จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่ 177 นัดพบ ให้เหตุผล และเล่นเกม
คำพูดของหมี่หลานทำให้โล่เฉินตะลึงไปและถามว่า “ทำไมถึงพูดอย่างนั้น?”
“เอาเป็นว่าฟังฉันไว้ไม่ผิดแน่ ขายบริษัทนายจะได้เงินห้าล้าน เหมือนที่คุณชายเจิ้งบอก ห้าล้านคือเงินช่วยชีวิต”
“ถ้าฉันไม่เห็นด้วย เจิ้งข่ายก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทใช่ไหม”
แค่ประโยคเดียว ใบหน้าของหมี่หลานก็แข็งขึ้น
“ระวังด้านหน้า ขับรถให้ดี”
หมี่หลานฟื้นคืนสติ เธอกลับมาจดจ่อ ก่อนจะหรี่ตาแล้วถามว่า “นายรู้ได้ยังไง ฉันไม่ได้บอกนาย”
“นิสัยเจ้าเล่ห์แบบเจิ้งข่ายฉันจะเดาไม่ออกได้อย่างไร ไปหาผอ. สำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้า แก้ไขลักษณะของบริษัทฉัน เปลี่ยนเป็นบริษัทร่วมทุน ด้วยวิธีนี้เงินที่เขาลงทุนไป 15 ล้าน เขาย่อมต้องกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และบริษัทก็จะถูกควบคุมโดยเขา “
หมี่หลานหยุดรถและพูดด้วยความประหลาดใจ “ในเมื่อนายรู้ แล้วทำไมนายถึงตอบรับการลงทุนของคุณชายเจิ้ง นายบ้าไปแล้วหรือไง”
“คุณเป็นห่วงผมเหรอ?”
หมี่หลานตัดบทแล้วพูดว่า “นายคิดมากไปแล้ว ฉันแค่คิดว่านายไม่ง่ายเลย หลังจากสามปีแห่งความอัปยศ ตอนนี้มีโอกาสได้พลิกเนื้อพลิกตัว แต่กลับต้องมาพบกับการเปลี่ยนแปลงในตระกูลหาน.. เป็นหายนะและความลำบากมากจริงๆ “
“ก็เหมือนกับฉัน พ่อแม่ของฉันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนมัธยมปลาย ลุงของฉันจัดให้ฉันไปเรียนที่วิทยาลัย ฉันคิดว่าต่อไปคงจะสวยงาม แต่คิดไม่ถึงว่าลุงของฉันจะเล่นการพนัน เป็นหนี้เงินก้อนโต จากนั้นก็ขายฉันให้เป็นเมียน้อยของเศรษฐี”
“เมื่อก้าวเข้ามาแล้ว คิดจะถอยหลังกลับก็ยากอย่างยิ่ง ฉันเป็นเมียน้อย อาศัยใบหน้าที่งดงามกลายมาเป็นคนมีชื่อเสียงในวงการนี้ เศรษฐีคนนี้พอเล่นจนเบื่อก็เตะฉันทิ้ง จากนั้นก็มีคนมาหาถึงที่ประตู ฉันไม่กล้าและไม่อาจปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นจุดจบก็จะน่าอนาถอย่างมาก “
“สำหรับเมียน้อย กิ๊ก คู่นอนวงการพวกนี้ ล้วนเป็นอาชีพที่ต้องพึ่งความเป็นหนุ่มสาวเพื่อทำงานหาเงิน ทุกคนล้วนหวังว่าจะได้พบกับลูกเศรษฐีที่ร่ำรวย นายคิดว่าการนอนกับชายแก่อ้วนๆไม่น่าขยะแขยงหรือไง ต่อให้ขยะแขยงก็ได้แต่อดทนอดกลั้นเท่านั้น”
“กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ฉันติดตามเจิ้งข่าย แม้ว่าจะเป็นแค่ของเล่นแต่ฉันก็มีความสุข อย่างน้อยเขาก็เป็นคนหนุ่ม อีกทั้งหน้าตายังไม่เลว”
หมี่หลานเช็ดดวงตาของเธอและแค่นยิ้มขึ้นว่า “บ้าไปแล้วบ้าไปแล้ว นี่ฉันมาพูดเรื่องพวกนี้กับนายได้ยังไง โล่เฉิน ฟังฉันเถอะแล้วนายจะไม่ผิดพลาด”
“ในสังคมนี้ ยกย่องคนรวยอย่างไร้ยางอาย”
“รับเงินห้าล้าน แล้วหย่ากับหานหยู่เยนเถอะ อย่าไปสนใจเธอ ออกไปจากเมืองเจียงแล้วไปหาเมืองใหม่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตราบใดที่นายไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เงินห้าล้านนี้เพียงพอสำหรับตลอดทั้งชีวิตของนาย”
ในใจของโล่เฉินเกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์
ยกเว้นพวกที่เกียจคร้านจริงๆ ใครกันที่เต็มใจทำร้ายตัวเอง
“ขอบคุณ”
“ไม่จำเป็น จำคำที่ฉันพูดไว้ก็พอ”
หมี่หลานกลับมามีสีหน้าเย็นชา ทั้งสองมาถึงที่สำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้า และขับรถพาโล่เฉินเข้าไป
สุดท้าย รถก็มาหยุดอยู่ที่หน้าสำนักของผอ. สำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้า
เจ๋งไม่เลว ตรงมาหาผอ. ได้โดยตรง โล่เฉินแอบพยักหน้าอย่างลับๆ
เมื่อเดินเข้ามาก็พบว่าเจิ้งข่ายกำลังนั่งอยู่บนโซฟา และผอ. สำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้าที่กำลังนั่งทำงานอยู่
ผอ. เป็นชายอายุใกล้ห้าสิบปี ถึงแม้จะเป็นวัยกลางคน แต่ผมที่ขมับของเขาก็ออกสีเทาเล็กน้อย
โล่เฉินเหลือบประเมินดู ก็รู้ว่าผอ. คนนี้กำลังมีเรื่องที่เป็นกังวลอยู่อย่างมาก ส่วนเป็นเรื่องอะไรนั้น โล่เฉินไม่สนใจ
“ผมมาแล้ว”
“อย่ามัวแต่โอ้เอ้ สัญญาเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว ลงชื่อแล้วพิมพ์ลายนิ้วมือซะ เช็คใบนี้ก็จะเป็นของนาย” เจิ้งข่ายเขย่าเช็คที่อยู่บนปลายนิ้ว
เขามีความมั่นใจอย่างมาก และคิดว่าโล่เฉินไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
อีกทั้งยังไม่กล้าปฏิเสธ
ตระกูลหยางถูกโจมตี ตระกูลเจิ้งฉวยโอกาสขึ้นแทนที่
แม้จะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่ก็มีอำนาจนี้แล้ว เป็นตระกูลใหญ่เป็นอันดับสองในเมืองเจียง รองจากตระกูลเฝิงเท่านั้น
“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ พวกเรามาคุยกันดีๆเถอะ”
“นายมีอะไรมาคุยกับฉัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันต้องการบริษัท นายแต่เดิมไม่มีคุณสมบัติที่จะมานั่งที่นี่เลยด้วยซ้ำ” เจิ้งข่ายสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
“แต่เดิมฉันคิดอยากให้นายหาสตรีมเมอร์มาให้ฉัน แต่ว่าอุบัติเหตุของตระกูลหาน ฉันจำเป็นต้องได้บริษัทของนายมาโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นมันก็จะถูกรัฐบาลยึดเพื่อตรวจสอบแล้ว”
โล่เฉินไม่รีบร้อน เขาเอ่ย “เป็นไปไม่ได้ที่จะโอนย้ายบริษัท อย่างที่ผมบอกเอาไว้ในโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ ผมหวังว่าตระกูลเจิ้งจะจ่ายค่าชดเชยความเสียหายให้กับตระกูลหาน”
ที่ด้านหนึ่ง สีหน้าของหมี่หลานมืดลง
เมื่อมองไปที่โล่เฉิน เธอมีสีหน้าโมโหที่เขาไม่ได้ดั่งใจ
เจิ้งข่ายหัวเราะอย่างโกรธจัด “นี่แกวันนี้กินยาผิดมาหรือไง พูดเรื่องไร้สาระอะไร รับมาเซ็นชื่อและประทับลายนิ้วมือเดี๋ยวนี้ ฉันไม่มีเวลามาโอ้เอ้กับแก”
“โล่เฉิน เซ็นเถอะ”
ทันใดนั้น ผอ. สำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้าที่กำลังทำงานอยู่ก็พูดขึ้น
โล่เฉินมองดูเขาและถามด้วยรอยยิ้มว่า “ผอ. เป็นคนซื่อสัตย์เสมอมา คุณเองก็ถูกเจิ้งข่ายบังคับมาว่าให้สนับสนุนเขา?”
ผอ. นิ่งเงียบ
โล่เฉินไตร่ตรองและกล่าวว่า “ฉันไม่เห็นด้วย เจิ้งข่ายต้องการให้ผอ. เปลี่ยนลักษณะของบริษัทฉันใช่ไหม การทำแบบนี้ขัดต่อกฎหมาย ผอ. น่าจะรู้ดีอย่างยิ่ง”
“นาย!”
เจิ้งข่ายตกตะลึง ส่วนผอ. ก็หยุดงานในมือและเงยหน้าขึ้นมอง
โล่เฉินลุกขึ้น เขาเดินไปที่โต๊ะแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผอ. คงไม่ได้ช่วยเจิ้งข่ายโดยไร้เหตุผล สำหรับผอ. แล้วเงินนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดใจคุณ อย่างนั้นมันคืออะไร? ผมมองสีหน้าของผอ. กังวลเศร้าหมอง นี่เป็นปัญหาในอาชีพการงานหรือว่าเป็นเรื่องในครอบครัว ดูเหมือนว่าอย่างหลังมีแนวโน้มมากกว่า “
จูเป่ากั๋วตื่นตะลึงที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาเดาได้อย่างถูกต้อง
นี่คือลูกเขยขยะของตระกูลหานจริงเหรอ?
เจิ้งข่ายเองก็โง่งมไปเช่นกัน
“ดูสีหน้าของผอ. แล้ว จะต้องเป็นเรื่องของครอบครัวแน่ เรื่องครอบครัวที่สามารถทำให้ผอ.เป็นกังวล คงไม่ใช่เรื่องคนในครอบครัวละเมิดกฎหมาย เรื่องแบบนี้ผอ.สามารถใช้เส้นสายจัดการได้ เรื่องเงินทองก็มีโอกาสเป็นไปได้น้อย อย่างนั้น….”
โล่เฉินลองหยั่งเชิงถาม “คนในตระกูลของผอ.ป่วยเหรอ?”
ในเวลานี้
จูเป่ากั๋วไม่สงบได้อีกต่อไป เขาอดไม่ได้ที่จะตอบว่า “นายเดาได้ไม่ผิด ภรรยาของฉันเป็นโรคประหลาด เธอ…”
“ผอ. “
เจิ้งข่ายขัดจังหวะจูเป่ากั๋ว และพูดว่า “เรื่องในครอบครัวจะเปิดเผยกับคนอื่นได้อย่างไร หมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาถึงตระกูลเจิ้งของผมแล้ว คืนนี้ก็จะไปหาภรรยาของคุณในตอนเย็น ผอ.ก็รู้ คุณนายพิเศษมาก”
จูเป่ากั๋วตกตะลึง เขาค่อย ๆ นั่งลงและโบกมือของเขา “ไม่พูดแล้ว นายเซ็นชื่อไปเถอะ แต่ว่า… เจิ้งข่าย ให้ราคาที่ยุติธรรม”
“ในเมื่อผอ. เอ่ยปากอย่างนี้ ก็ได้ ฉันเพิ่มให้อีกหนึ่งล้าน หกล้าน นี่ถือว่าเต็มที่แล้ว โล่เฉิน ทางที่ดีนายจงเชื่อฟังซะ มิฉะนั้น นายจะไม่เหลืออะไรเลย”
โล่เฉินส่ายหัวเบาๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เจิ้งข่ายหัวเราะลั่นและพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ไอ้ขยะก็คือไอ้ขยะ โง่เง่าสิ้นดี ฉันให้เงินนายนายกลับไม่เอา อย่างนั้นก็ได้แต่ต้องให้ผอ.ลงมือแล้ว”
“นายแน่ใจหรือว่าหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงสามารถรักษาภรรยาของผอ. ได้” โล่เฉินถามด้วยความสนใจ
“นายจะไปรู้อะไร”
เจิ้งข่ายมั่นใจมาก เขาพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “หมอชื่อดังคนนั้นเป็นศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลเมืองหลวงระดับสากล โรงพยาบาลนี้นายน่าจะรู้จัก นี่เป็นโรงพยาบาลแห่งนี้มีชื่อเสียงมากในโลก”
“ผอ. คุณไม่เคยพาภรรยาไปโรงพยาบาลเมืองหลวงระดับสากลเพื่อดูอาการใช่ไหม?”
จูเป่ากั๋วลังเล ก่อนจะตอบว่า “ไปมาแล้ว แต่ว่าไร้ทางรักษา และไม่อาจหาสาเหตุได้ด้วยซ้ำ”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ หมอที่มีชื่อเสียงจากโรงพยาบาลเมืองหลวงระดับสากลคนนั้น จะรักษาคุณนายได้ยังไง คุณถูกหลอกแล้ว”
เจิ้งข่ายกังวลขึ้นมาแล้ว เขารีบไปชี้หน้าของโล่เฉินแล้วตะโกนว่า “ไอ้พูดจามั่วซั่ว หมอชื่อดังคนนั้นเป็นท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่ง มีชื่อเสียงแตกฉานทั้งด้านการแพทย์แผนจีนและตะวันตก เขาเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมในด้านการแพทย์ แม้ว่าเขาจะเป็นศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาล แต่เขากลับแทบไม่เคยไปโรงพยาบาลมาก่อน และเก็บตัวอยู่ในภูเขาและป่าอันเงียบสงบ”
“กว่าฉันจะเชิญเขามาได้ไม่ง่ายเลย แต่นายกลับกล้าตั้งคำถามกับท่านผู้เฒ่า ถ้าหากอยู่ในเมืองหลวง นายต้องได้โทษตายไปแล้ว”
จูเป่ากั๋วเองก็ยืนขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “พอแล้ว โล่เฉิน เซ็นมันเถอะ”
“ผอ. คุณชายเจิ้ง ทำไมเราไม่ลองเดิมพันดูล่ะ”
“หือ?”
โล่เฉินเอ่ยเรียบๆ “หากหมอชื่อดังในเมืองหลวงสามารถรักษาโรคของคุณนายได้ ผมจะมอบบริษัทนี้ให้ด้วยมือทั้งสองข้าง ผอ.ไม่ต้องลงมือเอง อีกทั้งผมไม่ต้องการให้เงินของคุณชายเจิ้งสักแดงเดียว”
“แต่ถ้าหมอชื่อดังรักษาไม่หาย คุณชายเจิ้งก็อย่าได้มาจับจ้องบริษัทของผมอีก เงิน 15 ล้านที่คุณลงทุนก็คืนมาให้ผม เป็นยังไง?”
คอมเม้นต์