จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่ 122 ครั้งแรก
“อาจารย์ ที่คุณพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”
“อืม” โล่เฉินพยักหน้า
“อาจารย์ วิชาอมตะเป็นไพ่ตายของคุณ เพราะเหตุนี้คุณถึงได้มีชีวิตอมตะมาได้ ไร้คู่ต่อสู้ คุณเอ็นดูเธอมากจริงๆ ถึงได้คิดจะถ่ายทอดมันให้เธอ”
ฟ่างหงชางถอนหายใจอีกครั้ง “หากเธอรู้ความคิดของอาจารย์ เกรงว่าเธอคงไม่ทรยศแบบนี้”
“ไม่ เธอรู้”
“อะไรนะ?” ฟ่านหงชางตะลึง
โล่เฉินหรี่ตาก่อนจะหัวเราะเยาะตัวเอง “ตอนนั้นที่ฉันถ่ายทอด 《วิชาสามชาติภพ》ให้เธอ ฉันเคยบอกกับเธอไปแล้วว่ากำลังทดสอบเธออยู่ หากเธอสามารถฝึกฝน 《วิชาสามชาติภพ》ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ฉันก็จะถ่ายทอด 《วิชาอมตะ》ให้เธอ”
“เธอไม่ใช่ว่าฝึกฝนวิชาสามชาติภพได้ราวกับปลาได้น้ำไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะถ่ายทอดวิชาอมตะให้กับเธอ น่าเสียดาย…” โล่เฉินหลับตา น้ำอกกระเพื่อมขึ้นลง
“สารเลว”
ฟ่างหงชางน้ำตาไหล เขารู้สึกคับแค้นใจ รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนโล่เฉิน
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าวิชาอมตะไม่นานก็จะถูกถ่ายทอดให้แล้ว แต่ทำไมถึงต้องทรยศ เพียงเพื่อต้องการเป็นหนึ่งในใต้หล้าด้วย?
เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง ไร้เยื่อใยอย่างยิ่ง โหดเหี้ยมอย่างยิ่ง!
ในห้องสำนักงาน ศิษย์อาจารย์ล้วนอยู่ในอารมณ์ไม่มั่นคง
เป็นเวลานาน โล่เฉินจัดการจิตใจของตนเอง จากนั้นจึงลุกขึ้นเอ่ย “ไม่คิดเรื่องราวน่าเศร้าในอดีตพวกนั้นแล้ว มีแต่รังจะทำร้ายอารมณ์ของตน ฉันไปก่อน”
“ครับ อาจารย์”
เมื่อออกจากสำนักงาน โล่เฉินก็ลงไปชั้นล่าง
“นังหนู รีบเดินซะ”
“มัวแต่ชักช้า อีกเดี๋ยวเธอนั่นแหละจะเจ็บตัว”
“ถ้าอยากช่วยน้องชายของเธอก็จงเชื่อฟังแต่โดยดี ปรนนิบัติพี่ชายทั้งสามให้ดีๆ ซะ ไม่งั้น น้องชายที่น่ารักของเธอคนนั้นคงต้องไปเกิดใหม่แล้ว”
หน้าประตูตึกซิงหยุน มีชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนขึ้นมา
จากนั้นจึงตามด้วยคำพูดหยาบคาย
โล่เฉินกวาดตามองก่อนจะชะงักไป
เขาพบว่าผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางชายสามคนนี้ เป็นหญิงสาวที่ถือแจกันศิลาดลคนนั้น และได้รับเงินชดเชยไปสองแสน
เกิดอะไรขึ้น?
โล่เฉินพบว่าท่าทางของหญิงสาวดูสิ้นหวังหวาดกลัว ต้องเกิดเรื่องผิดปกติแน่ เขาเอ่ยเสียงเย็น “หยุด”
“หืม?”
ชายสามคนหันกลับมา และพบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งเรียกพวกเขาเอาไว้ ทุกคนตัวสั่นสะท้าน คิดไปว่าเขาจะเป็นคุณชายตระกูลใหญ่อะไรหรือไม่
แต่เมื่อประเมินดู ก็พบว่าโล่เฉินสวมใส่ชุดธรรมดาๆ ดังนั้นจึงไม่กลัวอีกต่อไป
“ไอ้หนุ่ม ทำอะไร?”
“พวกนายกับหญิงสาวคนนี้เป็นอะไรกัน?”
สิ้นเสียงลง หญิงสาวคนนั้นก็พุ่งชนชายคนหนึ่งแล้วเข้ามาหาโล่เฉินทันที เธอเกาะแขนของโล่เฉินเอาไว้แน่นก่อนจะร้องไห้เอ่ย
“ไต้ซือ ช่วยฉันด้วย พวกเขาเป็นพวกค้ามนุษย์”
หญิงสาวยังจำเรื่องที่โรงน้ำชาได้ โล่เฉินแค่เหลือบมองก็ดูออกว่าแจกันศิลาดลเป็นของจริงหรือปลอม อีกทั้งยังมีลูกน้องที่ใช้วิชาอัศจรรย์ได้”
เห็นได้ชัดว่าเป็นคนใหญ่คนโต
ดังนั้น จึงเกิดเป็นฉากนี้ขึ้นมา
“นายท่าน พวกเขาจับน้องชายของฉันไป บอกว่าจะเอาเขาไปขาย พวกเขาเรียกเงินหนึ่งแสนจากฉัน แต่เมื่อรู้ว่าฉันมีสองแสนพวกเขาก็เอาไปหมด แต่กลับยังไม่ยอมปล่อยน้องชายฉัน บอกว่าฉันต้องปรนนิบัติพวกเขาสามวันสามคืน”
พวกค้ามนุษย์?!
โล่เฉินโกรธจัด เขารังเกียจสัตว์เดรัจฉานแบบนี้ที่สุด สมควรตายอย่างยิ่ง
“นังหนู เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไร”
ผู้ชายคนหนึ่งสีหน้าเครียดขึ้น คิดจะจับหญิงสาวแต่กลับถูกโล่เฉินขวางไว้
“ไอ้หนุ่ม อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง”
ผู้ชายอีกสองคนเองก็เดินเข้ามาล้อม
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนเห็นชัดว่ากำลังร้อนรน
ที่นี่คือตึกซิงหยุน เป็นสถานที่สำหรับคนรวยเข้าออก
เป็นเพราะได้เงินมาสองแสนถึงได้อยากจะมาซึมซับบรรยากาศสักหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาเจอเรื่องยุ่งยากเข้าตั้งแต่หน้าประตู
“มีเรื่องน้อยลงย่อมดีกว่า ไม่งั้นนายก็จงเตรียมใจเอาไว้ซะเถอะ พวกเราล้วนไม่กลัวตาย หากสบโอกาสเมื่อไหร่ เชื่อไหมว่าฉันฆ่านายแน่!”
“ยังมี ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของครอบครัวนาย”
“เพียงเพื่อคนแปลกหน้าคนหนึ่ง มันไม่คุ้มที่จะเอาครอบครัวของนายไปเสี่ยง รีบๆ ไปซะ ผู้หญิงคนนี้ส่งมาให้พวกเรา”
ทั้งสามคนเอ่ยหว่านล้อม “อย่างจริงใจ” จนโล่เฉินถึงกับโมโหจนพูดไม่ออก
“พวกค้ามนุษย์ ทุกคนต้องถูกลงโทษ!”
ชายสามคนอึ้งไป ก่อนจะหัวเราะลั่น
หนึ่งในนั้นเอ่ยแหย่ขึ้น “ยังจะมาบอกว่าต้องถูกลงโทษ ดูนิยายละครมากเกินไปหรือไง กฎหมายก็ลงโทษพวกเราได้แค่ไม่กี่ปี ถ้าแน่จริงนายก็ฆ่าพวกฉันซะสิ!”
“พี่ใหญ่ มัวพูดพร่ำกับเขาทำไม!”
“ใช่ จัดการซะ”
ชายสามคนรีบพุ่งเข้าใส่ แต่ในชั่วพริบตาก็ถูกโล่เฉินจัดการจนล้มลงบนพื้น
แม้จะอยู่ในระยะอ่อนแอ แต่การรับมือกับขยะสามชิ้นแบบนี้ เขายังคงทำได้ไม่มีปัญหา
“โอ๊ย”
“แม่งเอ๊ย แกถึงกับกล้าลงมือ”
“ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม”
เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์เดรัจฉานพวกนี้ โล่เฉินได้แต่ต้องลงมือโหดเหี้ยมขึ้น เขาส่งข้อความถึงฟ่านหงชาง จากนั้นกลุ่ม รปภ.ก็ ปรากฏตัวขึ้นทันที
“พวกคุณมาได้ตรงเวลาพอดี รีบจับไอ้หนุ่มนี่เร็วเข้า เขาทำร้ายคนโดยเจตนา”
“พวกเรามาที่นี่เพื่อใช้จ่าย ดูสิ นี่คือถุงเงิน”
“ลูกค้าคือพระเจ้า พวกเราเองก็คือพระเจ้า รีบจัดการพาไอ้เด็กยากจนนี่ออกไปซะ วันนี้พวกเราจะใช้จ่ายสองแสน”
ชายสามคนตะโกนลั่น
แต่เดิมพวกเขาคิดว่าหากเอะอะขึ้นจะช่วยเร่ง รปภ.ได้ แต่วินาทีถัดมากลับถูกกดลงไปกับพื้นจนไม่สามารถขยับได้
“เฮ้ พวกนายทำอะไร”
“จับผิดคนแล้ว พวกเราเป็นลูกค้ารายใหญ่เชียวนะ ไปจับไอ้เด็กนั่นสิวะ”
“ปล่อยมือ เจ็บ เจ็บ เจ็บ”
ผู้จัดการตึกซิงหยุนรีบวิ่งเข้ามา ก่อนจะแสดงท่าทีให้รปภ.พาตัวคนทั้งสามเข้ามา
โล่เฉินก้มหน้าลงเอ่ย “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว เธอตามผู้จัดการไป เดี๋ยวจะมีคนช่วยพาเธอไปหาน้องชายเอง”
“จริงหรือ”
“หลอกเธอไปทำไม ไปเถอะ”
หญิงสาวราวกับฝันไป แต่เดิมคิดว่าตนเองคงต้องตกอยู่ในเงื้อมมือปีศาจแล้ว โลกทั้งโลกล้วนเปลี่ยนเป็นสีดำ แต่เพียงแค่พริบตา ทุกอย่างก็เปล่งประกายขึ้น
บนโลกใบนี้
ที่แท้ยังมีคนดีอยู่อีกมากมาย
“ขอบคุณคุณชาย ขอบคุณคุณชาย “
หญิงสาวคนนั้นร้องไห้ด้วยความดีใจ
พวกนี้ล้วนเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ฟ่านหงชางเอ่ยแค่คำเดียวก็จบแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา นย์การค้า
“เฮ้ นี่แหละ”
“คุณภรรยา”
เมื่อครู่หานหยู่เยนนัดเขามาเจอที่นย์การค้า บอกว่าพรุ่งนี้จะไปน้ำพุร้อนเทียนฉือต้องการซื้อเสื้อผ้าของใช้บางอย่าง
นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่ตนได้ไปช้อปปิ้งกับหานหยู่เยน
ไม่ต้องบอกเลยว่าโล่เฉินมีความสุขขนาดไหน
“พูดอะไรระวังหน่อย อย่าเรียกภรรยา เรียกชื่อฉัน” หานหยู่เยนย่นจมูก ไม่พอใจอย่างมาก
“สามีภรรยาตามกฎหมาย ทำไมจะเรียกภรรยาไม่ได้”
“ฟังนายหรือว่าฟังฉัน?”
“อย่างนั้นคุณลองว่ามา ว่าใช้ระบบผู้ชายเป็นใหญ่หรือผู้หญิงเป็นใหญ่?”
หานหยู่เยนไม่ยอม เธอแค่นเสียง “ประเพณีของครอบครัว แม่ตัดสินใจแทนพ่อ ดังนั้นฉันก็ตัดสินใจแทนคุณด้วย”
โล่เฉินพูดอะไรไม่ถูก เขาหัวเราะ “ได้ได้ได้ คุณภรรยาว่าอะไรก็ถูกต้องทุกอย่าง”
“คุณยังจะเรียกอีก!คืนนี้อยากนอนบนโซฟาหรือไง”
“ผมอยากนอนบนเตียง”
“จะฝันทางที่ดีทำตอนกลางคืน หยุดฝันกลางวันได้แล้ว”
……
ทั้งสองคนต่อปากกันไปมา บรรยากาศกลมกลืน.
ช้อปปิ้ง เป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิง
แทบทุกร้านต้องเข้าไปชม ซื้อหรือไม่วางไว้ด้านหนึ่งก่อน สรุปคือขอให้ได้ลอง
ตอนนี้โล่เฉินอยู่ในระยะอ่อนแอ รู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งลดลงไปเล็กน้อย
หลังจากช็อปปิ้งไปกว่าชั่วโมง ขาสองข้างก็หนักอึ้งราวกับถูกถ่วงตะกั่ว ทั้งหนักทั้งเมื่อย ในขณะที่หานหยู่เยนนั้นดูราวกับว่าเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ท่าทางกระฉับกระเฉงอย่างยิ่ง
“นี่ โล่เฉิน อันนี้เป็นยังไง”
“ดี สวย”
โล่เฉินชื่นชมจากจริงใจ
กระโปรงบนตัวของหานหยู่เยน ส่งเสริมลุคให้ดูมีเกียรติและสง่างามอย่างยิ่ง ราวกับเจ้าหญิงผู้ยิ่งใหญ่ ออร่าจับไปทั่วตัว
รูปลักษณ์นั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง ไม่มีข้อตำหนิเลยสักนิด
“ถ้าชอบก็ซื้อเถอะ”
โล่เฉินเอ่ยยิ้มๆ
หานหยู่เยนพยักหน้า เธอถอดกระโปรงออกและเอ่ยถาม “สวัสดีค่ะ ชุดนี้ราคาเท่าไหร่?”
“คุณผู้หญิงตาถึงมาก กระโปรงตัวนี้เป็นแบรนด์ดังและเป็นสินค้าใหม่ มีจำนวนจำกัด ราคาพิเศษอยู่ที่ 13008”
“หา?แพงขนาดนี้เชียว”
หานหยู่เยนดูเหมือนจะลังเลอย่างมาก สีหน้าตัดใจไม่ลง
หญิงสาวที่รู้จักมัธยัสถ์สมัยนี้มีน้อยแล้ว หายากมาก
“หยู่เยน คุณ…..”
“กระโปรงนี้ฉันเอา!”
จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหลัง
มีหญิงสาวแต่งหน้าจัดหุ่นสะโอดสะองเอวคอดคนหนึ่งเดินเข้ามาและเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “จัดการบรรจุให้ฉัน”
“รับทราบค่ะคุณผู้หญิง”
พนักงานขายชื่นชอบลูกค้าประเภทนี้มากที่สุด สำหรับหานหยู่เยนเธอรู้สึกเซ็งมาตั้งนานแล้ว ลองอยู่ตั้งหลายตัวกลับไม่ซื้อสักที
ชักช้าลังเล
ใส่เสื้อผ้าก็ธรรมดา จะต้องเป็นพวกกระเป๋าแบนแน่
“ฉันจะรีบบรรจุให้คุณ รอสักครู่”
โล่เฉินเรียกอย่างไม่พอใจ “กระโปรงตัวนี้ดูเหมือนว่าพวกเราจะลองก่อน ยังไงก็สมควรมีลำดับก่อนหลังสักหน่อย คุณเป็นพนักงานขายได้ยังไง!”
“พอเถอะน่า อย่ามาทำตัวอวดเบ่งหน่อยเลย แฟนของคุณลองไปตั้งหลายชุดขนาดนั้น หากจะซื้อจริงๆ ก็ซื้อไปนานแล้ว พวกเราเป็นร้านเสื้อชื่อดัง ไม่ต้อนรับพวกคนจนขี้แพ้”
พนักงานขายเต็มไปด้วยสีหน้าเหยียดหยาม ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
สาวสวยเองก็มีสีหน้าเยาะเย้ย “ได้ยินหรือยัง ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคนจนขี้แพ้ รีบไสหัวไปซะ”
“คุณว่าฉันเป็นพวกคนจนขี้แพ้?”
“หรือว่าไม่ใช่?” สาวสวยเอามือกอดอก สีหน้าสะใจ
หานหยู่เยนที่แต่เดิมรู้สึกลังเลเสียดายอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เมื่อมีคนซื้อไปแล้วก็ถือว่าช่วยให้ล้มเลิกความคิดไปได้
เธอกระซิบ “ช่างเถอะ พวกเราไปดูที่อื่นกันเถอะ”
“ได้ยินไหม แฟนของคุณชวนไปดูร้านอื่น ไม่รู้เหมือนกันว่านายไปหลอกสาวสวยนี่มาได้ยังไง ขอจะบอกนายเอาไว้สักหน่อยแล้วกัน ออกจากประตูไปเลี้ยวขวา 100 เมตร มีร้านขายเสื้อผ้าราคาถูกอยู่ ส้วนใหญ่ราคาร้อยสองร้อย”
พนักงานขายด้านหนึ่งบรรจุของไปส่วนปากก็ยังคงกัดไม่เลิก
ทุกคำล้วนประชดประชัน
หานหยู่เยนโมโหขึ้นเล็กน้อย รู้สึกว่าพนักงานขายออกจะทำเกินไป
โล่เฉินรู้สึกขยะแขยงอย่างยิ่ง ช่างเลือกปฏิบัติเสียจริง เขาพูดอย่างโกรธเคือง “นี่คือวิธีปฏิบัติต่อแขกหรือ ไปเรียกผู้จัดการของพวกเธอมาที่นี่”
“ขออภัย ผู้จัดการของเรายุ่งมาก ไม่มีเวลามาสนใจคุณ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราเป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ราคาต่ำสุดคือสามพันขึ้นไป คนจนขี้แพ้อย่างพวกคุณไม่ใช่ลูกค้าของเรา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องต้อนรับ”
พนักงานขายเสียงดังอย่างยิ่ง ดึงดูดสายตาผู้คนมากมาย
หานหยู่เยนรู้สึกอับอาย ใบหูแดงก่ำขึ้นมา
ส่วนสาวสวยกลับรู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง
เมื่อครู่ที่เธอเห็นหานหยู่เยน เธอก็รู้สึกอิจฉาในความงามและรูปร่างของอีกฝ่าย แถมแฟนของเธอยังเป็นผู้ชายหล่อเหลา
เธอคิดว่าโล่เฉินเป็นคุณชายตระกูลไหนสักตระกูล แต่เมื่อเห็นว่าหานหยู่เยนมีท่าทีเสียดายเงินซื้อของราคา 13008 เธอก็รู้สึกเหนือกว่าขึ้นมา
ดังนั้น เธอจึงเข้ามาเพื่อสร้างความอับอาย
“เกิดเป็นคนน่ะ ควรมียางอายสักหน่อย ซื้อไม่ไหวแล้วมาทำบ้าอะไรที่นี่ ทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้า จะหาแฟนทั้งที ดันหาคนจนขี้แพ้ หรือว่าไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่จะมีพละกำลังอย่างมาก พอดับกระหายเธอได้” หญิงงามเยาะเย้ย
“คุณกำลังพูดบ้าอะไร?” หานหยู่เยนรู้สึกโกรธและอับอาย
“ใครบอกว่าฉันซื้อไม่ไหว!”
ในเวลานี้เอง โล่เฉินเอ่ยขึ้นเสียงดัง
หานหยู่เยนหนังตากระตุก เธอดึงแขนเสื้อเขา แต่ยังไม่ทันจะได้หยุดโล่เฉินเอาไว้เขาก็เอ่ยขึ้น “ฟังฉันให้ดี ชุดทั้งหมดในร้านนี้ จัดการบรรจุให้ฉัน ฉันซื้อมันทั้งหมด?”
คอมเม้นต์