จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่145 ฉันเข้าใจได้
หลังจากอ่านข่าว ใบหน้าของโล่เฉินเปลี่ยนไป
หานหยู่ถิงดึงเสื้อของเขาและถามอย่างกังวลว่า “พี่เขยเกิดอะไรขึ้นกับคุณน่ะ มีเรื่องอะไรบอกฉันมาได้นะ”
“ไม่มีอะไร กลับบ้านเถอะ”
โล่เฉินไม่คิดมากอีกต่อไป
คำพูดที่ชายชรากล่าวไว้ สมควรเป็นสี่สิ่งมหัศจรรย์ สุนัขกินดวงจันทร์จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ธันวาคม ตอนนี้เป็นปลายเดือนกันยายนแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสามเดือน
ส่วนอีกสามอันที่เหลือ ยังไม่มีข่าวคราวใด
จะเกิดอะไรขึ้น โล่เฉินเองก็ขี้เกียจจะคิด บางทีชายชราอาจจงใจพูดจาสร้างเรื่องขึ้นมา ใครจะไปรู้
ฮึ่ม ฮึ่ม
ทันใดนั้น จู่ๆก็มีรถยนต์แลนด์โรเวอร์ปรากฏขึ้นตรงหน้า
โล่เฉินหยุดฝีเท้า เขาเห็นชายสามคนกำลังลงจากรถแลนด์โรเวอร์ สองคนในนั้นเป็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่และอีกคนเป็นชายในชุดสูท
“ผู้ใด?”
“โล่เฉินใช่ไหม คุณชายของเราให้มาเชิญนาย”
“ใคร?”
“ไปถึงแล้วนายก็รู้เอง” ชายในชุดสูทพูดเสียงเรียบ
โล่เฉินเหล่ตา “ไม่สนใจ อย่ามารบกวนฉัน”
ชายในชุดสูทสีหน้าเคร่งขึ้น ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สองคนคิดจะลงมือ
อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงคำที่คุณชายกำชับก่อนออกเดินทาง – กังฟูของโล่เฉินไม่เลว – ชายในชุดสูทก็หยุดชายร่างใหญ่เอาไว้
เขาลดท่าทีของตัวเองลงและเอ่ย “โล่เฉิน คุณชายของเราคือหยางเซียว”
“อะไรนะ!”
หานหยู่ถิงอุทาน
ตระกูลหยาง นั่นเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลชั้นหนึ่งของเมืองเจียง แข็งแกร่งกว่าตระกูลเจิ้งขึ้นไปอีกขั้น
ในฐานะคุณชายของตระกูลหยาง หยางเซียวไม่ได้ทำตัวหรูหราไฮโซขนาดเจิ้งข่าย แต่ก็เป็นที่รู้จักในฐานะคนรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นในเมืองเจียง ได้รับการขนานนามว่าเป็นจุนเจี๋ยผู้ฉลาดล้ำเลิศ
มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับเกียรตินี้
หนึ่งคือหยางเซียว
ส่วนจุนเจี๋ยอีกคน ก็คือคุณชายตระกูลเฝิง หนึ่งในสี่ตระกูลชั้นหนึ่งอีกตระกูล
“พวกนายอย่าเข้ามามั่วซั่ว”
หานหยู่ถิงยืนขึ้น ทำท่าทางดุดัน
อย่างที่ทุกคนทราบ ตระกูลเจิ้งและตระกูลหยางไม่ถูกกัน ตระกูลเจิ้งต้องการบีบให้ตระกูลหยางตกต่ำลง และกลายมาเป็นแค่ตระกูลชั้นสองของเมืองเจียง
ในเวลานี้ หยางเซียวมาหาถึงที่แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไร
ไม่แน่ว่า เขาอาจรู้เรื่องที่เจิ้งข่ายลงทุนในบริษัท และคิดอยากจะทำลายมัน
จะปล่อยให้ไอ้สารเลวนั่นประสบความสำเร็จไม่ได้!
หานหยู่ถิงเข้ามาขวางหน้าโล่เฉินและร้องขึ้น “พวกนายอย่ามาขวางทาง ไม่งั้นฉันจะร้องตะโกนขึ้นแล้วนะ คิดจะจับตัวพี่เขยฉัน ฝันไปเถอะ!”
“วางใจเถอะ คุณชายของเราไม่ได้มีความมุ่งร้ายต่อโล่เฉิน แค่อยากพูดคุยเรื่องบางอย่างเท่านั้น”
“ขออภัย ไม่มีอะไรต้องพูดคุยทั้งนั้น ตระกูลหยางพวกเราคงไม่อาจเอื้อมไปแตะต้อง” หานหยู่ถิงดึงโล่เฉินแล้วพูดว่า “พี่เขย พวกเราไปกันเถอะ”
ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สองคนเดินมาขวางทางทั้งหน้าหลังเอาไว้
“ไอ้บ้า ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
“ในเมืองเจียง พวกนายโทรหาตำรวจให้จับตระกูลหยาง แบบนั้นสมองพวกนายคงมีปัญหาแน่?” ชายในชุดสูทแหย่เล่น
สีหน้าของหานหยู่ถิงแดงก่ำจขึ้นมา
ชายคนนั้นไม่ได้พูดอะไรผิด ตระกูลหยางเป็นใหญ่ในเมืองเจียง ตระกูลหานของเธอจะนับเป็นตัวอะไรกัน เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือฝ่ายไหน
“ช่วยด้วย มีคนใช้กำลังข่มขู่….”
หานหยู่ถิงไม่เล่นตามเกม เธอร้องตะโกนเสียงดังลั่น
ชายในชุดสูทสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขารีบตะโกน “เวรเอ๊ย เธอตะโกนหาอะไร”
คนเดินถนนหันมามองและชี้มือชี้ไม้มายังพวกเขา
“พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย!”
ชายคนนั้นอธิบายไปประโยคหนึ่ง เขามองไปที่โล่เฉินแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เป็นผู้ชายกลับซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผู้หญิง สมกับที่เป็นไอ้ขยะจริงๆ ฉันรู้ว่านายเป็นกังฟูอยู่บ้าง แต่ในเมื่อฉันมาที่นี่แล้ว ย่อมมีวิธีสยบนายอยู่ หวังว่านายเองจะคิดได้ ว่านายมีเรื่องกับตระกูลหยางไม่ไหว”
“สถานที่อยู่ที่ไหน?”
“ปินหูตึกเผิงไหล”
หานหยู่ถิงดึงตัวโล่เฉิน เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า “พี่เขย คุณไปไม่ได้ หยางเซียวไอ้เลวนั่นจะต้องไม่หวังดีแน่ เขาคิดจะจัดการคุณ พวกเราแจ้งตำรวจเถอะ ฉันไม่เชื่อว่าตำรวจจะกล้าปล่อยปละละเลย”
โล่เฉินเอ่ยปลอบ “วางใจเถอะ พี่เขยรู้จักประมาณตน ยิ่งไปกว่านั้น หนีตอนนี้ไปได้ แต่ไม่อาจหนีได้ตลอดชีวิต”
“ถือว่านายฉลาด” ชายในชุดสูทหัวเราะ
“แต่ว่า…”
“เธอกลับบ้านไปอย่างโดยดีเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน และไม่จำเป็นต้องบอกพ่อแม่หรือพี่สาวของเธอ อีกไม่นานฉันก็จะกลับบ้านแล้ว เชื่อฟัง”
หานหยู่ถิงกำหมัดของตน
เธอมองโล่เฉินที่ขึ้นรถแลนด์โรเวอร์ไป ดวงตาแดงก่ำ เกลียดที่ตนเองอ่อนแอเกินไป ปกป้องโล่เฉินไม่ได้
“พี่เขย ถ้าหยางเซียวกล้าแตะต้องคุณ ฉันจะให้เขาต้องจ่ายค่าชดใช้ออกมาแน่”
รถยนต์แลนด์โรเวอร์หายตัวไปจากถนน หานหยู่ถิงเช็ดดวงตา จากนั้นจึงเรียกแท็กซี่ แต่กลับไม่ได้ไปยังทางไห่ถังหัวฝู่
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ตึกเผิงไหล
“มาๆ ดื่มๆ”
เมื่อประตูเปิดออก เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา
ชายสองคนในห้อง คือหยางเซียวซึ่งเคยเห็นมาก่อนในคลับน้ำพุร้อนเทียนฉือ และยังมีเฮยหนิวเจ้าถิ่นเขตปินหู
นอกจากนี้ยังมีสาวสวยสี่คนเป็นเพื่อนดื่ม
“คุณชาย นำคนมาแล้ว” ชายในชุดสูทกล่าว
เฮยหนิวหันมาสบตา
เมื่อเห็นโล่เฉินดวงตาก็ฉายแววยำเกรงขึ้นมา แต่ว่าโล่เฉินเคยกล่าวไว้ ห้ามไม่ให้เปิดเผยตัวตนของเขา
ดังนั้นความยำเกรงนี้จึงหายไปอย่างรวดเร็ว เฮยหนิวแอบมองขึ้นไปที่โล่เฉินและพยักหน้าเล็กน้อย
ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ เขายิ้มเอ่ย “นี่ไม่ใช่ลูกเขยของตระกูลหานหรือ คุณชายหยางเรียกเขามาทำไม?”
“พวกนายออกไปเถอะ”
หลังจากที่ชายในชุดสูทและชายฉกรรจ์ร่างใหญ่จากไป หยางเซียวก็บอกให้โล่เฉินนั่งลง
สาวนั่งดริ้งเข้ามารินเหล้าเต็มแก้วให้กับโล่เฉิน จากนั้นจึงส่งแก้วเหล้าเข้าไปถึงปากของโล่เฉินด้วยท่าทางเย้ายวน
โล่เฉินปัดออก เขาถาม “มีเรื่องอะไร พูดมาเถอะ”
“นายสามารถเพลิดเพลินกับมันสักหน่อยได้ ตึกเผิงไหลเป็นถึงคลับส่วนตัวระดับเดียวกันกับตึกซิงหยุน แค่เข้ามาทานอาหารเริ่มต้นก็เป็นหมื่นหยวนแล้ว!”
หยางเซียวยิ้ม “โอกาสดีๆหาได้ยาก นายต้องรู้จักคว้าไว้”
ใบหน้าของโล่เฉินไม่ขยับ
ในใจของเฮยหนิวหัวเราะเยาะ แอบด่าหยางเซียวว่าช่างเป็นเจ้าโง่ตัวจริงอยู่ลับๆ
ท่านหงอยู่ต่อหน้านายท่านโล่ยังต้องให้ความเคารพ ขอเพียงนายท่านยินดี แค่ประโยคเดียว ตึกเผิงไหลย่อมเป็นของเขา
ตระกูลหยางตัวเล็กๆ กลับกล้าดูหมิ่นนายท่านโล่
เป็นถึงจุนเจี่ย แต่กลับช่างทำตัวน่าหัวเราะเยาะสุดขีด
แน่นอนว่า เรื่องพวกนี้เฮยหนิวย่อมไม่ได้พูดออกไป
“ไม่สนใจ” โล่เฉินเมินเฉย “ทำเวลาหน่อย ถ้าไม่พูดฉันจะไปแล้ว”
“โชคชะตาคนจนก็เป็นแบบนี้ ขนาดหาบริการระดับสูงมาให้ นายก็ยังไม่ยอมซึมซับมัน ช่างน่าเศร้า”
หยางเซียวส่ายหัว เขาวางแก้วเหล้าลง ขณะที่สาวนั่งดริ้งช่วยทุบไหล่เขา
“ฉันได้ยินมาว่านายมีบริษัท?”
“ไม่ผิด”
“เจิ้งข่ายก็ลงทุนให้นายด้วยใช่ไหม แต่เดิมคิดว่าเขาเป็นคนโง่ แต่วันนี้ฉันถึงค่อยรู้ว่า ในบริษัทนายมีสาวสวยหลายคน นังหนูหน้ามัธยมนมมหาลัยในคลับเทียนฉือนั่นก็ถูกนายแย่งตัวไปแล้วเช่นกัน ต้องยอมรับจริงๆว่านายมีฝีมืออยู่บ้าง”
โล่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ “เสน่ห์เฉพาะตัว ช่วยไม่ได้”
หยางเซียวแค่นเสียงเอ่ย “ฉันไม่ต้องการคำอธิบายของนาย ขี้เกียจที่จะฟังมัน ตระกูลเจิ้งและตระกูลของฉันเป็นศัตรูกัน ที่ฉันหานายในวันนี้ก็เพราะเรื่องง่ายๆ ขายบริษัทให้ฉันซะ”
ที่แท้ ก็เพราะอยากได้บริษัทนี่เอง
“คุณชายหยางพูดเรื่องตลกแล้ว บริษัทเล็กๆ ของผม ไหนเลยจะไปเข้าตาคุณได้”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับนาย”
น้ำเสียงของหยางเซียวรุนแรงขึ้น สีหน้าของเขาจริงจัง “ฉันจะให้เงินนายหนึ่งล้าน นี่น่าจะไม่น้อยเลยสำหรับนาย”
โล่เฉินหมดคำพูดใดๆ พวกลูกเศรษฐีพวกนี้คิดไปว่าทั้งโลกเป็นของตนหรือยังไงกัน อยากได้อะไรก็ต้องได้อย่างนั้นหรือ?
ขนาดคุณชายของเหล่าสุดยอดตระกูลในเมืองหลวงก็ยังไม่มีความกล้ามากขนาดนี้ด้วยซ้ำ
ต้นตอของเรื่องนี้ เป็นเพราะพวกนี้ล้วนสายตาสั้น
หดตัวอยู่ในเมืองเจียง สายตาราวกับหนู แต่ใจกลับหยิ่งยโส ไม่รู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่ มีสิ่งน่ากลัวอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
“นายหัวเราะอะไร?” หยางเซียวขมวดคิ้วและถามอย่างเย็นชา “นายไม่ยินยอม?”
“คุณรู้รึเปล่าว่าทำไมเจิ้งข่ายถึงทำแค่การลงทุนไม่ใช่การเข้าซื้อบริษัท?”
หยางเซียวเย้ยหยัน “นั่นก็เพราะเขาเป็นคนโง่”
“ไม่ ไม่ ไม่ เจิ้งข่ายต้องการซื้อแต่กลับจ่ายไม่ไหว ตอนนั้นผมบอกเขาไปแล้ว หากคิดจะซื้อบริษัทของผม จะต้องใช้เงินสองพันล้าน!”
ภายในห้อง เงียบกริบลง
เหล่าหญิงสาวนั่งดริ้งเองก็อึ้งไปทันที
สองพันล้าน?
บริษัทเน่าๆมีคนไม่กี่คนกลับต้องการเงินสองพันล้าน แถมยังเรียกจากคุณชายตระกูลหยางด้วย ซ้ำร้ายตัวเองก็ยังเป็นแค่ลูกเขยขยะของตระกูลหานเท่านั้น
ใครให้ความกล้านี้กัน เหลียงจิ้งหรู?
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หยางเซียวหัวเราะลั่น
“ฉันคิดว่าที่โล่เฉินพูดมาใช่ว่าจะไร้เหตุผล มูลค่าสองพันล้านนั้นคุ้มค่า ฉันสามารถเข้าใจได้”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะก็หยุดลง
หยางเซียวมีสีหน้าปั้นยาก และมองไปที่เฮยหนิวด้วยความประหลาดใจ
สองพันล้านเชียวนะ สามารถซื้อกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ได้ตั้งหลายแห่ง แต่กลับเอาเงินไปซื้อบริษัทเน่าๆราคาไม่กี่แสนแห่งหนึ่ง?
นายยังสามารถเข้าใจได้?
เข้าใจได้บ้านมึงสิวะ
คอมเม้นต์