จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่ 168 ความตกตะลึงของโจ่ถิงฟางและคำเชื้อเชิญของเหยียนเจิง
ด้านนอกโรงแรมสวอนเลค
“นายท่าน คุณจะไปไหนครับ?” ลู่เฟิงรีบตามมาและถามขึ้น
“ฉันจะไปพักผ่อนที่บ้านตระกูลนิ่ง”
ลู่เฟิงเป็นกังวลเล็กน้อย เขากลัวว่าโล่เฉินจะโกรธโจ่ถิงฟาง ตระกูลโจ่และตระกูลลู่เป็นมิตรกันมานานหลายชั่วอายุคน อีกทั้งโจ่ถิงฟางก็ถือเป็นหลานชายของเขา
“ลุงลู่ พี่จิ่ง”
โจ่ถิงฟางและปานเหิงเองก็ไล่ตามมา
ลู่เฟิงประสานมือคำนับและเอ่ย “นายท่าน เห็นแก่ที่บรรพบุรุษของพวกเราสองตระกูลเป็นมิตรต่อกันมา คุณได้โปรดอย่าถือสาถิงฟางเลย อย่างที่ว่ากันว่า ผู้ไม่รู้คือผู้บริสุทธิ์ นายท่านผมเองก็รู้ว่าท่านไม่ใช่คนใจคอคับแคบอะไร”
“นายท่าน ล่วงเกินคุณแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย” โจ่ถิงฟางเองก็รู้ความ ตอนนี้เขาไม่ถือตัวใดๆอีก และเอ่ยขอโทษทันที
ส่วนปานเหิงนั้นโค้งตัวลงทันที ในโลกของการฝึกฝน ผู้แข็งแกร่งเป็นที่เคารพนับถือ
โล่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้มีความเกลียดชังต่อโจ่ถิงฟาง ตรงกันข้าม เขารู้สึกว่าคุณชายจากเมืองหลวงคนนี้รู้จักยืดหยุ่นเฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง ถือว่ามีศักยภาพที่ดี
บวกกับความสัมพันธ์ที่มีระหว่างตระกูลลู่ เขายิ่งไม่มีความโกรธอะไรอีก
“แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ พวกนายกลับไปร่วมงานเลี้ยงเถอะ ฉันไปก่อน ถ้าพรุ่งนี้มีเวลา ค่อยมาเจอกันสักหน่อย” ค
“ได้ครับ” ลู่เฟิงพยักหน้า
เหยียนเจิงเมื่อพบว่าเหยียนหรูยู่กลับไปก่อนแล้วก็รู้สึกเคืองอยู่บ้าง แต่เขาตั้งใจแน่วแน่แล้วที่จะแนะนำเหยียนหรูยู่ให้รู้จักกับ โล่เฉิน
ในฐานะพี่ชาย เขารู้จักน้องสาวของตนเป็นอย่างยิ่ง
แม้จะต้องตาย เหยียนหรูยู่ก็ไม่ยอมแต่งงานกับคุณชายเฟิงแน่ แบบนี้เธอก็อาจไปทำให้ตระกูลเฟิงโกรธเข้าและนำภัยพิบัติมาสู่ตระกูลในอนาคต
จำเป็นต้องหาที่พึ่งเอาไว้ล่วงหน้า
ตรงหน้าเขา มีอยู่คนหนึ่ง
“พี่เทียน ไปนั่งเล่นที่บ้านฉันเถอะ นายไม่ได้บอกว่าอยากเห็นน้องสาวของฉันหรอกหรือ ฉันจะจัดการให้” เหยียนเจิงพูดด้วยรอยยิ้มร่าเริง
นิ่งจื่อโหรวและหานหยู่ถิงสีหน้าไม่เป็นมิตรขึ้นมาทันที พวกเธอปฏิเสธทันควัน “ไม่ได้”
“ไอ้หยาก็แค่รู้จักกันไว้ ไม่มีอะไรหรอก พวกเธอไม่ต้องห่วง” เหยียนเจิงสีหน้าคาดหวัง เขาเอ่ยขอร้อง “พี่เทียน เห็นแก่ที่ฉันสนับสนุนคุณ ไว้หน้าฉันสักหน่อยเถอะ”
โล่เฉินยิ้มน้อยๆ
เมื่อครู่ถูกโจ่ถิงฟางและตระกูลซูบีบบังคับ เหยียนเจิงไม่ได้หลบหนี แต่กลับยืนเคียงข้างเขา ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่อย่างน้อยก็มีความเปิดเผยอย่างยิ่ง
คนแบบนี้ ควรค่าแก่การเป็นเพื่อนกัน
นอกจากนี้ เมื่อครู่ดาวอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยฉู่โจวคนนั้น…
ไม่ธรรมดา!
“อืม ไปนั่งเล่นบ้านนายแล้วกัน”
“พี่เขย คุณบ้าหรือเปล่า ฉันจะรายงานให้พี่สาวรู้” หานหยู่ถิงปากยื่น และขวางทางของโล่เฉินเอาไว้
“เธอไปกับฉันก็ได้แล้วไม่ใช่หรือไง”
“เอ่อ…..อย่างนั้นก็ได้” หานหยู่ถิงพยักหน้า
นิ่งจื่อโหรวไม่อยากถูกทิ้งเอาไว้ เธอรีบเอ่ย “ฉันไปด้วย”
สุดท้าย นิ่งจื่อซวนก็ร่วมขบวนไปด้วย กลุ่มคนตามเหยียนเจิงไป
ฟิ้ว ฟิ้ว
สายลมในคืนนี้ ค่อนข้างหนาวเย็น
โจ่ถิงฟางหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มถามข้อสงสัยในใจของตน “ลุงโล่ จิ่งเทียนเป็นนักพรตใช่ไหม นอกจากนี้แล้วยังมีสถานะแบบไหนอีก คุณกับเขารู้จักกันได้อย่างไร?”
“ถิงฟาง ถ้าฉันมาไม่ทันเวลา คืนนี้นายอาจได้ตายอยู่ในฉู่โจวแล้ว”
ใบหน้าของลู่เฟิงเคร่งขรึมสุดขีด เขาเอ่ยขึ้นทีละคำ “โล่…..นายท่านจิ่งเทียนเป็นผู้ฝึกบู๊และเวทย์พร้อมกัน เขาไม่ได้เป็นแค่นักพรต วิถีบู๊ของเขาก็น่ากลัวอย่างยิ่ง เขาคือปรมาจารย์บู๊ที่แข็งแกร่ง”
“อะไรนะ เป็นไปไม่ได้!”
ปานเหิงอุทาน
ฝึกบู๊และเวทย์พร้อมกัน นี่แทบไม่มีอยู่จริง
ต่างต่อต้านกัน พลังไม่อาจเป็นหนึ่ง
“ทำไมฉันต้องโกหกนายด้วย” ลู่เฟิงเหล่มองและเอ่ยว่า “เอาเป็นว่าถิงฟาง นายท่ายจิ่งเทียนไม่ใช่คนที่จะไปยั่วยุได้ จะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ นายควรรู้ถึงคุณค่าของปรมาจารย์คนหนึ่ง”
โจ่ถิงฟางหายใจไม่ออก
“หากตระกูลโจ่มีปรมาจารย์มาเป็นหลักให้ อย่างนั้นก็จะสามารถกลายมาเป็นตระกูลชั้นหนึ่งได้ทันที นี่คือสถานะของปรมาจารย์”
ลู่เฟิงมองไปยังทิศทางที่โล่เฉินเดินจากไปและเอ่ยด้วยความยำเกรง “ฝึกฝนจนเป็นปีศาจได้ตั้งแต่อายุยังน้อยแค่นี้ เบื้องหลังอาจมีสำนักที่ยิ่งใหญ่อยู่ก็เป็นได้”
“อึก”
ปากของโจ่ถิงฟางแห้งผาก ลำคอสั่นไหว
“ในฐานะผู้สืบทอดของในอนาคตของตระกูลโจ่ นายควรรู้ว่าอะไรคือประโยชน์และโทษ ตระกูลซูแค่ตระกูลหนึ่งนับเป็นอะไรกัน อีกทั้งหากพูดถึงตระกูลซูในเมืองหลวง ยังไม่นับว่าควรค่าแก่การเอ่ยถึงด้วยซ้ำ”
“ลุงลู่ ผมควรทำยังไงดี?”
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมนายถึงอยากแต่งงานกับซูหลิงหลง แต่มองจากปัจจุบัน ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับนาย จิตใจของเธอแย่เกินไป ความหมายของลุงก็คือ นายสามารถเลือกคนรักคนอื่นได้!”
ในใจของโจ่ถิงฟางสั่นไหว เขาขมวดคิ้วและเอ่ย “คุณลุง แต่ผมส่งมอบสินสอดไปแล้ว หากมายกเลิกเอาตอนนี้ ตระกูลซูในเมืองหลวงจะต้องได้รับข่าวนี้อย่างแน่นอน และจะต้องแพร่กระจายไปในเมืองหลวง ถึงตอนนั้นตระกูลโจ่ของผมก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะ และผมก็จะเสียหน้าในแวดวงสังคมในเมืองหลวง “
ลู่เฟิงส่ายหัว เขาเดินไปและถอนหายใจไป
“เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย ยังมองไม่เห็นแก่นแท้ของปัญหาอีก เอาแต่หน้าไม่เอาภายในแล้ว มีปรมาจารย์นั่งเป็นหลักให้ ใครกันจะกล้าหัวเราะเยาะตระกูลโจ่!”
โจ่ถิงฟางตกใจอย่างมาก
ปานเหิงกลืนน้ำลาย เขาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเทา “คุณชาย ผมคิดว่าสิ่งที่คุณลู่พูดนั้นสมเหตุสมผล”
……
ตระกูลเหยียนเป็นเพียงตระกูลชั้นสาม แต่ก็มีบ้านบรรพบุรุษ อีกทั้งยังโอ่อ่าอย่างยิ่ง
“ทุกคน มากับฉัน”
เมื่อเหยียนเจิงเข้ามา เขาก็ตะโกนลั่น “พ่อแม่ออกมาเร็ว มีแขกผู้มีเกียรติมาเยือน แขกผู้มีเกียรติมาเยือน ออกมาให้หมดเร็ว!”
เขาตะโกนอยู่หลายครั้ง
เมื่อโล่เฉินและคนอื่นๆ มาที่ห้องโถง ที่ทางเดินด้านข้างก็มีคู่สามีภรรยาวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้น
“ดึกดื่นป่านนี้ ร้องหอนอะไรกัน แขกผู้มีเกียรติอะไร?”
เมื่อเขาเห็นน้องสาวของนิ่งจื่อซวน ชายคนนั้นก็ตะลึงไปก่อนจะหัวเราะดัง “คุณชายนิ่ง คุณหนูนิ่ง พวกคุณมีเวลามาที่บ้านตระกูลเหยียนของฉันได้ยังไงกัน เป็นเกียรติของเราอย่างยิ่ง”
“ลุงเหยียนเกรงใจแล้ว”
เหยียนเจิงมีท่าทางสบายอกสบายใจ เขาชี้ไปที่โล่เฉินและพูดว่า “พ่อแม่ คนที่สุดยอดตัวจริงอยู่ที่นี่ต่างหาก พวกคุณไม่รู้อะไร วันนี้ที่โรงแรมสวอนเลค โจ่ถิงฟางคุณชายจากเมืองหลวงยังต้องเรียกเขาว่าพี่จิ่ง ไอ้คนอวดดีซูโม่นั่นยังต้องแทบจะคุกเข่าลงให้พี่ชายคนนี้ของผม”
“แกว่าอะไรนะ!”
ชายคนนั้นมองไปที่โล่เฉินอย่างประเมินด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะพบว่านอกจากบุคลิกที่ไม่เหมือนใครแล้ว ก็ไม่มีที่ไหนดูโดดเด่นสะดุดตาอีก ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงดูสงสัย
“ช่างเถอะ ขี้เกียจจะอธิบายให้คุณฟัง อีกอย่างที่พี่ชายมาก็ไม่ได้มาหาพวกคุณ”
เหยียนเจิงดึงโล่เฉินไปทางทิศตะวันตก
“ไปไปไป ไปหาน้องสาวฉันเล่นดีกว่า”
ห้องหน้ามุขตะวันตก
ที่นี่งดงามอย่างยิ่ง มีดอกไม้และพืชพันธุ์หลายชนิดปลูกเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามันถูกจัดวางอย่างใส่ใจ
“น้องสาวออกมาหน่อย มาเจอพี่ชายของฉัน เธออย่าคิดจะลีลาเชียว ที่โรงแรมเธอเองก็เห็นแล้วว่าพี่เทียนเจ๋งแค่ไหน”
คำพูดนี้ดูเหมือนจะได้ผล
เงาร่างในห้องเคลื่อนไหว จากนั้นประตูก็เปิดออกดัง “เอี๊ยด” ผู้ที่เดินออกมาเป็นหญิงสาวสวยจัดในชุดฮั่น
รูปลักษณ์นวลผ่องราวกับสายน้ำ สะท้อนไหวระยิบระยับ
รอบๆตัวของเหยียนหรูยู่ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยประกายสีเงินชั้นหนึ่ง เธอสูงกว่านิ่งจื่อโหรวอยู่หน่อย กลิ่นอายดูเยือกเย็นยิ่งกว่า แต่กลับไม่ทำให้คนรู้สึกถึงความเย่อหยิ่ง
ผิวขาวราวกับหยกมันแพะ คิ้วใบหลิวดวงตาเป็นประกาย จมูกได้รูปปากแดงก่ำสีเชอร์รี่ ไร้จุดตำหนิ
เมื่อลมพัดโชยผ่าน ชุดฮั่นก็โบกพลิ้วไปมา
ราวกับหญิงสาวที่หลุดออกมาจากภาพวาด ไร้มลทินแปดเปื้อน จะไม่ให้คนใจสั่นได้อย่างไร!
ได้เจอดาวมหาวิทยาลัยทั้งสามคนครบแล้ว โล่เฉินรู้สึกว่าแต่ละคนล้วนมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง
ซูหลิงหลงคือความเย่อหยิ่ง
นิ่งจื่อโหรวคือความอ่อนโยน
เหยียนหรูยู่คือความเยือกเย็น
เป็นความเย็นชาที่ห่างจากผู้คนออกไปหลายพันไมล์ อีกทั้งยังมีบุคลิกที่ดูไม่เหมือนคนธรรมดา จนทำให้ผู้คนไม่กล้าไปดูหมิ่น
“ไม่” โล่เฉินแอบเอ่ยกับตัวเองอย่างลับๆ
เขาเห็นเบื้องหลังของเหยียนหรูยู่จากระยะไกลที่ในโรงแรม ก็รู้สึกได้ว่าไม่ธรรมดา เมื่อครู่เมื่อเห็นในแวบแรกยังคิดไปว่าเหยียนหรูยู่เป็นผู้ฝึกฝน
แต่หลังจากสังเกตมานานกว่าสิบวินาที ก็พบว่าไม่ใช่
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ
ความแข็งแกร่งทางพลังจิตของเหยียนหรูยู่นั้นมีมากกว่าคนทั่วไปถึงสองเท่า ซึ่งค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ
“ไม่น่าแปลกใจที่เธอปฏิเสธคุณชายเฟิงแห่งจีนหลิง พลังจิตแข็งแกร่ง เจตจำนงก็จะแข็งแกร่งด้วย เธอไม่มีวันหลงใหลไปแค่เพราะตระกูลเฟิงเป็นตระกูลใหญ่”
โล่เฉินรู้แล้วว่าทำไม
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เหยียนเจิงก็หัวเราะร่า “ลูกพี่ เป็นยังไง น้องสาวฉันไม่เลวเลยล่ะสิ ดูจากสายตานาย แทบบื้อไปแล้ว”
“อย่าพูดไร้สาระ”
“ยังไม่ยอมรับอีก” เหยียนเจิงหันหน้าและตะโกนว่า “น้องสาว งานอดิเรกของเธอดูเหมือนนับวันจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆแล้ว ดึกดื่นป่านนี้กลับมาบ้านแล้วยังเปลี่ยนมาใส่ชุดฮั่นอีก นี่เธอคงไม่ได้ตั้งใจเปลี่ยนให้ลูกพี่ดูหรอกนะ?”
“นายอยากโดนฉันอัดหรือไง”
เหยียนเจิงหุบปากลง ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวน้องสาวอยู่เล็กน้อย
“ไว้หน้าพี่ชายหน่อยเถอะ ให้พวกเราเข้าไปข้างในหน่อย”
โล่เฉินประหลาดใจจนปากค้าง เขาเอ่ยติดตลก “นายนี่ช่างน่าสังเวชเหลือเกินแหะ เป็นพี่ชาย แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปในลานบ้านของน้องสาว”
“หยุดพูดเถอะลูกพี่ ลานที่มีพื้นที่ร้อยตารางเมตรกว่านี้ ต่อให้พ่อของฉันเข้าไปก็ยังต้องได้รับอนุญาตก่อน ช่วยไม่ได้ ตระกูลนี้ น้องสาวของฉันเก่งกาจอย่างมาก”
เหยียนเจิงยังคงอ้อนวอนต่อไป “พี่สาว ฉันเรียกเธอว่าพี่แล้วยังไม่ได้อีกหรือ ทุกคนล้วนมาแล้ว จะให้ยืนรออยู่ข้างนอกลานแบบนี้หรือไง”
“เข้ามาเถอะ แต่อย่าทำลายดอกไม้และต้นไม้”
“รับทราบ”
พวกเขาเดินเข้ามาในลาน และเดินเล่นไปรอบๆ
โล่เฉินรู้สึกว่าเหยียนหรูยู่รู้จักการปลูกพืชและดอกไม้ดีอย่างยิ่ง การจัดเรียงพืชพันธุ์ล้วนมีความเหมาะสม เพลินตาเพลินใจอย่างยิ่ง
พวกเขาค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องหน้ามุขตะวันตก
ห้องมีขนาดใหญ่มาก แบ่งเป็นโถงชั้นนอก โถงชั้นใน และห้องชั้นใน
โดยทั่วไป โถงชั้นนอกมักจะวางของตกแต่งบางส่วน เพื่อนธรรมดาทั่วไปจะมาพักที่ห้องโถงชั้นนอกนี้ ส่วนพี่สาวน้องสาวที่สนิทสนมสมควรจะได้ไปที่ห้องโถงชั้นใน
ห้องด้านในเป็นที่ที่เหยียนหรูยู่นอนหลับ
“คุณหนูเหยีนน”
โล่เฉินตะโกนเรียกเบาๆ แต่ไม่มีการตอบกลับ
อย่างนี้ช่างไม่เกรงไปหน่อยหรือไม่!
เมื่อเปิดม่านลูกปัด โล่เฉินก็เดินไปที่ห้องโถงด้านใน ดวงตาของเขาเป็นประกาย
การตกแต่งเป็นแบบโบราณ ในกระถางธูปยังมีธูปไม้จันทน์สีแดงลอยขึ้นมา มีหนังสือโบราณมากมาย นับว่าเป็นปราชญ์หญิงคนหนึ่ง
“เป็นอย่างที่ฉันเดาไว้ ห้องส่วนตัวชั้นในของเหยียนหรูยู่มีสมบัติเพื่อพัฒนาพลังจิตของเธอ มิฉะนั้นพลังจิตของเธอคงไม่สามารถแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปได้มากขนาดนี้”
โล่เฉินมองย้อนกลับไปและไม่พบใคร ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในห้องด้านในอย่างเงียบๆ และพบภาพหนึ่งบนโต๊ะ
เขาเดินไม่กี่ก้าวไปที่โต๊ะ
ตึกตึก
ทันใดนั้น หัวใจของโล่เฉินก็เต้นแรงขึ้น
ภาพนี้…
คอมเม้นต์