เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ [仙墓] – บทที่ 25 จิตมุ่งร้าย
บทที่ 25 จิตมุ่งร้าย
มีสิ่งของและซากศพมากมายลอยอยู่รอบ ๆ ทุกอย่างดูกระจัดกระจายไปหมด แม้แต่ศพเองก็มีกระดูกและชิ้นเนื้อลอยไปทั่ว
“ของเหล่านี้ตกค้างจากผู้ที่มาจากทางอากาศทั้งนั้น” ลู่หยุนพูดอย่างสงบ “ถ้าเราลงจอดช้ากว่านี้ก็พวกเราเองก็น่าจะเป็นหนึ่งพวกเขาด้วย”
ฉิงฮั่นตัวสั่นคลอน ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกนั้นให้กลายเป็นการจดจ้องที่ดูชั่วร้ายที่หลี่ยูวไฉ
“ข้า ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นแบบนี้!” สีหน้าของเขาซีดเซียวราวกับน้ำตาที่จะระเบิดออกมา มันเป็นความคิดที่เขาเสนอให้มาที่ภูเขานี้ผ่านทางอากาศ “ทำไมพวกเราถึงไม่เห็นของเหล่านี้ตอนที่มาล่ะ? สัมผัสของข้าก็ไม่เห็นรับรู้ถึงมันเลย“
“สัมผัสของเจ้าน่าจะถูกทำให้สับสนด้วยค่ายกล” ลู่หยุนกล่าวขณะที่เขาสังเกตภูมิประเทศ
“เจ้า! ต้องเป็นเจ้าแน่!” ขุนนางวารีนภากล่าวหาลู่หยุนพร้อมชี้หน้า “ไม่มีใครรับรู้ถึงความผิดปกติอะไรทั้งนั้น แล้วเจ้าคนอ่อนแออย่างเจ้าทำไมถึงรู้เรื่องนี้ได้กัน?”
“นายอำเภอเป็นถึงเซียนชั้นฟ้า! เจ้าเข้าใจความหมายนี้หรือไม่? เขาเป็นเซียนที่เหนือกว่าเราทุกคน! เจ้ามันก็แค่หนอนแมลง!”
“เจ้าควรพิจารณาหาคนใหม่มาแทนที่เขาได้แล้วนะ หลี่ยูวไฉ” สีหน้าของลู่หยุนมืดลง ขุนนางคนนั้นยังคงว่าร้ายเขาอยู่เพราะเขาอยู่กับโม่วยี่ แม้หญิงสาวจะแต่งตัวเป็นชายแถมไม่ได้แต่งหน้า แต่นางก็ยังถืองดงามมากอยู่
เจ้าเมืองวารีนภาทำราวกับว่าโม่วยี่เป็นสิ่งของที่หลี่ยูวไฉมอบให้กับเขา และเมื่อเห็นผู้หญิงของเขาอยู่กับชายอื่น นั่นมันก็ทำให้เขาหงุดหงิดจนไม่อาจทนเอาไว้ได้
“โอ้? เจ้าอยากจะเปลี่ยนคนมาแทนที่ข้างั้นเหรอ?” เขาคำรามด้วยรอยยิ้มดุร้าย “ท่านทูตผู้ทรงเกียรติ ใคร ๆ ก็อยากให้ไอ้เด็กนี่ตายกันทั้งนั้น ใช่ไหม? ใคร ๆ ก็อยากจะทำงานสกปรกนี่ให้กับราชสำนักทั้งนั้น ทำไมไม่ให้ข้าจัดการมันตอนนี้เลยล่ะ?” เจ้าเมืองวารีนภาชักดาบออกมา
ฉิงฮั่นไม่ได้พูดอะไร บ่งบอกถึงการอนุมัติอย่างเงียบ ๆ ความพยายามครั้งแรกของเขาที่จะฆ่าลู่หยุนผ่านโม่วยี่นั้นล้มเหลว ดังนั้นเขาจึงพาเจ้าเมืองมาเพื่อให้จบงานโดยเร็ว
“เยี่ยม เยี่ยมเลย!” หลี่ยูวไฉ ยกมือทั้งสองในข้อตกลง นี่คือค่ายกลอนันต์ เราสามารถฆ่าเขาแล้วบอกว่าเขาตายในเขาลูกนี้ก็ได้ ไม่มีใครจับมือเราดมได้หรอก”
ลู่หยุนหมั้นหมูตัวผู้ให้กับเขา! เมื่อลู่หยุนตายไป งานหมั้นไร้สาระนี่ก็จะหายไปเช่นกัน นายอำเภอคนนี้รีบเข้าไปร่วมเสียงกับขุนนางเจ้านั้นเช่นกัน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ!” เสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วพื้นที่ ฉิงหงเฉินปรากฏตัวพร้อมกับคนของเขาและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“ฉิงหงเฉิน!” ฉิงฮั่นบิดริมฝีปากของเขา “เราพบกันอีกครั้งจนได้นะ พี่ห้า”
ฉิงหงเฉินมองไปยังฉิงฮั่น จากนั้นก็มองไปยังลู่หยุน “ ดูเหมือนว่าพวกเขาทุกคนต้องการให้เจ้าตายนะ ท่านเจ้าเมืองสนธยา ถ้าเจ้าร่วมมือกับข้า ข้ารับประกันเลยว่าชีวิตของเจ้าจะปลอดภัย พวกเขาต้องการให้เจ้าตายเพื่อสร้างหุ่นเชิดตัวใหม่ให้กับเขา ในความคิดของข้า ข้าคิดว่าเจ้าน่ะใช้พลังได้ดีกว่าคนอื่นเสียอีก”
ฉิงฮั่นขมวดคิ้ว “เขาเป็นถึงคนจากตระกูลลู่เชียวนะ คุณชายห้า”
“งั้นเหรอ?” ฉิงหงเฉินยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่า หมอนั่นน่ะโยนลู่หยวนโหออกจากบ้านของเขาเอง หยวนโหไม่อาจยอมรับการเหยียดหยามแบบนั้นได้นักหรอก นั่นทำให้ข้าเริ่มมองลู่หยุนในอีกแบบนึง”
ในเมืองหลวงหลางเซียเทียน ฉิงหงเฉินกับลู่หยวนโหจัดอยู่ในระดับเดียวกัน อัจฉริยะทั้งสองคนนั้นมีชื่อเสียงยิ่งกว่าพวกเซียนเสียอีก อย่างไรก็ตามความต่างระหว่างทั้งสองตระกูลมันทำให้พวกเขาเป็นศัตรูกัน การปะทะคารมกันของพวกเขาทำให้เป็นเรื่องที่น่าสนุกในเมืองหลวง
ความโกรธของฉิงฮั่นเกือบจะเป็นเปลวไฟที่จับต้องได้
“ในเมื่อคุณชายห้ายื่นการปกป้องมาให้ข้า ถ้างั้นก็ข้าก็ขอแยกกับพวกเจ้าเลยก็แล้วกัน” ลู่หยุนไม่มียางอายเลยแม้แต่น้อย นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรอดมาจนถึงทุกวันนี้ มันก็ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้วนี่ก็แค่ย้ายฝ่ายเอง
“ไร้ยางอายที่สุด!” ฉิงฮั่นตะโกนออกมา
“ดูแล้วเจ้าเองก็ฉลาดไม่เบาเลยนี่นา” ฉิงหงเฉินหัวเราะและหันไปหาหลี่ยูวไฉ “แล้วเจ้าล่ะเจ้าอ้วน? เจ้าเมือง เจ้านายของเจ้าเข้าร่วมกับข้าแล้วนะ“
“ข้าจะทำตามทุกคำสั่งของคุณชายห้า” หลี่ยูวไฉรีบพูด“ หากเจ้าคิดจะลืมเรื่องก่อนหน้านี้ล่ะก็นะ”
“เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เหรอ?” ฉิงหงเฉินถามด้วยความสับสน “ มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้งั้นเหรอ?”
เจ้าอ้วนออกอาการดีใจ ในขณะที่ฉิงฮั่นมีสีหน้าที่หม่นหมองกว่าใคร เขาไม่คิดว่าฉิงหงเฉินจะพลิกเกมของเขาได้เพียงคำพูดอันน้อยนิด
“ข้ายอมรับใช้นายน้อยคนที่ห้าแล้ว” หลี่ยูวไฉเหลือบมองไปที่ขุนนางเมืองอื่น “ แล้วพวกเจ้าที่เหลือล่ะ?” เป็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบในการเหยียดหยาม
“ข้า…” เจ้าเมืองวารีนภารู้สึกถึงจิตสังหารที่อยู่ข้างหลังเขาก่อนที่เขาจะขยับได้ “ ข้าภักดีต่อท่านอย่างแน่นอน!”
แม้จะไม่เต็มใจ แต่พวกขุนนางก็ต้องอยู่ฝ่ายฉิงฮั่น ถึงจะไม่มีข้อสงสัยว่าพวกเขาคิดจะทรยศต่อท่านทูตก็ตาม ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงจะจัดการไปแล้ว ในฐานะของผู้ในระดับจิตวิญญาณ เขาสามารถจัดการพวกระดับปราณดั้งเดิมได้สบาย ๆ อยู่แล้ว
ฉิงฮั่นสงบลงเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขาเย็นชา
“เอาล่ะ เขาเป็นน้องชายของข้า อย่าทำให้เขาต้องอับอายมากนักเลย” ฉิงหงเฉินหัวเราะเบา ๆ “ ทำไมเราไม่ร่วมมือกันทั้งหมดในนี้เพื่อผ่านภูเขาไปด้วยกันล่ะ เจ้าเจ็ด? ไปด้วยกันเถอะ”
ฉิงฮั่นตัวสั่นกลัว ความสิ้นหวังเกาะติดใจของเขาแน่น พี่ชายคนนี้ของเขาจะไม่ลังเลที่จะฆ่าเขาถ้ามีโอกาส นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบประจัญบานภายในกลุ่ม หากแต่กลายเป็นความปรารถนาร่วมกันของคนส่วนใหญ่ในกลุ่ม
ฉิงหงเฉินได้ไว้ชีวิตน้องชายของเขาเพียงเพราะเขาต้องการตัวตายตัวแทนในการสำรวจครั้งนี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยฉิงฮั่นกลับออกจากที่นี่ไปโดยที่ยังมีชีวิตอยู่แน่ พวกเขายังไม่ได้เข้าไปในค่ายกลก็จริง แต่แค่นี้ก็ถือว่าอันตรายมากพอแล้ว
ความผิดพลาดครั้งเดียวสามารถทำให้พวกเขาถูกฆ่าได้ทั้งหมด
“ค่ายกลนี่มันจะต้องมีขุมทรัพย์ระดับเซียนโบราณอยู่มากมายแน่ ๆ!” ท่านสิบสามสังเกตไปรอบ ๆ ด้วยการแนะนำของเขา มันทำให้ทั้งกลุ่มสามารถเข้าไปข้างในภูเขาได้โดยปลอดภัย
“พวกเราควรหยุดตรงนี้” ลู่หยุนคัดค้านทันที “ถ้าเราไปไกลกว่านี้พวกเราจะตายกันหมด”
“โอ้?” ทุกคนหันมาหาเขาอย่างสงสัย
ท่านสิบสามกำลังจะแยกแยกตัวค่ายกลแรกออกมาและหยุดลงเมื่อได้ยินคำนั้น “ เจ้ากลัวงั้นหรือ?”
ลู่หยุนส่ายหัว “ชื่อของเขาลูกนี้ก็ได้อธิบายถึงตัวมันเองอยู่แล้ว เจ้าคิดว่าจะรับมือค่ายกลได้สักเท่าไหร่กันจนกว่าเจ้าจะรอดออกไปจากที่นี่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าเจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องตาแก่นี่สินะ ลู่หยุน?” หลี่ยูวไฉล้อเลียนเขา นี่คือนายท่านสิบสาม เขาคือเจ้าแห่งค่ายกลที่เก่งที่สุดในหลางเซียเทียน!”
ใบหน้าของนายท่านสิบสามมีแต่ความภาคภูมิใจ
“คนที่เก่งที่สุดในหลางเซียเทียน?” ลู่หยุนเย้ยหยัน “ นี่คือสาเหตุที่เขาดูเย่อหยิ่งแบบนี้สินะ? แล้วอีก 12 คนที่เหลือล่ะ? พวกเขาเก่งขนาดไม่ต้องเดินก็ได้เลยสินะ?”
สีหน้าของนายท่านสิบสามมืดลง
ลู่หยุนไม่อยากจะเสียเวลากับเขาอีกต่อไป “กล่าวกันว่าเขาลูกนี้ตั้งอยู่ในเขตสนธยากว่า 5 พันปี เซียนระดับสูงเองก็สามารถเข้าได้เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว แต่มันก็ยังตั้งตระหง่านอยู่”
เจ้าเมืองหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเศษสมบัติ ชิ้นส่วนอาวุธ และชิ้นส่วนร่างกายของผู้ฝึกตนและเซียนที่ลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบ ๆ ประเด็นของเขาชัดเจน มีผู้ที่เก่งกาจมากหน้าหลายยตาพยายามที่จะเข้าไปในภูเขาในช่วงห้าพันปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาทั้งหมดล้มเหลว บางคนออกไปมีชีวิตได้ในขณะที่คนอื่นกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยลอยอยู่นอกภูเขา
ใบหน้าของนายท่านสิบสามแดง แต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ท่านเจ้าเมืองพูดถูก” ฉิงฮั่นพยักหน้าจากนั้นก็แสดงออกต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน “เขาเป็นคนแรกที่เห็นค่ายยกลกลางอากาศนั่นและทำให้พวกเรารอดตาย”
“โอ้?” ตาของฉิงหงเฉินสว่างขึ้น “เจ้าต้องการให้พวกเราทำยังไงต่อล่ะ?”
สีหน้าของนายสิบสามดำมืด พวกเขาตามเรือของฉิงฮั่นมาและน่าจะตายไปแล้วถ้าหากไม่ลงจอดตาม เขาคิดว่านี่มันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่กลายเป็นว่าเจ้าเมืองหนุ่มคนนี้มองเห็นกับดักทั้งหมด!
“จริง ๆ แล้วภูเขานี้เป็นเนินดินขนาดใหญ่ สิ่งสำคัญยังคงอยู่ใต้ดิน การสำรวจภูเขาและค้นหาสมบัติของมัน เราจะต้องเปิดเส้นทางที่นำไปสู่ใต้ภูเขา” ลู่หยุนเพิกเฉยต่อคำพูดทั้งหมด ฉิงฮั่นต้องการที่จะฆ่าเขาในภูเขาและฉิงหงเฉินต้องการใช้เขาเป็นตัวหมาก จะใครก็ไม่ดีทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามเขาก็สามารถใช้ทั้งสองคนในการเดินทางครั้งนี้ด้วย ชายหนุ่มไม่มีพลังมากพอที่จะสำรวจภูเขาด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงต้องการแรงงานและตัวตายตัวแทน
“อะไรนะ?!” ฉิงหงเฉินตะลึง
โม่วยี่เคยได้ยินการคาดเดาแบบนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ ในทางกลับกันทุกคนตะลึงไม่หยุดหย่อน ที่นี่คือสุสานขนาดมหึมางั้นเหรอ?
สุดยอดค่ายกลอนันต์ ภูเขาที่สูงเทียมฟ้าคือเนินฝังศพขนาดใหญ่?
เป็นไปไม่ได้!
“ไร้สาระ” นายท่านสิบสามตะโกน “ ไม่มีเนินฝังศพจะใหญ่ได้ขนาดนี้หรอก! ไม่แม้แต่หลุมฝังศพของจักรพรรดิเซียนก็ไม่เคยมีขนาดแบบนี้”
ลู่หยุนไม่สนใจและมองสำรวจไปรอบ ๆ
นี่มัน… การข่มขวัญของมังกรและเสือ! มังกรต่อสู้กับเสือในขณะที่เสือต่อสู้กับมังกร คนที่จัดการทุกอย่างในนี้จะต้องเกลียดคนตายข้างในนี้มากแน่ ๆ! เขาตัวสั่นอย่างแรง
การข่มขวัญของมังกรและเสือ เป็นรูปแบบฮวงจุ้ยที่อันตราย มังกรเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ และเสือเป็นตัวแทนของกษัตริย์ ทั้งสองไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข มีคำกล่าวสมัยก่อนที่กล่าวว่าจะมีการปะทะกันระหว่างมังกรและเสืออยู่เสมอเนื่องจากความเป็นปรปักษ์ที่ไม่อาจยุติได้ของพวกเขา
ความขัดแย้งที่ไม่มีวันสิ้นสุด นี่หมายความว่าไม่เพียงแต่คนตายที่ถูกฝังที่นี่จะไม่เข้าสู่วงเวียนแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ แถมพวกเขายังไม่สามารถไปสู่สู่สุคติได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งการจัดวางของพลังงานอันรุนแรงของทั้งสองสัตว์ มันได้ช่วยเพิ่มพลังให้กับคนตาย และที่สุดแล้วก็คือชาวเมืองวารีแท้จริงที่ตายไป
ลู่หยุนไม่รู้ว่าเนินนี้จะสร้างอะไรที่น่าสยดสยองขึ้นมาอีก
“สิบแปดไมล์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในหุบเขา” เขาประกาศอย่างมั่นใจหลังจากการคำนวณบางอย่าง “เราสามารถขุดทางเข้าไปในสุสานที่นั่นได้”
“ห่างออกไปสิบแปดไมล์?” หลังจากหยุดพัก ฉิงหงเฉินก็ชี้ไปที่หนึ่งในขุนนางที่รับใช้ฉิงฮั่น “เจ้าไปที่นั่นและสังเกตดูซะ” เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อมั่นในลู่หยุนอย่างเต็มที่
ใบหน้าของฉิงงฮั่นยังคงไม่เคลื่อนไหว
“ข้า -” หัวใจของเจ้าเมืองทรุดลง เขาสามารถเข้ามาที่นี่ได้อย่างปลอดภัยเพราะนายท่านสิบสามแท้ ๆ มันจะเป็นการฆ่าตัวตายชัด ๆ ถ้าจะให้เขาไปที่ไหนมาไหนโดยปราศจากผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกล
“ปิดตาของเจ้าและตรงไปในทิศทางนั้นก่อนจะก้าวเดินออกไปสิบแปดไมล์ สามหลา หกฟุต และหนึ่งนิ้ว” ลู่หยุนเตือนอย่างจริงจังให้ปิดตา “ ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด ๆ ห้ามหยุด ห้ามลืมตา แต่ถ้าเจ้าสงสัยและลืมข้อตกลงนี้ละก็เจ้าจะตายทันที”
ขุนนางตัวสั่นเทาอย่างหาที่สุดไม่ได้
คอมเม้นต์