Monster Factory – ตอนที่ 18 ด้านนอกของเทียนหวั่นจู
ตอนที่ 18 ด้านนอกของเทียนหวั่นจู
สาวๆลุกขึ้นยืน ซางอิงสอนวิธีสร้างความบันเทิงแก่แขกให้พวกเธอแล้ว เมื่อผู้ดูแลห้องอาหารคนสวยเปิดประตูไม้ที่นํามาสู่ห้องส่วนตัวนี้ ชางฉิงก็ไปรอแขกผู้มีเกียรติอยู่ตรงประตูเย่ชิงที่เอามือไพล่หลังปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
“เอ่อ?” แขกคนนี้ดูหนุ่มมาก! นี่เป็นความคิดแรกของพวกสาวๆ เขาดูธรรมดามาก พวกเธอพยายามมองหาสิ่งพิเศษบนตัวเย่ชิงแต่ไม่เห็นว่าเขาสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมเลย
หลังจากนั้น
เมื่อเย่ชิงเดินเข้ามา ซางฉิงที่ยืนอยู่ข้างประตูอย่างยิ้มแย้มก็เปลี่ยนอารมณ์ราวกับทรานสฟอร์เมอร์
ช็อค กลัว งง สงสัย
เขาจะไม่รู้จักเย่ชิงได้อย่างไร สองสามวันที่ผ่านมาเขาช่างใจไม้ไส้ระกําจนยกเลิกออเดอร์เครื่องตัดทิ้งไปและปฏิเสธที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมที่เหลือของเครื่องที่ส่งมาถึงแล้ว มีสาเหตุหลายประการที่ทําให้ยกเลิกออเดอร์ หนึ่งคืออยากจะยืนหยัดเพื่อคนงานของเขา ข้อสองคือเขาไม่อยากจะยอมรับการซื้อขายนั้น และเขาไม่ชอบเย่ชิงเลยสักนิด เด็กหนุ่มที่ไม่มีทั้งอํานาจและเงิน ถึงเขาจะถูกกลั่นแกล้งยังไงซางฉงก็ไม่สนใจหรอก
เพียงแต่ว่า ……
ต่อให้มีหัวอีกสัก 10 หัว เขาก็ยังไม่คิดว่าหัวหน้าของบริษัทไฮเทคที่เขาอยากพบก็คือเย่ชิง โรงงานของเขาไม่ได้ทําแค่เครื่องตัดกระจอกๆเท่านั้นหรือ? ซางฉิงที่ตกใจเหมือนเห็นผีถามขึ้นทันที “ทําไมต้องเป็นแก แล้วแกมาทําอะไรที่นี่?”
“คุณซาง พวกคุณรู้จักกันหรือ” หลิวเฟิ่งจินที่ประหลาดใจอย่างมากแนะนําทั้งสองให้รู้จักกัน “ถ้าแบบนั้นเรื่องมันก็ง่ายขึ้นแล้วล่ะ เอาล่ะ พวกคุณทั้งสองมาดื่มกันสิ คุณซาง คุณสร้างขอบคันหินและคุณเย่ก็จะเอามันไปผ่านกระบวนการต่อ ทีนี้พวกคุณก็จะร่วมมือและได้รับประโยชน์ด้วยกัน มันวิเศษไปเลยใช่ไหม?”
“ผมมาที่นี่เพื่ออะไร?” เย่ชิงที่มองท่าทางของซางฉิงก็รู้สึกเริงร่าอยู่ในใจ “คุณไม่ใช่คนที่ขอให้ผู้อํานวยการหลิว เชิญผมมาเหรอ?”
“ฉันชวนแกเหรอ?” ซางฉิงแทบจะล้มโต๊ะ “ฉันเชิญหัวหน้า ที่สร้างเครื่องจักรไฮเทคมา ฉันเชิญแกเหรอ? แกเมาหรือเปล่า?”
**แค่ก – แค่ก” หลิวเฟิ่งจินมองไปที่ซางฉิงอย่างซื่อๆ “นี่ คือคนที่หัวหน้าสํานักงานยอมรับเป็นการส่วนตัว ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอก”
ตอนนี้ซางฉิงเหวอเหมือนลาที่ได้รับรางวัลออสการ์อย่างกระทันหัน สองสามวันที่ผ่านมาเย่ชิงยังดิ้นรนเพื่อซ่อมแซมเครี่องจักรของเขาอยู่เลย หลังจากออเดอร์เครื่องจักรอีกหกเครื่องถูกยกเลิก ท่าทางของเขาดูแย่กว่าคนที่เสียเงินไปหนึ่งล้านหยวนเสียอีก
ถ้าอย่างนั้นทําไมถึงเป็นเขาไปได้ แค่สองสามวันก็ขโมยข้อตกลง 10 ล้านหยวนและเปิดตัวเทคโนโลยีล้ํำยุคแบบนั้นได้?
ทําไม?
“นายมีเครื่องแกะสลักไฮเทคจริงๆเหรอ?” ซางฉิงใช้ความพยายามอย่างมากในการระงับความตกใจและความโกรธของเขา
“คุณจะแคร์ไปทําไมว่าผมมีหรือไม่มี?” เย่ชิงทําลายความฝันของซางฉิงอย่างเย็นชา“ถึงผมจะมี คุณคิดว่าผมจะขายมันให้คนแบบคุณหรือ?”
“แน่นอน!” ซางฉิงเบิกตา “ธุรกิจเป็นเรื่องของความร่วมมือ ฉันเป็นห่วงว่านายจะทําทั้งหมดด้วยตัวเองไม่ได้”
“ใช่แล้ว ทุกคนก็อยากจะได้เงินกันทั้งนั้น” หลิวเฟิ่งจินเห็นว่าบรรยากาศเป็นไปในทิศทางที่ไม่ถูกไม่ควรก็มองไป ที่พวกสาวๆ สาวสวยเซ็กซี่ 3 คนที่อยู่ข้างๆรีบลุกไปกอดข้อศอกของพวกผู้ชายอย่างยิ้มแย้มแล้วพูดว่าจะอะไรจะสําคัญ ไปกว่าการดื่มอีกล่ะตอนนี้ มาเถอะค่ะคุณคะ ให้พวกเราดื่มเป็นเพื่อนสักสองสามแก้วเถอะ
สาวๆจากคลับเฮาส์เหล่านี้รู้วิธีดึงความสนใจของผู้ชายอย่างชัดเจน ใช้ข้อได้เปรียบทางร่างกายทําให้ทุกคนมุ่งไปที่พวกเธอ
คนที่อยู่ข้างเย่ชิงมีใบหน้าที่บริสุทธิ์และรอยยิ้มมีเสน่ห์ เมื่อเย่ชิงนั่งลง เธอก็บอกให้พนักงานเสิร์ฟนําอาหารมา มีสาวสวยมานั่งด้วยเย่ชิงก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนและมันก็ทําให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง แต่เป็นเพราะซางฉิงกับหลิวเฟิ่งจินอยู่ในห้องด้วยเย่ชิงจึงไม่มีอารมณ์จะทําอะไรเลย
อาจเป็นเพราะว่าช็อคมากเกินไป ทันทีที่ซางฉิงนั่งลงอีกครั้งเขาก็กระดกไปจิ๋ว(เหล้าขาวของจีน)ไปรัวๆสองสามแก้ว เมื่อดื่มลงไป 2 ออนซ์ ซางฉิงก็พ่นลมหายใจที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ไปที่หญิงสาวข้างๆ ส่วนหลิวเฟิ่งจินนั้น เขาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นเหมือนกัน แต่ก่อนที่จะดื่มเขา ก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศมันคุกรุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ
“ผู้อํานวยการหลิว คุณซาง หยุดเล่นเกมแล้วมาเข้าประเด็นเลยดีกว่า” เย่ชิงสูดหายใจเข้าลึกแล้วกล่าวออกมา
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ดวงตาของซางฉิงจะแดงเท่านั้น ใบหน้าของเขาก็แดงเช่นกัน ธุรกิจขนาดใหญ่ย่อมมีค่าดูแลรักษาที่สูง ก่อนหน้านี้เขาได้ลงทุนไปมากเหลือเกินเพื่อข้อตกลงนี้ ซื้อรถขุดขนาดใหญ่มา 8 คัน หากรถพวกนั้นจอดอยู่เฉยๆก็จะเป็นการสูญเสียเงินครั้งใหญ่ทุกๆวัน ไม่ว่าเย่ชิงจะมีเครื่องแกะสลักไฮเทคเหล่านั้นหรือไม่ก็ตาม ซางฉิงก็จะต้องกระอักเลือดแน่นอน
“ฉันจะให้ราคาขอบคันหินชิ้นละ 37 หยวนและเพิ่มให้อีก 20% สําหรับเครื่องแกะสลักพวกนั้น” ซางฉิงยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในความคิดของเขา
“ผมเสียใจมากคุณซาง แต่ผมได้ผู้จัดหาและเซ็นสัญญาขอบคันหินไปแล้ว” เย่ชิงถอนหายใจอย่างเสียใจ “ส่วนเครี่องจักรแกะสลักนั้น อย่าแม้แต่จะคิดถึงมันเชียว”
“พวกเราทุกคนเป็นนักธุรกิจ นายจะทําแบบนี้ไม่ได้เ” ใบหน้าของซางฉิงเปลี่ยนเป็นเศร้าโศกทันที
“ฮ่าฮ่า ” เย่ชิงหัวเราะเยาะเย้ย “มาถึงตรงนี้แล้วคุณซางก็น่าจะรู้ว่าใครเป็นคนที่ละเอียดถี่ถ้วนมากกว่ากัน”
“ใครกันนะเป็นคนที่ยกเลิกออเดอร์แล้วบอกให้ผมฟ้องร้อง เขา ตอนนี้คุณกลับมาขอร้องอ้อนวอนงั้นหรือ? ถูกต้องแล้ว ผมเล็งข้อตกลงเรื่องขอบคันหินของคุณไว้โดยเฉพาะเลยล่ะ” เย่ชิงยืนขึ้นและยกเอามือเนียนราวกับหยกออกจากแขนของเขา “เอาเลยสิคุณซาง ฟ้องผมแล้วดูสิว่าผมจะกลัวไหม”
ทางเลือกของเย่ชิงเป็นเรื่องยากที่นักธุรกิจสีเทาจะเข้าใจ มันก็เป็นเพียงแค่เงินเท่านั้นเอง ซางฉิงเสนอเงิน 37 หยวนสําหรับขอบคันหินแต่ละชิ้นและเงินจํานวนมากสําหรับเครื่องจักร แล้วความโกรธก่อนหน้านี้ล่ะ ยอมอดทนแล้วก็ได้รับสอง แสนไปอย่างง่ายดายแบบนี้เหรอ
ไม่ว่าอย่างไรเย่ชิงก็ไม่สามารถกลืนความโกรธนี้ลงไปได้ เมื่อออเดอร์เครื่องจักรทั้ง 6 เครื่องถูกยกเลิกมันจะทําให้เขาได้รับรู้ถึงความอัปยศและความไร้ซึ่งอํานาจ หากจะต้องกลืนความโกรธเพื่อให้ได้เงินมา เขาก็กลืนมากเกินไปแล้ว
สําหรับเย่ชิงแล้ว มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินอีกต่อไป แต่เป็นการเอาศักดิ์ศรีของเขาคืนมา แม้ว่าซางฉิงจะมีคอนเนคชันและไม่ว่าปัญหามันจะใหญ่ไปกว่านี้เรื่อยๆอีกหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องในภายภาคหน้า เมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะต้องใช้หมัดของฮัลค์หนึ่งและฮัลค์สองพูดคุยกันแล้วล่ะ
ซางฉิงโมโหแทบตาย ข้อตกลงของเขาไม่เพียงแต่ถูกแย่งไปแต่คําพูดเดิมของเขาก็ยังกลับคืนมาเล่นงานเขา และเขาก็ไม่สามารถทําอะไรกับมันได้เลย
ความไร้ซึ่งอํานาจเช่นนี้ทําให้ซางฉิงจมอยู่ในความโกรธของตัวเอง แกคิดว่าแกเป็นใคร? แกคิดว่าแกจะกลั่นแกล้งฉันได้ด้วยเครื่องจักรไฮเทคไม่กี่เครื่องนั้นเหรอ? ซางฉิงไม่เคยสนใจที่จะมองเย่ชิงเลยจากก้นบึ้งของหัวใจ ด้วยความแข็งแกร่งและการที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปทําให้ซางฉิงไม่เคยจะชายตาแลเย่ชิง เด็กหนุ่มที่ไม่มีพลังและไร้เงินทอง
“รอก่อนเถอะ เมื่อถึงเวลาแกจะต้องชดใช้ให้ทางเลือกของแก” ซางฉิงแผดเสียงอย่างเกรี้ยวกราดในทุกคํา
“ไม่ต้องรอหรอกมาเลยสิ” เย่ชิงนั่งลงอีกครั้งอย่างกล้าหาญ “ผมรู้ว่าคุณมีคอนเนคชันไปทั่วและก็มีคนบ้าๆมากมายพร้อมให้เรียกหาตลอดเวลา
“ผมกล้าที่จะแย่งข้อตกลงของคุณเพราะผมคิดถึงผลที่จะตามมาไว้แล้ว แต่ผมไม่เชื่อในคําสัญญาโดยเฉพาะเมื่อมันออกมาจากปากคุณ”
ในห้องเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุก สาวๆสามคนเหมือนกับกวางที่ได้ยินเสียงปืนและวิ่งหนีไปทันที พวกเธอถูกจ้างให้มาดื่มเป็นเพื่อนพวกเขา ไม่ได้ให้มาดูคนพวกนี้ต่อสู้กัน
มุมมองของพวกเธอเกี่ยวกับผู้ชายนั้นแม่นยํายิ่งกว่าหมอดู ผู้ชายคนนี้ที่จ่ายเงินก้อนโตจ้างพวกเธอมาเป็นนักธุรกิจสีเทา ส่วนเย่ชิงเขาเป็นเด็กหนุ่มหุนหันพลันแล่นที่เลือดเดือดพล่าน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย หากพวกเขาจะต่อสู้กันมันก็คงจะไม่ใช่เพียงแค่เรียกเลือดออกมาอย่างแน่นอน
ปากที่อ้าค้างของหลิวเฟิ่งจินนั้นใหญ่ยิ่งกว่าฮิปโปด้วยซ้ํา เขาที่ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาไม่เคยประสบกับสถานการณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ เขายังจะต้องสนใจอะไรอีก ถ้าไม่ถูกซ้อมจนเละเขาก็จะถือว่าตัวเองโชคดีแล้วกัน
“อ่าาา! ปวดท้องจัง ผมต้องไปเข้าห้องน้ําแล้วล่ะ” หลิวเฟิ่งจินไม่ได้ใช้ห้องน้ําที่อยู่ในห้องแต่รีบวิ่งออกประตูไป
ซางฉิงก็ยืนขึ้นเช่นกัน แต่การเคลื่อนไหวที่รุนแรงทําให้เครื่องใช้และจานที่เปราะบางหล่นลงไปบนพื้น สิ่งนี้ทําให้พนักงานเสิร์ฟทั้งชายและหญิงที่เหลืออยู่ในห้องกลัว
ท่าทางของเขาดูดุร้าย หลอดเลือดดําเต้นตุบๆบนหัว
“ต้อง ติ๊งต่องลิ้ง ติ๊งต่องลิ้ง ติ๊งต่องลิ้ง ต้อง ติ๊งต่องลิ้ง ตั้งต่ องลิ้ง ตั้งต่องลิ้ง ”
เสียงเรียกเข้าทําลายความเงียบอันน่าขนลุกในห้อง โทรศัพท์ในกระเป๋าของเย่ชิงดังขึ้น
“ผมขอรับโทรศัพท์ก่อนนะ” เย่ชิงดึงโทรศัพท์ออกมาอย่างรุนแรงแล้วมองเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ไอโฟน 4 เครื่องเก่าที่หน้าจอแตกเกือบจะทําให้สาวๆที่ยังอยู่ในห้องหัวเราะออกมา
“ใครครับ?” เย่ชิงถาม เขาพยายามปรับโทนเสียง
คนที่โทรมาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เสียงห้าวแต่อ่อนโยนจะดังขึ้นมา “ใช่เย่ชิงหรือเปล่า? ฉันจางจื่อตงเองนะ”
หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ปัจจุบันรุนแรงและตึงเครียดมากเกินไปเย่ชิงคงจะใช้เวลาในการคุยกับจางจื่อตงอย่างแน่นอน
แย่จัง –
“เธอรู้เบอร์ของฉันได้ยังไง” เย่ชิงถามแบบไม่ต้องการคําตอบ
“ฉันเพิ่งกลับมาที่จงหยุน ถ้าคืนนี้นายพอจะมีเวลาอยากมาเจอเพื่อนร่วมชั้นตอนม.ต้นของเราบ้างไหม?” จางจื่อตงถามอย่างจริงใจ
“โทษทีแต่คืนนี้ฉันคงจะไม่มีเวลา” แม้ว่าเย่ชิงจะยังคงจดจําสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้ แต่พอผ่านไปหลายปีก็ถึงเวลาที่ต้องชดเชยแล้ว
“เอาแบบนี้ดีไหม ฉันจะนัดให้ทุกคนมารวมตัวกันพรุ่งนี้”
“ว้าว นายยังนึกถึงเรื่องในตอนนั้นอยู่สินะ” จางจื่อตงกล่าวอย่างขมขื่น “ตั้งแต่นั้นมานายก็ไม่ได้พูดอะไรกับฉันเลยตลอด 8 ปี พรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงเอง แค่นายกับฉัน”
“พรุ่งนี้สินะ ฉันเข้าใจแล้ว” ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดคุยกัน หลังจากตอบรับการนัดหมายเย่ชิงก็วางสาย พนักงานชายสองคนสวมชุดทํางานเข้ามาขัดท่าทางอันตรายที่เกิดขึ้นระหว่าง เย่ชิงและซางฉิง
“คุณครับ นี่คือสถานประกอบการของพลเรือน หากคุณจะต่อสู้กันโปรดออกไปข้างนอกเถอะครับ” ผู้ดูแลบอกพวกเขาด้วยน้ําเสียงที่ไม่ได้ฟังดูอ่อนน้อมและก็ไม่ได้ใช้อํานาจสั่ง
“คอยดูแล้วกัน” ซางฉิงทิ้งคําส่งท้ายไว้ก่อนออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง เขารีบไปที่ลานจอดรถใต้ดิน รถออดี้ E400 สีดําใหม่เอี่ยมส่งเสียงบีบเมื่อซางฉิงเดินเข้ามาใกล้ ตรงข้ามกับเย่ชิงที่ขึ้นรถตู้ของเขา ตอนนี้โรงงานมอนสเตอร์อัปเกรดเสร็จสิ้นแล้วแต่เขาไม่มีเวลาที่จะไปสํารวจดูเพราะเขาจําได้ว่าฮัลค์หนึ่งและฮัลค์สองกลับเข้าสู่การ์ดแล้ว จากนั้นเขาก็ขับตามออดี้สีดําคันใหม่เอี่ยมออกไปอย่างไม่เร่งรีบ
ซางฉิงจํารถตู้ของเย่ชิงได้ เขาหยิบมือถือออกมาแล้วโทรออกด้วยสีหน้าเศร้าโศก เขาบอกคนปลายสายให้รีบมาที่นี่ด่วน มีบางอย่างที่ต้องจัดการ เมื่ออยู่บนถนนเหลียงเจียงที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟ ซางฉิงก็มองไปที่กระจกมองหลังแล้วดูรถตู้พาณิชย์ที่ตามหลังมา
“ในเมื่อแกกําลังมองหาเรื่องสนุก ฉันก็จะจัดให้” ซางฉิงหัว เราะอย่างมีความสุขด้วยลมหายใจที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์
ติด! ด! ตื้ด!
ทันใดนั้นรถตู้ด้านหลังของรถออดี้ก็เปิดไฟส่องมาและพุ่งไปข้างหน้า ซางฉิงคิดว่าเขาจะถูกแซง แต่ขณะที่เขากําลังจะเหยียบเร่งให้ออดี้แผดเสียงคํารามออกมา รถตู้เย่ชิงพาณิชย์ก็ชนเข้าที่ด้านข้างอย่างไร้ความปราณี
เสียงเหมือนฟ้าร้องดังไปทั่ว
ออดี้ใหม่เอี่ยมคันนี้เป็นรถซีดานของซีรีส์ E มันถูกรถตู้โฆษณาที่ไร้ค่าชนก่อนที่จะทันเอาฟิล์มกันรอยออกด้วยซ้ํา ผลคือประตูซ้ายทั้งสองของออดี้ผิดรูปและกระจกหน้า ต่างบานหนึ่งแตก ซางฉิงมีนิสัยไม่ชอบคาดเข็มขัดนิรภัยแต่รถมีระบบความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม ถุงลมนิรภัยของผู้ขับขี่จึงกระเด็นออกมาในพริบตาทําให้ซางฉิงงงงวยแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ส่วนรถตู้ที่น่าเวทนานั้นไม่ต้องไปพูดถึงกันชนที่หักพังไป ฝาครอบเครื่องยนต์ของมันนั้นยุบเข้าไปและไฟรถก็แตกกระจายไปทั่ว
“ทําบ้าอะไรวะ ออดี้ของฉันไปทําอะไรให้แก!”
ความเสียหายอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นกับออดี้คันใหม่เอี่ยม ทําให้ชางฉิงแทบจะร้องไห้ ผู้ชายมักจะมองว่ารถยนต์นั้นสําคัญเหมือนเป็นคนรักของพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงแฟนสาวราคาล้านดอลลาร์เลย
เย่ชิงส่ายหัวไล่ความวิงเวียน เขาลงจากรถแล้วเดินไปหน้า ออดี้ เย่ชิงไม่เสียเวลาพูดคุยแต่ดึงโทรศัพท์ออกมาแล้วกดหมายเลข 3 ตัว
“สวัสดีครับ 110 ใช่ไหม ผมประสบอุบัติเหตุที่ด้านหน้าของเทียนหวั่นจู ถนนเหลียงเจียง”
“อยู่ข้างลานจอดรถของเทียนหรันจูครับ ผมรู้จักคนที่ขับรถอีกคัน เขาเป็นหัวหน้าของเจียงชานการก่อสร้าง
“ใช่ครับ ผมอยู่ที่เทียนหรันจูและเห็นเขาดื่มไป๋จิ๋วเป็นตันเลย ตอนนี้เขาเมาแล้วก็พึมพําอะไรมั่วๆ กรุณารีบมาจัดการกับเรื่องยุ่งๆนี้หน่อยนะครับ”
คอมเม้นต์