Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก – บทที่ 22 การฝึกนักรบมันสำหรับคนรวย
พลังธาตุสายฟ้าระดับดีเลิศ
พลังวิญญาณ มากกว่าคนที่อายุเท่ากัน 100 เท่า
พรสวรรค์ระดับนี้มันมากพอที่จะทำให้ทุกคนอึ้งได้
หลังจากที่ได้อัจฉริยะไว้ในครอบครองแล้ว ชายแก่จมูกแดงก็เดินจากไปอย่างพอใจ สายตาของเหล่าขุนนาง ชาวบ้าน รวมถึงครึ่งมังกร ต่างจับจ้องมาที่เหมิงเหล่ยด้วยความริษยา
“ไอ้บ้านนอกคอกนานั้น ไม่ซิ ชะตากรรมของเจ้านั้นมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแน่นอน ถ้าเขาเรียนจบจากวิทยาลัยเวทมนตร์เมื่อไร อย่างน้อยๆเขาก็ต้องกลายไปเป็นจอมเวทระดับ6ละ
“น่าอิจฉาชะมัดเลย”
การสอบเวทมนตร์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนกระทั้งจบลง หลังจากที่ผ่านการทดสอบของเหมิงเหล่ยไปแล้ว แอนดริว โจเซฟแล้วก็โจน่าห์ต่างก็กังวลและมีความหวังขึ้นมา พวกเขาหวังว่าตัวเองจะเป็นเหมือนเหมิงเหล่ยที่ผู้คนต่างตกตะลึงในพรสวรรค์
แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงมันโหดร้าย
โจเซฟ
พลังธาตุไฟระดับต่ำ
พลังวิญญาณเทียบเท่าคนระดับเท่ากัน
ผลประเมิน ไม่มีพรสวรรค์ ไม่เหมาะกับการเป็นนักเวท
แอนดริว
พลังธาตุลมระดับต่ำ
พลังวิญญาณเทียบเท่าคนระดับเท่ากัน
ผลประเมิน ไม่มีพรสวรรค์ ไม่เหมาะกับการเป็นนักเวท
ผลของโจเซฟและแอนดริวนั้นน่าผิดหวังเป็นอย่างมาก
พวกเขารับไม่ได้ ทำไมเหมิงเหล่ย คนที่เติบโตมาด้วยกันกับพวกเขาถึงมีพลังเวทมนตร์มหาศาลในขณะที่พวกเขานั้นเป็นได้แค่ชาวบ้านโง่ๆที่ไม่มีอะไรเลย
ทำไมกัน?
ตอนที่เหมิงเหล่ยเห็นทั้ง2คนโศกเศร้าร้องไห้ เหมิงเหล่ยก็ไม่รู้จะปลอบใจยังไงดี เขาเลยทำได้แค่ตบไหล่เบาๆแล้วอยู่ใก้กำลังใจเงียบๆ
ถึงแม้ว่าเหมิงเหล่ยจะหวังว่าให้ทั้ง3คนมีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์เหมือนกันแต่ชะตากรรมมันไม่เคยปราณีใคร การจะเปลี่ยนชะตานั้นไม่ใช่ว่าใครๆก็ทำได้
“พลังธาตุไม้ระดับกลาง ธาตุลมระดับต่ำ”
และในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มที่คุมการสอบก็ประกาศผลของโจน่าห์
“หะ”
เหมิงเหล่ยหันกลับไปมองโจน่าห์ที่ถือลูกแก้วในมือ ในลูกแก้วนั้นมีสีเขียวประกายเหมือนมณีมรกต ก่อนจะตามมาด้วยแสงวาบสีเทาที่ตามออกมา
“โจน่าห์… มีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์งั้นเหรอเนี่ย”
เหมิงเหล่ยตกใจเล็กน้อย ส่วนโจเซฟกับแอนดริวที่กำลังดาวน์และเสียใจอยู่นั้น ต่างก็มองไปที่โจน่าห์แล้วกัดปากตัวเอง จากอารมณ์ตอนแรกที่เหมือนจะดีขึ้นแล้ว ตอนนี้กลับแย่ลงไปกว่าเดิมอีก ขนาดโจน่าห์ยังมีพลังเวทเลย แล้วพวกเขาละ
ชายหนุ่มที่คุมการสอบประกาศผลสอบออกมา “ต่อไปเป็นการตรวจวัดพลังวิญญาณของเจ้า”
ด้วยความสนิทสนมของเหมิงเหล่ยกับโจน่าห์ทำให้เขาเองก็เข้าข้างและให้กำลังใจโจน่าห์ด้วย ยังไงซะ เขาเองก็อายุๆพอๆกับเธอ
“พลังวิญญาณ มากกว่าคนในรุ่นเดียวกัน 8 เท่า”
ผลการทดสอบ มีพรสวรรค์เพียงพอจะเป็นนักเวทได้”
ชายหนุ่มประกาศผลการทดสอบสุดท้ายแล้วพูดกับโจน่าห์ด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วยนะ เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็นนักเวทแล้ว”
“ข้าเองก็มีพรสวรรค์งั้นเหรอ”โจน่าห์พึมพำ แล้วก็ร้องด้วยความดีใจดังลั่น “ข้าจะได้เป็นนักเวทแล้วงั้นเหรอ เย้ ข้าจะได้เป็นนักเวท”
ถ้าเป็นคนอื่นร้องดีใจเสียงดังแบบนี้ คนคุมสอบคงปรามพวกเขาแล้วไล่ออกไปแล้ว แต่ในตอนนี้ แทนที่จะห้ามปราม พวกเขากลับยืนยิ้มด้วยความเอ็นดู แม้แต่ชายวัยกลางคนที่เหมือนเป็นหัวหน้าผู้คุมยังนั่งยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตรเลย
“โจน่าห์ยินดีด้วยนะ”
เหมิงเหล่ยเดินตรงเข้าไปยินดีกับโจน่าห์ด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีด้วยนะ”
โจเซฟกับแอนดริวเองก็ฝืนยิ้มเดินไปเหมือนกัน
โจน่าห์น้ำตาไหลพรากด้วยความตื่นเต้นดีใจตอนที่เธอพยักหน้าเล็กๆด้วยรอยยิ้ม โจเซฟและแอนดริวเองก็ล้มเหลว เธอเองก็คิดว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ แต่ใครมันจะไปคิดว่าโชคชะตากลับพลิกผันขนาดนี้
แล้วเธอจะไม่ตื่นเต้นดีใจได้ยังไงกัน
“คนโชคดีอีกคนนึงแล้วงั้นเรอะ!”
“น่าอิจฉาจริงๆเลย!”
คนที่ยืนมองอยู่รอบนอกต่างพูดคุยกันไม่หยุด แต่ไม่มีใครไม่อิจฉาเลย เพราะไม่ว่าใครก็ตามหากมีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์ละก็ ชีวิตจะเปลี่ยนไปแบบจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย
ถึงจะเป็นแค่พรสวรรค์ระดับธรรมดา มันก็น่าอิจฉาเกินพอแล้ว
“ไปลงทะเบียนวิทยาลัยเวทมนตร์ให้โจน่าห์กันก่อนเถอะ จากนั้นค่อยออกไปหากัปตันฮัดเดอร์กัน” เหมิงเหล่ยพูด
“ได้เลย
….
โจน่าห์มีพรสวรรค์ที่ใช้ได้สำหรับชาวบ้านธรรมดา เธอเลยไปอยู่ที่วิทยาลัยเวทมนตร์ดักลาส และเป็นเด็กคนที่2 ของหมู่บ้านที่ได้เข้าเรียนที่วิทยาลัยเวทมนตร์ หลังจากที่รู้ข่าวแล้ว กัปตันฮัดเดอร์ก็ตกใจและตื่นเต้นมาก เด็ก 2 ใน 4 คนที่พามา มีพรสวรรค์ เรียกได้ว่าทั้งโชคดีและน่าอิจฉามากๆทีเดียว
อีกอย่าง เหมิงเหล่ยเองก็ยังเป็นอัจฉริยะ และมีพรสวรรค์อันแข็งแกร่ง เขาจะไม่ดีใจได้ยังไง”
เหมิงเหล่ย ทำได้ดีมาก เจ้าเป็นความภูมิใจของหมู่บ้านนะ”
ฮัดเดอร์ตบไหล่ของเหมิงเหล่ยแล้วพูดด้วยความปลื้มใจ “โจน่าห์เองก็เก่งมากเลยนะ ข้ารอที่จะกลับไปแจ้งข่าวดีนี้ให้กับคนในหมู่บ้านไม่ไหวแล้ว”
เหม่งเหล่ยส่ายหัวเล็กน้อยตอนที่เห็นความตึงเครียดของโจเซฟกับแอนดริวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเลยถาม “กัปตันครับ แล้วโจเซฟกับแอนดริวจะเอายังไงดีครับ เขามากับเราเสียเที่ยวรึเปล่าครับ”
“ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้แล้วละ ถ้าไม่มีพรสวรรค์ก็คงทำได้แค่กลับหมู่บ้านเท่านั้น”
กัปตันฮัดเดอร์ถอนหายใจ เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ผลที่จะตามมานั้นชัดเจน พวกเขาต้องกลับไปเป็นชาวบ้านธรรมดาๆอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆกลางเขา
มันคือชะตากรรมที่ไม่ว่าใครก็ฝืนไม่ได้ โจเซฟกับแอนดริวเองเลยทำได้แค่นั่งน้ำตาตกใน
“ถึงจะไม่มีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ แต่ก็ฝึกออร่าสงครามได้อยู่นี่”เหมิงเหล่ยขมวดคิ้วตอนที่พูด “ในเมืองหลวงเองก็มีโรงเรียนนักรบมากมาย บางทีก็รับชาวบ้านชาวมนุษย์ด้วยนะ พวกเขาไปเข้าโรงเรียนนักรบก็ได้”
พอได้ยินแบบนั้น โจเซฟกับแอนดริวก็ตกใจและประกายความหวังก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา
“ใช่แล้ว ถ้าพวกเจ้าเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ไม่ได้ เข้าโรงเรียนนักรบก็ไมได้แย่เลยนะ”โจน่าห์พูด “ถ้าเกิดเราทั้ง4คนอยู่ที่เมืองหลวงละก็เราจะได้ดูแลกันได้ไง
“พูดน่ะมันง่าย”กัปตันฮัดเดอร์พูดแล้วยิ้ม “เจ้ารู้รึเปล่าว่าค่าเล่าเรียนโรงเรียนนักรบมันแพงขนาดไหน”
“ข้ายังไม่ได้คิดเลย”
“ถึงจะเป็นโรงเรียนนักรบระดับ 3 ที่แย่ที่สุด ยังมีค่าสมัครหลาย10เหรียญทองเลย นี้ยังไม่รวมค่าหนังสือ ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเสื้อผ้า ค่าใช้จ่ายการฝึก ค่านู้นนี้อีก” ฮัดเดอร์ส่ายหัว “รวมๆแล้ว หลายร้อยเหรียญทองต่อปีเลย ครอบครัวปรกติรับค่าใช้จ่ายนั้นไม่ไหวหรอก”
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของโจเซฟกับแอนดริวนั้นชาขึ้นมากะทันหัน แค่10เหรียญทองต่อปีก็มาเกินพอแล้วสำหรับครอบครัวของพวกเขา แต่นี้มันมากถึง 100เหรียญทองเลย พ่อแม่ของพวกเขานั้นต้องลำบากตรากตรำมาทั้งปีกว่าจะเก็บตังมาได้ 10เหรียญทองมาส่งพวกเขาสอบเวทมนตร์ แล้วพวกเขาจะไปหา100เหรียญทองมาจากไหน
“การฝึกนักรบหน่ะ มันสำหรับพวกคนรวยเท่านั้นละ”กัปตันฮัดเดอร์ถอนหายใจ “การฝึกเวทมนตร์หรือฝึกนักรบน่ะ จะทำได้ก็ต้องมีเงิน มันใช้เงินมากพอที่จะทำให้กระเป๋าตังชนชั้นกลางแห้งได้ง่ายๆเลย กับแค่ชาวบ้านตาดำๆเองก็คงไม่ไหวหรอก”
หลังจากที่พูดแบบนั้น เขาก็มองโจน่าห์ด้วยสายตาเป็นห่วง การมีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์มันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่การจะเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์นั้นก็ต้องใช้เงินมหาศาลเหมือนกัน โจน่าห์นั้นแตกต่างจากเหมิงเหล่ยที่ไม่ต้องจ่ายค่าเทอมอะไรซักอย่างแถมยังมีทุนการศึกษาอีก แล้วเธอจะไปหาเงินค่าเทอมในแต่ละปีมาจากไหนกัน
เหมิงเหล่ยเองก็ได้แต่นั่งเงียบ
โจน่าห์กำหมัดแน่นแล้วกัดฟันตัวสั่นด้วยความกลัวอนาคตที่จะมาถึง
“ไปกันเถอะ วันนี้เราเองก็เหนื่อยกันมามากแล้ว ต่อแถวกันทั้งวันเลย ไปหาที่กินข้าวแล้วกลับไปโรงแรมพักผ่อนกันเถอะ”
ฮัดเดอร์โบกมือ “อีก2วันหลังจากที่เหมิงเหล่ยกับโจน่าห์เข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ได้แล้ว ข้าจะพาโจเซฟกับแอนดริวกลับหมู่บ้านละกัน ยังไงค่ากินอยู่ในเมืองหลวงก็สูงอยู่…”
“กลับหมู่บ้านงั้นเหรอ”
เหมิงเหล่ยตกอยู่ในภวังค์ไปพักใหญ่
คอมเม้นต์