Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก – บทที่ 30 ใส่ความ และตกหมด

อ่านนิยายจีนเรื่อง Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก ตอนที่ 30 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 30 ใส่ความ และตกหมด

 

ณ สนามซ้อมหมายเลข 11 ทุกอย่างเงียบฉีเหมือนป่าช้า

 

หลังจากที่ได้ยินคําพูดของหัวหน้าอาจารย์ที่ไล่ปฏิเสธแลรี้ ความกดดันก็กดหัวของนักเรียนทุกคนทันที เหมือนกับว่าจู่ๆก็มีหินก้อนใหญ่หล่นลงมาทับ ดูเหมือนว่าการสอบนี้จะไม่ใช่แค่การสอบวัดระดับเฉยๆ แต่มันเป็นการวัดผลความ พยายามตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาด้วย

 

ซึ่งถือว่าซวยเป็นหมู่คณะแน่นอน

 

ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะมีพื้นฐานมีพรสวรรค์ที่ดีแค่ไหน แต่ตราบใดที่ตลอด 3 เดือนมานี้ไม่ได้พยายามฝึกเพิ่มเติมให้พัฒนาไปมากกว่าเดิม เท่ากับว่าพวกเขา จะสอบตกเหมือนกัน

 

แย่ละ แย่มากๆละ

 

เหมิงเหล่ยหายใจเข้าลึกๆ

 

“ต่อไป มอนตี้ดันบาร์”

 

“พลังวิญญาณ 67 แต้ม ตอนเข้าวิทยาลัยมา เจ้ามีพลังวิญญาณ 62 ตอนนี้ 67 เพิ่มขึ้นมาแค่ 5 แสดงว่าเจ้าเองก็ไม่ได้พยายามฝึกฝนหรือเรียนรู้เลยตั้งแต่เข้ามา เจ้าสอบตก”

 

ต่อไป อัลเบิร์ต แอคเกอร์ไรส์

 

สอบตก

 

เกเบียล บรอด

 

สอบตก

 

แอนเนริน บัสเวล

 

ตก

 

“….”

 

“บ้าน่า ตกกันหมดเลยเหรอ” ฮาร์ตเริ่มตัวซีดลงด้วยความตกใจ “นี้มันก็ 17 คนแล้วนะที่ตกตั้งแต่รอบการทดสอบพลังวิญญาณหนะ อะไรกันวะเนี่ย”

 

“จะเข้มงวดเกินไปแล้ว เกินไปมากเลยด้วย” แดเนียลเองก็หน้าซีดไม่ต่างกัน “ขนาดบอริสที่พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมาตั้ง 12 แต้มยังตกเลย ต้องเพิ่มมากขนาด ไหนถึงจะผ่านวะเนี่ย”

 

“ไม่รู้เหมือนกัน” เหมิงเหล่ยเองก็ส่ายหัว ระบบการสอบแบบนี้มันยากจะ เข้าใจได้จริงๆ

 

“โหดหินขนาดนี้ ฉันว่ามีไม่กี่คนหรอกที่จะผ่านได้” หน้าของ ฮาร์ตซีดเป็นไก่ต้ม “ถ้าข้าตก พ่อข้าต้องฆ่าข้าแน่ๆ”

 

การทดสอบดําเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่ในตอนที่ฮาร์ตพูดนั้นเอง ด้วยการทดสอบที่โหดหินแบบนี้ ทําให้มีน้อยคนมากๆที่จะผ่าน หรือเอาเข้าจริง ตอนนี้คนเข้าสอบไปแล้ว 37 คน ตกหมดทุกคน ผลการสอบทําให้นักเรียนคลาส 1 ทุกคนเงียบแล้วทําหน้าสลดซะจนเดิร์คต้องพูดออกมา “นี่พวกเจ้าทําบ้าอะ ไรกันอยู่ หะ” เดิร์คพูดออกมาเสียงดัง “3เดือนเลยนะ 3เดือนเต็มๆ พวกเจ้ามัว ทําบ้าอะไรกันอยู่ นี้มันก็ผ่านมาเกินครึ่งแล้ว ยังไม่มีใครผ่านแม้แต่คนเดียว ไหนบอกข้ามาให้ชื่นใจหน่อยซิ ว่าพวกเจ้ามัวไปทําอะไรกันอยู่ตั้งแต่เข้าวิทยาลัยมานะ หื้ม!”

 

สนามซ้อมเงียบสงัด นักเรียนคลาส 1 ทุกคนก้มหน้าแบบรับผิด ไม่มีใครกล้าสบตาเดิร์คซักคน ปล่อยให้เขาหัวร้อนอยู่คนเดียว

 

อาจารย์คนอื่นๆก็ได้แต่มองเงียบๆเหมือนกับว่าชินแล้ว

 

หลังจากที่เดิร์คบ่นยาวตลอด 10 นาทีเต็ม เหมือนกับว่าเขาเหนื่อยแล้ว เขาเลยถอนหายใจออกมาก่อนจะชี้ไปที่นักเรียนแล้วพูด “ข้าจะไม่พูดอะไรที่มันไร้ สาระแล้วละกัน แต่ข้าจะแนะนําให้ การฝึกเวทมนตร์นะ ทุกอย่างมันต้องพึ่งวินัย ด้วยวินัยของพวกเจ้าตอนนี้แล้ว พวกเจ้ายังถือว่าอ่อนหัดนัก ถึงพวกเจ้าจะมี พรสวรรค์มากเพียงใดก็ตาม ถึงจะมีทรัพยากรแวดล้อมดีแค่ไหนก็ตาม พวกเจ้าก็ยังประสบความสําเร็จไม่ได้อยู่ดี”

 

หลังจากที่พูดจบเขาก็กลับไปนั่งเก้าอี้แล้วไม่พูดอะไรอีก ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง

 

รุ่นพี่เจนนี้ กระแอมเบาๆก่อนที่จะถาม “อาจารย์คะ เรามาเริ่มกันต่อเลย ไหมคะ”

 

“ต่อได้!” เดิร์คพูด “ข้าละอยากรู้จริงๆว่าจะมีใครผ่านซักคนในคลาสไหม”

 

“ได้ค่ะ” เจนนี้ตอบ “ต่อไป เหมิงเหล่ย!”

 

เหมิงเหล่ยเหรอ

 

ชื่อนี้มันคุ้นๆแหะ อาจารย์มองรายชื่อในมือและรายละเอียดแล้วก็นึกออกขึ้นมา หัวหน้าอาจารย์คลาส 2 ถึงกับแซวขึ้นมา “เหมิงเหล่ยนะเป็นคนที่มี พรสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สุดในรุ่นนี้ ข้าละสงสัยจริงๆว่าเขาจะพัฒนาไปได้มากน้อยแค่ไหน”

 

เดิร์คพูด “หึ ข้าเองก็หวังว่าจะไม่เหมือนพวกคนอื่นๆนะ”

 

“ข้าได้ยินมาว่าเด็กคนนั้น..พิเศษกว่าคนอื่นๆ เขาเข้าเรียนตอนเช้าแล้วก็ไปปเดินเล่นตอนเที่ยง ฝึกนิดหน่อยตอนเย็นก็กลับมาพัก มีวินัยดีเยี่ยมเลยละ” ไทโรนพูดแซะอย่างเจ็บแสง

 

“เดินเล่นตอนเที่ยงงั้นเหรอ” เดิร์ค สีหน้าเริ่มไม่ค่อยดี

 

“ข้าเองก็เคยได้ยินแบบนั้นเช่นกัน” อาจารย์ของคลาส2คนนึงยิ้มแล้วพูด “มี ข่าวลือในวิทยาเขตอยู่ว่า อัจฉริยะของรุ่นนี้มันเป็นพวกเพี้ยน ทุกๆวันตอนเที่ยง เขาจะไม่เข้าเรียน ไม่ทําจิตสมาธิ ไม่ไปห้องสมุด แต่จะไปเดินเล่นรอบวิทยาเขต เขาเดินไปทั่วตั้งแต่โซนหอพัก โรงอาหาร สนามฝึกซ้อม ทุกๆที่ และทุกๆวันตลอด 3 เดือนที่ผ่านมานี้ ไม่มีวันหยุดแม้แต่วันเดียว”

 

“ใช่ ข้าเองก็เคยได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน แต่เขาตั้งใจเรียนมากเลยนะในห้องหน่ะ แค่ตอนเที่ยง…เห้อ น่าเสียดายพรสวรรค์จริงๆ”

 

เหล่าอาจารย์พูดคุยกัน หลายๆคนเองก็รู้สึกผิดหวังกับคนที่มีพรสวรรค์มาก มหาศาลอย่างเหมิงเหล่ย การฝึกของเขานั้นมันจะได้ผลมากกว่าคนธรรมดมาหลายเท่า ขอแค่เขาฝึกหนัก ไม่ต้องหนักมากกว่าคนอื่นก็ได้ แต่ด้วยพรสวรรค์ที่เขามี อนาคตที่รุ่งโรจน์ก็รอเขาอยู่

 

แต่กิจกรรมที่เหมิงเหล่ยทําทุกวันนั้น มันคือการ “เรียนผสมเดินเล่น”ซึ่งเป็นการทําให้พรสวรรค์เสียของไปอย่างน่าเสียดาย

 

“บ้าเอ้ย”เดิร์คหน้าตาผึ้งสุดๆ เหมือนกับว่ากําลังมองอริศัตรูยังไงอย่างงั้น เสียงของเขาเองก็ไม่ได้เบา นักเรียนบางคนได้ยินก็คิดไปต่างๆนานา

 

บางคนก็ยิ้มเยาะรอดูความอับอายของเหมิงเหล่ย บางคนก็โกรธในใจ กล่าวโทษถึงความไร้วินัยของเหมิงเหล่ย บางคนก็เฉยๆ รอดูว่าเหมิงเหล่ยจะทําได้ มากขนาดไหน

 

เดินเล่นไปทั่วเนี่ยนะ

 

มุมปากของเหมิงเหล่ยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดิน ตรงไปที่เครื่องวัดพลังวิญญาณ จากนั้นก็ปลดปล่อยพลังวิญญาณเข้าใส่เครื่อง

 

เส้นสีแดงนั้นพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับว่ามันติดจรวด

 

มันพุ่งขึ้นไป พุ่งขึ้นไป พุ่งเร็วสุดๆ

 

“อะไรวะนั่นนะ”

 

ทุกๆคนผงะในทันทีที่ได้เห็น

 

และในที่สุด พอถึงจุดๆนึงแล้ว เส้นสีแดงก็หยุดลง

 

รุ่นพี่เจนนี้หันไปมองเส้นสีแดงที่อยู่สูงลิ่วแล้วอ่านค่า “ค่าพลังวิญญาณ มากกว่าคนรุ่นเดียวกัน 230 เท่า”

 

ผลที่ออกมานั้นมันทําให้ทุกคนช็อกมาก เสียงพูดคุยวิจารย์ดังออกมาทันที

 

“ท… เท่าไรนะ”

 

“2…. 230 เท่านั้นเรอะ”

 

“โอ้พระเจ้ามังกรช่วย นี้ฉันไม่ได้หูฝาดใช่ไหมวะเนี่ย”

 

“พรืด!!!”

 

เสียงดังขึ้นทั่วสนามซ้อม ทุกๆคนต่างหันมามองเหมิงเหล่ยด้วยความไม่ เชื่อในสายตา

 

“230 เท่าเนี่ยนะ เป็นไปได้ยังไงกัน”

 

“ หรือว่าเครื่องวัดจะเสีย พลังวิญญาณมันไปสูงขนาดนั้นได้ด้วยเหรอ”

 

“ถ้าฉันจําไม่ผิด ตอนสอบเข้ามา พลังวิญญาณของเขามีอยู่แค่ 100 แต้มเองนี้ แต่นี่ผ่านไป 3 เดือน เขาทําได้มากขนาดนี้เลยอย่างงั้นเหรอ”

 

“มันบ้า มันบ้าไปแล้วแน่ๆ!”

 

“230แต้ม”

 

เหล่าอาจารย์คุมสอบเองก็มองกันไปมาอย่างเลิกลัก

 

“แค่ 3 เดือนพลังวิญญาณของเขามันเพิ่มสูงขนาดนี้ได้ยังไงกัน”

 

“มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ”

 

“มันเป็นไปไม่ได้หรอกสําหรับคนธรรมดาน่ะ แต่อย่างว่าอะ มาตรฐานคนธร รมามันใช้วัดอัจฉริยะได้ที่ไหนกันละ”

 

เดิร์คที่เคยหน้าตึง ตอนนี้หน้าตาดูอึ้งและมีความสุข “เพียงแค่ 3 เดือนก็เพิ่ม พูดพลังวิญญาณได้สูงมากขนาดนี้ มันเพียงพอที่จะบอกได้ว่าเหมิงเหล่ยคนนี้ พยายามฝึกนมากน้อยแค่ไหนนะ อาจารย์ไทโลน เจ้าไม่ควรใส่ร้ายนักเรียนของ ผมแบบนี้นะ”

 

พอได้ยินแบบนั้นหัวหน้าอาจารย์คลาส 2 ก็หน้าตึงขึ้นมาทันที

 

ใส่ความอย่างงั้นเหรอ

 

น่าเสียดายที่ความเป็นจริงมันเสียงดังกว่าคําพูด และเขาก็อ้างอะไรไม่ได้ด้วย เขาเลยทําได้แค่กลืนความโกรธของตัวเองลงไปเท่านั้น

 

“การทดสอบที่ 2 ทดสอบพลังเวท”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด