God of illusions – ตอนที่ 3 ของขวัญจากอาจารย์
หากสามารถย้อนเวลากลับไปได้ป๋ายเสี่ยวเฟยต้องเลือกที่จะหนีเป็นแน่แท้และถึงเขาจะหนีไม่พ้นเขาก็จะพยายามขัดขืนเพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องฝึกวิชาเส็งเคร็งที่ไม่สมบูรณ์นี่!
‘ไม่มีทางที่มนุษย์จะฝึกเคล็ดวิชาบัดซบนี้ได้! ‘
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงปราณกำเนิดหลังจากโคจรพลังปราณตามที่คัมภีร์เขียนไว้และปริมาณของมันมากราวกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่!
แน่นอนว่ามหาสมุทรมาพร้อมกับคลื่นอันเกรี้ยวกราด!
นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มฝึกโคจรตามคัมภีร์ ร่างกายเขาก็มีแต่ความเจ็บปวดและที่แย่ที่สุดก็คือเขาไม่สามารถล้มเลิกการโคจรพลังปราณไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ตาม!
มีเพียงทางเลือกเดียวคือกัดฟันแน่นยอมรับความเจ็บปวด!
แต่มันจะเจ็บเกินไปแล้ว!!!
เสี่ยวเอ้อผู้ยืนอยู่ข้างๆ ก็ดูเหมือนว่ากำลังทรมานอยู่ด้วย มันครางออกมาอย่างน่าสงสาร
เมื่อเห็นว่าป๋ายเสี่ยวเฟยมีท่าทีไม่ดีชายชราก็สำนึกผิด ปากพร่ำให้กำลังใจอยู่เรื่อยๆ ”แข็งใจเข้าไว้! อดทนเข้าไว! เจ้าใกล้ถึงครึ่งทางแล้ว! ”
นี่คือสิ่งเดียวที่ชายชราทำได้
แน่นอนว่าต่อให้ชายชราไม่พูดป๋ายเสี่ยวเฟยก็ไม่คิดจะล้มเลิกเพราะการล้มเลิกหมายถึงความตาย!
เวลาผ่านไปอย่างแช่มช้าแม้แต่ชายชราก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นแล้ว ไม่ต้องถามถึงป๋ายเสี่ยวเฟยผู้ซึ่งกำลังทนทุกข์ทรมานหนึ่งวินาทีนานราวกับหนึ่งปีสำหรับเขา
ในที่สุดป๋ายเสี่ยวเฟยก็ได้รับผลตอบแทนสำหรับความพยายาม
อาจเป็นเพราะเขาได้ด้านชาไปเสียแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดที่ป๋ายเสี่ยวเฟยได้รับเริ่มจางลงไปเรื่อยๆ มันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสบายซึ่งเกิดจากการที่เส้นลมปราณถูกซ่อมแซมและปราณกำเนิดในร่าง โดยเฉพาะอย่างหลังที่รู้สึกแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ได้สัมผัสปราณกำเนิดของเขาเป็นเวลากว่าสิบปี ในตอนนี้ที่เขารู้สึกถึงมันอีกครั้ง ปราณกำเนิดของเขายิ่งกระจ่างชัดในร่างกายจนเขาอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
‘นี่มัน…มองทะลุแก่น!? ‘
การมองทะลุแก่นมีเพียงนักเชิดหุ่นระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถใช้ได้! อย่าบอกนะว่าข้าฝ่าด่านเข้าไปถึงขั้นนั้นแล้ว!?
ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะใจสั่นด้วยความยินดี
”สงบเข้าไว้! เจ้าอยู่ในช่วงที่สำคัญที่สุด ทำตามที่ข้าบอก! ” เสียงดังก้องในหูของเขา ตามด้วยความรู้แจ้งอย่างฉับพลัน มีเส้นปราณที่สุดแสนจะอ่อนโยนไหลเข้ามาทางบ่าเข้าไปในตัว ทำหน้าที่เป็นผู้นำทาง
ความช่วยเหลือของชายชราทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกปลอดภัย เขาปล่อยให้ปราณกำเนิดในร่างของตนโคจรตามที่ชายชราแนะนำ
หลังจากเข้าสู่กระบวนการที่ยาวนานราวกับการวิ่งมาราธอน ปราณกำเนิดในร่างของป๋ายเสี่ยวเฟยถูกชักนำเข้าสู่จุดตันเถียนทีละน้อยๆ ในตอนแรกปราณกำเนิดมีสภาพเป็นก๊าซแต่หลังจากมันเติมจุดตันเถียนจนเต็ม ก๊าซพวกนั้นก็พลันกลายสภาพเป็นของแข็งทรงกลมสีทอง ซึ่งมันเติบโตและโคจรรอบตัวเองภายในจุดตันเถียน
ในระหว่างกระบวนการนี้ เสี่ยวเอ้อผู้ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้เข้าสู่สภาวะหลับลึก
ชายชราถอนหายใจยาวเยือกพลางชักมือออก
ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายแต่ป๋ายเสี่ยวเฟยก็ทำสำเร็จในที่สุด ผลลัพธ์เป็นดังที่ชายชราคาดการณ์ไว้
สิ่งเดียวที่ชายชราคาดไม่ถึงคือปริมาณอันมหาศาลของปราณกำเนิดในร่างของป๋ายเสี่ยวเฟย มันบ่งบอกว่าผลไม้ที่ป๋ายเสี่ยวเฟยกินเข้าไปไม่ใช่ของธรรมดา นี่เป็นผลจากความพิเศษของมัน
ในตอนสุดท้ายป๋ายเสี่ยวเฟยได้พบกับอุปสรรคอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวเฟยที่สงบเยือกเย็นพลันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา ทำเอาเขาแทบล้มทั้งยืน
ข้างในการมองทะลุแก่น เส้นใยสีชมพูในรูปร่างก๊าซพวยพุ่งขึ้นมาจากสถานที่ที่ปราณกำเนิดของเขากักเก็บเอาไว้ ป๋ายเสี่ยวเฟยคิดโดยสัญชาตญาณว่าปราณพวกนี้คือสิ่งที่ตกค้างจากกระบวนการเขาจึงพยายามกลายสภาพให้มันกลายเป็นของแข็งเข้าไปในจุดตันเถียน…
ชายชรามีสีหน้าประหลาดใจ สถานการณ์เช่นนี้อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเขา!
อุณหภูมิในร่างของป๋ายเสี่ยวเฟยสูงขึ้น ผิวกลายเป็นสีแดงราวกับถูกต้มจนเดือดภายในชั่วพริบตา
ชายชราตกใจอย่างสุดขีด เขารีบวางมือลงบนบ่าของป๋ายเสี่ยวเฟย แต่ก่อนที่ชายชราจะทันได้โคจรพลังปราณกำเนิดของเขา ปราณสีชมพูกลับเป็นฝ่ายมาหาเขาเสียเอง
ชายชราถอนมือออกอย่างไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม เศษเสี้ยวของปราณสีชมพูได้เข้าไปในร่างเขาแล้วเป็นเส้นปราณสีชมพูนี้นี่เองที่ทำให้ชายชราเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับป๋ายเสี่ยวเฟย
‘มันเกิดขึ้นได้อย่างไร!? เคล็ดวิชานี้ไม่ใช่เคล็ดวิชาที่กราดเกรี้ยว แล้วทำไมเขาถึงได้เกิดอารมณ์ทางเพศราวกับกินยากระสันซ่านเข้าไปเช่นนี้!? ‘
เพียงเส้นปราณเล็กๆ ก็ทำให้ชายชราต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการระงับเสียแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้หลายเท่า!
”บัดซบ! ข้าจะไปผู้หญิงที่ไหนในสถานที่แบบนี้!??? หากข้ารู้ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ ข้าคงไม่… บัดซบ! ” ชายชราตบหน้าตัวเองและความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจ ความลังเลมีให้เห็นบนใบหน้าของเขา”ข้าคิดอะไรของข้า ข้าจะปล่อยให้ศิษย์ของตนเองพบกับความอยุติธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร? ต่อให้ข้าตายแล้วทำไม? นี่เป็นกรรมที่ข้าก่อ! ”
ชายชราตัดสินใจได้ในที่สุด เขาเปิดใช้งานหุ่นเชิดสวรรค์ล่วงลับอีกครั้งในขณะที่ฝืนทนต่อความเจ็บปวดจานหุ่นเชิดสวรรค์ล่วงลับหมุนวนรอบตัวเอง ชายชรากระอักเลือดออกมาโดยพลัน
สามวินาทีต่อมา หุ่นเชิดสวรรค์ล่วงลับหมุนช้าลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หยุดลงพร้อมกับเสียงของมันร่องรอยของความปลื้มปีติปนประหลาดใจปรากฏขึ้นในตาของชายชรา
”เจ้าเด็กบ้า! ดวงดีเหลือเกิน! ” เขาเดินไปใกล้ป๋ายเสี่ยวเฟย ทำสีหน้าขึงขัง ”อดทนไว้! อาจารย์จะช่วยเจ้าเอง! ”
เสียงของชายชรายังดังก้องอยู่ในอากาศ ลูกศรสีทองขนาดยักษ์ปรากฏออกมาจากแหวนของเขาชายชรากระโดดขึ้นไป ลูกศรหายไปในฉับพลันพร้อมๆ กับเสียงบาดหูของท้องฟ้าที่ถูกฉีกขาด
แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยผู้น่าสงสารไม่ได้ยินคำกล่าวของชายชราแม้แต่น้อย ก่อนที่เขาจะหมดสติไปมีเพียงสิ่งเดียวที่เขาคิด
‘ไอ้แก่ เจ้าขุดหลุมฝังศพข้า!! ‘
ไม่นานนักหลังจากป๋ายเสี่ยวเฟยสลบ ชายชราผู้ยืนอยู่บนลูกศรกลับมาพร้อมหญิงสาวเยาว์วัยไม่มีใครรู้ว่าเขาไปลักพาตัวนางมาจากที่ไหน โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาโยนหญิงสาวไปข้างๆ ป๋ายเสี่ยวเฟย ในขณะเดียวกันมีกำแพงแสงตกลงมาจากฟากฟ้า ตัดขาดทั้งคู่ออกจากโลกภายนอก
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ป๋ายเสี่ยวเฟยผู้ซึ่งเหลือเพียงสัญชาตญาณกระโจนเข้าใส่หญิงสาว ปราณสีชมพูภายในร่างของเขากลืนกินหญิงสาวเมื่อพวกเขาสัมผัสกันในทันทีหญิงสาวผู้ตั้งมั่นว่าจะขัดขืนเต็มกำลังในตอนแรก บัดนี้นางไม่ต่างอะไรจากป๋ายเสี่ยวเฟยแม้แต่น้อย
จากนั้น…
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีราตรีก็มาเยือน สำหรับป๋ายเสี่ยวเฟย ราตรีนี้มาไวเหลือเกิน แต่สำหรับชายชราผู้ไม่กล้าไปไหนไกล ช่วงเวลานี้ช่างทรมานเหลือคณานับ
ชายชราคิดไว้ว่าหญิงสาวที่เขาจับมาไม่มีทางอดทนได้ แต่เขาร้อยไม่คิดพันไม่คิดว่าเสียงอันน่าหลงใหลของนางจะดังกังวานไปทั้งกลางวัน ไม่มีสักประเดี๋ยวที่จะหยุด เสียงของนางยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งเต็มไปด้วยความฮึกเหิม…
เมื่อเสียงของทั้งคู่เริ่มแผ่วลง ชายชราจึงสามารถผ่อนคลายได้
ในขณะเดียวกัน ข้างในกำแพงแสง ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกราวกับได้สัมผัสบททดสอบแห่งความเป็นตาย!
เขานอนแนบนิ่งอยู่บนพื้นราวกับซากศพ บนตัวไร้ซึ่งอาภรณ์ไว้นุ่งห่ม ข้างกายมีหญิงสาวนอนขดตัว
ทั้งร่างของนางราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด แต่หลังจาก’การต่อสู้’ เมื่อสักครู่ นางได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ตัวตนที่สามารถทำให้ชายชราหัวใจวายตายได้…
พูดให้เข้าใจง่ายคือนางไม่ใช่มนุษย์!
หูที่เต็มไปด้วยขนยาวๆ และหางปุกปุยสีม่วงอ่อนบ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของนาง
สัตว์อสูรสายพันธุ์จิ้งจอก!
แต่มันไม่สำคัญ ประเด็นคือมรสุมคลื่นที่โหมกระหน่ำภายในใจของนาง!
หลังจากที่นางได้สติคืนมาจากการครอบงำของปราณสีชมพู สิ่งแรกที่นางคิดคือการสังหารขยะที่บังอาจพรากพรหมจรรย์ของนางไป จากนั้นจึงปลิดชีวิตตนเอง
เล็บแหลมคมของนางยาวขึ้นในชั่วพริบตา ก่อนที่จะเหวี่ยงแขนนางลังเลชั่วขณะหนึ่ง
เป็นความลังเลนี้เองที่ช่วยชีวิตน้อยๆ ของป๋ายเสี่ยวเฟยเอาไว้…
คอมเม้นต์