จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่ 123 บ้านของฉัน?
คำพูดของโล่เฉินทำเอาทั้งร้านขายเสื้อผ้าเงียบลง
จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะมากมาย
สายตาของพนักงานขายเริ่มจากมองไปที่โล่เฉินอย่างดูหมิ่น ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นดูถูกและรังเกียจ ส่วนสาวสวยที่อยู่ข้างๆ กำลังหัวเราะตัวโยน
“ที่รัก เป็นอะไร ถึงได้หัวเราะมีความสุขจังขนาดนั้น?”
ในเวลานี้เองมีชายอ้วนพุงพลุ้ยเดินเข้ามาในร้าน สวมใส่นาฬิกา Rolex สายทอง ถือกระเป๋าหนังจระเข้แท้
ลักษณะราวกับพวกเศรษฐีใหม่
“ที่รัก คุณรู้ไหม ไอ้คนจนขี้แพ้นี่ว่าจะซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดในร้าน ทำฉันขำแทบตาย”
“จริงหรือ?”
เศรษฐีใหม่กวาดตามอง เมื่อสายตาตกไปที่หานหยู่เยนก็ถึงกับตะลึงและอิจฉา
เขาและสาวงามล้วนเกิดความอิจฉาขึ้นมาเหมือนกัน
สิ่งที่แตกต่างก็คือ
สาวสวยอิจฉาในความงามและรูปร่างของหานหยู่เยน
ส่วนสิ่งที่ผู้ชายอิจฉาก็คือไอ้คนจนขี้แพ้โล่เฉิน ที่ถึงกับมีสาวสวยขนาดนี้เป็นแฟน นี่เท่ากับการเอาดอกไม้สดไปปักบนขี้วัวชัดๆ ”
“ไอ้หน้าขาว ไม่มีความสามารถก็อย่ามาอวดเก่ง คารมคมคายแล้วคิดว่าเจ๋งมากนักหรือไง”
เศรษฐีใหม่ชี้ไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยเยาะเย้ย “ฉันว่านายคงยังไม่รู้ว่าเสื้อผ้าพวกนี้ยี่ห้ออะไร แค่หยิบส่งๆ มาสักตัว เงินเดือนทั้งเดือนของนายยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ หากเอามารวมกันทั้งหมด ต่อให้ต้องใช้ทั้งชีวิต นายก็ซื้อไม่ไหว!”
“ฮ่าฮ่า ถ้าฉันซื้อไหวแล้วจะยังไง?”
“ซื้อไหว?” เศรษฐีใหม่มองไปที่โล่เฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
ถ้าหากมีเงินจริงๆ คงไม่มีทางทำตัวธรรมดาติดดินมากขนาดนี้
เขาไม่มีท่าทีกังวลและหัวเราะลั่น “ถ้านายจ่ายได้จริง ฉันจะร้องเรียกว่าพ่อสามคำ แล้วไสหัวออกจากร้านนี้ไป”
“คำพูดนี้จริงรึเปล่า?”
เศรษฐีใหม่เอ่ยตะโกน “ทุกคนเคยได้ยินแล้วใช่ไหม สุภาพบุรุษพูดคำไหนคำนั้น ไอ้หนุ่ม ถ้านายกำลังคุยโว ฉันเองก็จะไม่ถือสานาย เอาเบอร์ติดต่อของแฟนนายมาให้ฉันซะ”
“ที่รัก คุณทำอะไรน่ะ?”
สาวสวยมีสีหน้าไม่พอใจและพูดด้วยท่าทีจีบปากจีบคอ
“ฮ่าฮ่า ที่รัก วางใจเถอะ คนที่ฉันชอบก็คือเธอ” เศรษฐีใหม่เอ่ยปลอบโยนประโยคหนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างยั่วยุ เขาเอ่ย
“ไอ้หนุ่ม กล้ารึเปล่า?”
“ทำไมไม่กล้า”
โล่เฉินตอบกลับ
เศรษฐีใหม่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ราวกับได้มองทะลุผ่านเสื้อผ้าของหานหยู่เยนไปแล้วยังไงอย่างนั้น
ใครๆ ก็รักเงิน
แม้แต่เทพธิดาที่สูงส่ง ก็สามารถใช้เงินซื้อมาบนเตียงได้ ขอแค่ได้วิธีติดต่อมา แค่นี้ทุกอย่างก็เป็นเรื่องง่ายเพียงหยิบมือ
คิดไม่ถึงเลยว่าจะล่าดอกไม้มาได้ดอกหนึ่ง
เศรษฐีใหม่อารมณ์ดี เขาตะโกนลั่น “ไอ้หนุ่ม อย่ามาทำอวดเก่ง รีบเอ่ยขอโทษพี่ชายมาซะดีๆ บางทีพวกเราอาจเป็นเพื่อนกันได้”
“โล่เฉิน คุณทำอะไรน่ะ?”
หานหยู่เยนกังวลอย่างมาก เธอเอ่ยบ่น “คุณรู้ไหมว่าการจะซื้อเสื้อผ้าทั้งร้านมีค่าใช้จ่ายเท่าไร ต่อให้นายมีเงินก็ไม่เห็นจะต้องทำตัวสุรุ่ยสุร่ายขนาดนี้” แม้ว่าคุณจะมีเงิน คุณก็ไม่สามารถสปอยล์ได้มากขนาดนี้”
“ไม่เห็นจะเป็นอะไร คุณชอบผมก็ซื้อให้ จะให้คุณต้องรู้สึกลำบากสักนิดไม่ได้เด็ดขาด”
“คุณ…”
หานหยู่เยนรู้สึกเขินอาย ในใจเกิดเป็นความสุขที่อธิบายไม่ได้ขึ้นมา เธอกระทืบเท้าเบาๆ และเม้มริมฝีปากสีแดงก่ำ “ช่างเถอะ ตามใจคุณแล้วกัน”
“เอาบัตรธนาคารมาให้ผมเถอะ”
“บัตรธนาคารอะไร?”
โล่เฉินอึ้งไป เขาเอ่ย “ก็บัตรธนาคารที่ให้คุณไปใบนั้นไง ก่อนหน้านี้ที่ชนะโล่ซิงเฉิงมาสิบห้าล้าน รวมกับรถ Rolls Royce ต่อมารถขายไปแล้ว ในบัตรยังมีเงินอยู่สิบล้าน รวมกันก็น่าจะมีสามสิบห้าแล้ว”
“คุณพูดถึงอันนั้นน่ะหรือ”
“จำได้แล้วใช่ไหม เสื้อผ้าพวกนี้เพิ่งจะใช้เงินเท่าไหร่ สามารถซื้อได้อย่างแน่นอน รีบเอาบัตรออกมาเถอะ ให้พวกเขาเปิดหูเปิดตาสักหน่อย” โล่เฉินหัวเราะ
ทันใดนั้น หานหยู่เยนก็มีสีหน้าแปลกๆ เธอเอ่ยอย่างลนลาน “บัตรใบนั้นฉันเก็บไว้ที่บ้านมาตลอด เงินมากขนาดนั้นฉันจะพกติดตัวไปมาได้ยังไง อันตรายเกินไป”
“อะไรนะ ที่บ้าน!”
โล่เฉินตกใจ มุมปากของเขากระตุก
หลังจากนั้น เศรษฐีใหม่ที่เห็นโล่เฉินยังคงชักช้าไม่ลงมือก็ค่อยโล่งใจออกมา เขาตะโกนแหย่ขึ้น “มัวแต่ชักช้าทำอะไรน่ะ หรือว่ากำลังเล่นเกมดึงเวลาหรือไง พวกเราไม่ได้มีเวลามาเล่นกับนายมากนักหรอกนะ”
“ไม่มีกำลังซื้อแล้วจะมาอวดเบ่งทำไมกัน”
สีหน้าขยะแขยงของพนักงานรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คนรอบๆ ข้างเองก็ซุบซิบกันไปมา
โล่เฉินไม่คาดคิดว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ ถ้าตอนนี้เขาเรียกฟ่านหงชางให้ส่งเงินมาก็คงจะไม่ทัน เศรษฐีใหม่นี่คงไม่รอแน่
เดินเกมผิดพลาดไปแล้วจริงๆ
“น่าอับอายชะมัด” สาวงามรู้สึกอยู่เหนือกว่า เธอควงแขนของเศรษฐีใหม่ และยิ้มด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“โล่เฉิน ขอโทษ”
หานหยู่เยนแทบอยากร้องไห้
“ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่ยอมรับผิด แต่ข้อมูลติดต่อของคุณจะให้เขาไปไม่ได้เด็ดขาด”
โล่เฉินปลอบโยนขึ้นมา
เพิ่งจะหันกลับมา ก็มีสาวงามคนหนึ่งสาวเท้าเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอสวมใส่ชุดเป็นทางการและเอ่ยขึ้นอย่างเคารพนอบน้อม “คุณชาย คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
วาบ
ทันใดนั้น สายตาของผู้คนก็อึ้งไปทันที
“เอ่อ คุณคือ?” โล่เฉินรู้สึกสงสัย
“คุณย่อมไม่รู้จักฉัน ฉันคือเลขาของประธานฟ่าน ประธานฟ่านกำลังมาตรวจดูที่นี่พอดี ฉัน…..”
ในเวลานั้นเอง ที่ทางเดินด้านนอกก็ปรากฏกลุ่มชายหญิงขึ้นมา ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหล่อเหลาที่อยู่ตรงกลางไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นฟ่านหมิง
หญิงสาวคนนั้นตะโกนขึ้น “ประธานคะ ประธาน เชิญทางนี้”
ฟ่านหมิงมองมา สีหน้าของเขาตกตะลึง จากนั้นจึงรีบฝ่าฝูงชนแล้วเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ก่อนจะค้อมตัวลง “โล่….คุณชาย คุณกับภรรยามาที่นี่ทำไมถึงไม่บอกสักคำ”
เป็นประธานฟ่าน?
หานหยู่เยนประหลาดใจจนลืมปิดปาก เธอไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้
ผู้คนก็ตะลึงไปเช่นกัน
หนุ่มคนนี้ หรือจะเป็นคุณชายตระกูลไหนจริงๆ ?
“ประธานฟ่าน”
เสียงเรียกดังขึ้น เป็นผู้จัดการร้านที่รีบร้อนวิ่งออกมาก่อนจะฉีกยิ้มขอโทษ “คุณมาที่นี่ก็ไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าสักหน่อย ผมจะได้คอยรับใช้ให้ดี คุณมาตรวจดูงานหรือ?”
ฟ่านหมิงไม่แม้แต่จะชายตามองเขายังคงค้อมตัวอยู่หน้าโล่เฉิน
ภาพที่เกิดขึ้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง
คนที่ตกใจที่สุดก็คือกลุ่มชายหญิงที่ติดตามฟ่านหมิงมาพวกนั้น พวกเขาเป็นหัวหน้าของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 19 ชั้นแห่งนี้
ส่วนฟ่านหมิง ก็เป็นหัวหน้าของพวกเขาอีกที
“พวกเราออกมาเดินเล่นๆ อ้อใช่ ทำไมนายถึงได้มาอยู่ที่นี่?” โล่เฉินแอบคิดว่าฟ่านหมิงช่างมาได้ถูกจังหวะพอดิบพอดี
ศิษย์หลานของเขาคนนี้ ไม่เลวไม่เลว
ฟ่านหมิงเอ่ยตอบ “คุณชาย ผมมาตรวจดูงานครับ”
“ตรวจดูงาน?”
“คุณชาย ห้างสรรพสินค้านี้เป็นอุตสาหกรรมของครอบครัวเราไงครับ นอกจากนี้ บนถนนคนเดินทั้งหมด พวกเรายังมีร้านค้าอยู่อีกกว่ายี่สิบแห่ง รวมถึงร้านหุ้นส่วนอีกกว่าสามสิบร้าน ส่วนใหญ่เป็นของครอบครัวเราเกือบหมด”
โล่เฉินสงสัย ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเอ่ย “ฉันไม่รู้จริงๆ “
วาบ
ผู้คนแทบจะเป็นลมไป ถึงกับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอุตสาหกรรมของครอบครัวตัวเอง
นี่อธิบายได้เพียงแค่ว่า
อุตสาหกรรมของครอบครัวมีมากมายเกินไป!
ใครจะคาดคิดว่า คนหนุ่มในชุดธรรมดาๆ คนหนึ่งจะเป็นถึงคุณชายของตระกูลเศรษฐี นี่ก็ออกจะทำตัวติดดินไปหน่อยหรือเปล่า ตอนนี้เหล่าคุณชายทั้งหลาย ไหนเลยจะยังมีมาเสแสร้งทำเป็นจนอยู่อีก?”
เป็นไปไม่ได้
ที่เคาน์เตอร์ พนักงานขายมีสีหน้าซีดขาวและส่ายหัวอย่างไม่หยุด
อีกด้านหนึ่ง เศรษฐีใหม่ก็กำลังเหงื่อตกทั่วตัว
เมื่อเทียบกับตระกูลใหญ่แล้ว เขาที่เป็นแค่เศรษฐีใหญ่คนหนึ่งจะนับเป็นตัวอะไรกัน นี่แทบจะต่างกันราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะคนชั้นต่ำนี่ก่อเรื่องขึ้น
เศรษฐีใหม่มองไปยังสาวสวยข้างกาย สีหน้ารังเกียจถึงขีดสุด
ในเวลานี้ สาวสวยกำลังอิจฉาจนลุกเป็นไฟและแทบจะเป็นบ้าขึ้นมา
อาศัยอะไร?
พระเจ้าไม่ยุติธรรม!
เธอมีหน้าตาสะสวย รูปร่างงดงาม อีกทั้งยังมีชายหนุ่มรูปหล่อจากตระกูลใหญ่เป็นแฟนหนุ่ม ส่วนตนเองกลับทำได้แค่ติดตามชายชราหน้าตาน่าเกลียดเท่านั้น
ใช่ คุณชายคนนั้นคงแค่คบกับเธอเล่นๆ แน่ พอเล่นจนเบื่อแล้วก็ค่อยเตะเธอทิ้ง อีกทั้งยังไม่ได้อะไรไปแม้แต่แดงเดียวด้วย
ฮ่า ฮ่า ฮ่า จะต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ
สาวสวยรำพึงอยู่ในใจ
“อุตสาหกรรมของครอบครัวมีอยู่ทั่วมณฑล นายน้อยหากไม่ทราบอยู่บ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติ”
ฟ่านหมิงตอบกลับ
โล่เฉินพยักหน้าและเอ่ยต่อ “นายมีเงินรึเปล่า ฉันไม่ได้เอาบัตรธนาคารมา ไม่สามารถซื้อเสื้อผ้าได้”
“นายน้อย อุตสาหกรรมของครอบครัวเราเอง ร้านค้าข้างในกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ล้วนเซ็นสัญญากับพวกเรา หากคุณต้องการอะไรก็เอาไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องจ่าย”
“งั้นหรือ?”
โล่เฉินเองก็ไม่เกรงใจ เขาเอ่ย “บรรจุเสื้อผ้าทั้งหมด ใช้กระโปรงที่เคาน์เตอร์เป็นมาตรฐาน ขนาดเดียวกันเก็บเอาไว้ ส่วนที่ไม่ใช่ก็เผาทิ้งให้หมด”
บูม!
บรรยากาศเดือดระอุขึ้นมา
ร้านเสื้อผ้าใหญ่ขนาดนี้ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ดังทั้งหมด ดังนั้นเสื้อผ้าทั้งหมดรวมเกรงว่าน่าจะมีราคาเกินกว่าเจ็ดแปดล้าน
เอาไว้บางส่วน แต่ที่ต้องถูกเผาก็มีอย่างน้อยสองในสามแน่
เสื้อผ้ามูลค่ากว่าห้าล้าน ต้องถูกเผาไปแบบนี้
นั่นเป็นเงินทั้งนั้น
สมกับที่เป็นคุณชายตระกูลใหญ่ ถึงได้เย่อหยิ่งขนาดนี้
“รับทราบ”
ฟ่านหมิงหันไปเอ่ยเสียงเบา
บรรดาหัวหน้าห้างไม่กล้าชักช้า รีบโทรเรียกคนมาจัดการทันที
“คนที่อยู่ข้างหลังคนนั้น โปรดหยุดก่อน”
โล่เฉินตะโกน
เศรษฐีใหม่ตัวสั่นเทา เขาหันกลับมาอย่างละลักละล่ำ ก่อนจะเอ่ยยิ้มขอโทษ “คุณชาย เป็นผมมีตาหามีแวว เมื่อครู่ล่วงเกินคุณไปแล้ว ได้โปรดคุณอย่าได้ถือโทษ”
เพี๊ยะ
เสียงฝ่ามือตบลงดังชัดเกิดขึ้น
สาวงามถูกตบจนมึนงง แต่เศรษฐีใหม่ก็เตะเธออีกครั้ง จากนั้นจึงหันหน้ามายิ้มขออภัยอีกครั้ง “ล้วนเป็นนังชั้นต่ำนี่ที่หาเรื่อง คุณชาย หากมีเรื่องอะไรคุณไปจัดการกับเธอเถอะอย่ามาหาผมเลย!”
“ที่รัก คุณ…”
“หุบปาก ฉันไม่รู้จักเธอ หน้าโง่ แม้กระทั่งคุณชายยังเกล้าไปล่วงเกิน ไม่อยากอยู่แล้วหรือไง”
เธอถูกทอดทิ้งไปทั้งอย่างนั้น
สีหน้าของสาวสวยสิ้นหวัง
โล่เฉินไม่สนใจจะไปเจ้าคิดเจ้าแค้นกับคนธรรมดาทั่วไปอะไร ที่เขาทำแบบนี้ก็แค่เพื่อไม่ให้หานหยู่เยนต้องได้รับความอับอายเท่านั้น
“อย่าลืมที่พูดไว้ก่อนหน้านี้”
เศรษฐีใหม่ตะลึงไป ก่อนจะรีบร้องเรียก “พ่อ” ดังขึ้นสามครั้ง จากนั้นท่ามกลางเสียงถอนหายใจของผู้คนก็รีบไสหัวออกไปไกลที่สุด
ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ
โล่เฉินใช้โอกาสนี้โอบหานหยู่เยนเอาไว้และพูดอย่างอ่อนโยน “คุณภรรยาไปกันเถอะ พวกเราไปดูตรงนั้น”
“อืม ดี”
หานหยู่เยนแข็งทื่อกลายเป็นท่อนไม้ไปตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับว่าตนกำลังฝันไป
ในร้านขายเสื้อผ้า
ผู้จัดการนั่งอยู่บนพื้น รู้ตัวว่าตนจบเห่แล้ว
ขาดทุนมากขนาดนี้ จะทำยังไง?
พังพินาศแล้ว
“เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่!”
เขาคำรามออกมา
พนักงานอายุน้อยคนหนึ่งชี้ไปที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะเอ่ยเสียงค่อย “ผู้จัดการ ทั้งหมดเป็นเธอที่ก่อเรื่อง เธอไปดูถูกคุณชายท่านนั้น บอกว่าเป็นคนจนขี้แพ้”
ผู้จัดการเสื้อผ้าแทบจะกระอักเลือดออกมา
คุณชายตระกูลเศรษฐีถูกด่าว่าเป็นคนจนขี้แพ้ คนโง่เง่าขนาดนี้ เข้ามาเป็นพนักงานขายได้ยังไง
“การเสียหายทั้งหมด เธอต้องเป็นคนชดใช้”
ตุบ
สีหน้าของพนักงานขายไร้สีเลือด ก่อนจะฟุบลงบนพื้นสลบไปทันที
คอมเม้นต์