิธีพิเศษโครงสร้างของมันซับซ้อนอย่างยิ่ง ถูกสร้างโดยนักพรต เวลาเพียงชั่วครู่ ฉันยังมองมันไม่ออกเช่นกัน”
“นายท่าน นี่เป็นของที่ได้มาจากบนตัวของว่านเห้อ”
“ว่านเห้อ?” โล่เฉินตะลึงไป
ถังหมิงกวงอธิบาย “ว่านเห้อเป็นปรมาจารย์ คุณฆ่าเขาจากนั้นก็จากไป ผมคิดว่าลองดูบนตัวปรมาจารย์ดูสักหน่อยว่ามีของดีอะไรหรือไม่ เผื่อจะมีวิธีฝึกจิต สุดท้ายวิชาฝึกจิตหาไม่เจอกลับเจอกุญแจดอกนี้แทน”
ฆ่าปรมาจารย์!
เสี้ยงหยวนตกใจอย่างยิ่ง
เขามองไปที่เสี้ยงฉ่ายเอ่อ ก่อนจะเห็นว่าฝ่ายหลังส่ายหัว บ่งบอกว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกัน
คืนนั้น สองพี่น้องเสี้ยงฉ่ายเอ่อแค่เห็นซากปรักหักพังของบ้านตระกูลป๋ายเท่านั้น เรื่องการต่อสู้ก่อนหน้านั้นพวกเธอไม่เห็นกับตา ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าโล่เฉินได้สังหารปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งไป
ฮู้
ในใจของเสี้ยงหยวนเต้นแรง เขาพยายามสงบสติอารมณ์
อย่างที่ทุกคนทราบกันดี แม้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะพ่ายแพ้และคิดหลบหนี ใครก็ล้วนห้ามไว้ไม่อยู่ นอกเสียจากจะถูกปรมาจารย์ล้อมฆ่า หรือมีช่องว่างระหว่างพลังต่างกันมากเกินไปนั้น
ง่ายมาก เช่นการที่ปรมาจารย์ขั้นสุดยอดประมือกับปรมาจารย์ขั้นต้น
ช่องว่างความต่างระดับนี้มีมากเกินไป ดังนั้นจึงสามารถถูกฆ่าได้อย่างสมบูรณ์
เสี้ยงหยวนสะท้าน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าโล่เฉินเป็นแค่ปรมาจารย์ขั้นต้นเท่านั้น ตอนนี้กลับได้ยินว่าเขาฆ่าปรมาจารย์ลง อีกทั้งยังเป็นที่บ้านตระกูลป๋าย….
เฮือก หรือว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ขั้นสุดยอด?
ดวงตาที่งดงามของเสี้ยงฉ่ายเอ่อเป็นประกาย เขาพบว่าโล่เฉินเป็นปริศนาอย่างหนึ่ง ถูกเขาดึงดูดอย่างลึกซึ้ง
ชายหนุ่มคนนี้ เป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกันแน่?
ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้!
“นายท่าน ยังจำได้หรือไม่ว่าก่อนที่ว่านเห้อจะตายเขาได้บอกว่าเขาขโมยสมบัติลับของตระกูลว่านมา ให้ผมเดา กุญแจนี่จะต้องเป็นสมบัติลับของตระกูลว่าน”
โล่เฉินนึกขึ้นได้ว่ามีคำพูดเช่นนั้นจริงๆ
“ตระกูลว่าน เป็นตระกูลว่านในเมืองหลวง? ”
เสี้ยงหยวนถามขึ้น
โล่เฉินพยักหน้า “ใช่ นายท่านเสี้ยงคุณรู้เรื่องตระกูลว่านหรือไม่?”
แม้ว่าเขาจะเคยยืนอยู่จุดสูงสุดของเมืองหลวง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเหล่าตระกูลเบื้องล่างมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลว่านในตอนนั้นก็เป็นเพียงตระกูลชั้นหนึ่งเท่านั้น ถึงตระกูลแบบนี้ในเมืองหลวงจะมีไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน
สิบปีมานี้ ตระกูลว่านน่าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก
ว่านเห้อเคยกล่าวไว้ว่านอกจากตระกูลกู่ ตระกูลหลวง และตระกูลหลัน ถัดมาก็เป็นตระกูลว่านแล้ว
“ไม่รู้อะไรมากนัก ท้ายที่สุดสุดยอดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงต่างก็มีความลับของตัวเอง แต่ว่าตระกูลว่านและตระกูลหลงดองกันแล้ว อำนาจของตระกูลหลงนั้นไม่ต้องพูดถึง ตระกูลว่านอาศัยอำนาจของตระกูลหลงพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วและค่อยๆ เปลี่ยนแปลงรูปแบบของเมืองหลวงไปอย่างเงียบๆ! ”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อเอ่ยต่อ “ตระกูลว่านมีความทะเยอทะยานอย่างมาก เหล่าชาวเน็ตล้วนออกมาประกาศกันว่ายุคสามตระกูลใหญ่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว จากนี้ไปเมืองหลวงจะมีสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลว่านจะก้าวเข้ามา”
“สี่ตระกูลใหญ่? เหอะเหอะ ช่างน่าประทับใจจริงๆ ” โล่เฉินหัวเราะเยาะเย้ย
เสี้ยงหยวนเอ่ย “อันที่จริงตระกูลว่านมีความแข็งแกร่งมากพอจริงๆ ตอนนี้ความแข็งแกร่งทางด้านบู๊ของตระกูลว่านกำลังไล่ตามทันตระกูลหลงแล้ว”
“เคยเห็นกุญแจนี้ไหม?” โล่เฉินถาม
“ไม่เคย”
เสี้ยงหยวนส่ายหัวและพูดอย่างเคร่งขรึม “เพื่อกุญแจดอกนี้ ตระกูลว่านไม่ลังเลที่จะไล่ฆ่าปรมาจารย์คนหนึ่ง เห็นได้ชัดถึงความมีค่าของมัน คุณจะต้องเก็บมันไว้ดีๆ นี่เกี่ยวข้องกับความลับครั้งใหญ่”
“ฉันเองก็คิดเหมือนกัน”
โล่เฉินเก็บกุญแจขึ้นมา
ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องคิดมากเกี่ยวกับมัน รอให้ภายหลังไปเมืองหลวง ความลับทั้งหมดจะได้รับการเปิดเผยเอง
คอมเม้นต์