จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่ 149 ความหวังสุดท้าย การดิ้นรนของฮ่องเต้อิทธิพลมืด
เมืองเจียง ฐานทัพชานเมือง
หลังจากหงเหลยถิงได้ยินรายงานจากเป้าจื่อ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว ก้นของเขาตกลงบนเก้าอี้ ในที่สุดก้นบึ้งในใจก็เกิดความตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว
“นายท่าน มันจบแล้วจริงๆ”
“รัฐบาลลงมือเร็วมากเกินไป อีกทั้งยังอุกอาจอย่างมาก มีธุรกิจหลายอย่างที่พวกเขายังไม่มีหลักฐานแล้วบอกว่ามีคนรายงานมา จากนั้นจึงนำเอกสารการตรวจสอบของความมั่นคงสาธารณะมาจับกุมและค้นหา”
“นี่ไม่เล่นตามกฎเลยสักกะนิด คนอื่นเขามีหลักฐานแล้วค่อยมาจับ แต่นี่กลับจับกุมก่อนจากนั้นค่อยไปหาหลักฐาน ไม่ให้เวลากับพวกเราเลยสักนิด ทำแบบนี้มีที่ไหนกัน!”
เป้าจื่อทรุดตัวนั่งลงบนพื้น เขาเช็ดดวงตา “นายท่าน เงินทุนขององค์กรทั้งหมดถูกแช่แข็งไปแล้ว รวมทั้งเงินสดทั้งหมดของแต่ละอุตสาหกรรมก็ถูกควบคุมเอาไว้โดยรัฐบาล ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียวแล้ว!”
“พี่น้องส่วนใหญ่กระจัดกระจายกันไปหมดแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ที่ยังภักดีก็กำลังซ่อนตัวอยู่และเอาแต่โทรหาผม ถามว่าต้องทำอย่างไร ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ได้แต่บอกให้พวกเขาวางใจ อย่าตื่นตระหนก”
“นายท่าน พวกเราแพ้แล้ว!”
ปัง
หงเหลยถิงตบโต๊ะอย่างแรง เขาตะคอก “ใครบอกว่าพวกเราพ่ายแพ้”
ดวงตาของเป้าจื่อฟื้นคืนจิตวิญญาณกลับมาบ้าง เขาเอ่ยถาม “นายท่าน คุณกับท่านสามเสี้ยงติดต่อกันแล้วยัง? เขาว่ายังไงบ้าง ถ้าหากตระกูลเสี้ยงออกหน้าพวกเราคงเหลือความหวังอยู่บ้าง”
“เขา ไม่รับสาย”
“ไม่รับสาย?” สีหน้าของเป้าจื่อสลายกลายเป็นฝุ่นผง เขาถอนหายใจอีกครั้ง “ตระกูลเสี้ยงทอดทิ้งพวกเราแล้ว”
“หงเหลยถิงหอบหายใจหนัก ดวงตาของเขาแทบลุกเป็นไฟ เขาเอ่ย “พวกเขาไม่เล่นตามกฎ ทำตัวเหิมเกริม อย่างนั้นก็จงเปิดโปงพวกเขาซะ ไปหาสื่อทันที จากนั้นก็เปิดเผยสิ่งที่รัฐบาลเมืองเจียงทำ ถึงตอนนั้นทั้งโลกอินเทอร์เน็ตจะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น พวกเราตาย พวกเขาก็อย่างหวังว่าจะอยู่ได้สบาย”
“นายท่าน สื่อทั้งหมดถูกใครควบคุมเอาไว้นี่คงไม่ต้องพูดถึง ไปหาพวกสื่อจะมีประโยชน์อะไรอีก ตอนนี้เบื้องบนกำลังปิดประตูตีสุนัก พวกมีอำนาจทั้งเมืองกำลังปิดล้อมพวกเราเอาไว้!”
เป้าจื่อลุกขึ้นมา เขาเช็ดดวงตา และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “นายท่าน เวลาไม่คอยใคร คุณรีบออกไปจากเมืองเจียงเถอะ สายกว่านี้ก็ยากจะสลัดตัวได้แล้ว”
หงเหลยถิงไม่พูดจา ในใจเดือดดิ้น มีความลังเลไม่ยินยอมอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น ด้านนอกก็มีเสียงร้องเรียก
เป้าจื่อหยิบปืนพกขึ้นมาและเข้าใกล้หน้าต่าง ก่อนจะหันกลับมาเอ่ย “นายท่าน เป็นพี่สาวใหญ่”
หงเหลยถิงรีบวิ่งออกจากห้อง มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งล้มลงบนพื้น ร้องไห้ดังลั่น “เหลยถิง เหลยถิง”
“พี่ เกิดอะไรขึ้น ลุกขึ้นก่อน” หงเหลยถิงรีบเข้าไปช่วย
“อาซานและ อากางตายแล้ว”
หงเหลยถิงในใจหยุดนิ่งไป หงซานและหงกางเป็นหลานชายของเขา
“อาซานและ อากางถูกฆ่าตาย ไอ้พวกสารเลว อาซานเพิ่งจะอายุยี่สิบ ส่วนอากางอายุแค่สิบแปดปีเท่านั้น เหลยถิง นายจะต้องช่วยคืนความยุติธรรมให้กับฉัน” หญิงวัยกลางคนร้องไห้
หงเหลยถิงโกรธจนแทบตาแตก
ว่ากันว่า
ไม่มีกฎเกณฑ์ไม่สามารถทำอะไรที่สำเร็จได้
หลานเกิดเรื่อง คนที่เป็นลุงอย่างเขาจะอยู่เฉยได้อย่างไร
แต่ว่าตอนนี้…
เป้าจื่อกังวลว่าหงเหลยถิงจะทำสิ่งที่โง่เขลาขึ้น เขารีบเอ่ยแนะนำ “นายท่าน การแก้แค้นไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้พวกเราไม่สามารถพอจะไปแก้แค้นได้ คุณควรรีบไปอย่างรวดเร็ว ไปที่จีนหลิง”
“อะไรนะ เหลยถิง นายจะไปที่จีนหลิง” หญิงวัยกลางคนถามด้วยความแปลกใจ
“พี่ ตอนนี้ทุกอุตสาหกรรมอยู่ภายใต้การควบคุมหมดแล้ว ผู้คนด้านล่างก็กระจัดกระจายไปแล้ว ผมกำลังเจอวิกฤตครั้งใหญ่” หงเหลยถิงกัดฟันและพูดว่า “พี่วางใจได้ ความแค้นของอาซานและอากางผมจดจำเอาไว้แล้ว ตอนนี้ผมจะจัดการให้คนส่งพี่ออกจากเมืองเจียงเดี๋ยวนี้”
“เหลยถิง ฉันไม่ไป…”
“พี่ นี่มันเวลาไหนกันแล้ว อย่าดื้อรั้นอีกเลย ฟังผมเถอะ”
เป้าจื่อทนดูต่อไปไม่ไหว เขาเอ่ยร้องขอ “นายท่าน คุณและพี่สาวใหญ่ไปพร้อมกันเถอะ ให้เฮยหนิวไปกับคุณ ผมจะอยู่ที่นี่ ผมรู้ว่านายท่านไม่เต็มใจ ดังนั้น ผมจะทำให้ชื่อของคุณเป็นที่รู้จักเอง”
“ผมจะพาพี่น้องที่เหลือไปทำเรื่องใหญ่ ให้พวกเขาได้รู้ซึ้งถึงผลตอบแทนของการไม่ทำตามกฎ”
เป้าจื่อสีหน้าดุดัน น้ำเสียงที่คำรามออกมาแหบแห้ง
หงเหลยถิงรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง เขาตบไหล่เป้าจื่อและพูดว่า “พวกเรายังมีโอกาส”
“อะไรนะ?”
หงเหลยถิงถอนหายใจยาว เขาเอ่ย “อย่าลืมสิ พวกเราสามารถหาโล่เฉินได้ ลูกศิษย์ของเขาคือคนรวยที่สุดในเจียงโจว นี่เห็นได้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ขอแค่โล่เฉินยินดีช่วยฉัน พวกเราจะไม่แพ้ “
“นายท่านโล่ จะยอมช่วยพวกเราหรือ?”
“ลองดูเถอะ อาศัยจังหวะที่ความสนใจของทุกคนตกอยู่ที่กลุ่มอุตสาหกรรมและบริษัท เป้าจื่อนายรีบขับรถพาพี่สาวฉันไปฉู่โจว แล้วไปยังจีนหลิง”
เป้าจื่อพยักหน้าและพาหญิงวัยกลางคนออกไป
หงเหลยถิงกลับมาที่ห้อง เขามองดูโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะและรู้สึกเป็นกังวล
…
ไห่ถังหัวฝู่ ตระกูลหาน
เมืองเจียงกำลังเกิดพายุขึ้น แต่ละตระกูลใหญ่ล้วนกำลังเฝ้าดูและไม่มีการดำเนินการใด ๆ ดังนั้น หานหยู่เยนจึงมีเวลาว่างไปซื้อวอลล์เปเปอร์และของอื่น ๆ มาตกแต่งห้อง
“พี่คะ นี่อะไรคะ? ซ่อนไว้ใต้เตียงซะด้วย”
หานหยู่ถิงหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากใต้เตียง ในหล่องมีสิ่งของสามชิ้น: กระดานหินที่ขอบมุมหายไป เหล็กหมาดสีเลือด และยังมีกุญแจหยกทองคำ
“พี่สาว เป็นของคุณหรือ?”
“ไม่นะ”
หานหยู่เยนเองก็รู้สึกสนใจขึ้นมาเช่นกัน เธอหยิบกระดานหินมาอ่าน จากนั้นจึงมองที่เหล็กหมาดและกุญแจ และพบว่าของเปล่งประกายออกมาเป็นสีอ่อนๆ
เธอหัวเราะ “น่าจะเป็นพี่เขยเธอซ่อนเอาไว้ ดูแล้วเหมือนสมบัติเลย”
“พี่สาว กุญแจสีทองและเหล็กหมาดสีแดงนี้ กุมเอาไว้แล้วให้ความอบอุ่นสดชื่นอย่างมาก จะต้องเป็นสมบัติแน่ๆ” หานหยู่ถิงแอบหัวเราะ “พี่เขยนี่เป็นหัวขโมยจริงๆ มีสมบัติซ่อนอยู่ด้วย”
“พอแล้วพอแล้ว รีบเก็บเร็วเข้า นี่เป็นความลับของเขานะ พวกเราอย่าได้ทำมันเสียหาย” หานหยู่เยนพูดขณะที่ลุกขึ้น
หานหยู่ถิงกลอกตา และแอบเก็บเหล็กหมาดเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นจึงวางของใส่กล่องและเลื่อนเข้าไปใต้เตียง
เอี๊ยด
โล่เฉินเปิดประตูเข้ามาและเดินมาพร้อมกับถาดผลไม้ “พักสักหน่อยเถอะ ฉันทำเอง”
“ฉันออกไปห้องน้ำก่อน”
หานหยู่ถิงรีบวิ่งออกไป
“อ้อใช่ เมื่อกี้มือถือของคุณดัง บนนั้นเขียนว่า “เสี่ยวฟ่าน” คงไม่ใช่ผู้จัดการฟ่านหรอกใช่ไหม คุณรีบโทรกลับเถอะ”
“งั้นหรือ?”
โล่เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือไปที่ระเบียงแล้วโทรกลับ
ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงของฟ่านหงชาง “อาจารย์ หงเหลยถิงจนตรอกแล้ว เขาโทรมาและบอกว่าสามารถทำเรื่องต่างๆ ให้คุณได้ ฉันหวังว่าคุณจะช่วยเขา”
“ฮ่าฮ่า ก่อนหน้านี้ให้เขามาทำงานให้ฉัน กลับคิดแค่อยากร่วมมือกัน มาตอนนี้ไม่มีทางไปแล้ว คิดอยากให้ฉันออกหน้า ไหนเลยจะมีเรื่องดีๆ” โล่เฉินเยาะเย้ย
ฟ่านหงชางเอ่ยถาม “ถ้าอย่างนั้น ความหมายของอาจารย์คือจะไม่ช่วย?”
“ช่วยหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเขาคุ้มค่ามากแค่ไหน แค่ประโยคว่าจะทำงานให้ฉันก็ทำลายสถานการณ์ความตายได้ เขาช่างมองตัวเองสูงไปหน่อย”
โล่เฉินนิ่งไป ก่อนจะถามกลับ “หงชาง หากนายออกหน้า จะสามารถทำให้รัฐบาลเมืองเจียงล้มเลิกการกระทำนี้ได้ไหม”
“ไม่ได้” ฟ่านหงชางตอบกลับ “ปฏิบัติการครั้งนี้แพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง ทั้งสี่ตระกูลใหญ่รวมถึงตระกูลชั้นสอง และองค์กรต่าง ๆ ล้วนเข้าร่วมในการประณาม หากจู่ๆมาล้มเลิกไปแบบนี้ รัฐบาลคงไม่สามารถให้คำอธิบายกับพวกเขา รวมถึงประชาชนได้ “
“ผมขอเดาว่าถึงแม้ผมจะออกหน้า อย่างมากก็สามารถเก็บรักษาอุตสาหกรรมของหงเหลยถิงเอาไว้ได้แค่หนึ่งในสามเท่านั้น”
“อาจารย์ ตามความคิดของผมคือไม่จำเป็นต้องลงมือ ต่อให้เรารักษาอุตสาหกรรมหนึ่งในสามของหงเหลยถิงเอาไว้ได้ เขาก็ไม่มีทางเติบโตในเมืองเจียงได้อีก หากไปเมืองอื่นก็ต้องเริ่มต้นใหม่ ความคุ้มค่าไม่ได้มากมายนัก!”
โล่เฉินคิดอย่างลับๆ ก่อนที่สุดท้ายจะสรุปว่า “นายพูดไม่ผิด ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ปฏิเสธหงเหลยถิงไปเถอะ หัวหน้าตัวน้อยๆในสังคมเท่านั้น สำหรับฉันแล้วนี่ไม่ได้สำคัญอะไร”
คอมเม้นต์