จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – บทที่20 เพียงแวบเดียวที่ตวัดนิ้ว
บทที่20 เพียงแวบเดียวที่ตวัดนิ้ว
กลุ่มแชทของตระกูลเงียบลง ในบริษัทกลับกำลังถกเถียงอยู่
“ครั้งนี้เป็นแบบนี้แล้ว หานหยู่เยนอยู่ในตำแหน่ง หลังจากนี้พวกเราก็จะใช้ชีวิตยากขึ้น!”
“กลัวอะไร อย่าลืมว่าบ้านเรายังมีการจัดงานแต่งงานอีก แน่นอนว่าต้องเป็นคุณชายตระกูลร่ำรวย พวกเรายังมีโอกาสอยู่”
“นั่นสิ แต่งงานเข้าตระกูลร่ำรวย หานหยู่เยนจะไปมีอะไรได้อีก แต่พูดไป ปีนี้จะผ่านไปได้อย่างไร?”
หานหยุนซีกำหมัด พลางพึมพำเสียงเย็นชา: “ร้อนรนอะไร หานหยุนเทาเก่งกาจขนาดไหนพวกคุณไม่รู้เหรอ ตอนนี้ไม่มีตำแหน่งรองประธานแล้ว อยากจะฆ่าหานหยู่เยนจนทนไม่ไหว เขาเองจะต้องทำร้ายไปสารเลวนั่น พวกเราไม่ต้องเป็นห่วง!”
“ก็จริง ตอนนี้ฉันอยากให้คุณชายลึกลับนั่นปรากฏตัวสักที แล้วก็เลือกคนหนึ่งในพวกเราไป” หญิงแต่หน้าจัดบ่นด้วยความเศร้าใจ
“พี่น้อง พวกเรายืนอยู่บนด้ายเส้นเดียวกัน ไม่ว่าใครจะแต่งเข้าไปก็ต้องดูแลคนอื่นด้วย เพื่อร่วมมือกันทำลายหานหยู่เยน!”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
……
บริษัทตระกูลหานมีบรรยากาศอย่างไรนั้นโล่เฉินไม่ได้อยากรู้ ความเกลียดของหานหยุนเทาทั้งเขาเองก็ไม่ได้สนใจ
คุณย่าหานตอบตกลงแล้ว ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
ในระยะเวลาหนึ่งปี เพียงพอที่จะให้หานหยู่เยนพัฒนาตัวเอง อยู่ในบริษัทอย่างมั่นคง โล่เฉินเชื่อในตัวหานหยู่เยนเป็นอย่างมาก
“วันนี้ทำได้ไม่เลวเลย เก่งมาก!” หานหยู่ถิงลุกขึ้นยื่นนิ้วโป้งให้
โล่เฉินหัวเราะ
หานเจี้ยนเย่สามีภรรยามองกัน หลิวเซียงหลันพูดขึ้น: “โชคดี ที่พนันถูกแล้ว แต่อย่าคิดว่าฉันจะยอมรับคุณนะ ฉลาดแค่นิดเดียวอย่าคิดว่าเก่งนะ!”
“แม่ ฉันจะพยายามนะ!”
หลิวเซียงหลันเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนจะเข้าไปในห้องตัวเอง
จู่ๆ โทรศัพท์ของโล่เฉินก็ดังขึ้น เป็นเสี้ยงจื้อสงคุณชายตระกูลเสี้ยงที่สามโทรเข้ามา เขาร้อนรนเป็นอย่างมาก เพราะวันนี้คือวันที่สิบห้าสิงหาแล้ว
เมื่อมาถึงในห้อง
“คุณชายตระกูลเสี้ยงที่สาม”
“คุณผู้ชายโล่ คุณไม่ลืมวันใช่ไหม ฉันอยู่ที่ชิงเฟิงซานจวนแล้ว คุณอยู่ที่ไหน ตอนนี้ฉันจะให้คนไปรับคุณ”
โล่เฉินหัวเราะ: “ไม่ลืมหรอก คู่ปรับของคุณอย่างลี่สวี้ถึงแล้วใช่ไหม?”
“ยังไม่ถึง จดหมายของเขาบอกว่าจะมาถึงตอนเที่ยงตรง”
“ยังพอมีเวลา คุณไม่ต้องมารับฉัน ฉันจะนั่งแท็กซี่ไปเอง!”
หลังจากวางสายไป โล่เฉินก็หาข้ออ้างที่จะออกจากบ้านไป
ชิงเฟิงซานจวน
เพิ่งจะลงจากรถ ก็มีชายร่างกำยำสูงราวๆ เมตรเก้าสิบเข้ามา “คุณผู้ชายโล่ คุณชายที่สามมารอนานแล้ว ตามฉันมา”
ที่สวนดอกไม้ด้านหลัง
ตอนที่โล่เฉินปรากฏตัว เสี้ยงจื้อสงกำลังคุยอยู่กับชายเสื้อแขนยาว เมื่อเห็นเขา เสี้ยงจื้อสงก็ยิ้มขึ้นมา
“คุณผู้ชายโล่ มาๆ แนะนำหน่อย คนนี้คืออู๋ไต้ซือ เป็นนักบู๊คนหนึ่ง เก่งกาจและมากความสามารถเป็นอย่างมาก”
ชายเสื้อแขนยาวนั้น มีแววตาที่เย็นชาและทระนง เขาหรี่ตาลง ด้วยท่าทีสง่างาม
เมื่อมองโล่เฉิน อู๋ไต้ซือก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย: “คุณชายที่สาม ทำไมถึงเชิญใครก็ไม่รู้มา เป็นแค่เด็กน้อยที่เพิ่งจะเกิดมาไม่นาน ก็กล้ามาใช้ชีวิตดั่งคนกล้า ลี่สวี้ฉันได้ยินมาตั้งนานแล้ว ว่ามันไม่ง่ายเลย ฉันเองยังไม่กล้าบอกว่ามันจะชนะได้ง่ายๆ เลย คุณเรียกเด็กน้อยนี่มา มันใช้เหรอ!”
“คือว่า……” เสี้ยงจื้อสงทำตัวไม่ถูกเลย
โล่เฉินมีสีหน้านิ่งเฉย เขาปรายตามองเสี้ยงจื้อสง ก่อนจะเดินไปแล้วนั่งลงข้างๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อวานซืนก่อนก็นัดกันแล้ว ตอนนี้มีนักบู๊เพิ่มมาอีกคน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเสี้ยงจื้อสงไม่เชื่อกำลังของตัวเอง
แน่นอน ว่าเขาเตรียมมาเพื่อปกป้องชีวิตตัวเอง มันก็ไม่มีอะไรให้พูดมาก
แต่ทว่า ท่าทีของโล่เฉินนั้นกลับทำให้อู๋ไต้ซือรู้สึกไม่ดี
“ไม่ได้เก่งกาจระดับอาจารย์ แทระนงตนน่ะเจอมาไม่น้อยเลย ตอนนี้คนหนุ่มสาว เรียนเพียงนิดหน่อย ก็คิดว่าเก่งเกินใครบนโลกใบนี้แล้ว”
อู๋ไต้ซือส่ายหัวพลางถอนหายใจ “คนหนุ่มสาวแบบนี้ฉันเจอมาเยอะแล้ว ถ้าไม่ตายเร็ว ก็เป็นพวกไม่เคยประสบความสำเร็จเลยตลอดชีวิต พยายามไปก็เท่านั้น”
เสี้ยงจื้อสงอยู่ตรงกลาง พลางลำบากใจมองด้านซ้ายขวา
คนหนึ่งก็เป็นนักบู๊ ส่วนอีกคนก็เป็นแขกในบ้าน เขาทำได้แค่สู้อยู่ตรงกลาง “อู๋ไต้ซือ คุณผู้ชายโล่เป็นเพื่อนของฉันตระกูลเสี้ยง”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวให้เขาตามติดด้านหลัง ถ้าบาดเจ็บตรงไหนอย่ามาโทษฉันนะ!” อู๋ไต้ซือพูดจบ ก็หลับตาทำสมาธิ
โล่เฉินอยู่ที่ศาลานั้นก็มีความสุขดี และได้ชิมเหล้ามาไม่รู้กี่ชนิดแล้ว
เวลาผ่านไป
เมื่อถึงเที่ยง จู่ๆ ลมก็พัดแรงขึ้น
โล่เฉินมีแววตาเปล่งประกาย ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น: “เสี้ยงจื้อสง!”
ผ่าง!
มีเสียงดังขึ้น จนหูแทบดับ
เสี้ยงจื้อสงตกใจจนมีสีหน้าซีดลง
วินาทีถัดมา ก็มีชายวัยกลางคนเพิ่มขึ้นมาในสวนดอกไม้:มีความดุดัน หายใจอย่างช้าๆ เนิบๆ แววตาคมชัด หน้าตามีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ
มีความหนัหนากดดันเข้ามา
โล่เฉินแอบพยักหน้า ลี่สวี้คนนี้กำลังไม่ธรรมดาเลย
“ลี่สวี้!”
“นายท่านเสี้ยง วันเวลาผ่านไปอย่างไม่มีวันกลับ ตอนนั้นคุณทำร้ายจนครอบครัวฉันตายหมด พ่อแม่ก็ต้องตายอย่างทรมาน วันนี้ ฉันจะให้คุณต้องมาเคารพศพพ่อแม่ของฉันให้ได้!”
เสียงของลี่สวี้นั้นมันกังวานมาก เหมือนกับว่า มันจะดังไปสักหน่อยด้วยซ้ำ
โล่เฉินเดาออกว่าน่าจะเป็นยุธกระบวนหนึ่ง ใช้กำลังภายในปล่อยพลังออกมา ทำให้เสียงนั้นสั่นสะเทือนได้เลยล่ะ
การกระทำนี้มันไม่ได้หาดูยากเท่าไหร่ มันคือการทำให้ศัตรูกลัวเท่านั้นเอง
“บอดี้การ์ด บอดี้การ์ด!”
เสี้ยงจื้อสงรีบเรียก
ลี่สวี้ยิ้มร้ายกาจ: “ไม่ต้องตะโกนหรอก ตอนที่ฉันเข้ามาก็จัดการไปหมดแล้ว ตอนนี้เตรียมตัวตายเถอะ!”
“มากเกินไปแล้ว ฉันจะนั่งอยู่ตรงหน้า ถ้าล้าก็เข้ามาทำร้ายคุณชายที่สามสิ”
อู๋ไต้ซือลุกขึ้นมา
เสี้ยงจื้อสงรีบถอย ก่อนจะกำหมัดขึ้นมาทั้งสองข้าง: “อาจารย์ ขอร้องล่ะ”
“วางใจเถอะ ให้ฉันทำเอง!”
“ให้คุณเหรอ?”
ลี่สวี้หัวเราะขึ้นด้วยความไม่แยแส พลางส่ายหัวแล้วพูด: “คนเมินเฉยย่อมไม่กลัว แค่เข้ามาฉันก็เห็นคุณแล้ว สวะที่เพิ่งฝึกกำลังภายในน่ะ กล้ามาสู้ต่อหน้าฉันด้วยเหรอ!”
“มากเกินไปแล้ว คุณควรตาย!”
อู๋ไต้ซือเริ่มขยับแล้ว
ที่เขาฝึกก็คือฝ่ามือพยัคฆ์ มันเป็นความหนักแน่นที่ไม่ลดความเร็วลงเลย เปลี่ยนไปได้ มันถือเป็นหมัดที่ดีเลยทีเดียว
“ไม่รู้จักกำลังของตัวเอง!”
ลี่สวี้ถีบด้วยเท้าสองข้าง ตัวก็พุ่งข้างหน้าเหมือนกระสุน
มาปรากฏตัวตรงหน้าอู๋ไต้ซืออย่างรวดเร็ว จากนั้น ก็ปัดป้องการกำบังของอู๋ไต้ซือด้วยหมัด เข้าที่กบางหน้าอกของอู๋ไต้ซือ
ก็เห็นว่าอู๋ไต้ซือลอยออกไปไกลราวๆ สิบเมตรไปบนภูเขาปลอมของสวนดอกไม้เหมือนกับว่าวที่เชือกขาด
“พรวก!”
อู๋ไต้ซือกระอักเลือด กลับเป็นอย่างมาก “คุณ คุณ……กำลังภายในระดับกลาง!”
ลี่สวี้ลงลมาจากที่สูง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน “ตอนนี้รู้ ก็สายเกินไปแล้ว นักบู๊ภายในคุ้มค่าไม่เบาเลย รอให้ฉันได้หัวของเสี้ยงจื้อสงก่อนเถอะ แล้วค่อยมาเช็กบิลกับคุณ!”
ตอนที่อู๋ไต้ซือถูกเตะปลิว เสี้ยงจื้อสงกลับมีสีหน้าซีดเซียว รู้ว่าวันนี้ยากที่จะหนีแล้ว
ตอนนี้ เมื่อเห็นลี่สวี้เข้ามาอย่างกัดไม่ปล่อย เขาก็ควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่
“ตายแล้วไม่ฟื้น ถึงคุณจะฆ่าฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ อีกอย่างฉันเป็นคนของตระกูลเสี้ยง พ่อของฉันคือเสี้ยงหยวน!”
“อะไรเสี้ยงหยวน หลี่หยวน หวังหยวน วันนี้คุณจะอ้างใครมาก็ตาม ก็เปลี่ยนโชคที่กำหนดเอาไว้แล้วไม่ได้หรอก อีกอย่าง ฉันเป็นแค่นักบู๊ที่มีกำลังภายในระดับกลาง จะกลัวคุณตระกูลเสี้ยงเหรอ น่าขำ!”
ลี่สวี้ถือมีดอยู่ในมือ มีแสงวิบวับ สะท้อนแสงอยู่
เสี้ยงจื้อสงถอยไป จนติดกับกำแพง
รีบร้อนจริงๆ โล่เฉินรินเหล้าไปพูดไป “ฉันว่ากำลังของคุณก็เพียงพอได้แล้ว จะมาหยุดตอนนี้ มันเหมือนฆ่าตัวเองชัดๆ รีบออกไปตอนนี้เลย”
“อือ?”
ลี่สวี้หันมา
อันที่จริง เพิ่งมาถึงสวนดอกไม้ด้านหลัง เขาก็สนใจโล่เฉินกับอู๋ไต้ซือ เห็นได้เลยว่าเขาพบว่าอู๋ไต้ซือเป็นนักบู๊ที่มีกำลังภายในระดับกลาง
แต่โล่เฉิน เขามองดูแล้วแต่ก็ยังมองระดับไม่ออกสักที แถมอายุของโล่เฉิน ลี่สวี้คิดไปก่อนเลยว่าเขาเป็นแค่คุณชายธรรมดาๆ
“คุณคือใคร?”
“โล่เฉิน”
“ไม่รู้จัก” ลี่สวี้ทำปากมุบมิบ พลางพูด “ไอหนุ่ม วันนี้ได้มาแก้แค้นแถมได้จับนักบู๊กำลังภายในคนหนึ่งด้วยเลยอารมณ์ดี จะปล่อยคุณไป รีบออกไปซะ”
“คำนี้น่าจะให้ฉันเป็นคนพูด”
“ให้เกียรติแล้วดันไม่เอา ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว คุณเองก็ต้องแก้ไขเองนะ!”
ลี่สวี้เข้ามาพร้อมกับมีด
โล่เฉินถอนหายใจเบาๆ เขาไม่ได้ไปสนใจขนาดนั้น จึงวางแก้วเหล้าลง ก่อนจะยกมือขึ้นจับ เหมือนกับจับเหล็กแผ่นหนึ่งเลยล่ะ
ชิ้ง!
ข้อมือสั่นไหว ลมปราณที่ฝึกอย่างแพรวพราว ก็ตกมาอยู่ที่ตัวของลี่สวี้ในทันใด ก่อนจะกระเด็นไป
“โอ๊ย!”
ลี่สวี้ร้องด้วยความเจ็บปวด หายใจไม่ออก เพราะจุดสำคัญในร่ายกายถูกทำร้าย สูญเสียร่างกายที่ฝึกมา และกลายเป็นคนพิการแทน
“ยังมีเรื่องจะพูดอีกเหรอ?”
โล่เฉินลุกขึ้น ก่อนจะมาอยู่ที่หน้าศาลา
ความอยากฆ่านั้นมันแพร่กระจายไป อยากจะฆ่าศัตรูในอากาศ
ปรมาจารย์บู๊!
ลี่สวี้แทบจะลูกตาหลุดออกมา ในโลกของนักบู๊ ปรมาจารย์บู๊ถือว่าหาได้ยาก เขาจะไปคิดออกได้อย่างไรว่าจะได้เจอ แถมยังเด็กขนาดนี้ด้วย
ห่างไปไม่ไกล ด้านล่างของภูเขาปลอมนั้น
อู๋ไต้ซือชาไปหมด จนน่าขนลุก
ปรมาจารย์บู๊เหรอ เมื่อครู่ที่พูดจาแดกดันไป จะทำอย่างไรดีนะ?
“ปรมจารย์ไว้ชีวิตเถอะ”
“ทำลายจุดสำคัญของคุณแล้ว น่าเคารพไหมล่ะ?”
ลี่สวี้แทบจะกองอยู่กับพื้น เหงื่อแตกเหมือนกับฝนตก “เคารพ ฉันเคารพแล้ว”
“ฉันไม่อยากจะฆ่าคน ไว้ชีวิตคุณ จะไม่เข้ามาที่เมืองเจียงอีก”
โล่เฉินหายใจเบาๆ เหมือนกับเป็นพระเจ้า “เข้าใจที่ฉันพูดไหม?”
“เข้าใจๆ คุณพูดเข้าใจดี ฉันเองก็เข้าใจแล้วเหมือนกัน”
“ไปเถอะ”
ลี่สวี้เหมือนถูกลงโทษ จนเกือบจะร้องไห้ออกมา “ขอบคุณที่ไม่ฆ่ากัน ฉันจะออกจากเมืองเจียงตอนนี้เลย”
ฟู่ๆ !
มีลมพัดมาเบาๆ สวนดอกไม้นั้นก็กลับมาสงบ
ลี่สวี้มาเร็วและไปเร็ว
อู๋ไต้ซือไม่ต้องพูดแล้ว ฟุบอยู่กับพื้นเหมือนอยากจะแกล้งตายเป็นอย่างมาก ขนาดเสี้ยงจื้อสงเอง ถึงจะไม่ใช่นักบู๊ แต่พ่อของเสี้ยงหยวนเป็นนักบู๊ เลยเคยได้ยินมาบ้าง
เขารู้ว่าปรมจารย์นักบู๊อยู่อย่างไร เลยเครียดและลังเลไม่สบายใจไปด้วย
“วาบ!”
ทันใดนั้น อู๋ไต้ซือก็ตึงไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนกับมีมีดสองเล่มมาเสียบอยู่ด้านหลัง เขาเหงื่อออกเป็นอย่างมาก เลยเงยหน้าขึ้นอย่างสั่นเกรง ก่อนจะสบตาเย็นชาของโล่เฉิน
คอมเม้นต์