จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – บทที่42 โยนออกไป
บทที่42 โยนออกไป
“เชิญทั้งสองเข้ามา”
ด้านนอกมีเสียงของเสี้ยงหยวนดังเข้ามา เสี้ยงจื้อสงเลยมีสติกลับมา ก็เห็นว่าคุณท่านพาคนแก่และเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาด้วย
ทางด้านคนชรานั้นใส่ชุดผ้าลินินหยาบหลังนั่นโค้งงอ เหมือนกับคนชราที่ใกล้สิ้นชีพแล้ว แต่ว่าเสี้ยงจื้อสงนั้นใช้ชีวิตมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว เลยมองออกทันทีว่าคนชรานั้นเป็นนักบู๊ที่เก่งกาจไม่เบา
ส่วนเด็กหนุ่มนั้นอายุราวๆ สามสิบ รูปร่างใหญ่ ตากลมโต สวมเสื้อกล้ามสีดำ มือที่หนานั้นเหมือนกับมีกล้ามเนื้ออยู่มาก เมื่อเห็นก็ต้องตกใจ
“พ่อ คนนี้คือหมัดปืนใหญ่หยางไต้ซือที่คุณบอกใช่ไหม” เสี้ยงจื้อสงรีบเดินมา ด้วยท่าทีเป็นมิตร
เสี้ยงหยวนพยักหน้า “ใช่แล้ว คนนั้นคือหยางไต้ซือจริงๆ ส่วนคนนี้คือลูกศิษย์ของหยางไต้ซือชื่อฉีหง อย่าคิดว่าอายุไม่มากนะ แต่จริงๆ เก่งกาจมากเลยล่ะ”
“ฮ่าๆ หยางไต้ซือ น้องฉีหง มาๆ มานั่งเร็ว”
ทั้งสองคนนั่งลง จากนั้นก็รินชากัน
เสี้ยงหยวนเปิดปากพูด: “พี่หยาง ครั้งนี้ต้องพึ่งคุณหมดแล้ว”
ชายชราหลังค่อมหยางไต้ซือพยักหน้า เสียงแหบแห้ง “ไม่มีปัญหา ฉันอยู่ในตารางจัดอันดับดิน ถึงตารางจัดอันดับดินจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะมาสู้ได้”
“ท่านไม่ต้องกังวล อันที่จริงอาจารย์ไม่ต้องลงมือเลย ฉันสามารถจัดการได้ทุกอย่าง” ฉีหงพูดด้วยความทระนง
“อย่าประมาทเลยทน้องชาย”
เสี้ยงจื้อสงรู้สึกกังวลใจ ครั้งนี้ตระกูลโล่ไม่ออมมือเลย
ที่เมืองจินหลิง ตระกูลเสี้ยงกับตระกูลโล่ไม่ถูกกันมาตลอด เมื่ออายุของคุณท่านเสี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายก็ถดถอย ตระกูลโล่ก็ออกมาทำอะไรต่างๆ อยู่ร่ำไป
ในวันเกิดของคุณท่าน ตระกูลโล่จะต้องลงมืออะไรอีกแน่
แต่ที่โชคดีก็คือ ตระกูลโล่ไม่รู้ว่าคุณท่านนั้นป่วยอยู่ ขอเพียงแค่ผ่านช่วงเวลารักษาตัวไปได้ ก็สามารถกลับมาฝึกให้เก่งกาจกว่าเดิมได้แล้ว
ในครั้งนี้ ตระกูลเสี้ยงยังคงเป็นที่หนึ่งของจีนหลิง
……
ด้านนอก บ่อปลา
หานหยู่เยนมองโล่เฉินตกปลาได้ตัวแล้วตัวเล่า เลยพูดอย่างเสียอารมณ์: “ทำไมปลาถึงชอบกินเบ็ดของคุณล่ะ คุณไม่ไว้หน้าฉันเลย”
“ ก็เสน่ห์แรง ปลาก็ต้านไม่ไหว”
“ชิ ชมหน่อยก็ลอยแล้ว”
หานหยู่เยนทำปากมุมิบ ตอนที่ไม่ได้สังเกตก็เห็นว่าก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูของซานจวนได้เจอซุนเสี่ยวเหม่ยกับแฟนแก่ของเธอ ทั้งสองคนค่อยๆ เดินเข้ามา
เธอขมวดคิ้ว ก่อนจะได้ยินซุนเสี่ยวเหม่ยพูดขึ้น: “ผู้จัดการ คุณตกปลามานานขนาดนั้นแล้ว ไม่เหนื่อยเหรอ?”
“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา อย่ามารบกวนการตกปลาของฉัน”
ซุนเสี่ยวเหม่ยหัวเราะ พลางพูด: “ฉันได้ยินว่าเมื่อครู่ผู้จัดการจะเข้าไปในงานในร่มแต่กลับถูกขวางเอาไว้ แถมยังบอกว่าคุณชายเสี้ยงที่สามเชิญพวกคุณด้วยตัวเอง คนหัวเราะกันใหญ่เลย”
“ถ้าเกิดว่าจะมาเพื่อพูดแซะฉัน ฉันรู้แล้ว คุณไปได้แล้ว” หานหยู่เยนมีสีหน้าเย็นชา ก่อนจะตกปลาต่อไป
“ไม่ได้มาแซะนะ ฉันแค่อยากบอกว่าแฟนของฉันพาคนเข้าไปได้สองคน นอกจากฉันก็สามารถพาเข้าไปได้อีกคน ถ้าเกิดว่าประธานอยากจะเข้าไป ก็ตามฉันมาได้นะ”
ซุนเสี่ยวเหม่ยพูดไป พลางมองไปทางโล่เฉิน “แต่ว่าสามีของคุณต้องนั่งตกปลาอยู่ตรงนี้นะ เขาน่าจะเก่งไม่เบา ตกอีกเยอะหน่อยค่อยกลับไป เอาปลากลับไปด้วยได้นะ”
ถึงจะไม่มีคำหยาบคายเลย แต่ว่าฟังดูแล้วมันไม่เข้าหูเลย ความหมายนั้นก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว
หานหยู่เยนไม่ได้สนใจ โล่เฉินยิ่งขี้เกียจจะมองเข้าไปใหญ่
ที่ที่ห่างออกไปไม่ไกลนั้น มีชายที่ใส่ชุดจีนมองมาทางนี้อย่างสนใจ ก่อนจะมีคนรับใช้พูดอะไรอยู่ข้างๆ
“ทำดีไม่ได้ดี คิดว่าตัวเองเป็นใครกันนะ!” ซุนเสี่ยวเหม่ยโกรธขึ้นมามากแล้วจริงๆ ก่อนจะหัวเราะเย็นชา พลางควงแขนของชายอ้วนเดินเข้าไปในงานในร่ม
เพิ่งจะเดินไปได้ไม่นาน ชายที่ใส่ชุดจีนก็มาปรากฏอยู่ข้างๆ หานหยู่เยน
“หยู่เยน”
“ห๊ะ?โล่เฉิง คุณเองเหรอ”
หานหยู่เยนแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะมีท่าทีเย็นชาเหมือนเคย
โล่เฉินที่ตกปลาอยู่ตลอดมองไม่หยุด ทั้งสองคนสบตากันพอดี อีกคนมีสีหน้านิ่งเฉย ก่อนจะพูดด้วยท่าทีตั้งใจทำเหมือนโมโหว่า:
“ฉันได้ยินคนรับใช้บอกว่าพวกคุณอยากจะเข้าไปในงานในร่ม พี่เฉินคุณโกหกว่าคุณชายสามมาเชิญพวกคุณด้วยตนเอง มันจะไม่ดูโง่เง่าเกินไปหน่อยเหรอ คุณไม่มีอะไร แต่ทำให้หยู่เยนถูกถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ มันมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
โล่เฉิงพูดจบ ก็หันไปพูดอย่างอ่อนโยน: “หยู่เยน เข้ามากับฉันเถอะ ฉันจะดูว่าใครจะกล้าหัวเราะเยาะคุณ!”
“พาเข้าไปได้แค่คนเดียวเหรอ?”
“แน่นอน”
หานหยู่เยนส่ายหัว “งั้นไม่เป็นไร คุณไปเถอะ ฉันไม่ไปแล้วล่ะ”
โล่เฉิงหัวเราะขึ้นมา “ล้อคุณเล่นหน่า เข้ามาได้ทั้งสองคนเลย พี่เฉินเองก็มาด้วยกันสิ”
พูดจบ ก็ลุกขึ้นเดิน
โล่เฉินที่ตกปลาอยู่มีสีหน้าไม่ดี ท่าทีที่ทำให้เขาดูเป็นไองั่งแบบนี้มันทำให้เขาไม่พอใจ
ตอนแรกเขาเตรียมจะออกไปแล้ว ตระกูลเสี้ยงต้อนรับแบบนี้ มันทำให้เขาไม่มีความรู้สึกดีๆ แล้ว
แต่ว่า เมื่อเห็นหานหยู่เยนมองไปทางงานในร่มอยู่ตลอด ก็ใจอ่อน “ไปเถอะ พวกเราเข้าไปดูในงานในร่มกัน”
“คือว่าโล่เฉิน ฉันไม่ได้……”
“ไม่ต้องอธิบายฉันเข้าใจ งานในร่มต้องเป็นคนที่มีหน้ามีตาทั้งนั้น ไม่ใช่แค่คุณหรอก ฉันเองก็อยากจะเข้าไปดู”
ครั้งนี้ชายหน้าประตูไม่ได้ขวางเอาไว้
เมื่อเข้าไปในงานในร่ม ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างตกแต่งหรือสภาพแวดล้อมก็ดูดีกว่างานภายนอก ขนาดพนักงานยังสวยกว่าเลย
คนเดินไปเดินมานั้น ก็ดูดีมีสง่าราศีทั้งนั้น
งานในร่มมีคนนั่งอยู่เยอะมาก แต่ว่าถือว่าเป็นมืออาชีพเป็นอย่างมาก ด้านหน้าสุดทั้งเป็นคนที่มีฐานะทางสังคมสูงที่สุด แล้วก็ลดหลั่นกันลงมา ต่างคนก็จะได้บัตรเชิญไม่เหมือนกัน
โล่เฉินกับหานหยู่เยนนั่งอยู่แถวสุดท้าย ก้นยังไม่ทันจะร้อน ก็ได้ยินเสียงเสียดแทงหูเข้ามาอีก
“โอ๊ะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เข้ามาเร็วขนาดนี้ เก่งไม่เบาเลยนะ”
หลี่ชิง หวางเย่นและอีกหลายๆ คน เดินเข้ามาด้วยท่าทีดูถูก
ทั้งสองคนไม่ได้สนใจ
ในตอนนี้ น้องของหลี่ชิง ชายผิวเข้มคนหนึ่งเตะเก้าอี้ที่โล่เฉินนั่ง ก่อนจะเรียก: “ลุกขึ้นมา ฉันจะนั่งตรงนี้”
“ตาบอดเหรอ มองไม่เห็นหรือไงว่ามีที่ว่างอีกตั้งมากมายน่ะ!” โล่เฉินปรายตามองพลางพูด
ชายผิวเข้มกอดอกเอาไว้ ก่อนจะพูดไม่หยุด “ฉันจะนั่งตรงนี้ ทำไมเหรอ พวกคุณปะปนเข้ามายังจะอยากมีที่นั่งอีก ไปยืนอยู่ข้างๆ นู่น!”
โล่เฉินขมวดคิ้วเป็นปม ความโกรธก็ปะทุขึ้นมา
“ลุกขึ้นๆ แย่งที่คนอื่นอย่างหน้าไม่อาย!”
จู่ๆ หวางเย่นก็ลงมือ กั้นหานหยู่เยนที่กำลังจะลุกขึ้น ก่อนจะผลักลงไป
หานหยู่เยนที่ส่รองเท้าส้นสูง ก็ล้มลงบนพื้น
“โอ๊ะ”
ผ่าง!
ในตอนนั้นเอง โล่เฉินโกรธเป็นอย่างมาก
“รนหาที่ตาย!”
เขาปรี่เข้าไป ก่อนจะตบหน้าของหวางเย่น ตบจนหวางเย่นล้มกลิ้งอยู่ที่พื้น ฟันหักหลายซี่ จากนั้นก็กระอักเลือด ท่าทีซมซานเหลือเกิน
การกระทำนี้ทำให้งานในร่มเงียบสงัดลง
ใครก็คิดไม่ถึง ว่าจะมีคนกล้ามาก่อเรื่องวุ่นวายในตระกูลเสี้ยง แถมยังเป็นงานวันเกิดของคุณท่านอีกด้วย
“คุณ คุณกล้าตีฉันงั้นเหรอ!”
หวางเย่นเอามือกุมหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“ไอสวะ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วเหรอ กล้ามาทำร้ายคนอื่นแบบนี้” หลี่ชิงเองก็โกรธขึ้นมาก
ท่าทีรุนแรงนี้ทำให้คนดูแลงานในร่มสนใจ เขารีบเข้ามา ก่อนจะกวาดตามองด้วยสีหน้าหนักใจ “มาทำร้ายกันในที่ของตระกูลเสี้ยง ไม่ไว้หน้าตระกูลเสี้ยงเลย”
โล่เฉินพยุงหานหยู่เยน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอลงมือก่อนนะ”
“เธอลงมือก่อน แล้วพวกคุณบาดเจ็บหรือเปล่าล่ะ?แต่คุณทำร้ายเธอจนเป็นแบบนี้ ผู้ชายทำร้ายผู้หญิง ยังจะมาพูดอีก!” ผู้ดูแลพูดเสียงดัง
หลี่ชิงรีบพูดเสริม: “ผู้ดูแล ไอสวะนี่ไม่มีบัตรเชิญ พวกเขาปะปนเข้ามา แย่งที่นั่งของพวกเรา แถมยังมาทำร้ายคนอื่นอีก นี่ไม่ไว้หน้าตระกูลเสี้ยงเลยนะ”
“พอแล้วๆ”
ผู้ดูแลพูดคำว่า “พอแล้ว” ออกมา ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเย็นชาออกมาอีก: “ถ้าเกิดว่าเป็นเวลาปกติ ต้องได้รับโทษหนักมาก แต่ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณท่าน เป็นวันดี จะปล่อยพวกคุณไปครั้งหนึ่ง รีบออกจากซานจวนซะ”
“คุณให้ฉันออกไปงั้นเหรอ?”
โล่เฉินหัวเราะกลับด้วยความโกรธ “เสี้ยงหยวนยังไม่กล้าพูดกับฉันแบบนั้นเลย คุณเป็นแค่ผู้ดูแลในงานในร่มเล็กๆ คนเดียวเป็นใครกัน ให้เสี้ยงหยวนหรือเสี้ยงจื้อสงออกมาเจอฉันหน่อย ฉันอยากจะถามเหมือนกัน ว่าพวกคุณตระกูลเสี้ยงต้อนรับแขกแบบนี้เหรอ!”
“มากเกินไปแล้วนะ!”
ผู้ดูแลโกรธเป็นอย่างมาก
คนในงานในร่มนั้นต่างพากันส่ายหัว ด้วยสีหน้าดูถูก คุณท่านเสี้ยงเป็นคนใหญ่คนโตขนาดไหน เป็นถึงผู้มีอิทธิพลอำนาจระดับสูงในเมือง มีแต่คนนับหน้าถือตา
แค่ไอ้หนุ่มกร่างคนเดียว กล้าโกหกขนาดนี้ มันเป็นเรื่องที่โง่จริงๆ เลย
โต๊ะข้างหน้าสุด โล่เฉิงมองด้วยความสนุก มุมปากก็มีความเหยียดหยามอยู่ไม่น้อยเลย
โจวไท่ยืนอยู่ข้างๆ พลางยิ้มอย่างดูถูก “พี่เฉิง ไอสวะคนนั้นมันบ้าไปแล้วหรือเปล่า แต่ว่าหานหยู่เยนยังอยู่ตรงนั้น คุณอยากจะ……”
“ไม่รีบๆ ยังไม่ถึงเวลา รอให้ผู้ดูแลคนนั้นลงมือก่อน ฉันค่อยออกหน้าช่วย ให้หานหยู่เยนรู้สึกซึ้งใจแล้วก็หลงใหล” โล่เฉิงมั่นใจสุดๆ
“ฮ่าๆ พี่เฉิง คุณนี่ฉลาดจริงๆ เลย”
โจวไท่ยกนิ้วโป้งขึ้น
อีกด้าน ผู้ดูแลมีแววตาเปล่งประกาย พลางจ้องโล่เฉิงแล้วพูด: “กล้าไม่เคารพคุณท่านกับคุณชายสาม กล้ามากจริงๆ”
“หน้าไม่อายจริงๆ ในเมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว ใครก็ได้มานี่หน่อย แล้วเอาพวกเขาออกไปจากซานจวน”
ว้าว!
ทุกๆ คนต่างส่งเสียงกันออกมา:โยนออกไป นั่นมันน่าอายมากเลยนะ
โล่เฉิงลุกขึ้นมา เขาคิดว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะ
“คนที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงโจว ฟ่านหงชางมาถึงแล้ว”
ในตอนนั้นเอง ข้างนอกมีเสียงดังเข้ามา จากนั้น ในสายตาทุกๆ คน ก็มีชายที่ดูมีสง่าราศีอย่างย้อนยุค พลางเดินเข้ามาอย่างอาจหาญ
คอมเม้นต์