จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – บทที่ 104 ตัดรากถอนโคน
เฟอร์รารีคันหนึ่งกำลังขับอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำหลิงสุ่ย
“ฮัลโหล พ่อ พ่อ ได้ยินไหม พ่อ … ”
ป๋ายอู๋จี้ตะโกนใส่มือถือ แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับ จากนั้นเสียง “ตู๊ดตู๊ดตู๊ด” ก็ตามมา
ข้างคนขับมีชายอายุประมาณสามสิบปี ชื่อว่าฟางเหยียน เป็นนักบู๊กำลังภายในขั้นกลาง และเป็นลูกศิษย์ที่ว่านเห้อรับเอาไว้ มีหน้าที่ปกป้องป๋ายอู๋จี้โดยเฉพาะ
“คุณชาย โทรศัพท์ของท่านอาจารย์ก็โทรไม่ติด ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ พวกเรากลับไปไม่ได้ ต้องออกจากหลิงสุ่ยทันที ไปจีนหลิงเถอะ”
ฟางเหยียนกังวล “เมื่อครู่มีเสียงคำรามกึกก้อง ทั่วทั้งหลิงสุ่ยล้วนน่าจะได้ยินหมดแล้ว อีกทั้งทิศทางก็มาจากบ้านตระกูลป๋าย”
“เวรเอ้ย”
ป๋ายอู๋จี้ไม่กล้าเสี่ยง เมื่อนึกถึงน้ำเสียงหวาดกลัวของพ่อของเขาเมื่อครู่นี้ เขาจึงไม่กล้าลังเลอีกต่อไปและเลี้ยวรถไปทันที
……
บ้านตระกูลป๋าย ในซากปรักหักพัง
ป๋ายเจิ้งหรงตัวสั่นงกๆ โทรศัพท์มือถือตกลงบนพื้นและถูกโล่เฉินเหยียบขยี้
ว่านเห้อตายไปแล้ว
นี่คือไพ่ตายและที่พึ่งพาของเขา ตอนนี้กลับถูกชายหนุ่มตรงหน้าฆ่าทิ้ง เขาเองก็กลายเป็นปลาบนเขียงแล้วเช่นกัน
ไม่
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ทั้งตระกูลป๋ายกำลังจะถูกเชือด
“นายท่าน ผมไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้คุณขุ่นเคือง ได้โปรดช่วยแจ้งให้กระจ่าง หากเป็นตระกูลป๋ายของผมที่ทำไม่ถูก ผมจะต้องลงโทษจนกว่าคุณจะพอใจแน่นอน”
“ยังจะมาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ลูกชายนายทำอะไร นายไม่รู้หรือไง!”
ป๋ายเจิ้งหรงนึกขึ้นมาได้
ลูกชายของเขานิสัยยังไง เขาย่อมรู้ย่างแจ่มแจ้ง ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นว่า “ส่งหยู่ถิงมา” หรือว่าไอ้เด็กนั่นจะไปปล้นสาวชาวบ้านที่ไหนมาอีกแล้ว
ไอ้เวรนี่
ตนเตือนเขามาตลอดว่าอย่าทำอะไรประมาทเลินเล่อ ทำตัวให้ต่ำเอาไว้ ครั้งนี้ถึงกับก่อหายนะครั้งใหญ่ให้กับตระกูลแล้ว
แน่นอนว่าไป่เจิ้งหรงเองก็ไม่เคยดุด่าอะไรมากเกินไปเช่นกัน
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะร้ายกาจถึงขนาดนี้ แม้กระทั่งตนเองยังมองพลาดไป ดังนั้นยิ่งต้องไม่พูดถึงป๋ายอู๋จี้
ได้แต่ต้องบอกว่าโชคร้ายเข้าเสียแล้ว ดันเตะเจอตอเข้าให้
“นายท่านอย่าเพิ่งโกรธ คุณหยู่ถิงจะต้องอยู่ในบ้านแน่ ผมจะให้….”
“นายท่าน ผมเห็นว่าตอนตกเย็นมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกพากลับมา และวางอยู่ในห้องทางฝั่งตะวันตก”
บนพื้น ศิษย์ของตระกูลป๋ายที่ศีรษะแตกเอ่ยปากขึ้น
ป๋ายเจิ้งหรงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เร็วเข้ารีบไปพาคุณหยู่ถิงมา ไปเดี๋ยวนี้!”
บ้านตระกูลป๋ายที่ใหญ่โตขนาดนี้ แค่คนรับใช้ก็เกินกว่าร้อยแล้ว ทุกคนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บเมื่อครู่ล้วนเป็นคนสำคัญของตระกูลป๋ายทั้งสิ้น ขณะที่คนรับใช้กลับไม่เป็นอะไร
ไม่นานนัก ชายสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมเปลหามบนไหล่
บนเปลหานหยู่ถิงยังไม่ได้สติ แต่เสื้อผ้ากลับไม่เรียบร้อย ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง
เมื่อเห็นดังนั้น ดวงตาของโล่เฉินก็แทบจะปริแตก
ยังคงช้าไปก้าวหนึ่ง
หยู่ถิงเธอถูก…..
“วูบ!”
เสียงคำรามดังขึ้น เศษหินดินทรายพัดปลิว รังสีสังหารปกคลุมทั่ว
ผมสีดำขลับของโล่เฉินตั้งขึ้น
ป๋ายเจิ้งหรงคลานไปบนพื้นด้วยความกลัว ราวกับสุนัขใกล้ตายตัวหนึ่ง
“นายท่านโปรดไว้ชีวิต”
“ไว้ชีวิต? ช่างไร้เดียงสา นายคิดว่าฉันจะปล่อยเสือกลับภูเขาหรือ”
ดวงตาของโล่เฉินปรากฏประกายวาบผ่าน เขาชี้ไปที่ด้านบนของดวงตาเล็กน้อย ราวกับกำลังดึงพลังอะไรบางอย่างจากนั้นจึงลงผนึกไปบนอากาศ
ฉึบฉึบฉึบ
ผู้คนพบว่าบนความว่างเปล่านั้นมีรูปแบบที่ซับซ้อนและแปลกประหลาดปรากฏขึ้น ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนไหวไปและส่องแสงสว่าง
“ตามหารกราก”
รูปแบบนั้นปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากนั้นก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน
สีหน้าของโล่เฉินยังคงราบเรียบไร้การแสดงออก ฝ่ามือใหญ่จับหัวของป๋ายเจิ้งหรงและเอ่ยเสียงเย็น “ใช้เลือดนำทาง”
“กรี๊ด!”
จากระยะไกล ถังหวั่นเอ๋อส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตะลึง
คนรับใช้ตระกูลป๋ายมีสีหน้าซีดขาวเช่นกัน จนถึงกับมีบางคนที่เป็นลมสลบไปทันที
นั่นเพราะ ร่างกายของป๋ายเจิ้งหรงเหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็ว เลือดในร่างกายทั้งหมดถูกดึงออกอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าสู่รูปแบบที่ซับซ้อนและแปลกประหลาดนั่น
“ตุบ”
เมื่อถูกดึงเลือดออกมาจนหมด ป๋ายเจิ้งหรงที่เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกก็ถูกทิ้งลงไปกับพื้นทันที แต่เขายังไม่ตาย ดวงตาทั้งสองทำเพียงจ้องมองไปที่ลวดลายขนาดใหญ่ในอากาศอย่างแน่นิ่ง
ร่างกายของ โล่เฉิน สั่นรู้สึกถึงความรู้สึกอ่อนแอที่แข็งแกร่งจิตใจเจ็บปวดมาก เขาหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นบีบนิ้วของเขาแล้วชี้ไปที่ตรงกลางของรูปแบบ
“วิชาสาปฆ่าโดยเชื้อสาย เปิด!”
ตูม
ท่ามกลางความมืด ดูเหมือนจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวกำเนิดขึ้น
“สาปฆ่าคนที่หนึ่ง”
โล่เฉินเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม
เสียงก้องกังวานไปทั่วฟ้าดินอย่างชั่วกาลนาน
……
หลิงสุ่ย อยู่ในคลับระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่ง
ชายหนุ่มคนหนึ่งกอดสาวสวยสองคนและเสพสมกับการปรนนิบัติรับใช้
“วันนี้ เป็นวันเกิดของพี่อู๋หัว ทุกคนจะต้องปรนนิบัติให้ดีๆ ได้ยินรึเปล่า” ลูกเศรษฐีคนหนึ่งเอ่ยตะโกน
ในห้อง มีหญิงสาวหลายสิบคนร้องขึ้นพร้อมกัน
ถึงกับมีหลายคนในนั้นที่อยากเอาชนะใจของป๋ายอู๋หัวและเริ่มเต้นระบำเปลื้องผ้า จนสุดท้ายก็เต้นอย่างเปลือยเปล่าต่อหน้าฝูงชนอย่างไม่มีความละอาย
“พี่หัว มา ดื่มกันเถอะ”
“ฮ่าฮ่า ดื่ม”
ป๋ายอู๋หัวหัวเราะดังลั่น
เขาเป็นถึงคุณชายรองของตระกูลป๋าย ลูกชายของป๋ายเจิ้งเฉียง แม้ว่าจะไม่มีอำนาจอะไรในตระกูล แต่ก็ยังคงเป็นถึงคุณชายรองอยู่ดี
ในหลิงสุ่ย เขาสามารถเดินอวดเบ่งได้
เมื่อมองดูพวกพี่น้องขี้ประจบสอพลอ และบรรดาพี่สาวคุกเข่าเลียแข้งราวกับสุนัข ป๋ายอู๋หัวก็ต้องถอนหายใจ
ชาติกำเนิดถือทักษะพิเศษรูปแบบหนึ่ง
สิ่งที่คนเหล่านี้ใฝ่ฝันอยากได้มา ทันทีที่เขาเกิดมาก็ได้มันมาแล้ว
เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของผู้คนในโลกนี้ล้วนกังวลเรื่องเงิน ส่วนเขาทุกๆวันล้วนตื่นขึ้นมาและต้องกังวลว่าวันนี้จะใช้เงินเพื่อความบันเทิงแบบไหนดี
มองดูสาวสวยตรงหน้า
เธออาจเป็นเทพธิดาในสายตาคนอื่น แต่ต่อหน้าเขาก็เป็นแค่หญิงไร้ยางอาย ที่อยากจะได้รับความโปรดปรานจนแทบจะทนไม่ไหว
วันเวลาเช่นนี้ ช่างสบายเสียจริง
ป๋ายอู๋หัวยิ่งคิดก็ยิ่งภูมิใจ เสียงหัวเราะก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ
เพียงแต่ ไม่นานนักเขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ทำไมบรรดาพี่น้อง พี่สาวเหล่านั้นดวงตาถึงได้ดูตกอกตกใจราวกับกำลังเห็นอะไรบางอย่าง….
ป๋ายอู๋หัวก้มหน้า ก่อนจะตกใจพบว่าหน้าอกของตนกำลังลุกเป็นไฟอย่างไร้สาเหตุ ในวินาทีถัดมาก็กระจายไปทั่วร่างกาย
“อ๊าก!”
ในห้องส่วนตัวมีเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น
ป๋ายอู๋หัวถูกกองไฟแผดเผาเป็นขี้เถ้าสลายไปในอากาศ แม้กระทั่งเศษซากใดๆก็ไม่เหลือ แต่ที่น่าแปลกก็คือ กองไฟนี้มีผลแค่เพียงป๋ายอู๋หัวเท่านั้นคนอื่นๆกลับไม่ได้มีผลอะไร
ฉากดังกล่าว ปรากฏขึ้นทั่วทุกที่ในหลิงสุ่ย
บริษัท วิลล่า อาคาร คลับเฮาส์ รถยนต์…..
ไม่เพียงแต่หลิงสุ่ย จีนหลิง และฉู่โจวเองก็มีเรื่องคล้าย ๆ กันเกิดขึ้น แม้กระทั่งคนของตระกูลป๋ายที่ตอนนี้กำลังพูดคุยเจรจาธุรกิจอยู่กับบริษัทในต่างประเทศ ก็กลายเป็นขี้เถ้าสลายไปในอากาศ จนเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากต่างประเทศถึงกับต้องตกใจจนเป็นลมไป
บ้านตระกูลป๋าย
“สาปฆ่าคนที่ห้าสิบแปด”
น้ำเสียงของโล่เฉินหยุดลง หมายถึงชีวิตที่เพิ่งดับไปอีกหนึ่งชีวิต
บนพื้น นิ้วทั้งสิบของป๋ายเจิ้งหรงจมลงไปในดิน
นั่นเพราะ
ทุกๆการตายของคนในตระกูลป๋าย รูปแบบในอากาศจะปรากฏภาพที่สอดคล้องกันขึ้นมา
คนในตระกูลป๋ายค่อยๆตายไปทีละคนๆ ในใจป๋ายเจิ้งหรงก็คล้ายมีเลือดไหลออกมา
ไม่
เขาไม่มีเลือดเหลือแล้ว มีเพียงลมหายใจเฮือกหนึ่งแขวนอยู่
สีหน้าของโล่เฉินไร้อารมณ์ใดๆ
ราวกับความตายของคนห้าสิบแปดคนต่อเนื่องกัน เป็นเพียงแค่มดห้าสิบแปดตัวเท่านั้น
ช่วยไม่ได้ ไม่มีทางที่จะไม่ให้เขาทำแบบนี้
หากเขาไม่ตัดรากถอนโคน ผลที่ตามมาก็ยากจะคาดคิด
หากตระกูลป๋ายต้องการแก้แค้น อาศัยเครือข่ายของพวกเขาย่อมต้องสามารถสร้างกองกำลังได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้กลัว แต่ว่าหานหยู่เยน หานหยู่ถิง พ่อตาแม่ยาย และพวกอู่จื่อเยว่ล่ะ
ต่อให้ตระกูลป๋ายจะมีคนดี ก็ได้แต่บอกว่าพวกเขาโชคไม่ดีแล้ว
ความคิดของโล่เฉินในตอนนี้คือ ต่อให้ต้องฆ่าผิดไปเป็นพันก็ไม่อาจปล่อยไปเพียงหนึ่งได้ แม้ว่าอาจจะก่อให้เกิดความโกลาหล แต่ก็ไร้ซึ่งความลังเล
ครอบครัวของหานหยู่เยน จะต้องไม่มีอันตรายใด ๆ
“ต่อไปก็”
โล่เฉินหรี่ตาลง ราวกับประกาศิตของพญามัจจุราช
“ป๋ายอู๋จี้”
……
บนถนนทางด่วนสู่จินหลิง
มือถือของป๋ายอู๋จี้ดังขึ้นไม่หยุด เขาไม่สนใจและรีบเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้น
เขาไม่ใช่ไม่มีเวลารับ แต่เขาไม่กล้ารับ
“คุณชาย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
โทรศัพท์มือถือของฟางกางได้รับข้อความติดๆกัน ใบหน้าของเขาหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็ปรากฏความตื่นตระหนก “ตระกูลป๋ายหมดสิ้นแล้ว”
ตึง
หัวใจของป๋ายอู๋จี้จมดิ่งสู่ก้นแหว จนแทบไม่สามารถควบคุมพวงมาลัยได้
“ทุกๆที่ล้วนมีข่าวการตายเกิดขึ้น คนที่ตายล้วนเป็นเลือดเนื้อของตระกูลป๋าย คุณชายคุณ… ”
ฟางกางยังไม่ทันได้พูดต่อ นั่นเพราะเขากำลังตื่นตระหนกที่พบว่าหน้าอกของป๋ายอู๋จี้กำลังเกิดเปลวไฟสีเขียวเข้มแผดเผาขึ้น
“ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ในเวลานี้ ป๋ายอู๋จี้เหยียบคันเร่งสุดชีวิต
เฟอร์รารีพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดมากกว่า 400กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราวสายฟ้าแลบ
“เสียงสุดท้ายที่พ่อเอ่ยกับฉัน ฉันได้ยินเสียงแผ่วเบาดังขึ้น…เสียงนั้นฉันคุ้นเคยดีอย่างยิ่ง เป็นไอ้แมงดานั่น!”
“ไม่ เขาไม่ใช่แมงดา แต่เป็นผู้แข็งแกร่งจริง ๆ นักกระบี่ในเสื้อดำตายในเงื้อมมือของเขา คืนนี้บ้านตระกูลป๋ายถูกบุกก็เป็นเขา สาวงามทั้งสองติดตามเขาก็เพราะเหตุนี้ น่าเสียดาย ที่ตอนนี้รู้ก็สายไปแล้ว”
“คิดไม่ถึงเลยว่า ตระกูลป๋ายของเราจะตกอยู่ในมือของเขา”
เปลวไฟกำลังลุกลามไปทั่วราวกับงูที่กำลังเลื้อยไป
รอยยิ้มของป๋ายอู๋จี้บ้าคลั่งขึ้นไปเรื่อยๆ เขาตะโกนขู่อย่างเกรี้ยวกราด “แต่ว่า ฉันไม่เสียใจ ยี่สิบปีมานี้ เรื่องอะไรฉันก็ทำมาแล้วทั้งนั้น อะไรที่สมควรเสพสมฉันก็เสพสม ถึงตายก็คุ้มค่า! ”
“ถ้ารู้ล่วงหน้า ฉันไม่น่าไปร่วมงานเลี้ยงอะไรนั่นเลย น่าจะเล่นกับน้องเมียของเขาให้ตายไปซะ ให้เขาลิ้มรสความเจ็บปวด!”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
บนถนนทางด่วน เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้น
รถเฟอร์รารี่มูลค่ากว่ายี่สิบล้านระเบิดออก ส่วนป๋ายอู๋จี้เสียชีวิตคาที่
ในขณะเดียวกันที่บ้านตระกูลป๋าย
ในช่วงวินาทีที่รถเฟอร์รารีระเบิดออก ป๋ายเจิ้งหรงก็รับไม่ไหวอีกต่อไป ลมหายใจขาดสะบั้นลง
ตอนนี้ ตระกูลป๋ายดับสลายลง
นี่คือการทำลายล้างที่แท้จริง เลือดเนื้อเชื้อไขล้วนถูกฆ่าอย่างสิ้นซาก
ถังหมิงกวงและลูกศิษย์ตระกูลถังคนอื่น ๆ ล้วนมองจนเป็นบื้อไปอย่างสิ้นเชิง นี่มันทักษะแบบไหนกัน ใช้เลือดฆ่าคนได้อย่างไร้ระยะทางขัดขวาง
นี่มันน่ากลัวขนาดไหนกัน!
ลองคิดดู ถ้าหากคุณไปทำให้คนแบบนี้โกรธเข้า ขอแค่เขาจับป้าเจ็ดน้าแปดใครก็ได้สักคนเอาไว้ แค่อาศัยเลือดก็สาปฆ่าผู้คนทั้งๆที่ยังนั่งอยู่ในบ้านได้แล้ว
แม้กระทั่งตายคุณก็ยังไม่รู้ว่าตายยังไง
“เทียน…เทียนเซียน”
เป็นเวลานาน กว่าที่ปากของถังหมิงกวงจะเอ่ยพูดสองคำนี้ออกมาได้ ถังหวั่นเอ๋อและคนอื่น ๆ ตาสว่างในทันที
ใช่ มีเพียงเทียนเซียนเท่านั้นที่สามารถมีวิชาอาคมน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ได้
เมื่อเทียบกับปรมาจารย์ เทียนเซียนนั้นหายากเสียยิ่งกว่า นอกจากนี้ เทียนเซียนยังยิ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัวเสียยิ่งกว่า
นั่นเพราะวิธีการของเทียนเซียนนั้นไร้ที่สิ้นสุด
ทำให้ปรมาจารย์ขุ่นเคืองย่อมต้องตายอย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยๆคุณยังได้เห็นปรมาจารย์ลงมือ แต่หากทำให้เทียนเซียนขุ่นเคือง เช่นนั้นก็ได้แต่ขวัญหนีดีฝ่อไปทุกเมื่อเชื่อวัน ไร้ที่สิ้นสุด
“พ่อ ที่แท้แล้วเขาเป็นปรมาจารย์หรือเทียนเซียนกันแน่?”ถังหวั่นเอ๋อเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วเอ่ยถาม
“อาจเป็นการฝึกบู๊และเวทย์พร้อมกัน”
“อะไรนะ การฝึกบู๊และเวทย์พร้อมกัน!”
ถังหวั่นเอ๋อแทบจะเป็นลม
อายุเพิ่งจะเพียงยี่สิบกว่าเป็นปรมาจารย์ก็ถือเป็นเรื่องน่ากลัวแล้ว แต่เขาถึงกับเป็นเทียนเซียนด้วย นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน!
โล่เฉินไม่สนใจคนอื่น ๆ เขามาข้างหานหยู่ถิง ก่อนจะตรวจดูสภาพร่างกายเธอและพบว่าไม่มีอาการบาดเจ็บ
“หืม?”
ทันใดนั้น โล่เฉินก็พบว่าต่างหูของหานหยู่ถิงแตกไปแล้ว เมื่อคิดได้ว่าหยกชิ้นนี้ถูกแกะสลักโดยฉินต้าวจื่อและมีผลในการปกป้องเขาก็ค่อยโล่งใจ
“ดูเหมือนว่า จะยังไม่มีการละเมิดใด ๆ เกิดขึ้น”
โล่เฉินอุ้มหานหยู่ถิงเอาไว้ ในขณะลุกขึ้นโล่เฉินก็เกิดอาการหน้ามืดและเกือบล้มลง
พรูด
เลือดกระอักออกมา ความอ่อนแอและความเหนื่อยล้าอย่างยิ่งส่งผ่านขึ้นมา
วิชาสาปฆ่าโดยเชื้อสายนั้นรุนแรงอย่างมาก สำหรับโล่เฉินในตอนนี้การใช้วิชานี้กินพลังมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะต้องการตัดรากถอนโคน ตัดไปตั้งแต่ต้นลม เขาคงไม่มีทางใช้วิชาระดับสูงเช่นนี้
ระยะอ่อนแรงยังคงต้องมีต่อไปอีกสักพัก ในช่วงเวลานี้ เขาไม่สามารถลงมืออะไรได้
“ นายท่าน โปรดช้าก่อน”
ทันใดนั้น จู่ๆก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา
โล่เฉินแอบขมวดคิ้ว เขาลืมไปว่ายังมีนักบู๊กำลังภายในขั้นสุดยอดอยู่อีกคน เวลานี้หากชายผู้นี้ลงมือ เขาคงต้องฝังอยู่ที่นี่แน่ มี
คอมเม้นต์