ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 10 สลับตัวคุณหนูไฮโซ (10)

อ่านนิยายจีนเรื่อง ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก ตอนที่ 10 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

สาเหตุการตายของซูอวี้ถูกบันทึกว่าเป็นการระเบิดของแก๊ส สิ่งที่ซูไห่เฉิงได้รับเป็นเพียงกองขี้เถ้าที่ไม่สามารถแยกแยะได้ เขาจึงไม่สงสัยในการตายของซูอวี้ ตลอดมาซูอวี้แอบซ่อนตัวเองไว้อย่างดี ซูไห่เฉิงคิดเสมอว่าหลานชายของเขาเป็นเพียงหมอที่มีทักษะเก่งกาจทางการแพทย์

ในสถานที่ๆที่อยู่ไม่ไกลจากซูไห่เฉิง ในกรมตำตรวจสำนักงานใหญ่มีรายงานเกี่ยวกับรหัสลับ “พิษแมงป่อง” โพลรางวัลนำจับนักฆ่าถูกยกเลิกในชั่วข้ามคืน และในวันเดียวกันรางวัลนำจับถูกโอนไปยังบัญชีฮัวเซียที่เป็นความลับ

เอาเถอะ เงินรางวัลนี้เป็นเงินก้อนแรกที่แม่ทัพซูของพวกเราได้กำไรก้อนแรกจากโลกนี้ หนึ่งล้านดอลลาร์เต็มๆสดร้อนๆ

ชีวิตของซูอวี้คุ้มค่ากับเงินหรือไม่?

แม่ทัพซูไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก!

ในมือกำลังเล่นกับผู้สื่อสารรุ่นที่มีการเข้ารหัสจากบ้านของซูอวี้ ดวงตาของซูรุ่ยกะพริบแล้วกะพริบอีก

เขาได้รับค่าหัวเท่าไหร่จากการทำลายทั้งหม้อขององค์กรนักฆ่า? หรือเพียงแค่เข้าร่วมองค์กรแทนซูอวี้ เสร็จสิ้นภารกิจขององค์กรจะได้รับเงินมากกว่ากันล่ะ?

นี่เป็นทางเลือกที่ยากจริงๆ !

เกี่ยวกับความไม่แน่ใจของแม่ทัพซู ซูหว่านแค่อยากจะบอกหนึ่งประโยคว่า เงินรางวัลนำจับทั้งหมดถูกยึด! ผู้ชายที่ไม่ให้เงินภรรยาทั้งหมดไม่ใช่ผู้ชายที่ดี

“แน่นอนว่าอำนาจทางการเงินของครอบครัวต้องมอบให้ภรรยา”

ซูรุ่ยไม่ลังเลที่จะเอาเงินรางวัลของตัวเองส่งมอบ เซียวหยุนอี้ที่เห็นพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาอยู่บนโซฟาตลอดทั้งวันในที่สุดก็อดไม่ได้ค่อยๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้น “พี่ชาย ฉันขอพูดได้ไหม? ”

คนที่ถูกเพิกเฉย ได้เพียงแค่ใช้วิธีนี้ให้รู้สึกกำลังมองหาการแสดงตน

“อืม?”

เมื่อได้ยินเสียงของเซียวหยุนอี้ ซูรุ่ยก็เงยหน้าขึ้นทันทีเหลือบมองเขา “หยุนอี้ ต้องการเงินด้วยหรือเปล่า? ”

ในฐานะที่แขวนชื่อว่าเป็นน้องชายตัวเอง ซูรุ่ยไม่ได้เกลียดเขา ถ้าเขาต้องการเงินซูรุ่ยจริงๆ เขาจะไม่มีทางปฏิเสธ

“ไม่ ไม่ใช่! ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ชายของเขาพูด เซียวหยุนอี้พยายามโบกมือสุดพลังทันที ถึงแม้เขายกโทรศัพท์ในมือขึ้น เขย่าไปมาต่อหน้าของซูรุ่ย ใบหน้าละอ่อนปรับเป็นหน้าจริงจัง “พี่ใหญ่ ผู้กำกับฉีโทรมาหาเป็นสิบกว่าสายแล้ว ผู้กำกับบอกให้พวกเรากลับไปถ่ายทำส่วนที่เหลือให้เสร็จ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะถูกเรียกเก็บค่าผิดสัญญาแล้ว! ”

เออ

ซูรุ่ยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองออกมาจากทีมงานภาพยนตร์ทีมหนึ่ง ดูเหมือนว่าทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้มีผลงานมากมายมูลค่าหลายร้อยล้าน อีกทั้งค่าผิดสัญญาไม่น้อยเลย

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ซูรุ่ยก็ก้มหน้ามองลงพร้อมครุ่นคิด นิ้วมือที่กระดูกชัด ลูบหัวซูหว่านด้วยความเคยชิน “คุณภรรยา คุณคิดว่ายังไง? ”

ทุกเรื่องทั้งหมดแล้วแต่ฟังการจัดการของภรรยา แม่ทัพซูคุณเป็นทาสภรรยาอย่างแน่นอน!

“หยุนอี้ เธอกลับไป”

ซูหว่านซึ่งนอนอยู่บนตักของซูรุ่ยไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้น ก็โต้ตอบโดยไม่ลังเลไปหนึ่งประโยค

เซียวหยุนอี้ เอ๊ะๆ? ตัวน่ารักคนนี้ถูกพี่สะใภ้รังเกียจแล้วหรอ ถูกรังเกียจแล้วแน่นอนเลยใช่ไหม? เป็นก้างขวางคอนั้นช่างน่าอับอายจริง

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน เพื่อนร่วมชั้นเซียวหยุนอี้ก็เสียใจแล้ว แต่ดวงตาของซูรุ่ยที่นั่งบนโซฟาก็สว่างไสวขึ้น ให้อภัยเขาที่ช่วงนี้ในสมองเต็มไปด้วยภรรยาตัวเอง จนลืมเรื่องชีวิตของคนอื่นๆ ในโลกนี้ไป

ตามภารกิจของบทที่ซูรุ่ยรู้ พี่น้องตระกูลเซียวอยู่ในวงการแสดงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตลอด และตอนนี้ภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำเรื่องนี้ ซึ่งทำให้เซียวหยุนอี้โด่งดังในชั่วข้ามคืน! บทเดิมในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้นักแสดงที่รับบทเป็นพระรอง 3 ระหว่างการถ่ายทำได้ครึ่งหนึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง และไม่สามารถดำเนินการถ่ายทำต่อไปได้ ในเวลานั้นผู้กำกับฉีไม่สามารถหานักแสดงที่เหมาะสม และเพื่อให้ทันเวลา เสี่ยวฉีจึงได้เสนอน้องชายของตัวเอง เพราะตอนนั้นเซียวหยุนอี้เป็นตัวแสดงแทนพระรอง3คนนี้อยู่แล้ว! แต่เดิมผู้กำกับฉี ไม่เคยสังเกตเห็นคนนี้ในสายตา ต่อหน้ากล้องเขาเป็นสแตนด์อินที่เห็นแค่ด้านหลังเท่านั้น ครั้งนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จึงให้เซียวหยุนอี้ลองถ่ายสักสองสามภาพ แต่รอเซียวหยุนอี้ออกมาจากห้องแต่งตัว คนในกองถ่ายทุกๆ คนต่างตกตะลึง เด็กหน้าละอ่อนนี้เป็นผู้ที่มีหน้าตาแบบพระรอง3เพื่อเข้าฉากในภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้เลย!? เป็นความเหมือนขั้นเทพเลย!

ผู้กำกับฉีลงมติเปลี่ยนตัวเป็นเซียวหยุนอี้ทันที เซียวหยุนอี้ซึ่งเป็นสแตนด์อินมาหลายปี การแสดงต่อหน้ากล้องก็ไม่ติดขัด ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันอย่างมีความสุข เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ปล่อยในช่วงปลายปี ผู้ชมส่วนใหญ่ที่มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเพราะผู้กำกับใหญ่และนักแสดงนำที่มีชื่อเสียง ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า “ฮ่องเต้ยังวุ่นวาย” เรื่องย่อคือมีเหตุการณ์คลื่นเมฆร้าย ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของวัง พระเอกเบอร์หนึ่ง เป็นองค์รัชทายาทต้องเป็นผู้นำจัดการทั้งแผ่นดิน ส่วนพระรองสอง เป็นองค์รัชทายาทสอง เป็นคนเล่ห์เหลี่ยมโหดร้าย แต่ว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเจ้าชายลำดับที่หกที่มีส่วนน้อยที่สุด เป็นละครเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม

ฉากแรกที่ปรากฏตัว เขาถูกห่อด้วยขนจิ้งจอกสีขาวราวกับหิมะ บวกกับหน้าเด็กไร้เดียงสาแบบนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารตั้งแต่แรกเห็น

เขาเป็นลูกชายของหญิงรับใช้ในราชวัง ในราชวังมักจะถูกรังแก แต่เขากลับมีรอยยิ้มที่สดใสในทุกวัน

เป็นคนหนึ่งที่ไร้เดียงสาและน่ารักแบบนี้ มักจะเรียกถูกขันทีล้อมเรียก “องค์ชายเสด็จพี่” ได้ครองใจผู้ชมส่วนใหญ่ที่เป็นผู้หญิงอย่างรวดเร็ว

แผนต่อไปกลับพลิกผันอย่างรวดเร็ว หลังจากเดินเล่นในวังตะวันออกตอนดึก องค์ชายถูกลอบสังหารในวัง!

เมื่อนายท่านหญิงเข้ามาปกป้อง ใช้ดาบยาวเกี่ยวผ้าปิดหน้าของคนลอบสังหารออก ทุกคนต่างก็อึ้งไป

ชุดดำทั้งตัวขององค์ชายหก ยังคงเป็นหน้าละอ่อนหน้าเด็ก แต่ในขณะนี้ ดวงตาของเขาเย็นชาและไร้ความรู้สึก

“เสด็จพี่ พี่เจ็บไหม? ”

มันยังคงเป็นเสียงที่นุ่มนวล เมื่อมันออกมาจากปากของเขาในตอนนี้ แต่มันทำให้รู้สึกเยือกเย็นน่ากลัวเหลือเกิน

ความโชคร้ายที่เกิดขึ้น พี่น้องฆ่ากันเอง นี่คือความเศร้าโศกของราชวงศ์

เมื่อมีหลายคนเสียใจกับบทของตัวละครตัวนี้ ฉากใกล้จบขององค์ชายหก ก็สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับทุกคน

ในเวลานี้ กองทัพกบฏขององค์ชายสอง เขาควบคุมอำนาจทั้งหมดขององค์ชาย ในตอนแรกนึกว่าสามารถบุกเข้าในวังยึดได้ทันที แต่ในกลางดึกไฟก็สว่างขึ้นทั้งหมด และทันใดนั้นกองทัพของอ๋องฉิงกลุ่มใหญ่ก็ล้อมเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง

คนที่รีบพาชุดมาเสริมทัพนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นองค์ชายที่ถูกขังในจวนรำลึกบรรพบุรุษ องค์ชายหก!

ภายใต้แสงเพลิง เป็นครั้งแรกที่มีสีหน้าจริงจัง เขากล่าว

ท่านพี่รอง เจ้ายอมแพ้เถอะ!

เจ้าก็แพ้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเจ้าไม่มีหัวใจของราชา!

ในฉากนี้จุดสุดยอดของการเปลี่ยนแปลงในวังครั้งนี้จบลงอย่างเป็นธรรมชาติ องค์ราชทายาทขึ้นครองราชย์ และอภิเษกสมรสกับนางเอกได้สำเร็จ แต่ผู้ชมหญิงเกือบทั้งหมดที่ออกมาจากโรงภาพยนตร์ต่างร้องไห้จนตาแดง

เสี่ยวลิ่ว(องค์ชายหก) ผู้น่าสงสาร

ผู้กำกับผู้เขียนบท คืนองค์ชายหกให้เรา!

เดิมในตอนอวสาน องค์ชายสองที่บีบบังคับให้ไม่มีทางไป และสั่งให้จับนายท่านหญิง เพื่อขู่เจ้าชาย แต่ในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตหรือความตายเจ้าชายที่หก ก้าวไปข้างหน้า ในท้ายที่สุดแม้ว่าลูกสาวจะได้รับการองค์ราชทายาท ในช่วงนี้ เรื่องคอขาดบาดตายยังคงเป็นองค์ชายหกที่แสดงตน ถึงจะสามารถช่วยนางเอกได้สำเร็จ องค์ชายหก กลับต้องตายอย่างอนาถภายใต้ดาบขององค์ชายสอง

ในฉากนั้น เลือดเปื้อนใบหน้าที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ของเขา

เด็กชายมองคนรอบๆ ตัว ยิ้มและยกมือขึ้น

ตั้งแต่เขายังเด็กเขาเป็นองค์ชายที่ไม่มีใครให้ความรักในวังเย็น เขาเกิดมาเป็นความผิดพลาด

เขายิ้มทุกวัน แค่แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แต่จริงๆ แล้วหัวใจของเขาปิดสนิทและเหงามาก

และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ให้ความอบอุ่นแบบครอบครัวกับเขา ทำให้เขารู้ความหมายที่แท้จริงของความรักในครอบครัว

คนคนนั้น ก็คือเขา “เสด็จพี่องค์ราชทายาท”

ในที่สุด เมื่อชีวิตของเขาสิ้นสุดลง เขายิ้มและหลับตาในอ้อมแขนของพี่ชาย ชาติหน้า เราจะยังคงเป็นพี่น้องกันดีไหม?

ในโลกนี้ ที่ทำให้ชีวิตและความตายเป็นสัญญา ไม่ใช่เพียงแค่ความรักสิ่งเดียว

หนังเรื่องฮ่องเต้ยังวุ่นวาย ทำให้ตัวละครองค์ชายหก ดังในชั่วข้ามคืน

ผู้ชมผู้หญิงเกือบทั้งหมดที่ดูหนังเรื่องนี้อดไม่ได้ที่จะโพสต์ลงโซเชียลและกลุ่มเพื่อน

นางเอกแบบนี้เป็นตัวละครที่น่ารำคาญใช่หรือไม่?

คุณเคยเป็นเหมือนกับหญิงเหล็กที่ไม่กลัวดาบปืน ทำไมตอนสำคัญคุณกลายเป็นลูกไก่ในกำมือ เป็นดอกไม้สีขาวเล็กๆ ที่ไม่มีพลัง? แน่นอนว่าไม่ใช่ความผิดของคุณที่ถูกจับได้ แต่เป็นความผิดของคุณที่ทำให้องค์ชายหกของเราที่ตาย

การคอมเมนต์ของผู้ชมหญิงนั้นมีพลังมาก และพลังของแฟนๆ ผู้หญิงก็ไม่มีที่สิ้นสุด เซียวหยุนอี้มีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน และในไม่ช้าก็กลายเป็นดาวดวงใหม่ ที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ในแวดวงบันเทิง…

อันที่จริงซูรุ่ยรู้ดีที่สุด ฝีมือการแสดงขั้นเทพนั่น คุณคาดหวังเขาว่าน้องชายที่แขวนชื่อนี้จะมีไหม?

แสดงหนังครั้งแรกก็ได้รับบทนี้ ที่จริงในบ้านเราพี่ชายดูแลเสี่ยวหยุนอี้ตั้งแต่เด็กเพื่อนๆ เขาบอก เราได้แสดงเป็นตัวของตัวเองดีไหม?

“พี่ชาย? ”

ในตอนนี้พี่ชายใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามเซียวหยุนอี้เงียบตลอด สีหน้าของเขาแปลกไป เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปอย่างเป็นห่วง

“อันที่จริง ฉันไม่กลับไปก็ได้ ฉันทำคนเดียวก็ทำได้ดี”

อันที่จริงฉันกลัวมากที่จะพูด แต่ในฐานะฮวาเซี่ยน้องชายที่แสนดีไม่ทำให้พี่ชายลำบากใจนะ

ทันใดนั้นรู้สึกว่าตัวเองรู้เรื่องดีจริงๆ เซียวหยุนอี้อยากกดถูกใจให้ตัวเอง 32 ครั้ง

ซูรุ่ย “…”

ได้โปรด สมองคุณใส่อะไรอีกแล้ว?

“หยุนอี้ ทุกอย่างตกลงตามนี้แล้ว ฉันจะโทรหาผู้กำกับฉี ยังมี…ชั่งเถอะ ถึงตอนนั้นค่อยคุยกันเถอะ! ”

ซู่รุ่ยตอนแรกต้องการเตือนเซียวหยุนอี้ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับกองถ่ายเขา ให้แจ้งตัวเองโดยเร็วที่สุด ตัวอย่างเช่นพระรอง 3 ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อะไรแบบนี้ แต่ซูรุ่ยคิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

ถ้าครั้งนี้เซียวหยุนอี้สามารถเข้าสู่วงการบันเทิง โดยไม่มีตัวเองอยู่ด้วย นั่นก็เป็นโชคชะตาของเขา

และถ้าเขาเสียโอกาสเหล่านี้ก็ไม่เป็นไร หลังจากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ซูรุ่ยจะไม่ปล่อยให้เขาเป็นสแตนด์อินแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่ขาดแคลนเงิน และจะมีเงินมากขึ้นในอนาคต เขาเลี้ยงดูน้องคนนี้ได้

สุดท้าย เซียวหยุนอี้ก็ทำได้เพียงเก็บเสื้อผ้า และออกไปอย่างเชื่อฟัง ขณะที่อำลากันที่สนามบิน ในใจนักชิมของคนบางคน คิดถึงแต่น่องไก่บนเครื่องบิน น่องไก่อร่อยมาก แต่ในตาเขาก็แดงโดยที่เขาบังคับตัวเองไม่ได้

ตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยห่างจากพี่ชายเลย

พี่ชายเป็นคนสนิทที่สุดของเขา อีกอย่างเซียวหยุนอี้สูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เขายังเด็ก ในสายตาของเขาพี่ชายไม่ใช่แค่พี่ชาย แต่ยังทำหน้าที่พ่อแม่อีกด้วย เลี้ยงดูตัวเองด้วยความลำบาก ถึงแม้หลังจากนั้นมีพ่อบุญธรรมชีวิตดีขึ้นไม่น้อย แต่ในใจของเซียวหยุนอี้ตำแหน่งของพี่ชายนั้นไม่มีใครมาแทนที่ได้เลย…

ออกจากสนามบิน มองไปที่เครื่องบินที่เพิ่งบินขึ้นกลางอากาศ ซูหว่านจับมือของซูรุ่ย “ไม่ต้องห่วง เขาไม่เป็นไร เขาควรมีทางของตัวเอง เราไม่สามารถอยู่กับเขาได้ตลอด”

เข้าสู่โลกแห่งความรับผิดชอบ เข้าสู่ชีวิตของผู้อื่น ผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนจะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยจากความรู้สึกของเจ้าของเดิม

พี่น้องตระกูลเซียวพึ่งพากันและกัน ความรักระหว่างพี่น้องซูรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉา

“นั่นสิ เด็กคนนี้ ต่อไปจะ… มีความสุขมาก”

ซูรุ่ยยิ้มและจับมือของซูหว่านไว้แน่น “กลับกันเถอะ! ”

ทั้งสองเรียกรถกลับไปยังคอนโดที่เช่า กำลังขึ้นไปชั้นบน ยังไม่ถึงประตูทางเข้าคอนโด สีหน้าของซูรุ่ยก็เปลี่ยนไป

ประตูที่พักถูกเปิดออก และตอนนี้มีคนอยู่ในห้อง

ซูหว่านที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย มาถึงประตูหน้า “บ้าน” ของตัวเอง ซูหว่านลังเลอยู่พักหนึ่ง และค่อยๆ เปิดประตู ตรงทางประตูบนโซฟา มีรูปชายร่างสูงสง่านั่งอยู่บนโซฟา

เมื่อเห็นใบหน้าของซูหว่าน ดวงตาของคนๆ นั้นก็เต็มไปด้วยความโกรธกะพริบถี่ๆ มีความรู้สึกซับซ้อน

“พ่อ พ่อมาแล้ว”

ก่อนที่ซูหว่านจะเข้าประตู เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ในห้อง ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อของซูหว่านกับซู่ไห่เฉิง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด