จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่ 137 กล้าพูดว่าคืนวันผลัดสู่วันใหม่

อ่านนิยายจีนเรื่อง จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี ตอนที่ 137 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

พวกเธออยากถูกไล่ออกจากตระกูลหรือยังไง?

“เปรี้ยง!”

สายฟ้าแลบอีกครั้งซึ่งสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ดุร้ายของคุณย่าหาน รอยเหี่ยวย่นและตีนกาอันสลับซับซ้อน ทำให้เธอดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

หานเจี้ยนเย่และหานหยู่เยนร่างกายสั่นเทา สมองของพวกเขาว่างเปล่า

“คนแก่เลอะเลือน คุณคิดว่าตอนนี้พวกเราจะยังกลัวคุณอยู่หรือไง ขับไล่ออกจากตระกูลหานแล้วทำกัน ตอนนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องพึ่งตระกูลหาน พวกเราจะแข็งแกร่งกว่าตระกูลหาน!”

หลิวเซียงหลันแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างยิ่ง คำพูดของเธอน่าตื่นตะลึง จนทำเอาบรรดาญาติพี่น้องตระกูลหานหวาดกลัวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

เสร็จแล้ว

วันนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!

“เซียงหลัน คุณควรหยุดพูดเรื่องไร้สาระ คุกเข่าขอโทษคุณแม่เดี๋ยวนี้” หานเจี้ยนเย่ร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัว

ในอีกด้านหนึ่ง หานหยู่เยนก็ก้มศีรษะของเธอและเดินไปหาโล่เฉิน โดยที่ริมฝีปากกัดแน่น

“โล่เฉิน เอ่อ… คุณจะช่วย…”

ศีรษะของหานหยู่เยนลดต่ำลงเรื่อยๆ น้ำเสียงราวกับแมลง “คุณจะช่วย โอนบริษัทให้คุณย่าได้ไหม”

บูม

ประโยคนี้ ทำให้คนในตระกูลหานต้องตกตะลึงอย่างมาก

หลายคนคิดว่าหานหยู่เยนสมองพิการไปแล้ว หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา พวกเขาก็ต้องทำอย่างหลิวเซียงหลันแน่ ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลหานอีกต่อไป

ก่อตั้งตระกูลของตนเอง จะดีมากขนาดไหนกัน

ใบหน้าของหานหยุนเทาปรากฏความพึงพอใจ ใบหน้าของคุณย่าหานก็ดุร้ายลงมาเล็กน้อยเช่นกัน

“หยู่เยน เธอบ้าไปแล้วหรือไง!”

ในขณะนี้ หลิวเซียงหลันทั้งตกใจและโกรธ เธอวิ่งไประหว่างคนทั้งสอง และชี้ไปด่าที่หน้าของหานหยู่เยน

“นางหนูไม่รักดี กินยาผิดหรือไง หรือว่าคนแก่เลอะเลือนนี่ให้เธอกินยาอะไรไป พวกเรามีบริษัท อนาคตยังอีกยางไกล แต่เธอกลับกล้าพูดจาไร้สาระแบบนี้ออกมา ให้เราเอาบริษัทไปให้คนแก่เลอะเลือนนั่นฟรีๆ! “

“เธอ เธอ….”

หลิวเซียงหลันตัวสั่นไปทั้งตัว “แกมันลูกอกตัญญู ในที่สุดแล้วหมาป่าตาขาวไม่ใช่โล่เฉินแต่เป็นเธอต่างหาก เธอสู้หน้าฉันได้ไหม สู้หน้าครอบครัวของเราได้ไหม”

“แม่ หนู หนู……”

หานหยู่เยนน้ำตาไหลราวกับสายฝน แต่กลับไม่รู้ว่าจะเปิดปากยังไง

โล่เฉินถอนหายใจอย่างลับๆ เขาเข้าใจความรู้สึกที่ยากลำบากของหานหยู่เยนเป็นอย่างยิ่ง เธอมีความรู้สึกต่อตระกูลมากเกินไป และคุณย่าหานก็เล็งเห็นถึงจุดอ่อนนี้ของหานหยู่เยนและใช้มันมาเพื่อข่มขู่

มันช่างเย็นชาและไร้ความปรานี!

ทันใดนั้น โล่เฉินก็พบว่าตนถูกจับกดมือเอาไว้

หานหยุนเทาจ้องมองเขาและตะโกนว่า “รีบเซ็นเดี๋ยวนี้ รีบๆประทับรอยนิ้วมือซะ!”

“ไอ้สารเลว ไสหัวไปซะ!”

หลิวเซียงหลันระเบิดโทสะ เธอตบหน้าหานหยุนเทาและเตะเข้าที่เป้าตามสัญชาตญาณ

“อ๊าก”

หานหยุนเทาร้องอย่างเจ็บปวด เขาคุกเข่าลงบนพื้นด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว

“พี่เทา คุณโอเคไหม” หานหยางรีบพุ่งเข้าไป

คุณย่าหานตบโต๊ะอย่างแรง เธอลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงชี้ไม้ค้ำยันอันสั่นเทาไปที่หลิวเซียงหลัน น้ำเสียงแจ่มชัด “คนอกตัญญูไม่รู้จักบุญคุณ นับจากวันนี้ไป ฉันไม่มีเธอเป็นลูกสะใภ้ ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”

“พี่เทาเป็นถึงอนาคตผู้สืบทอดของตระกูลหาน เธอแตะเขาไปแบบนั้น หากเกิดอะไรขึ้นก็เท่ากับทำลายผู้สืบทอดตระกูลเช่นกัน ตามกฎของตระกูล โทษของเธอไม่มีการละเว้น ต้องถูกขับออกจากตระกูล!” หานหยางตะโกน

บรรดาญาติพี่น้องต่างตกตะลึง จากนั้นก็มีคนพูดขึ้น

“ใช่ ออกไปจากตระกูล!”

“อาศัยชีวิตแบบเธอยังคิดจะพลิกฟื้นตัวขึ้นมา ฝันไปซะเถอะ โล่เฉินรีบเซ็นซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”

ผู้คนพับแขนเสื้อขึ้น พร้อมจะลงมือ

ไม่มีใครอยากเห็นหลิวเซียงหลันโบยบินสู่ท้องฟ้า

แบบนั้นก็เท่ากับว่าทุกคนเป็นมด แต่กลับมีอยู่วันหนึ่งที่หนึ่งในนั้นมีโอกาสได้เป็นช้าง ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ไม่อนุญาตให้มันเกิดขึ้นได้

ดังนั้นนี่คือการทำลายมดตัวนั้นในทุกวิถีทาง เพื่อห้ามไม่ให้มันเป็นช้างได้

ในเวลานี้ ตระกูลหานกำลังเป็นแบบนั้น

“พวกคุณกำลังทำอะไร!” หลิวเซียงหลันตื่นตระหนกแล้ว

ชายแข็งแกร่งหลายสิบคนเข้าล้อมรอบโล่เฉินและกล่าวอย่างโหดเหี้ยม “รีบๆเซ็นชื่อแล้วประทับลายนิ้วมือซะ ไม่อย่างนั้น อย่าโทษพวกเราที่ต้องลงมือบังคับ”

“พวกแกไอ้สารเลว พวกแกกำลังทำผิดกฎหมาย ฉันจะฟ้องพวกแก” หลิวเซียงหลันตะโกนลั่น คิดอยากจะพุ่งเข้าไปแต่กลับถูกหญิงวัยกลางคนกลุ่มหนึ่งหยุดเอาไว้

“ฮ่าฮ่า ฟ้องพวกเรา ฟ้องยังไง มีหลักฐานไหม?” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งหัวเราะเยาะ

“ใช่ แม้แต่ลูกสาวของเธอก็ยังอยู่ข้างเรา ใครจะเชื่อเธอกัน”

“อยากบินขึ้นไปบนกิ่งไม้กลายเป็นหงส์ ฝันไปเถอะ!”

หลิวเซียงหลันตกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเปล่งเสียงเรียก “สามี รีบพาโล่เฉินออกไปจากบ้านเก่าแก่ของตระกูลหาน อย่าปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จ เร็วเข้า!”

“เมียจ๋า ฉัน……”

“เจี้ยนเย่”

ทันใดนั้น ด้านหลังก็มีน้ำเสียงเย็นชาดังขึ้น จนหานเจี้ยนเย่หยุดกึก

“เจี้ยนกั๋วถูกไล่ออกจากตระกูลไปแล้ว ฉันเหลือนายเป็นลูกชายเพียงคนเดียว นายเองก็ต้องการบังคับให้ฉันไล่นายออกจากตระกูลหรือยังไง ให้ฉันไร้ลูกหลานใช่ไหม!”

หานเจี้ยนเย่ลำคอฝืดเคืองและพูดไม่ได้

“สามี คุณยังมัวนิ่งอยู่ทำไม รีบพาโล่เฉินวิ่งไปสิ”

แต่ไม่มีการตอบกลับ

หลิวเซียงหลันสิ้นหวัง เธอมองไปที่หานหยู่เยนอีกครั้งและตะโกนว่า “หยู่เยน พาโล่เฉินไป แม่ข้อร้อง”

“กว่า 20 ปีมาแล้ว ที่แม่ต้องถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวใจของแม่มันทำมาจากก้อนเนื้อ แม่ทนไม่ได้อีกต่อไป ลูกได้โปรดช่วยแม่เถอะ แม่สัญญาว่าจะไม่พุ่งเป้าไปที่ตระกูลหานในอนาคต”

“ลูกเป็นลูกรักตัวน้อยของแม่ ลูกเข้าใจแม่ ใช่ไหม?”

หานหยู่เยนกลายเป็นถังน้ำตาไปตั้งนานแล้ว

ด้านหนึ่งก็ตระกูล อีกด้านหนึ่งก็แม่ เธอจะทำยังไงดี?

ทำไมกัน?

ทางเลือกที่ยากลำบากเช่นนี้ ทำไมมักจะต้องตกอยู่ที่ตนเสมอ

“อย่าร้องไห้ ฉันอยู่นี่”

ในช่วงเวลาที่ทำอะไรไม่ถูกนี้ จู่ๆหานหยู่เยนก็รู้สึกอบอุ่นอย่างไร้ที่เปรียบ

เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เธอสบเข้ากับดวงตาเป็นประกายคู่นั้นที่ช่างล้ำลึกราวกับทะเลแห่งดวงดาว

หน้าอกแผ่กว้างและคุ้นเคยสื่อถึงความอบอุ่นที่หาที่เปรียบมิได้

ตัวที่สั่นเทาของหานหยู่เยนค่อยๆมั่นคงขึ้น สัญชาตญาณสั่งให้ติดตามโล่เฉินไป

“ฉันเชื่อคุณ” หานหยู่เยนสะอื้น “โล่เฉิน คุณตัดสินใจเถอะ ไม่ว่าจะทางเลือกไหน ฉันก็จะยอมรับ”

“อืม”

โล่เฉินหายใจเข้าลึก เขากวาดตามองหานเจี้ยนเย่ กวาดตาดูหลิวเซียงหลันและบรรดาญาติๆทั้งหมดของตระกูลหาน

ในที่สุด สายตาก็จ้องไปที่คุณย่าหาน

“คุณต้องการให้ผมโอนบริษัทให้คุณ ก็ได้…”

ตึง

สมองของหลิวเซียงหลันคำรามลั่นและขาอ่อนจนฟุบลงไปบนพื้น

เหล่าหญิงวัยกลางคนที่ล้อมรอบเธออยู่หัวเราะคิกคัก มีความสุขบนหายนะของคนอื่นอย่างยิ่ง

“แต่ว่า”

คำสองคำหลุดออกมาจากปาก ทุกคนประหลาดใจและมองไปที่โล่เฉิน

คุณย่าหานเอ่ยเสียงเคร่ง “นายไม่มีคุณสมบัติและอำนาจมากพอที่จะพูดเรื่องเงื่อนไขกับฉัน”

“ผมมี!”

“อาศัยบริษัทที่มันอยู่ในมือของผม!”

“ผมอาศัยเรื่องที่ว่าหากผมจะไป ใครก็ห้ามไม่อยู่!”

หานหยุนเทาถูกประคองขึ้นมาโดย หานหยางใบหน้าของเขาตึงเครียด ด้านหนึ่งเอ่ยด้านหนึ่งชี้นิ้วออกคำสั่ง “แกไอ้ขยะคนหนึ่งก็กล้าเปิดปากพูดจาถือดีออกมา พวกคุณลุงไม่จำเป็นต้องมาพูดเรื่องไร้สาระกับเขา รีบจับเขาไว้แล้วออกแรงบังคับเขาให้เซ็นชื่อลงลายนิ้วมือซะ”

“ดี!”

ชายร่างใหญ่สามคนลงมือเตรียมกดโล่เฉินลงบนพื้น

วินาทีถัดมา

ทุกคนต้องตกตะลึง

โล่เฉินแค่ชูมือข้างหนึ่งยกตัวชายร่างใหญ่หนักว่าเก้าสิบกิโลกรัมขึ้นมาแล้วเหวี่ยงออกไปอย่างแรงเพื่อทุบกลุ่มคนให้ล้ม

“นี่ นี่…” หานหยุนเทาราวกับเห็นผี

“ตอนนี้ ยังสงสัยในสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า?”

ใบหน้าของโล่เฉินเย็นชา มีรังสีฆ่าฟันเต็มเปี่ยม

“ครืนน!”

“เปรี้ยง!”

ฟ้าร้องโครมครามประสานกับสายฟ้าแลบ

ด้วยความช่วยเหลืออันน่าสะพรึงจากท้องฟ้า ความสง่างามของโล่เฉินถูกแสดงออกมาอย่างเต็มตา จนทำให้ทุกคนหวาดกลัว รวมทั้งคุณย่าหานด้วย

เนิ่นนาน คุณย่าหานก้าวถอยหลังไป ก่อนจะถามอย่างเย็นชาว่า “นายมีเงื่อนไขยังไง?”

“กำหนดผู้สืบทอดของตระกูลหาน”

ประโยคเดียว

ราวกับฟ้าฝ่ายามกลางวัน

ไม่สิ เป็นฟ้าผ่าจริงๆ!

ใบหน้าของหานหยุนเทาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาคาดเดาได้ถึงบางอย่าง

ขณะคิดจะเอ่ยปากด่า โล่เฉินแค่กวาดตามองผ่านก็ทำเอาเขาหนาวเหน็บราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง จนต้องปิดปากสนิท

“กำหนดให้หยู่เยนเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหาน ณ ตอนนี้ ต่อหน้าทุกคน ทนายจ้าวเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ร่างข้อตกลงผู้สืบทอดตำแหน่งขึ้นมา”

โล่เฉินน้ำเสียงหนักแน่น แฝงด้วยความหมายที่ไม่อาจปฏิเสธได้

“มีแค่วิธีนี้ ที่ผมจะโอนบริษัทให้คุณ มิฉะนั้น อย่าแม้แต่จะคิด”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด